แบ่งผลตัดสินแพ้ชนะแล้ว โดยปล่อยให้คนในวังขุดแร่อยู่ที่นี่ ฉู่เชียนหลีและคนอื่น ๆ ยกขบวนกลับเมืองหลวงเดิมพันของทั้งสองฝ่ายแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง ตอนกลับถึงเมืองหลวง เมื่อบรรดาชาวบ้านเห็น ก็ยิ่งวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดหย่อนในวังหลวงฝ่าบาทได้รับข่าวคราวอย่างละเอียด ดีใจจนมารอรับทั้งสองฝ่ายอยู่ในอุทยานหลวง“ภรรยาเจ้าเจ็ด หัวหน้าตระกูลกู้ กลับมาเร็วขนาดนี้เลยหรือฮ่า ๆ!” ฝ่าบาทเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ท่าทางภาคภูมิ อย่าถามว่าอารมณ์ดีมากขนาดไหนเลยนายท่านรองกู้ใบหน้าอึมครึม ดูแย่มากหลังจากเสร็จสิ้นพิธี ทุกคนนั่งลง“ผลงานของพวกเจ้าเรารู้แล้ว ช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์และฝีมือจริง ๆ แต่ละรุ่นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆฮ่า ๆ ๆ! หัวหน้าตระกูลกู้เจ้าว่าใช่หรือไม่? ฮ่า ๆ ๆ!”นายท่านรองกู้สีหน้าหมองหม่นขึ้นเรื่อย ๆฝ่าบาทดีใจเป็นอย่างยิ่ง สายตาที่มองไปทางฉู่เชียนหลีด้วยความพึงพอใจมากแค่ไหน ภาคภูมิใจมากแค่ไหนหลายร้อยปีมานี้ ราชวงศ์พึ่งพาตระกูลกู้มาโดยตลอด ถึงได้มีแหล่งที่มาของเหล็กดิบได้อย่างมั่นคง ตอนนี้ดีแล้ว ตนมั่นใจในเทคนิคการสำรวจ ควบคุมกิจการเหล็กของราชวงศ์อยู่ในมือ ก็ไม่กลัวการควบคุมจากตระกู
นี่…ฮ่องเต้ก็เอ่ยปากแล้ว ฉู่เชียนหลียังจะไม่ตอบตกลงหรือ?การขุดเหมืองเป็นงานใช้กำลัง และนางก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกบ่อยนัก ของสิ่งนี้อยู่ในมือก็ไม่ได้ใช้ ตรงกันข้ามสามารถอุทิศให้บ้านเมือง มอบให้ฮ่องเต้ ยังสามารถช่วยเฟิงเย่เสวียนทำผลงานด้วย เป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันเพื่อขึ้นครองราชย์ในวันข้างหน้านางเพิ่งจะพยักหน้า เฟิงเย่เสวียนที่อยู่ข้างกาย“จะให้ท่านก็ได้ แต่หม่อมฉันมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ”นาง “?”คุยเงื่อนไขกับฮ่องเต้?ฮ่องเต้ตะลึงงันก่อน จากนั้นก็หัวเราะ “เจ้าเด็กนี่ เจ้านี่มันไม่ยอมขาดทุนแม้แต่น้อยจริงๆ มีเงื่อนไขอะไร พูดมาเถอะ”“หากสามารถให้ได้ เราก็ให้ ถ้าหากให้ไม่ได้ เราค่อยลองคิดหาวิธี”เฟิงเย่เสวียนกวาดมองท้องฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง เขากล่าว“ชื่อของลูก หม่อมฉันเป็นคนตั้ง”ฮ่องเต้ “?”หรือชื่อที่เขาตั้งมันไม่เพราะ?“เจ้าเจ็ด เจ้าพูดเช่นนี้มันทำร้ายจิตใจเราไปหน่อยแล้ว เพื่อที่จะตั้งสองชื่อนี้ เราเปิดอ่านตำราโบราณ พจนานุกรมชื่อ หนังสือโบราณ หนังสือฮวงจุ้ย และหนังสือทำนายดวงมากมาย ชื่อนี้เรียกได้ว่าเป็นการรวบรวมแก่นแท้ของฟ้าดิน และความรุ่งโรจน์ของสุริยาจันทราเข้าด้วยกัน เป็นชื
