นางชี้ไปทิศทางหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ“ท่านรีบลองไปดูหน่อยเถอะ ถ้าหากพวกเขามีแผนจริงๆ ก็สามารถหาหลักฐานได้ทันเวลา ลงโทษตระกูลกู้! ลุงจาง ท่านรู้สึกว่าที่ข้าพูดมีเหตุผลหรือไม่?”จางเฟยครุ่นคิดเหมือนจะเป็นเช่นนี้จับโจรจับของกลาง จับชู้จับทั้งคู่ อย่างไรก็ต้องมีหลักฐานที่แน่นอน จึงจะสามารถพิสูจน์ว่าตระกูลกู้มีเจตนาร้าย“นางหนูเยว่เอ๋อร์ เช่นนั้นข้าลองไปดูหน่อย เจ้ารีบไปบอกอวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยที่งานเลี้ยง พวกเราแยกกันทำงาน เป็นอย่างไร?”“ได้”จางเฟยพยักหน้า ก็เดินไปตามทิศทางที่เยว่เอ๋อร์ชี้แล้วหารู้ไม่ ทิศทางที่เขาไปเป็นโรงเก็บของของตระกูลกู้ เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บดินปืนโดยเฉพาะเพิ่งเดินผ่าน ก็มีเสียงระเบิดที่รุนแรงดังลั่นท้องฟ้ายามค่ำคืนปัง!เสียงดังสนั่น!เหมือนกับสายฟ้าแล่นผ่านข้างหู สะเทือนจนหูอื้อ ระลอกคลื่นที่รุนแรงกระจายเป็นวงกว้าง กิ่งก้านต้นไม้ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ใบไม้ปลิวว่อน เศษหินกระจายไปทั่ว ทำเอาเหล่าคนรับใช้กรีดร้องไม่หยุด วิ่งหนีกันอย่างเตลิดเปิดเปิง หัวใจของเยว่เอ๋อร์เหมือนถูกก้อนหินทุบ สะเทือนจนหายใจไม่ออกเป็นเวลานานนางกุมหน้าอก วิ่งเข้าไปดูห้องจัดเ
หลังจากทำเสร็จ เยว่เอ๋อร์รีบถอยออกไปไกลเล็กน้อย มองห้องจัดเลี้ยงที่มีควันปกคลุม และยุ่งเหยิงไปหมดแวบหนึ่ง แสร้งทำทีตื่นตระหนก พลางวิ่งเหยาะๆ พลางตะโกนไปด้วย“พระชายา! ท่านอ๋อง พวกท่านอยู่ที่ไหน? อวิ๋นอิง ท่านโหวน้อย พวกเจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง!”เหล่าคนรับใช้วุ่นวายไปหมด“ไฟไหม้ห้องเก็บของ!”“รีบไปตักน้ำ!”“ปกป้องนายท่านกับคุณหนู…”เวลานี้เอง ฉู่เชียนหลีที่อยู่ทางห้องครัวเพิ่งมาถึง มองเห็นที่เกิดเหตุ สีหน้าขรึมลงแล้ว รีบเดินเข้าไปคว้ามือเยว่เอ๋อร์“เกิดอะไรขึ้น!”เยว่เอ๋อร์ร้องไห้ “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!”นางตกใจมาก “ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้านั่งอยู่บนบันไดตรงข้างนอก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่น ก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่รู้ว่าอวิ๋นอิงกับเยว่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ข้าหาพวกเขาไม่เจอ หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ!”ดินปืนของตระกูลกู้ ใช้เพื่อระเบิดภูเขาเปิดเหมือง อานุภาพรุนแรงมากดินปืนถูกจุดชนวน ห้องเก็บของโดนระเบิดเสียหายทั้งหลัง แม้แต่ห้องจัดเลี้ยงที่อยู่ข้างๆ ก็ถูกระเบิดจนกำแพงล้ม หลังคาปลิวว่อน และยังเกิดไฟไหม้ ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า ทั้งสำลัก และบดบังทัศนวิสัย
