“สั่งตั้งแต่เมื่อไร? ข้ามีเสื้อผ้าเยอะแล้ว นี่ไม่ใช่สิ้นเปลืองหรือ?”“เสื้อผ้าของเมื่อก่อนเล็กเกินไป” เขาวางฝ่ามือลงบนท้องของนางเบาๆ แล้วลูบอย่างอ่อนโยนท้องโต เสื้อผ้าเล็ก เวลาสวมใส่อึดอัด“อีกอย่าง ข้าใช้เงินของเจ้า”ฉู่เชียนหลี “?”อิคซ์กิ๊วส์มี?!“เจ้าใช้เงินของข้า ซื้อเสื้อผ้าให้ข้า ยังจะบอกว่าให้ข้าอีก?” นางตะลึงงัน“ไม่เช่นนั้นล่ะ” เฟิงเย่เสวียนถามกลับ “ตอนนี้เจ้าร่ำรวยกว่าข้ามาก”แบ่งร้านค้าของตระกูลกู้มา กิจการสิบกว่าอย่างอยู่ภายใต้ชื่อ มีเงินเข้าทุกวัน เงินเยอะจนใช้ไม่หมดทั้งชีวิตเงินมากมายเช่นนั้น ไม่ใช้ เช่นนั้นจะมีไว้เพื่ออะไร?ในชีวิตอันแสนสั้น เกิดมาตัวเปล่า ตายเอาไปไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช้ เช่นนั้นมันจะไม่สิ้นเปลืองหรือ?ฉู่เชียนหลีเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนจะมีเหตุผล…“เช่นนั้นก็ซื้อเยอะหน่อย เผื่อวันข้างหน้ามีอีกคน ยังสามารถใส่อีกปี” นางกล่าวเฟิงเย่เสวียน “?!”อีกคน?ไปลงนรกเถอะ!มีแค่คนนี้ก็พอแล้ว!“คลอดหนึ่งคน ข้าก็อัดอั้นตั้งหนึ่งปี เจ้ายังคิดจะคลอดคนที่สอง เหตุใดเจ้าไม่ให้ข้าไปบวชเป็นพระเสียเลย?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ใช้นิ้วจิ้มหน้าอกของเขา“เฟิงเย่เส
นอกห้องโถง อวิ๋นอิงกลับมาแล้วนางเหมือนปกติ สวมเสื้อผ้าที่สะอาดเรียบร้อย สะบัดผมสั้นๆ ที่หล่อเหลา ก้าวเท้าเข้ามาอย่างเบาและไว เมื่อเห็นหลิงเชียนอี้ก็อยู่ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ท่านโหวน้อย ท่านบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่พักฟื้นที่บ้านดีๆ?”หลิงเชียนอี้ “?”เหตุใดจึงรู้สึกว่าอวิ๋นอิงในตอนนี้ แต่ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง?เขาไม่สนใจการทำแผล รีบลุกขึ้น วิ่งเข้าไปหานางทันที“อวิ๋นอิง ก่อนหน้านี้ที่เจ้าบอกว่าไม่ตามข้ากลับบ้าน ไม่แต่งงานกับข้า ล้วนโกหกข้าใช่หรือไม่!”อวิ๋นอิงขมวดคิ้ว ถอยหลังหนึ่งก้าว“ท่านโหวน้อย ข้าบอกกับท่านชัดเจนแล้ว เมื่อก่อนท่านดีกับข้ามาก ข้าคิดว่านั้นเป็นความรัก จึงพูดคำสัญญาเช่นนั้นออกไปง่ายๆ”“ตอนนี้ข้าถึงจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่าดีกับคนคนหนึ่ง ก็ต้องแต่งงานกับเขา ข้าไม่ได้ชอบท่าน จึงพูดกับท่านให้ชัดเจน พวกเราไม่เหมาะสม”ตอนที่พูดคำพูดนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตะลึงงันครึ่งปีมานี้ ท่านโหวน้อยมาจวนอ๋องทุกวัน ความสัมพันธ์ของเขากับอวิ๋นอิง ล้วนอยู่ในสายตาของทุกคนนางชอบเขาจริงๆเหตุใดจู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ?ฉู่เชียนหลีรู้สึกถึงความผิดปกติก่อนหน
