“นี่ จิ่งอี้ เจ้าดู ท่านโหวน้อยตามกู้ชิงชิงเข้าไปแล้ว เหตุใดมีเพียงอวิ๋นอิงยืนอยู่ข้างนอกคนเดียว?”จางเฟยเพิ่งพูดคำนี้จบ จิ่งอี้เงยหน้าขึ้นทันทีจุดที่ไม่ไกลนัก อวิ๋นอิงยืนอยู่ที่หน้าประตูเพียงลำพัง ไม่ได้เข้าไป แต่ก็ไม่ได้จากไป ก้มหน้าเล็กน้อย มองเห็นสีหน้าไม่ชัด ร่างเงาที่เพรียวบางนั่นดูแล้วให้ความรู้สึกบอบบางหลายส่วน งานเลี้ยงอาหารค่ำเริ่มแล้ว นางกลับไม่เข้าไป?เขาขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืน“เอ๋? จิ่งอี้ เจ้าจะไปไหน? จิ่ง…”จางเฟยพูดไม่ทันจบ จิ่งอี้ได้เดินไปทางอวิ๋นอิงแล้วสองตาของเขาเบิกกว้างทันทีเชี่ย!งานเลี้ยงอาหารค่ำวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องของกู้ชิงชิง ท่านโหวน้อย และอวิ๋นอิงสามคน เจ้าจิ่งอี้นี่ไปยุ่งอะไร!“เหตุใดไม่เข้าไป?”ยามราตรีที่เงียบสงบ เสียงที่ทุ้มต่ำของเขาไพเราะมากอวิ๋นอิงเงยหน้าขึ้น มองเห็นเขา ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ส่ายศีรษะ “ข้ารอพระชายา”“คุณหนูกู้หาเรื่องเจ้า ไม่ให้เจ้าเข้าไปใช่หรือไม่?” จิ่งอี้มองตาของนาง ดวงตาที่เฉียบคมและลึกล้ำนั่น ราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งแววตาอวิ๋นอิงสั่นไหวทีหนึ่งถูกมองความจริงออก นางกระอักกระอ่ว
จิ่งอี้หมุนกายก็จะไป เยว่เอ๋อร์เอ่ยปากโดยไม่รู้ตัว“คุณชายจิ่ง!”พอพูดออกไป ก็แน่นหน้าอกฉับพลัน และประหม่าขึ้นมาทันที เมื่อเขาหันมามองนาง หัวใจยิ่งเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากลำคอ ใบหน้าก็อดไม่ได้ที่จะแดงความวู่วามที่รุนแรงสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในจิตใจ… นางจับสองมือแน่น พยายามกลืนน้ำลาย รวบรวมความกล้า ในที่สุดคำพูดที่ถูกซ่อนไว้ในก้นบึ้งของหัวใจนานมากก็ถูกพูดออกมา“คุณชายจิ่ง ข้า…ข้าชอบท่าน…”ก้มหน้าต่ำอย่างเขินอาย ใบหน้าแดงเหมือนกุ้งที่ต้มจนสุก ประหม่าจนร่างกายหดเกร็ง รอคำตอบของเขาอย่างคาดหวังจิ่งอี้ขมวดคิ้วนาง?ชอบเขา?อะไรกัน?“ข้านิสัยจืดชืด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง ขอบคุณความรักของแม่นางเยว่เอ๋อร์” เขาปฏิเสธอย่างเฉยเมย ยกเท้าเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรมากอีกเยว่เอ๋อร์เหมือนถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งรดใส่ศีรษะ เย็นวูบตั้งแต่หัวจรดเท้ารอยยิ้มแข็งทื่ออยู่บนใบหน้าหัวใจทั้งดวงจมลงสู่หุบเหวในพริบตา…คุณชายจิ่งปฏิเสธนาง เขาไม่ชอบนาง และยังบอกว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอะไรอีก แต่ทั้งๆ ที่เขาดีต่ออวิ๋นอิงมากทั้งๆ ที่เขาชอบอวิ๋นอิง!เพราะเหตุใด?นางสู้อวิ๋นอิงไม่ได้ตรงไหนกันแน่?
