‘จิ่งอี้ เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่? เหตุใดเจ้าถึงใจร้อนเช่นนี้?’‘ข้าล้างขี้หลังเยี่ยว เลี้ยงเจ้าโตมากับมือเลยนะ ข้ามีประสบการณ์ด้านเลี้ยงเด็กมาก ต่อไปข้าเลี้ยงลูกให้เจ้า’‘นึกถึงปีนั้น ตอนที่ข้าเก็บเจ้าได้ เจ้ามีบาดแผลทั่วตัว ข้าคิดว่าเจ้าไม่รอดแล้วเสียอีก…’เสียงที่อารมณ์ดีของจางเฟยสะท้อนอยู่ในหูคำพูดที่หัวเราะ องอาจ ซุบซิบเรื่องชาวบ้าน สนใจ และที่ตบหน้าอกอย่างมั่นใจ…ใบหน้าเหลี่ยมของเขาสะท้อนอยู่ตรงหน้า คิ้วดกตาโต เหมือนคนใจกว้างที่ท่องยุทธภพตอนนี้ ใบหน้าเหลี่ยมที่องอาจนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับศพที่ร่างกายเละไปหมด…เป็นเขา!กระบี่ในมือจิ่งอี้ร่วงลงพื้น พริบตานั้น ราวกับฟ้าดินเหลือเพียงเขากับศพร่างนั้นทั้งๆ ที่ใกล้เช่นนั้น เขากลับไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างทั้งสอง อยู่กันคนละภพภูมิแล้ว…เลือดคำหนึ่งติดอยู่ในลำคอของเขา หน้าอกพลุ่งพล่าน กระอักออกมาฉับพลัน ร่างกายกระโจนเข้าไปอย่างอ่อนปวกเปียก สองเข่ากระแทกลงพื้นอย่างแรง มือที่สั่นเทาทั้งสองข้าง ไม่รู้จะเริ่มลงมือจากที่ใดเลือดเลือดเต็มไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายเละไปหมด ไม่หลงเหลือสภาพเดิม ไม่มีจุดไหนที่ยังสมบูรณ์ กระดูกที่
“นายท่าน คนที่เฝ้าห้องเก็บของในคืนนี้คือเสียวจาง หาเจอแล้วขอรับ!”หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดสงบลง คนรับใช้สองคนหิ้วปีกเสียวจางที่หายใจรวยริน และเต็มไปด้วยเลือดทั้งตัวเข้ามา โยนลงบนพื้นตอนระเบิด เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกันท่านรองกู้เดินเข้าไป กระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา ตวาดด้วยความโกรธ“ไอ้เจ้าคนเลี้ยงเสียข้าวสุก! จู่ๆ ดินปืนที่อยู่ในห้องเก็บของระเบิดได้อย่างไร! เจ้าเฝ้าอย่างไร! ถ้าหากสองสามีภรรยาอ๋องเฉินกับท่านโหวน้อยได้รับบาดเจ็บ ชีวิตทั้งครอบครัวของเจ้าก็ไม่พอชดใช้!”เสียวจางสาหัสมาก แต่ก็กลัวเช่นกัน เขาขอความเมตตาอย่างหอบเหนื่อย“นายท่านโปรดให้อภัย โปรดให้อภัย! ชั่วขณะบ่าวเลอะเลือน ตอนเดินตรวจห้องเก็บของ เห็นว่าห้องเก็บของมืดเกินไป มองอะไรไม่ชัด ก็เลยจุดเทียนหนึ่งเล่ม…”“เจ้าไม่รู้หรือว่าดินปืนเจอไฟไม่ได้!”เมื่อเจอก็ระเบิด!ท่านรองกู้โยนเขาลงพื้น แล้วเตะออกไปหนึ่งทีด้วยความโกรธ “ไร้ประโยชน์! เลี้ยงเสียข้าวสุก! เรื่องเล็กแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ข้าเลี้ยงเจ้าไว้มีประโยชน์อะไร!”“ใครก็ได้ ลากไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ไปทุบตีให้ตาย!”พลันเผยอมุมปาก เจตนายิ้มที่คลุมเครือแลบผ่านแววตาเส