ฉู่เชียนหลีจ้องท่านรองกู้อย่างเย็นชา “มีเรื่องอะไรที่ท่านทำไม่ลงบ้าง?”“ท่าน!”ท่านรองกู้ชะงักพลันนางยกมือขึ้น กระชากคอเสื้อของท่านรองกู้ ดึงเขาเข้ามาที่ตรงหน้า “ข้าขอบอกท่าน เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่นอน ในเมื่อท่านเปิดฉากเรื่องนี้ กล้าลงมือเช่นนี้ ก็รอ ‘คำทักทาย’ ของจวนอ๋องเฉินกับจวนโหวติ้งกว๋อเถอะ!”ผลักเขาออกไปอย่างเย็นชาท่านรองกู้ที่ขาบาดเจ็บยืนไม่มั่นคง เซล้มลงบนพื้น เขามองไปทางฉู่เชียนหลีที่สีหน้าเย็นชา ถึงกับรู้สึกว่าท่าทางที่เคร่งขรึมของนาง น่าเกรงขามมากท่านรองกู้ขมวดคิ้วเขารู้สึกว่าบนตัวฉู่เชียนหลีมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม?เขาอยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว ท่องยุทธภพ ขึ้นเหนือลงใต้ คนอย่างไรที่ไม่เคยเจอ จะกลัวเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปีได้อย่างไร?ทั้งตระกูลกู้วุ่นวายไปหมดผ่านไปนานมาก ผลพวงจากการระเบิดจึงจะสงบลง รอฝุ่นควันที่กระจายไปทั่วจางลงเล็กน้อย ในซากปรักหักพังที่ยับเยิน ร่างเงาหลายสายค่อยๆ เดินออกมา“อวิ๋นอิง!”มือซ้ายเฟิงเย่เสวียนประคองอวิ๋นอิง มือขวาประคองท่านโหวน้อย เดินออกมาอย่างไวทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บตอนระเบิด หลิงเชียนอี้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขากดอวิ๋นอิงไว้ใต้ร
‘จิ่งอี้ เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่? เหตุใดเจ้าถึงใจร้อนเช่นนี้?’‘ข้าล้างขี้หลังเยี่ยว เลี้ยงเจ้าโตมากับมือเลยนะ ข้ามีประสบการณ์ด้านเลี้ยงเด็กมาก ต่อไปข้าเลี้ยงลูกให้เจ้า’‘นึกถึงปีนั้น ตอนที่ข้าเก็บเจ้าได้ เจ้ามีบาดแผลทั่วตัว ข้าคิดว่าเจ้าไม่รอดแล้วเสียอีก…’เสียงที่อารมณ์ดีของจางเฟยสะท้อนอยู่ในหูคำพูดที่หัวเราะ องอาจ ซุบซิบเรื่องชาวบ้าน สนใจ และที่ตบหน้าอกอย่างมั่นใจ…ใบหน้าเหลี่ยมของเขาสะท้อนอยู่ตรงหน้า คิ้วดกตาโต เหมือนคนใจกว้างที่ท่องยุทธภพตอนนี้ ใบหน้าเหลี่ยมที่องอาจนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับศพที่ร่างกายเละไปหมด…เป็นเขา!กระบี่ในมือจิ่งอี้ร่วงลงพื้น พริบตานั้น ราวกับฟ้าดินเหลือเพียงเขากับศพร่างนั้นทั้งๆ ที่ใกล้เช่นนั้น เขากลับไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างทั้งสอง อยู่กันคนละภพภูมิแล้ว…เลือดคำหนึ่งติดอยู่ในลำคอของเขา หน้าอกพลุ่งพล่าน กระอักออกมาฉับพลัน ร่างกายกระโจนเข้าไปอย่างอ่อนปวกเปียก สองเข่ากระแทกลงพื้นอย่างแรง มือที่สั่นเทาทั้งสองข้าง ไม่รู้จะเริ่มลงมือจากที่ใดเลือดเลือดเต็มไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายเละไปหมด ไม่หลงเหลือสภาพเดิม ไม่มีจุดไหนที่ยังสมบูรณ์ กระดูกที่