เข้ากล้าสาบาน ทุกประโยคที่เขาพูดเป็นความจริง!เขาชอบนาง อย่างจริงแท้แน่นอนอวิ๋นอิงรู้สึกปวดปลายจมูก ใกล้จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว จำเป็นต้องกำมือทั้งสองข้างแน่น พยายามอดกลั้นเอาไว้อย่างสุดชีวิต ใช้กำลังทั้งหมดจนทำให้จิตวิญญาณสั่นสะท้าน พยายามอดกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถชักมือกลับ ถอยหลังไปสองก้าว เพื่อรักษาระยะห่าง กล่าว“ท่านชอบข้า นั่นเป็นเรื่องของท่าน ข้าไม่ชอบท่าน หรือว่าท่านจะบีบบังคับข้า?”หลิงเชียนอี้ตกตะลึงบังคับเขาไม่เคยคิดมาก่อน แล้วก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้“ความหมายของเจ้าคือ ความชอบของข้าที่มีต่อเจ้า ทำให้เจ้ารู้สึกเป็นภาระ?” เขาถามด้วยความเหลือเชื่อ ดวงตาที่ลืมขึ้นเล็กน้อย มีอาการแดงจาง ๆ อวิ๋นอิงเห็นแล้ว หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดคนที่ทำใจทำร้ายไม่ได้ที่สุดในชีวิตนี้ นอกจากพระชายาแล้ว ก็คือท่านโหวน้อยนางจะกล้านำตนเองที่มีมลทิน ไปแต่งงานกับเขาได้อย่างไร?นางพยายามอดกลั้นน้ำตาที่จะพรั่งพรูออกมา กัดฟันกล่าว“ใช่!”“ความชอบของท่านหนักหนาเกินไป ข้ารับไว้ไม่ไหว ท่านเอาแต่บีบบังคับข้า ทำให้ข้ารู้สึกกดดันและอึดอัด ข้าไม่ชอบที่คนอื่นบีบบังคับข้า”“เจ
ด้านนอก หลิงเชียนอี้กำลังลากอวิ๋นอิง สาวเท้ายาวเดินออกไปด้านนอกฝีเท้าของเขายาวเกินไป อวิ๋นอิงทำได้เพียงตามไปอย่างโซเซ มีหลายครั้งที่เกือบจะเซล้ม เกือบจะจามเขาไม่ทัน จึงวิ่งเหยาะ ๆ ไปตลอดทาง“ท่านจะพาข้าไปที่ไหน?นางพยายามสะบัดมือ “ปล่อยข้า!”หลิงเชียนอี้จับนางเอาไว้ ฝ่ามือกำแน่นมาก ทั้งเย็นทั้งแน่น เหมือนกับเหล็กเส้นที่พันเอาไว้แน่นเส้นหนึ่ง ไม่ว่าอวิ๋นอิงจะพยายามดิ้นรนอย่างไร ก็ดิ้นไม่หลุด“ท่านโหวน้อย ข้าพูดชัดเจนมากแล้ว ท่านปล่อยข้า!”“ปล่อย!”นางทั้งพยายามขัดขืน ทั้งตบตี แต่ก็ไม่เป็นผลหนุ่มน้อยจับนางเอาไว้แน่น สีหน้าที่หมองหม่น สาวเท้ายาวเดินออกไปทางด้านนอกเมื่อออกจากจวนอ๋องเฉิน ก็อุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหลังม้า“ไป!”ม้าวิ่งราววิ่งห้อตะบึง ราวกับลูกธนูที่ออกจากคันธนูบนหลังม้าที่โยกอย่างรุนแรง บาดแผลที่แผ่นหลังของหนุ่มน้อยฉีกขาด สีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ แต่กลับเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด จับแขนทั้งสองข้างของอวิ๋นอิงที่พยายามขัดขืน มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ไม่รู้จักใจกลางเมืองหลวงเขาเข้าไปที่ร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปร้านหนึ่งเมื่อเด็กในร้านเห็นเขา ก็ร
ตอนกลางคืน อวิ๋นอิงกลับมาแล้ว ฉู่เชียนหลีเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาคอยนางเมื่อเห็นนางกลับมา จึงลุกขึ้นสีหน้าของอวิ๋นอิงกลับไม่ค่อยดีเท่าไร “พระชายา ข้า...”“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรกับข้า” ฉู่เชียนหลีตัดบทนาง “ข้าเพียงแค่อยากจะบอกเจ้าสองข้อ ข้อแรก การตายของจางเฟยไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง”“ข้อสอง เจ้ากับท่านโหวน้อยชอบพอกันและกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่? ถึงได้ทำให้เจ้าพูดจาแบบนั้นออกไป?”“ถ้าหากเจ้าไม่อยากบอกกับข้า ก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าจงจำเอาไว้ว่า ข้ายืนอยู่ข้างเจ้าเสมอ จะช่วยเหลือเจ้าตลอดไป เข้าสามารถเชื่อใจข้าได้โดยไม่ต้องมีความเคลือบแคลงใจใด ๆ ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้าจะช่วยเหลือเจ้าอย่างสุดความสามารถแน่นอน”ที่ตรงนี้ ฉู่เชียนหลีพูดจาอย่างกระจ่างแจ้งเบ้าตาของอวิ๋นอิงแดงก่ำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้“พระชายา...”เสียงสะอึกสะอื้นความซาบซึ้งพลุ่งพล่านขึ้นมาในหัวใจ ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้นางรู้ดีว่าพระชายาดีกับนางมาก ปฏิบัติเหมือนกับเป็นน้องสาวแท้ ๆ แต่ถ้าหากพระชายารู้เข้าว่าการตายของจางเฟยเกี่ยวข้องกับนาง ยังจะเข้าข้างนางอยู่หรือไม่?นางกล้าพูดไหม?นางไม
วันรุ่งขึ้น ตอนที่จิ่งอี้มาถึง อวิ๋นอิงกำลังนั่งอยู่บนขั้นบันได หลุบตาลง ท่าทางหดหู่เศร้าซึม กำลังคิดอะไรบางอย่างเหม่อลอยเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ก็เงยหน้าขึ้นหันไปมองภายในชั่วพริบตา ก็ได้สติกลับมา กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความอยากหลบหนี ลุกขึ้นยืนกำลังจะหนีเงาดำสั่นไหว ก็มาถึงตรงหน้านางทันที ขวางทางไปของนางเอาไว้อยากจะหนี แต่กลับถูกจับเอาไว้“เห็นข้า ก็ร้อนตัวหรือ?” รอยยิ้มเย็นชาของชายหนุ่มที่ไม่มีความจริงใจ บรรยากาศบนตัวยิ่งหนาวอวิ๋นอิงตัวแข็งทื่อ “ไม่ใช่ฝีมือข้า...”“ในเมื่อไม่ใช่เจ้า เหตุใดจึงไม่กล้าบอกพระชายา?” เขาย้อนถามเสียงเย็นชา “เป็นเพราะกลัวว่าหลังจากที่พระชายารู้ความจริง จะขับไล่เจ้าออกไปจากจวนอ๋องเฉินงั้นหรือ?”“ข้า...”นางหายใจติดขัดทันทีนางไม่กล้าพูด เป็นเพราะทันทีที่พูดออกไป เรื่องที่ตนเสียตัวไปก็จะถูกเปิดเผยแล้ว นางไม่อยากทิ้งความทรงจำที่ไม่ดีเอาไว้ให้ท่านโหวน้อยอวิ๋นอิงกำมือทั้งสองข้างแน่น เม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียวไม่ว่านางจะอธิบายอย่างไร เขาก็ไม่มีทางเชื่อ“เป็นใบ้หรือไง?”“ข้า...”ชายหนุ่ม