ฉู่เชียนหลีเงยหน้า สายตาที่ดุร้ายจ้องท่านรองกู้ เดินเข้าไปหาเขาทีละก้าว“เจ้าไม่อยากยกเลิกสัญญาแต่งงานของหลิงกู้สองตระกูลแต่แรก ยิ่งไม่มีทางทำตามสัญญาการเดิมพันของเจ้ากับข้า เจ้าคำพูดไม่เป็นคำพูด หวังใช้แผนนี้ลอบฆ่าอวิ๋นอิง!”คำพูดที่เย็นชา เปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของสองพ่อลูกตระกูลกู้โดยตรงพลันท่านรองกู้ถลนตา “ท่านพูดเหลวไหล!”ประหนึ่งเขาถูกปรักปรำครั้งใหญ่ โต้เถียงเสียงดัง “ข้าท่านรองกู้ทำอะไรตรงไปตรงมาและเปิดเผย เรื่องที่ไม่เคยทำไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด!”เขาเชิดคางขึ้น ท่าทางราวกับเป็นผู้มีความชอบธรรมกู้ชิงชิงก็ก้าวออกมา แก้ต่างให้บิดา “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านบอกว่าพวกเราจะฆ่าอวิ๋นอิง แต่อวิ๋นอิงตายหรือยัง? นางไม่ตาย กลับกัน พวกเราทุกคนได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดครั้งนี้ พ่อข้าถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสกว่าอวิ๋นอิงด้วยซ้ำ!”“ถ้าหากจะฆ่าอวิ๋นอิงจริงๆ มีวิธีเยอะแยะ เหตุใดต้องเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงด้วย?”ความจริงที่ฉู่เชียนหลีมั่นใจ ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆจางเฟยตายเปล่าไม่ได้!“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็ตีจนเจ้ายอมรับ!” สิ้นเสียงที่เย็นชา พลันพลิกข้อมือ กระบองที่ถูกแกะสลักอย่างประณีตท่
ข้างๆ ซากปรักหักพัง เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนสิบกว่าคนยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ไม่กล้าพูดมาก ได้แต่มองดูทั้งเช่นนี้…ฉู่เชียนหลีระบายความโกรธในใจ แทบอยากตีท่านรองกู้ให้ตายทั้งเป็นเสียเดี๋ยวนี้ แต่อารมณ์พลุ่งพล่านเกินไป ส่งผลให้ปวดท้องเฟิงเย่เสวียนโยนกู้ชิงชิงทิ้งทันที รีบเดินเข้าไป “เชียนหลี!”เขาประคองตัวนางไว้ “ระวังสุขภาพ เจ้าใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ จัดการทีละเรื่อง”เขาเหลือบมองศพที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่งลักษณะการตายเลือดอาบ น่าสังเวชจนทนดูไม่ได้…ที่แท้ ศพที่ไม่เหลือสภาพเดิมนี้คือจางเฟย ถึงว่านางโกรธเช่นนี้เขาเม้มปาก กล่าวเสียงเบา “หานอิ๋ง ช่วยคุณชายจิ่ง ทำพิธีศพจางเฟยอย่างมีเกียรติ”หานอิ๋งรับคำสั่ง ไปจัดการทันทีฉู่เชียนหลีประคองท้องที่ปวดเป็นระยะ กัดริมฝีปากล่าง ดวงตาที่แดงก่ำจ้องท่านรองกู้ที่มีบาดแผลเต็มตัว กล่าวอย่างเย็นชา“เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้! หัวหน้าตระกูลกู้ เจ้ารอก่อนเถอะ!”เฟิงเย่เสวียนห่วงสุขภาพของนาง จึงพานางกลับจวนก่อนแล้วเมื่อทั้งสองไปแล้ว เหล่าคนรับใช้จึงกล้าขยับตัว รีบเข้าไปห่วงใย “นายท่าน ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”“นายท่าน…”“ไสหัวไป!”ท