ความคับข้องใจและความทุกข์เต็มอก ไม่มีที่ระบาย…ไม่ยุติธรรมเลย!ตอนนั้น พระชายาอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้รับความโปรดปราน และถูกเหยียดหยามรังแก นางเป็นคนที่เคียงข้างพระชายาเดินผ่านช่วงเวลาที่ลำบากนั้น ในที่สุดก็ได้ลืมตาอ้าปาก อวิ๋นอิงกลับเก็บเกี่ยวความสำเร็จทั้งหมดไปสิ่งนี้จะให้นางไม่โมโห ไม่เกลียดชัง ไม่หงุดหงิดได้อย่างไร?เยว่เอ๋อร์ร้องไห้นานมากนานมากท่ามกลางเสียงสะอึกสะอื้น จู่ๆ ก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำของผู้ชายแทรกเข้ามา “รีบไปที่งานเลี้ยง พระชายามีอันตราย”เยว่เอ๋อร์ตะลึงงันครู่หนึ่งมีคนอยู่?นางรีบเช็ดน้ำตา สงบสติอารมณ์แล้วลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ เห็นร่างเงาสายหนึ่งที่คาดคิดไม่ถึง…อ๋องหลี?!“ที่ท่านพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร?” เสียงที่แหบแห้งของนางปนเสียงสะอื้น ดวงตาแดงก่ำเฟิ่งเจิ้งหลียืนอยู่ตรงจุดที่ย้อนแสง กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับยามราตรี น้ำเสียงเคร่งขรึมมาก“ตระกูลกู้ไม่มีทางยกเลิกสัญญาแต่งงานกับท่านโหวน้อย กลับกันจะฆ่าอวิ๋นอิงให้ตาย งานเลี้ยงของคืนนี้จัดขึ้นที่ห้องเก็บของ ในห้องเก็บของมีดินปืนกองเต็มไปหมด ตระกูลกู้เตรียมตัวใช้ข้ออ้าง ‘ไม่ระวังเกิดเพลิงไหม้’ จุด
ในงานเลี้ยง สองสามีภรรยาอ๋องเฉินจากไป ท่านรองกู้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก คำพูดคำจาก็องอาจขึ้น เขาชวนท่านโหวน้อยดื่มไม่หยุดหลิงเชียนอี้เพราะอารมณ์ดี จึงไม่ระวังดื่มเยอะไปหน่อย มึนเมาเล็กน้อย ถูกคนรับใช้พาไปพักผ่อนที่ห้องข้างๆตรงที่นั่ง เหลืออวิ๋นอิงคนเดียวทันทีท่านรองกู้กับกู้ชิงชิงสบตากันแวบหนึ่ง สองพ่อลูกใช้สายตาสื่อสารอะไรบางอย่าง…ข้างนอกฉู่เชียนหลีประคองเยว่เอ๋อร์ มาถึงสถานที่เงียบสงบและโล่งกว้าง นั่งลงพักผ่อนครู่หนึ่ง ตรวจชีพจรของนางยังคงเป็นปกติ“ยังปวดหรือไม่?” นางถามเยว่เอ๋อร์กุมท้องหลังงอ เบ้าตาแดง หางตามีน้ำตา กัดริมฝีปากแน่น“อืม…”ท่าทางที่สะอึกสะอื้นของนาง ไม่เหมือนเสแสร้งฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ครุ่นคิดสองวินาทีแล้วกล่าว “เยว่เอ๋อร์ เจ้านั่งอยู่ที่นี่ก่อน ข้าไปหาขี้เถ้าก้นหม้อที่ห้องครัว ดื่มพร้อมกับน้ำ”นี่เป็นสูตรยาพื้นบ้านก้นหม้อเป็นจุดที่ถูกเผาทุกวัน ร้อนระอุทุกวัน ส่วนขี้เถ้าที่ติดอยู่ก้นหม้อเป็นของพลังหยางที่ขจัดสิ่งชั่วร้าย ชาวบ้านมักจะใช้รักษาอาการปวดท้อง นอนไม่หลับ เด็กได้รับความตกใจ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้กับเด็กทารก และอื่นๆ“ข้าไปกับเจ้า” เฟิ่งเย่เ