“นายท่าน คนที่เฝ้าห้องเก็บของในคืนนี้คือเสียวจาง หาเจอแล้วขอรับ!”หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดสงบลง คนรับใช้สองคนหิ้วปีกเสียวจางที่หายใจรวยริน และเต็มไปด้วยเลือดทั้งตัวเข้ามา โยนลงบนพื้นตอนระเบิด เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกันท่านรองกู้เดินเข้าไป กระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา ตวาดด้วยความโกรธ“ไอ้เจ้าคนเลี้ยงเสียข้าวสุก! จู่ๆ ดินปืนที่อยู่ในห้องเก็บของระเบิดได้อย่างไร! เจ้าเฝ้าอย่างไร! ถ้าหากสองสามีภรรยาอ๋องเฉินกับท่านโหวน้อยได้รับบาดเจ็บ ชีวิตทั้งครอบครัวของเจ้าก็ไม่พอชดใช้!”เสียวจางสาหัสมาก แต่ก็กลัวเช่นกัน เขาขอความเมตตาอย่างหอบเหนื่อย“นายท่านโปรดให้อภัย โปรดให้อภัย! ชั่วขณะบ่าวเลอะเลือน ตอนเดินตรวจห้องเก็บของ เห็นว่าห้องเก็บของมืดเกินไป มองอะไรไม่ชัด ก็เลยจุดเทียนหนึ่งเล่ม…”“เจ้าไม่รู้หรือว่าดินปืนเจอไฟไม่ได้!”เมื่อเจอก็ระเบิด!ท่านรองกู้โยนเขาลงพื้น แล้วเตะออกไปหนึ่งทีด้วยความโกรธ “ไร้ประโยชน์! เลี้ยงเสียข้าวสุก! เรื่องเล็กแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ข้าเลี้ยงเจ้าไว้มีประโยชน์อะไร!”“ใครก็ได้ ลากไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ไปทุบตีให้ตาย!”พลันเผยอมุมปาก เจตนายิ้มที่คลุมเครือแลบผ่านแววตาเส
ฉู่เชียนหลีเงยหน้า สายตาที่ดุร้ายจ้องท่านรองกู้ เดินเข้าไปหาเขาทีละก้าว“เจ้าไม่อยากยกเลิกสัญญาแต่งงานของหลิงกู้สองตระกูลแต่แรก ยิ่งไม่มีทางทำตามสัญญาการเดิมพันของเจ้ากับข้า เจ้าคำพูดไม่เป็นคำพูด หวังใช้แผนนี้ลอบฆ่าอวิ๋นอิง!”คำพูดที่เย็นชา เปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของสองพ่อลูกตระกูลกู้โดยตรงพลันท่านรองกู้ถลนตา “ท่านพูดเหลวไหล!”ประหนึ่งเขาถูกปรักปรำครั้งใหญ่ โต้เถียงเสียงดัง “ข้าท่านรองกู้ทำอะไรตรงไปตรงมาและเปิดเผย เรื่องที่ไม่เคยทำไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด!”เขาเชิดคางขึ้น ท่าทางราวกับเป็นผู้มีความชอบธรรมกู้ชิงชิงก็ก้าวออกมา แก้ต่างให้บิดา “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านบอกว่าพวกเราจะฆ่าอวิ๋นอิง แต่อวิ๋นอิงตายหรือยัง? นางไม่ตาย กลับกัน พวกเราทุกคนได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดครั้งนี้ พ่อข้าถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสกว่าอวิ๋นอิงด้วยซ้ำ!”“ถ้าหากจะฆ่าอวิ๋นอิงจริงๆ มีวิธีเยอะแยะ เหตุใดต้องเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงด้วย?”ความจริงที่ฉู่เชียนหลีมั่นใจ ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆจางเฟยตายเปล่าไม่ได้!“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็ตีจนเจ้ายอมรับ!” สิ้นเสียงที่เย็นชา พลันพลิกข้อมือ กระบองที่ถูกแกะสลักอย่างประณีตท่