สายตาที่เขาหันไปมองนาง...หมองหม่นมากบรรยากาศบนตัวของเขาเหมือนกับจมดิ่งลงมาจนถึงจุดต่ำสุด ไม่มีความอบอุ่น ไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว สายตาที่เย็นยะเยือกนั่นเหมือนกับกำลังจ้องมองศพ ทำให้อวิ๋นอิงลนลานโดยไม่มีสาเหตุเขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเสื้อปลิวไสวตามสายลมที่พัดมา ความหนาวเย็นบนร่างกายปะทะเข้าที่ใบหน้าของนาง เกือบจะทำให้นางแข็งตายอวิ๋นอิงลำคอตีบตัน ถอยไปข้างหลังเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว“คะ คุณชายจิ่ง ข้ารู้ว่าการตายของจางเฟยทำให้ท่านเป็นทุกข์มาก แต่นี่ก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกข้าอยากเห็นเช่นกัน ตระกูลกู้จะต้องชดใช้ ได้โปรดระงับความเศร้าด้วย...”ชายหนุ่มมองตรงไปที่นาง ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ก้าวไปข้างหน้าอีกร่างกายที่แข็งแกร่งทอดเงาดำทะมึน ปกคลุมบนร่างกายของนาง บรรยากาศที่กดดันโชยเข้าไปในรูจมูกของนาง เหมือนกับตาข่ายใหญ่ที่ไร้รูปร่าง ปกคลุมนางเอาไว้ ทำให้นางไม่สามารถขยับหนีได้ยามราตรี บนถนน ไร้ซึ่งผู้คนลมพัดโชยมา ทำให้เงาเทียนสั่นไหว แผ่นหลังเย็นวาบ อวิ๋นอิงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุ...นางเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าว จิตใต้สำนึกอยากจะวิ่งหนี แต่ฝ่ามือใหญ่ข
ตอนนั้น การระเบิดครั้งนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากเกินไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านโหวน้อยช่วยนางเอาไว้ได้ทันเวลา นางก็คงจะตายไม่ก็พิการนางคิดว่าจางเฟยบาดเจ็บความประมาท กลับคิดไม่ถึงว่าจะตายเพราะช่วยชีวิตนาง...ภายในชั่วพริบตา บนบ่าของนางก็มีภาระอันหนักอึ้งกดทับเอาไว้นางนึกถึงท่าทางตอนที่จางเฟยตาย ลำคอของนางตีบตัน หายใจหอบถี่ สะอึกจนพูดไม่ออก น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลพราก“ข้าไม่รู้ว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ได้อยากให้จางเฟยเป็นอะไรเช่นกัน...โอ๊ย!”ทันใดนั้นคางก็ถูกบีบเอาไว้เจ็บปวดรุนแรง ราวกับกระดูกถูกบีบจนแหลกละเอียด!นางถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น สบตาแดงก่ำของชายหนุ่ม เพลิงโทสะราวกับสัตว์ป่านั่นราวกับจะจับนางกลืนลงไปทั้งเป็นชายหนุ่มกัดฟันกรอด“เจ้าไม่รู้หรือ?”น้ำเสียงเย็นชาขั้นสุด “คำว่าไม่รู้เพียงคำเดียวก็สามารถปัดความรับผิดชอบทั้งหมดได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือ ไม่มีความรู้สึกตำหนิตนเอง คำว่าไม่รู้คำเดียว ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้อย่างนั้นหรือ?”แต่จางเฟยต้องตายไปอย่างเสียเปล่า? ก็สมควรแล้วอย่างนั้นหรือ?คำตอบของอวิ๋นอิงได้ทำให้จิ่งอี้โกรธจัด