นางชี้ไปทิศทางหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ“ท่านรีบลองไปดูหน่อยเถอะ ถ้าหากพวกเขามีแผนจริงๆ ก็สามารถหาหลักฐานได้ทันเวลา ลงโทษตระกูลกู้! ลุงจาง ท่านรู้สึกว่าที่ข้าพูดมีเหตุผลหรือไม่?”จางเฟยครุ่นคิดเหมือนจะเป็นเช่นนี้จับโจรจับของกลาง จับชู้จับทั้งคู่ อย่างไรก็ต้องมีหลักฐานที่แน่นอน จึงจะสามารถพิสูจน์ว่าตระกูลกู้มีเจตนาร้าย“นางหนูเยว่เอ๋อร์ เช่นนั้นข้าลองไปดูหน่อย เจ้ารีบไปบอกอวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยที่งานเลี้ยง พวกเราแยกกันทำงาน เป็นอย่างไร?”“ได้”จางเฟยพยักหน้า ก็เดินไปตามทิศทางที่เยว่เอ๋อร์ชี้แล้วหารู้ไม่ ทิศทางที่เขาไปเป็นโรงเก็บของของตระกูลกู้ เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บดินปืนโดยเฉพาะเพิ่งเดินผ่าน ก็มีเสียงระเบิดที่รุนแรงดังลั่นท้องฟ้ายามค่ำคืนปัง!เสียงดังสนั่น!เหมือนกับสายฟ้าแล่นผ่านข้างหู สะเทือนจนหูอื้อ ระลอกคลื่นที่รุนแรงกระจายเป็นวงกว้าง กิ่งก้านต้นไม้ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ใบไม้ปลิวว่อน เศษหินกระจายไปทั่ว ทำเอาเหล่าคนรับใช้กรีดร้องไม่หยุด วิ่งหนีกันอย่างเตลิดเปิดเปิง หัวใจของเยว่เอ๋อร์เหมือนถูกก้อนหินทุบ สะเทือนจนหายใจไม่ออกเป็นเวลานานนางกุมหน้าอก วิ่งเข้าไปดูห้องจัดเ
หลังจากทำเสร็จ เยว่เอ๋อร์รีบถอยออกไปไกลเล็กน้อย มองห้องจัดเลี้ยงที่มีควันปกคลุม และยุ่งเหยิงไปหมดแวบหนึ่ง แสร้งทำทีตื่นตระหนก พลางวิ่งเหยาะๆ พลางตะโกนไปด้วย“พระชายา! ท่านอ๋อง พวกท่านอยู่ที่ไหน? อวิ๋นอิง ท่านโหวน้อย พวกเจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง!”เหล่าคนรับใช้วุ่นวายไปหมด“ไฟไหม้ห้องเก็บของ!”“รีบไปตักน้ำ!”“ปกป้องนายท่านกับคุณหนู…”เวลานี้เอง ฉู่เชียนหลีที่อยู่ทางห้องครัวเพิ่งมาถึง มองเห็นที่เกิดเหตุ สีหน้าขรึมลงแล้ว รีบเดินเข้าไปคว้ามือเยว่เอ๋อร์“เกิดอะไรขึ้น!”เยว่เอ๋อร์ร้องไห้ “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!”นางตกใจมาก “ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้านั่งอยู่บนบันไดตรงข้างนอก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่น ก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่รู้ว่าอวิ๋นอิงกับเยว่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ข้าหาพวกเขาไม่เจอ หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ!”ดินปืนของตระกูลกู้ ใช้เพื่อระเบิดภูเขาเปิดเหมือง อานุภาพรุนแรงมากดินปืนถูกจุดชนวน ห้องเก็บของโดนระเบิดเสียหายทั้งหลัง แม้แต่ห้องจัดเลี้ยงที่อยู่ข้างๆ ก็ถูกระเบิดจนกำแพงล้ม หลังคาปลิวว่อน และยังเกิดไฟไหม้ ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า ทั้งสำลัก และบดบังทัศนวิสัย
