นางยอมตาย ก็ไม่อยากออกไป!“จิ่งอี้ การตายของจางเฟยไม่เกี่ยวกับข้า…”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สายตาจิ่งอี้ขรึมลง กลิ่นอายรอบตัวเปลี่ยนฉับพลัน เยือกเย็นจนถึงขีดสุด คว้าคอเสื้อของนางไว้ เหมือนลูกไก่ตัวหนึ่ง“มันเป็นเพราะเจ้า!” เสียงเขาเย็นชา “เจ้าเป็นคนฆ่าเขา!”“ไม่ใช่ข้า! ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ข้าไม่เคยเจอเขาเลย และไม่รู้ด้วยว่าเขาอยู่จวนกู้ ข้าไม่ได้ทำร้ายเขา!” อวิ๋นอิงอธิบายเสียงดังแต่จิ่งอี้ฟังไม่เข้าหูสักคำเมื่อนึกถึงจางเฟยที่ตายอย่างอนาถ ไฟแห่งความโกรธในอกของเขาก็ลุกโชน แทบกลืนกินสติสัมปชัญญะของเขาทั้งหมด ไม่มีที่ระบายในเมื่อนางพูดอย่างเต็มปาก และไม่รู้สึกผิดเช่นนี้ เขาก็จะทำลายสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของนาง!จับนางเอาไว้ เดินออกไปข้างนอก“อย่านะ!”อวิ๋นอิงกลัวแล้ว ตื่นตระหนกแล้ว มือเท้าพยายามดิ้นรน “อย่านะ! จิ่งอี้ ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ! เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน ได้โปรด!”นางดิ้นไม่หลุด ภายใต้ความร้อนรน น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาที่แดงก่ำใกล้ปากตรอกกำลังจะถึงถนนใหญ่แล้วอวิ๋นอิงกลัวจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ พลันเข่าอ่อน ทิ้งตัวคุกเข่าต่อหน้าเขา“จิ่งอี้ ได้โปรดเห็นแก่หน้าพระช
“เหมือนท่านโหวน้อยจะชอบเจ้ามาก”จิ่งอี้เหลือบมองชายฉกรรจ์ที่เมาเหล้ากลุ่มนั้นอย่างเย็นชาและเฉียบขาดชายทั้งห้ากลัวจนก้นหด ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย แต่ละคนขมิบก้น ก้มหน้าต่ำ พากันหนีหายไปแล้วสายตาของเขาจึงจะมองมาทางอวิ๋นอิงอย่างไม่เร่งไม่รีบนางกำลังร้องไห้เบ้าตาแดงก่ำเหมือนกระต่าย ปลายจมูกก็แดงด้วย กัดริมฝีปากล่างแน่นจนเลือดออกแล้ว ขดตัวอยู่ตรงมุมกำแพง กอดตัวเองไว้แน่น ผมที่ยุ่งเหยิงร่วงกระจายลงมา น่าเวทนาเหมือนสุนัขไร้บ้านเขามองดวงตาที่แดงก่ำของนาง จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วในความทรงจำ นางมีชีวิตชีวาและร่าเริงมาโดยตลอด สะบัดผมที่สั้นและเรียบร้อย ถือทวนหงอิงหนึ่งเล่ม วิ่งผับๆๆๆ ไปทั่วกระโดดขึ้นกระโจนลง นิสัยโผงผางนี่เป็นครั้งแรกที่เขามองน้ำตาของนางอย่างจริงจังใบหน้าของนาง ไม่เหมาะที่จะร้องไห้เสียเท่าไรเวลาร้องไห้ น่าเกลียดมาก“ร้องอะไร?” สองนิ้วบีบคางของนางแล้วยกขึ้น มองเข้าไปในดวงตาที่ขุ่นมัวของนางนิ้วมือเช็ดน้ำตาที่หางตานาง แสยะยิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ต้องร้อง ฝันร้ายของเจ้าเพิ่งจะเริ่มขึ้น”ตระกูลกู้ ซากปรักหักพังหลังจากการระเบิดยังอยู่ระหว่างเก็บกวาด กำแพงพังทลาย กระเบื