ค่ำคืนนี้ ยาวนานเป็นพิเศษตอนเช้า บรรดาชาวบ้านต่างพากันวิจารณ์ถึงเสียงระเบิดเมื่อคืนนี้ อานุภาพของแรงระเบิดไม่เบา คนมากมายต่างก็ได้ยิน แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่างกำลังพากันคาดเดาจวนโหวติ้งกว๋อหลิงเชียนอี้ตื่นขึ้นมาจากการสลบ อย่างแรกก็คือพยายามลงจากเตียง จะไปหาอวิ๋นอิงองค์หญิงใหญ่รีบกดเขาเอาไว้ “เจ้าลูกคนนี้ รู้หรือไหมว่าตนเองบาดเจ็บสาหัสเพียงใด? จะพักฟื้นให้ร่างกายของตนเองหายดีก่อนไม่ได้หรือ?”ภายใต้แรงระเบิด ทั่วทั้งแผ่นหลังของเขาถูกระเบิดจนเละ เนื้อแหลกละเอียดหลิงเชียนอี้ทนเจ็บ “ข้าจะไปรักษาตัวที่เรือนข้างท่านน้า!”องค์หญิงใหญ่ “...”โหวติ้งกว๋อ “...”คำพูดประโยคนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะคิดถึงนังหนูอวิ๋นอิงนั่นหรอกหรือ?องค์หญิงใหญ่เองก็จนปัญญาเช่นกัน “เจ้าลูกบ้าคนนี้นี่ แม่รู้ว่าเจ้าชื่นชอบอวิ๋นอิง แต่อวิ๋นอิงก็อยู่ที่ในจวนอ๋องเฉิน หนีไปไหนไม่ได้หรอก เจ้าวางใจเถอะ”“ดูสภาพที่หมดอนาคตของเจ้านั่น” โหวติ้งกว๋อเอามือไพล่หลังยืนอยู่ที่บริเวณปลายเตียง กล่าวอย่างเยาะหยัน “ทำอย่างกับไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน”หลิงเชียนอี้ถลึงตา “ท่านไม่ต้องยุ่ง! ฮึ! ก็ข้าชอบพออว
นายท่านรองกู้เข้าวังหลวง ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อมาถึงด้านหน้าห้องทรงพระอักษร ก็ลากขาที่เป๋ข้างหนึ่ง แบกหน้าที่เขียวช้ำ ‘โอ๊ย’ ‘โอ๊ย’ เดินเข้าไปด้วยร้องเสียงเวทนาเมื่อฝ่าบาทเห็นสภาพจนตรอกใบหน้าบวมช้ำของเขา ก็หรี่ตาลงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลกู้เมื่อคืนนี้ เขาได้ยินมาคร่าว ๆ แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีร้อนใจเล็กน้อย ถามด้วยความห่วงใย “หัวหน้าตระกูลกู้เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้? นี่เจ้า...”“ฝ่าบาท ท่านต้องช่วยทวงความยุติธรรมให้กระหม่อมด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่นายท่านรองกู้ ก็ร้องเสียงเวทนาเมื่อนึกถึงการที่เขาใช้อำนาจบาตรใหญ่ โอ้อวดอานุภาพตลอดหลายปีมานี้ แม้แต่ฝ่าบาทยังต้องเคารพเขา แต่กลับถูกฉู่เชียนหลีทำร้ายจนน่วมช้ำ ปวดกระดูกไปทั้งตัว น่าอนาถราวลูกหมาตกน้ำความแค้นนี้ เขาไม่มีทางยอมแน่!เขาคุกเข่าลงไป เอามือกุมเบ้าตาที่บวมช้ำ กล่าวอย่างน้อยใจ“เมื่อคืนนี้ กระหม่อมจัดงานเลี้ยงที่เรือน ได้เชื้อเชิญท่านโหวน้อยและคนอื่น ๆ คิดไม่ถึงว่าเด็กรับใช้ที่จวนจะทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้ห้องครัวไฟไหม้ ทำให้ดินปืนลุกไหม้ จนเกิดการระเบิด พระชายาอ๋องเฉินที่แยกแยะผิดชอบชั่วดี