ฉู่เชียนหลีจ้องท่านรองกู้อย่างเย็นชา “มีเรื่องอะไรที่ท่านทำไม่ลงบ้าง?”“ท่าน!”ท่านรองกู้ชะงักพลันนางยกมือขึ้น กระชากคอเสื้อของท่านรองกู้ ดึงเขาเข้ามาที่ตรงหน้า “ข้าขอบอกท่าน เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่นอน ในเมื่อท่านเปิดฉากเรื่องนี้ กล้าลงมือเช่นนี้ ก็รอ ‘คำทักทาย’ ของจวนอ๋องเฉินกับจวนโหวติ้งกว๋อเถอะ!”ผลักเขาออกไปอย่างเย็นชาท่านรองกู้ที่ขาบาดเจ็บยืนไม่มั่นคง เซล้มลงบนพื้น เขามองไปทางฉู่เชียนหลีที่สีหน้าเย็นชา ถึงกับรู้สึกว่าท่าทางที่เคร่งขรึมของนาง น่าเกรงขามมากท่านรองกู้ขมวดคิ้วเขารู้สึกว่าบนตัวฉู่เชียนหลีมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม?เขาอยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว ท่องยุทธภพ ขึ้นเหนือลงใต้ คนอย่างไรที่ไม่เคยเจอ จะกลัวเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปีได้อย่างไร?ทั้งตระกูลกู้วุ่นวายไปหมดผ่านไปนานมาก ผลพวงจากการระเบิดจึงจะสงบลง รอฝุ่นควันที่กระจายไปทั่วจางลงเล็กน้อย ในซากปรักหักพังที่ยับเยิน ร่างเงาหลายสายค่อยๆ เดินออกมา“อวิ๋นอิง!”มือซ้ายเฟิงเย่เสวียนประคองอวิ๋นอิง มือขวาประคองท่านโหวน้อย เดินออกมาอย่างไวทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บตอนระเบิด หลิงเชียนอี้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขากดอวิ๋นอิงไว้ใต้ร
‘จิ่งอี้ เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่? เหตุใดเจ้าถึงใจร้อนเช่นนี้?’‘ข้าล้างขี้หลังเยี่ยว เลี้ยงเจ้าโตมากับมือเลยนะ ข้ามีประสบการณ์ด้านเลี้ยงเด็กมาก ต่อไปข้าเลี้ยงลูกให้เจ้า’‘นึกถึงปีนั้น ตอนที่ข้าเก็บเจ้าได้ เจ้ามีบาดแผลทั่วตัว ข้าคิดว่าเจ้าไม่รอดแล้วเสียอีก…’เสียงที่อารมณ์ดีของจางเฟยสะท้อนอยู่ในหูคำพูดที่หัวเราะ องอาจ ซุบซิบเรื่องชาวบ้าน สนใจ และที่ตบหน้าอกอย่างมั่นใจ…ใบหน้าเหลี่ยมของเขาสะท้อนอยู่ตรงหน้า คิ้วดกตาโต เหมือนคนใจกว้างที่ท่องยุทธภพตอนนี้ ใบหน้าเหลี่ยมที่องอาจนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับศพที่ร่างกายเละไปหมด…เป็นเขา!กระบี่ในมือจิ่งอี้ร่วงลงพื้น พริบตานั้น ราวกับฟ้าดินเหลือเพียงเขากับศพร่างนั้นทั้งๆ ที่ใกล้เช่นนั้น เขากลับไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างทั้งสอง อยู่กันคนละภพภูมิแล้ว…เลือดคำหนึ่งติดอยู่ในลำคอของเขา หน้าอกพลุ่งพล่าน กระอักออกมาฉับพลัน ร่างกายกระโจนเข้าไปอย่างอ่อนปวกเปียก สองเข่ากระแทกลงพื้นอย่างแรง มือที่สั่นเทาทั้งสองข้าง ไม่รู้จะเริ่มลงมือจากที่ใดเลือดเลือดเต็มไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายเละไปหมด ไม่หลงเหลือสภาพเดิม ไม่มีจุดไหนที่ยังสมบูรณ์ กระดูกที่