ข้างๆ ซากปรักหักพัง เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนสิบกว่าคนยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ไม่กล้าพูดมาก ได้แต่มองดูทั้งเช่นนี้…ฉู่เชียนหลีระบายความโกรธในใจ แทบอยากตีท่านรองกู้ให้ตายทั้งเป็นเสียเดี๋ยวนี้ แต่อารมณ์พลุ่งพล่านเกินไป ส่งผลให้ปวดท้องเฟิงเย่เสวียนโยนกู้ชิงชิงทิ้งทันที รีบเดินเข้าไป “เชียนหลี!”เขาประคองตัวนางไว้ “ระวังสุขภาพ เจ้าใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ จัดการทีละเรื่อง”เขาเหลือบมองศพที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่งลักษณะการตายเลือดอาบ น่าสังเวชจนทนดูไม่ได้…ที่แท้ ศพที่ไม่เหลือสภาพเดิมนี้คือจางเฟย ถึงว่านางโกรธเช่นนี้เขาเม้มปาก กล่าวเสียงเบา “หานอิ๋ง ช่วยคุณชายจิ่ง ทำพิธีศพจางเฟยอย่างมีเกียรติ”หานอิ๋งรับคำสั่ง ไปจัดการทันทีฉู่เชียนหลีประคองท้องที่ปวดเป็นระยะ กัดริมฝีปากล่าง ดวงตาที่แดงก่ำจ้องท่านรองกู้ที่มีบาดแผลเต็มตัว กล่าวอย่างเย็นชา“เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้! หัวหน้าตระกูลกู้ เจ้ารอก่อนเถอะ!”เฟิงเย่เสวียนห่วงสุขภาพของนาง จึงพานางกลับจวนก่อนแล้วเมื่อทั้งสองไปแล้ว เหล่าคนรับใช้จึงกล้าขยับตัว รีบเข้าไปห่วงใย “นายท่าน ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”“นายท่าน…”“ไสหัวไป!”ท
สายตาที่เขาหันไปมองนาง...หมองหม่นมากบรรยากาศบนตัวของเขาเหมือนกับจมดิ่งลงมาจนถึงจุดต่ำสุด ไม่มีความอบอุ่น ไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว สายตาที่เย็นยะเยือกนั่นเหมือนกับกำลังจ้องมองศพ ทำให้อวิ๋นอิงลนลานโดยไม่มีสาเหตุเขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเสื้อปลิวไสวตามสายลมที่พัดมา ความหนาวเย็นบนร่างกายปะทะเข้าที่ใบหน้าของนาง เกือบจะทำให้นางแข็งตายอวิ๋นอิงลำคอตีบตัน ถอยไปข้างหลังเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว“คะ คุณชายจิ่ง ข้ารู้ว่าการตายของจางเฟยทำให้ท่านเป็นทุกข์มาก แต่นี่ก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกข้าอยากเห็นเช่นกัน ตระกูลกู้จะต้องชดใช้ ได้โปรดระงับความเศร้าด้วย...”ชายหนุ่มมองตรงไปที่นาง ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ก้าวไปข้างหน้าอีกร่างกายที่แข็งแกร่งทอดเงาดำทะมึน ปกคลุมบนร่างกายของนาง บรรยากาศที่กดดันโชยเข้าไปในรูจมูกของนาง เหมือนกับตาข่ายใหญ่ที่ไร้รูปร่าง ปกคลุมนางเอาไว้ ทำให้นางไม่สามารถขยับหนีได้ยามราตรี บนถนน ไร้ซึ่งผู้คนลมพัดโชยมา ทำให้เงาเทียนสั่นไหว แผ่นหลังเย็นวาบ อวิ๋นอิงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุ...นางเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าว จิตใต้สำนึกอยากจะวิ่งหนี แต่ฝ่ามือใหญ่ข
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท