หลิงเชียนอี้ไม่รู้สึกตัว พูดเรื่องที่ตัวเองมาด้วยความดีใจ“อวิ๋นอิง แม่ข้าบอกว่าอยากเจอเจ้า และยังตอบตกลงให้เลือกวันที่เป็นสิริมงคล จัดงานแต่งให้พวกเรา! พรุ่งนี้พวกเราก็กลับบ้านกันเถอะ!”เขาเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น อยากจับมือของอวิ๋นอิงเพิ่งสัมผัสโดน อวิ๋นอิงก็เลี่ยงออกราวกับถูกไฟช็อตแววตาของนางสั่นไหว กำคอเสื้อซ่อนตัวเองโดยไม่รู้ตัว“อวิ๋นอิง เจ้า…เป็นอะไร!”เมื่อก่อนอวิ๋นอิงมักจะว่าเขานอกคอก ประมาท ไม่น่าเชื่อถือ เหตุใดวันนี้จึงแปลกๆ?อวิ๋นอิงหลุบตา นึกถึงเรื่องเมื่อคืน…นางชอบเขา ชอบมากปีที่แล้วตอนโรคระบาดรุนแรงที่สุด พวกเขารู้จักกัน เขามักจะชอบเดินตามหลังนาง เรียกนางว่าเจ้าหูตึงตอนที่นางได้รับบาดเจ็บ ตอนที่นางเสียใจ ตอนที่นางกังวลใจ เขามักจะเป็นคนแรกที่เอาใจใส่และดูแลนางเขานอกคอกมาก กลับรู้จักถ่อมตนเวลาอยู่ต่อหน้านางเขาอารมณ์ฉุนเฉียว อะไรไม่เข้าหูก็ด่าทอ กลับไม่เคยดุนางเขาเป็นคนใจร้อนที่เรียกลมต้องได้ลม เรียกฝนต้องได้ฝน ทว่ากลับยอมอ่อนข้อเพื่อนางในวัยแรกแย้มตอนอายุสิบกว่าขวบ ความรักของเด็กหนุ่มกับเด็กสาวมันสวยงามมาก ไม่ต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้าย ไม่ต้องมีคำพูด
“อวิ๋นอิง เจ้าหายโกรธนะ ข้ารับรองว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะปกป้องเจ้าอย่างดี ไม่ให้เจ้าหลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว!”“ถ้าหากมีคนอยากทำร้ายเจ้า ข้าก็จะฆ่าคนคนนั้น ใครทำให้เจ้าไม่พอใจ ข้าก็จะทำลายคนคนนั้น ข้าจะไม่ให้เจ้าได้รับบาดเจ็บอีก ดีหรือไม่”“เจ้าเชื่อข้านะ!”เด็กหนุ่มกุมมือนางแน่น รับประกันอย่างจริงจังในสายตาและในใจของเขา มีแต่นางคนเดียวคนที่ตกลงกันแล้วว่าจะแต่งงานและจับมือเดินไปด้วยกันทั้งชีวิต จะทิ้งกันระหว่างทางได้อย่างไร? “ข้ากับพ่อข้านิสัยเดียวกัน ตอนนั้นมีคุณหนูมากมายชอบพ่อข้า แต่พ่อข้าชอบแม่ข้าคนเดียว ยี่สิบกว่าปีนี้ ไม่มีเมียน้อยแม้แต่คนเดียว นอกจากแม่ข้าแล้ว ไม่เคยแตะแม้แต่ปลายนิ้วของผู้หญิงคนอื่น”“ข้าทำตามพ่อข้า คนที่ข้าหลิงเชียนอี้เลือกแล้ว ไม่ตายไม่เลิก อวิ๋นอิง ข้าต้องการเจ้า!”สายตาของเขาจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอวิ๋นอิงทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำตาทะลักออกมาจากเบ้า ตกลงไปข้างล่างเป็นเม็ดๆนางชอบเขามากจริงๆ!ความรักของเด็กหนุ่มก็เหมือนเมล็ดพืช หว่านลงในใจ เกิดรากแตกหน่อ เติบโตเป็นต้นไม้ที่สูงตระหง่าน ปัจจุบันจะถอนต้นไม้ต้นนี้ทิ้ง ก็เท่ากับเอาชีวิตของนางไปคร
ชายทั้งกลุ่มดื่มจนเมา ความกล้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน เห็นโดยรอบไม่มีชาวบ้านสัญจรไปมา ก็จับมือและเท้าของอวิ๋นอิง ลากคนเข้าไปในตรอกที่อยู่ข้างๆ อย่างรวดเร็ว“ปล่อยข้านะ!”อวิ๋นอิงดิ้นรน มีประกายความหวาดกลัวแลบผ่านแววตาการกระทำที่คุ้นเคยนี้ทำให้นางอดนึกถึงเมื่อคืนไม่ได้…ผู้ชายคนนั้น ค่ำคืนที่เจ็บปวดและทรมาน…เงาของเมื่อคืนได้ฝังลึกอยู่ในวิญญาณของนาง ไม่มีวันลบมันทิ้งได้“คนสวย เดินคนเดียวบนถนน มันโดดเดี่ยวจะตาย ให้พวกพี่ๆ มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเถอะ” พี่หู่ถูมืออย่างเจตนาร้าย“แหะๆ ดูท่าทางที่ใสซื่อนี่สิ คงจะไม่ใช่ยังเป็นสาวพรหมจรรย์กระมัง? พี่หู่ พวกเราโชคดีจริงๆ!”“เร็ว ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว!”ชายคนหนึ่งแย่งขาออก ถอดสายคาดเอวอย่างรีบร้อน จากนั้นก็เริ่มถอดกางเกง“ปล่อยข้านะ!” ม่านตาอวิ๋นอิงหด สองเท้าถีบอย่างแรง เพิ่งลุกขึ้นก็ถูกกระชากผมกลับไป “อ๊ะ!”“จะหนีไปไหน!”“เก็บแรงไว้หน่อย อีกเดี๋ยวค่อยร้อง พวกพี่ๆ รับรองว่าจะปรนนิบัติให้เจ้าถึงใจแน่นอน! ฮ่าๆๆ!”นางถูกผลักล้มอยู่บนพื้นชายฉกรรจ์สี่คนแยกกันจับแขนขาของนาง คนที่ชื่อพี่หู่คุกเข่าอยู่ตรงหว่างขานาง มือก็ถกกระโปรงของนางขึ้นอย่างโ
นางยอมตาย ก็ไม่อยากออกไป!“จิ่งอี้ การตายของจางเฟยไม่เกี่ยวกับข้า…”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สายตาจิ่งอี้ขรึมลง กลิ่นอายรอบตัวเปลี่ยนฉับพลัน เยือกเย็นจนถึงขีดสุด คว้าคอเสื้อของนางไว้ เหมือนลูกไก่ตัวหนึ่ง“มันเป็นเพราะเจ้า!” เสียงเขาเย็นชา “เจ้าเป็นคนฆ่าเขา!”“ไม่ใช่ข้า! ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ข้าไม่เคยเจอเขาเลย และไม่รู้ด้วยว่าเขาอยู่จวนกู้ ข้าไม่ได้ทำร้ายเขา!” อวิ๋นอิงอธิบายเสียงดังแต่จิ่งอี้ฟังไม่เข้าหูสักคำเมื่อนึกถึงจางเฟยที่ตายอย่างอนาถ ไฟแห่งความโกรธในอกของเขาก็ลุกโชน แทบกลืนกินสติสัมปชัญญะของเขาทั้งหมด ไม่มีที่ระบายในเมื่อนางพูดอย่างเต็มปาก และไม่รู้สึกผิดเช่นนี้ เขาก็จะทำลายสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของนาง!จับนางเอาไว้ เดินออกไปข้างนอก“อย่านะ!”อวิ๋นอิงกลัวแล้ว ตื่นตระหนกแล้ว มือเท้าพยายามดิ้นรน “อย่านะ! จิ่งอี้ ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ! เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน ได้โปรด!”นางดิ้นไม่หลุด ภายใต้ความร้อนรน น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาที่แดงก่ำใกล้ปากตรอกกำลังจะถึงถนนใหญ่แล้วอวิ๋นอิงกลัวจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ พลันเข่าอ่อน ทิ้งตัวคุกเข่าต่อหน้าเขา“จิ่งอี้ ได้โปรดเห็นแก่หน้าพระช
ณ จวนอ๋องเฉิน แคว้นตงหลิง “สารเลว!” “โอ๊ย!”เสียงตวาดแผดขึ้น ร่างผอมบางร่างหนึ่งถูกถีบจนกระเด็นเข้าชนกับเสาที่ผนัง ก่อนกระแทกกับพื้นอย่างแรง ปิ่นเงินร่วงลง เส้นผมสีดำกระจายลงบนพื้นเจ็บ...เจ็บจัง...เธอเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดใหญ่ที่นานถึงสามสิบแปดชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็หมดสติล้มลงกับพื้น แต่ทำไมตัวเธอถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ?จากนั้น ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่งก็เบียดเข้ามาในหัวสมองและฉายให้เห็นอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลี คุณหนูสี่ผู้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ใบหน้าอัปลักษณ์ไร้ซึ่งความงาม นางแต่งเข้าจวนเฉินอ๋องเมื่อสามเดือนก่อน ไม่เคยได้รับความชื่นและต้องอยู่ลำพังในห้องว่างเปล่าเรื่อยมาวันนี้อ๋องเฉินรับอนุภรรยา นางถูกเรียกให้มาปรนนิบัติอนุภรรยา แต่เพราะพลั้งเผลอปัดน้ำชาหกไปลวกถูกอีกฝ่าย จึงถูกอ๋องเฉินถีบจนตายในคราวเดียว!เป็นผู้ชายที่โหดจริงๆ!แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ทำใจอยู่อย่างสงบเสียฉู่เชียนหลีรับเรื่องราวต่างๆ เข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ฝืนทนความเจ็บปวด เงยหน้าขึ้นมาห้องหอที่ประดับตกแต่งด้วยสีแดงแห่งงานมงคล ชายหญิงในชุดแต่งงานคู่หนึ่งอย
เซียวจือฮว่าตกตะลึง “เฉิน…”มิใช่ว่าเขารังเกียจฉู่เชียนหลีเป็นที่สุด ซ้ำยังบอกว่าจะยกตำแหน่งชายาเอกให้นางหรอกหรือ? เห็นอยู่ว่าหนังสือหย่าเขียนจวนจะเสร็จอยู่แล้ว แต่จู่ๆ กลับไม่หย่ากับนาง?ฉู่เชียนหลีเองก็รู้สึกแปลกใจ หากเขาไม่หย่ากับนาง แล้วนางจะได้ท่องเที่ยวในยุคโบราณอย่างสบายอุราและเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขได้อย่างไร?“ท่านอ๋อง ข้ามีความผิดนี่!” นางโผเข้าไปกอดต้นขาของชายหนุ่ม เอ่ยประหนึ่งใจแทบขาด “สามเดือนก่อน ข้าวางยาท่าน บีบให้ท่านแต่งกับข้า ข้าผิดหลักคุณธรรม”“เมื่อครู่ ก็จงใจปัดน้ำชาร้อนไปลวกถูกน้องเซียวอีก จิตใจคับแคบนัก”“สตรีที่ใจแคบเช่นไส้ไก่ เจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นข้า ไม่มีหน้าจะรั้งตำแหน่งชายาอ๋องเฉินจริงๆ ขอท่านอ๋องให้ผู้ล้ำเลิศกว่ามาแทนที่เถิด!”ภายในใจ 'ผู้ชายบ้า รีบหย่าฉันเร็วๆ ฉันมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อยู่มานานกว่านายตั้งหลายพันปี ไอ้เด็กรุ่นกระเตาะที่ขนยังขึ้นไม่หมดอย่างนาย มีสิทธิ์อะไรจะแต่งกับฉัน?'รู้แต่แรก สิบปีก่อนฉันก็จะไม่ช่วยชีวิตนาย ให้นายจมน้ำตายไปเลยก็ดี!เฟิงเย่เสวียนปรี่เข้าไปกุมคอเสื้อนาง “เมื่อครู่เจ้ากล่าวสิ่งใด?”คนที่ช่วยชีวิตเขาเมื่อสิบปีก่
ในเรือนหลังเล็กโกโรโกโสสาวใช้เยว่เอ๋อร์กำลังเดินวนเวียนไปมา สองมือกำแน่นอย่างกระวนกระวายใจ และคอยชะเง้อมองข้างนอกตลอดเวลา ยามเห็นร่างที่คุ้นเคยนั้น นางก็พุ่งตัวออกไปทันใด“พระชายา!”นางรีบปรี่เข้าไปกุมมือสองของฉู่เชียนหลี ก่อนตรวจดูทั้งบนล่างซ้ายขวาหน้าหลัง “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” ท่านอ๋องไม่ได้ทำให้ท่านลำบากใช่หรือไม่เจ้าคะ? พระชายารองเซียวนั่นรังแกท่านหรือไม่เจ้าคะ? พวกเขาเรียกท่านไปทำสิ่งใดเจ้าคะ?”ฉู่เชียนหลีกะพริบตาเยว่เอ๋อร์เป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางมาสิบปีแล้ว เติบโตมาพร้อมกับนางตั้งแต่เล็ก สนิทกันดังพี่สาวน้องสาวนางส่ายหัวพลางผลักประตูเข้าไปในห้อง เรื่องแรกที่ทำก็คือปรี่เข้าไปที่โต๊ะแต่งหน้า และคว้าเอากระจกทองเหลืองแสนเก่าเขรอะขนาดเท่าฝ่ามืออี๋...น่าเกลียดชะมัด!แม้จะทำใจมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นใบหน้านี้ นางก็ยังต้องตกใจกับตัวเองภาพสะท้อนในกระจกทองเหลืองนั้น ครึ่งหน้าของสตรีหยาบขรุขระ เหมือนถูกเผาด้วยไฟร้อน ผิวหนังยู่ย่น อัปลักษณ์น่าตกใจกลัว เหมือนปีศาจไม่มีผิด ใครพบเห็นเข้า ตกกลางคืนต้องมีอันฝันร้ายเยว่เอ๋อร์กังวลว่าพระชายาจะน้อยเนื้อต่ำใจจึงรีบดึงกระจกท
ยามมีคนประคอง ราศีของเซียวจือฮว่ายิ่งดีสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด ร่างขาวนวลอ้อนแอ้นบอบบางอรชร ก้าวย่างทีละน้อย ให้ความรู้สึกบอบบางจนแทบจะล้มไปตามลมเมื่อสาวใช้เงยหน้าขึ้นเห็นว่าฉู่เชียนหลียังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับแม้สักนิดราวกับมองไม่เห็นก็อดโมโหไม่ได้พระชายานี่ตาบอด ไม่รู้จักออกมาต้อนรับสักหน่อยรึ?“พี่หญิง...” เซียวจือฮว่าเดินเข้ามาเห็นว่าฉู่เชียนหลีกำลังกินซาลาเปา ที่พำนักผุพังก็รู้สึกปวดใจจนตาแดงก่ำขึ้นทันที “เหตุได้ท่านจึงอยู่ในสถานที่ชนิดนี้ นี่หาใช่ที่สำหรับคนอยู่...”“ไว้ข้ากลับไปจะต้องบอกกับเฉินสักหน่อย”น้ำเสียงนั้น ถ้อยคำเช่นนั้น ราวกับว่านางต่างหากที่เป็นนายหญิงของจวนแห่งนี้ ส่วนฉู่เชียนหลีก็เป็นแค่เด็กสาวบ้านป่าผู้หนึ่งเท่านั้นฉู่เชียนหลีปรายตามองนางเรียบๆ กัดซาลาเปาคำหนึ่ง “ เจ้ามาทำไม?”เมื่อสตรีผู้นี้ปรากฏตัว แน่นอนว่าต้องไม่ได้มาด้วยเจตนาดีก่อนนี้ เจ้าของเดิมของร่างนี้รักใคร่เฉินหวังอย่างล้ำลึก แต่เมื่อใดที่เซียวจือฮว่า ปรากฏตัว พอนางทำตาแดงๆ คราวหนึ่ง เบะปากคราวหนึ่ง ไม่ก็หลั่งน้ำตาครึ่งหยด ถ้านางไม่ถูกถีบกระเด็น ก็ถูกทุบตีอย่างทารุณยกหนึ่งพอเสร็จเรื่อง สตร