ภายในเวลาชั่วพริบตา หลังจากผ่านไปสองวัน ก็ถึงวันเชงเม้งวันนี้ อากาศอึมครึม ฝนตกปรอย ๆ เวลาหลายร้อยหลายพันปี ประเพณีดั้งเดิมได้รับการสืบทอดมา ช่วงเทศกาลเชงเม้งฝนตกโปรยปราย เซ่นไหว้บรรพบุรุษ รำลึกถึงคนที่จากไป ชาวบ้านทุกครัวเรือนต่างพากันเผากระดาษเงิน เตรียมของเซ่นไหว้ เพื่อรำลึกถึงญาติที่จากไปการเซ่นไหว้ของราชวงศ์อยู่ที่สุสานหลวงเทศกาลเชงเม้งปีนี้ เนื่องจากตำแหน่งรัชทายาทยังว่าง จึงมีอ๋องหลีเป็นผู้จัดเตรียมทหารกองเกียรติยศ ขั้นตอน การจัดเตรียมองครักษ์รักษาความปลอดภัย ถึงขนาดความน่าเกรงขามของราชวงศ์ จนกระทั่งคนทำความเครื่องเซ่นไหว้ ของทุกชิ้นอ๋องหลีล้วนเป็นคนจัดเตรียมด้วยตนเองฉู่เชียนหลีสวมชุดเรียบง่าย บนเสื้อผ้าปักด้วยรูปใบไผ่อันเรียบง่าย ถ้าหากไม่ดูอย่างละเอียด ก็ยากที่จะมองออก ในความงดงามและสุภาพยังแฝงไปด้วยบุคลิกอันงดงามโดยสารรถม้า จนกระทั่งมาถึงสุสานหลวงตอนที่มาถึง ขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊ต่างก็มาถึงแล้ว ฝ่าบาทก็มาถึงแล้วเช่นกัน พิธีเซ่นไหว้กำลังจะเริ่มขึ้นบริเวณห่างออกไปไม่ไกล ขุนนางสิบกว่าคนกำลังห้อมล้อมอ๋องหลี ประสบสอพลอไม่หยุด“ท่านอ๋องหลีได้จัดเตรียมพิธีเซ่นไหว้เป็น
พิธีเซ่นไหว้ของราชวงศ์ได้มีการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ พิธีการก็ยาวนานถึงสามชั่วยามกว่า ผู้เข้าร่วมนอกจากสมาชิกทั้งหมดของราชวงศ์แล้ว ยังมีเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลายด้วยในตอนต้น ทุกคนเข้าพิธีจากนั้นราชครูขึ้นไปประกอบพิธีกรรมบนแท่นบูชา เซ่นไหว้บรรพชน ภาวนาขอพรให้แคว้นตงหลิง โดยมีหลวงจีนและแม่ชีสองร้อยกว่ารูปนั่งขัดสมาธิรอบแท่นบูชา ท่องพระคัมภีร์ที่เก่าแก่และซับซ้อนผู้คนคุกเข่าและก้มหน้าไว้อาลัยอยู่บนพื้นเนื่องจากฉู่เชียนหลีตั้งครรภ์ คุกเข่าไม่สะดวก ทำได้เพียงยกเก้าอี้มานั่ง และก้มหน้าไว้อาลัยให้บรรพชนเช่นกันท้องฟ้ามืดครึ้ม สายฝนโปรยปราย บรรยากาศในพิธีเงียบสงบและยิ่งใหญ่สิ้นสุดการไว้อาลัย ก็เข้าสู่พิธีการต่อไปพิธีการดำเนินไปอย่างมีระเบียบมาถึงคราวที่ต้องถวายธูปเทียนแล้ว ทุกคนเข้าแถวเดินไปที่ตรงหน้าเครื่องสักการะบนแท่นบูชาทีละคน โดยมีฮ่องเต้เป็นผู้นำ จากนั้นก็อ๋องหลี แล้วตามมาด้วยอ๋องท่านอื่นๆหลังจากอ๋องเฟิง อ๋องเจวี๋ย อ๋องติ้ง อ๋องอันเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวของสามีภรรยาอ๋องเฉินทั้งสองเดินเคียงไหล่ขึ้นบนแท่นบูชา นางกำนัลคนหนึ่งถือถาด เดินเข้ามาอย่างนอบน้อม จากนั้นผ้าขาวที่อยู่บน
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