ที่เขตชานเมือง ตรงตำแหน่งทิศตะวันออกที่ใกล้กับภูเขาและแม่น้ำ มีหลุมศพใหม่หนึ่งหลุม บนป้ายหลุมศพแกะสลักตัวอักษรที่ใหม่เอี่ยม——หลุมศพพ่อบุญธรรมจางเฟยจางเฟยหลับใหลที่นี่ อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง และอยู่ห่างไกลจากความวุ่นวายเหล่านั้น กลางวันหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กลางคืนอาบแสงจันทร์ ข้างหลังเป็นภูเขา ข้างหน้าเป็นแม่น้ำ เป็นสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยยอดเยี่ยมพวงหรีดที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความตายกองเต็มหลุมศพ ธงวิญญาณพลิ้วไหวตามสายลม กระดาษเงินกระดาษทองที่ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าถูกลมพัดไปทั่วท้องฟ้าฉู่เชียนหลียืนอยู่หน้าหลุมศพ มองดูป้ายหลุมศพ นิ่งเงียบเป็นเวลาเนิ่นนานนางยังจำตอนที่เจอคนกลุ่มนี้ครั้งแรกได้ พวกเขาทุกคนบ้างก็ขาเป๋ บ้างก็ตาบอด บ้างก็ผอมเหมือนลิง บ้างก็อ้อนแอ้น ไม่มีใครปกติเลย ในหนึ่งปีต้องหลบหนีสามร้อยวัน กลับมีเจตจำนงของจอมยุทธ์ผู้ชอบธรรมพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่น่ารักจิตใจดี ไม่เคยทำเรื่องที่ขัดต่อเจตจำนง ซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น สมควรได้รับความไว้วางใจและไหว้วาน น่าเชื่อถือยิ่งกว่าใครๆจางเฟยตายแล้ว หัวใจฉู่เชียนหลีก็เหมือนมีอะไรขาดหายไป ทุกอย่างเงียบสงัด เหมือนท้องฟ้าของวันนี้ มืดค
“สั่งตั้งแต่เมื่อไร? ข้ามีเสื้อผ้าเยอะแล้ว นี่ไม่ใช่สิ้นเปลืองหรือ?”“เสื้อผ้าของเมื่อก่อนเล็กเกินไป” เขาวางฝ่ามือลงบนท้องของนางเบาๆ แล้วลูบอย่างอ่อนโยนท้องโต เสื้อผ้าเล็ก เวลาสวมใส่อึดอัด“อีกอย่าง ข้าใช้เงินของเจ้า”ฉู่เชียนหลี “?”อิคซ์กิ๊วส์มี?!“เจ้าใช้เงินของข้า ซื้อเสื้อผ้าให้ข้า ยังจะบอกว่าให้ข้าอีก?” นางตะลึงงัน“ไม่เช่นนั้นล่ะ” เฟิงเย่เสวียนถามกลับ “ตอนนี้เจ้าร่ำรวยกว่าข้ามาก”แบ่งร้านค้าของตระกูลกู้มา กิจการสิบกว่าอย่างอยู่ภายใต้ชื่อ มีเงินเข้าทุกวัน เงินเยอะจนใช้ไม่หมดทั้งชีวิตเงินมากมายเช่นนั้น ไม่ใช้ เช่นนั้นจะมีไว้เพื่ออะไร?ในชีวิตอันแสนสั้น เกิดมาตัวเปล่า ตายเอาไปไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช้ เช่นนั้นมันจะไม่สิ้นเปลืองหรือ?ฉู่เชียนหลีเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนจะมีเหตุผล…“เช่นนั้นก็ซื้อเยอะหน่อย เผื่อวันข้างหน้ามีอีกคน ยังสามารถใส่อีกปี” นางกล่าวเฟิงเย่เสวียน “?!”อีกคน?ไปลงนรกเถอะ!มีแค่คนนี้ก็พอแล้ว!“คลอดหนึ่งคน ข้าก็อัดอั้นตั้งหนึ่งปี เจ้ายังคิดจะคลอดคนที่สอง เหตุใดเจ้าไม่ให้ข้าไปบวชเป็นพระเสียเลย?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ใช้นิ้วจิ้มหน้าอกของเขา“เฟิงเย่เส
นอกห้องโถง อวิ๋นอิงกลับมาแล้วนางเหมือนปกติ สวมเสื้อผ้าที่สะอาดเรียบร้อย สะบัดผมสั้นๆ ที่หล่อเหลา ก้าวเท้าเข้ามาอย่างเบาและไว เมื่อเห็นหลิงเชียนอี้ก็อยู่ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ท่านโหวน้อย ท่านบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่พักฟื้นที่บ้านดีๆ?”หลิงเชียนอี้ “?”เหตุใดจึงรู้สึกว่าอวิ๋นอิงในตอนนี้ แต่ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง?เขาไม่สนใจการทำแผล รีบลุกขึ้น วิ่งเข้าไปหานางทันที“อวิ๋นอิง ก่อนหน้านี้ที่เจ้าบอกว่าไม่ตามข้ากลับบ้าน ไม่แต่งงานกับข้า ล้วนโกหกข้าใช่หรือไม่!”อวิ๋นอิงขมวดคิ้ว ถอยหลังหนึ่งก้าว“ท่านโหวน้อย ข้าบอกกับท่านชัดเจนแล้ว เมื่อก่อนท่านดีกับข้ามาก ข้าคิดว่านั้นเป็นความรัก จึงพูดคำสัญญาเช่นนั้นออกไปง่ายๆ”“ตอนนี้ข้าถึงจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่าดีกับคนคนหนึ่ง ก็ต้องแต่งงานกับเขา ข้าไม่ได้ชอบท่าน จึงพูดกับท่านให้ชัดเจน พวกเราไม่เหมาะสม”ตอนที่พูดคำพูดนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตะลึงงันครึ่งปีมานี้ ท่านโหวน้อยมาจวนอ๋องทุกวัน ความสัมพันธ์ของเขากับอวิ๋นอิง ล้วนอยู่ในสายตาของทุกคนนางชอบเขาจริงๆเหตุใดจู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ?ฉู่เชียนหลีรู้สึกถึงความผิดปกติก่อนหน
เข้ากล้าสาบาน ทุกประโยคที่เขาพูดเป็นความจริง!เขาชอบนาง อย่างจริงแท้แน่นอนอวิ๋นอิงรู้สึกปวดปลายจมูก ใกล้จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว จำเป็นต้องกำมือทั้งสองข้างแน่น พยายามอดกลั้นเอาไว้อย่างสุดชีวิต ใช้กำลังทั้งหมดจนทำให้จิตวิญญาณสั่นสะท้าน พยายามอดกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถชักมือกลับ ถอยหลังไปสองก้าว เพื่อรักษาระยะห่าง กล่าว“ท่านชอบข้า นั่นเป็นเรื่องของท่าน ข้าไม่ชอบท่าน หรือว่าท่านจะบีบบังคับข้า?”หลิงเชียนอี้ตกตะลึงบังคับเขาไม่เคยคิดมาก่อน แล้วก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้“ความหมายของเจ้าคือ ความชอบของข้าที่มีต่อเจ้า ทำให้เจ้ารู้สึกเป็นภาระ?” เขาถามด้วยความเหลือเชื่อ ดวงตาที่ลืมขึ้นเล็กน้อย มีอาการแดงจาง ๆ อวิ๋นอิงเห็นแล้ว หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดคนที่ทำใจทำร้ายไม่ได้ที่สุดในชีวิตนี้ นอกจากพระชายาแล้ว ก็คือท่านโหวน้อยนางจะกล้านำตนเองที่มีมลทิน ไปแต่งงานกับเขาได้อย่างไร?นางพยายามอดกลั้นน้ำตาที่จะพรั่งพรูออกมา กัดฟันกล่าว“ใช่!”“ความชอบของท่านหนักหนาเกินไป ข้ารับไว้ไม่ไหว ท่านเอาแต่บีบบังคับข้า ทำให้ข้ารู้สึกกดดันและอึดอัด ข้าไม่ชอบที่คนอื่นบีบบังคับข้า”“เจ
ด้านนอก หลิงเชียนอี้กำลังลากอวิ๋นอิง สาวเท้ายาวเดินออกไปด้านนอกฝีเท้าของเขายาวเกินไป อวิ๋นอิงทำได้เพียงตามไปอย่างโซเซ มีหลายครั้งที่เกือบจะเซล้ม เกือบจะจามเขาไม่ทัน จึงวิ่งเหยาะ ๆ ไปตลอดทาง“ท่านจะพาข้าไปที่ไหน?นางพยายามสะบัดมือ “ปล่อยข้า!”หลิงเชียนอี้จับนางเอาไว้ ฝ่ามือกำแน่นมาก ทั้งเย็นทั้งแน่น เหมือนกับเหล็กเส้นที่พันเอาไว้แน่นเส้นหนึ่ง ไม่ว่าอวิ๋นอิงจะพยายามดิ้นรนอย่างไร ก็ดิ้นไม่หลุด“ท่านโหวน้อย ข้าพูดชัดเจนมากแล้ว ท่านปล่อยข้า!”“ปล่อย!”นางทั้งพยายามขัดขืน ทั้งตบตี แต่ก็ไม่เป็นผลหนุ่มน้อยจับนางเอาไว้แน่น สีหน้าที่หมองหม่น สาวเท้ายาวเดินออกไปทางด้านนอกเมื่อออกจากจวนอ๋องเฉิน ก็อุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหลังม้า“ไป!”ม้าวิ่งราววิ่งห้อตะบึง ราวกับลูกธนูที่ออกจากคันธนูบนหลังม้าที่โยกอย่างรุนแรง บาดแผลที่แผ่นหลังของหนุ่มน้อยฉีกขาด สีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ แต่กลับเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด จับแขนทั้งสองข้างของอวิ๋นอิงที่พยายามขัดขืน มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ไม่รู้จักใจกลางเมืองหลวงเขาเข้าไปที่ร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปร้านหนึ่งเมื่อเด็กในร้านเห็นเขา ก็ร
ตอนกลางคืน อวิ๋นอิงกลับมาแล้ว ฉู่เชียนหลีเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาคอยนางเมื่อเห็นนางกลับมา จึงลุกขึ้นสีหน้าของอวิ๋นอิงกลับไม่ค่อยดีเท่าไร “พระชายา ข้า...”“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรกับข้า” ฉู่เชียนหลีตัดบทนาง “ข้าเพียงแค่อยากจะบอกเจ้าสองข้อ ข้อแรก การตายของจางเฟยไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง”“ข้อสอง เจ้ากับท่านโหวน้อยชอบพอกันและกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่? ถึงได้ทำให้เจ้าพูดจาแบบนั้นออกไป?”“ถ้าหากเจ้าไม่อยากบอกกับข้า ก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าจงจำเอาไว้ว่า ข้ายืนอยู่ข้างเจ้าเสมอ จะช่วยเหลือเจ้าตลอดไป เข้าสามารถเชื่อใจข้าได้โดยไม่ต้องมีความเคลือบแคลงใจใด ๆ ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้าจะช่วยเหลือเจ้าอย่างสุดความสามารถแน่นอน”ที่ตรงนี้ ฉู่เชียนหลีพูดจาอย่างกระจ่างแจ้งเบ้าตาของอวิ๋นอิงแดงก่ำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้“พระชายา...”เสียงสะอึกสะอื้นความซาบซึ้งพลุ่งพล่านขึ้นมาในหัวใจ ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้นางรู้ดีว่าพระชายาดีกับนางมาก ปฏิบัติเหมือนกับเป็นน้องสาวแท้ ๆ แต่ถ้าหากพระชายารู้เข้าว่าการตายของจางเฟยเกี่ยวข้องกับนาง ยังจะเข้าข้างนางอยู่หรือไม่?นางกล้าพูดไหม?นางไม