จวนอ๋องเฉินทั้งสองกลับมา หลิงเชียนอี้ได้รับข่าว ก็รีบวิ่งมาหาทันที“น้าสะใภ้ คิดไม่ถึงว่าท่านจะชนะตระกูลกู้! โอ้สวรรค์! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านคือแบบอย่างของข้า!”พุ่งพรวดเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ก็จะมอบกอดอันอบอุ่นให้ฉู่เชียนหลี แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนคั่นออกไปอย่างรังเกียจหลิงเชียนอี้เบะปากทีหนึ่ง แววตาเผยให้เห็นความไม่พอใจ“ข้าตื่นเต้นมาก กอดหน่อยสิ เหตุใดท่านน้าจึงขี้งกเช่นนี้ ทำเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงไปได้”หลายวันมานี้ ทั้งเมืองหลวงมีการถกเถียง ล้วนบอกว่าพระชายาอ๋องเฉินจะแพ้ผลปรากฏว่ากลับทำให้ทุกคนตกใจจนอ้าปากค้างเฟิงเย่เสวียนยกเปลือกตา มองไปทางอวิ๋นอิงที่อยู่ข้างๆ แล้วกวักมือ “เจ้ามานี่”อวิ๋นอิงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง มองไปทางฉู่เชียนหลีโดยไม่รู้ตัว“ทำอะไร?” หลิงเชียนอี้ถาม“ข้าเห็นว่านางหน้าตางดงาม อยากลองกอดดูเสียหน่อย”“...”หลิงเชียนอี้พูดอะไรไม่ออกทันที รีบปล่อยมือ กอดภรรยาของตนเองแน่น“ก็แค่กอดเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย เจ้าจะขี้งกเกินไปแล้วกระมัง?” เฟิงเย่เสวียนคืนคำพูดนี้กลับไปให้หลิงเชียนอี้อย่างแผ่วเบาหลิงเชียนอี้พูดอะไรไม่ออกแล้ว “...”
เฟิงเย่เสวียนรังเกียจ “เหตุใดทำเหมือนไม่เคยเจอเห็นผู้หญิง?”“ก็ข้าไม่เคยเจอ จะทำไมล่ะ!” เถียงอย่างเด็กทรพี อุ้มภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งเข้าจวนไว้ ไม่ต้องพูดถึงว่าทะนุถนอมเพียงใดทำเอาอวิ๋นอิงเขินอายมากฉู่เชียนหลียิ้มแล้วยิ้มอีก มองดูบัตรเชิญฉบับนั้น รอยยิ้มหายไป“กลัวแต่ว่าตระกูลกู้จะไม่ยอมง่ายๆ”ตอนที่อยู่เขาอวี้หลง นายท่านรองกู้นั่นสามารถทำแม้แต่เรื่องขโมยแร่ยามวิกาล ไม่ใช่คนซื่อตรงอะไร เขายินยอมยกเลิกสัญญาแต่งงานจริงหรือ?“ท่านโหวน้อยอย่าประมาท คืนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกู้ ข้าส่งคนไปปกป้องเจ้า”ในใจหลิงเชียนอี้มีแต่อวิ๋นอิง และรวมถึงเรื่องแต่งงาน จะมีเวลาไปสนใจแผนของตระกูลกู้เสียที่ไหน?จับมือของอวิ๋นอิง มองนางอย่างจริงจัง กล่าวทีละคำ“อวิ๋นอิง พรุ่งนี้หลังพวกเรากลับจากบ้านตระกูลกู้ ข้าก็พาเจ้ากลับบ้าน กลับจวนโหวติ้งกว๋อ ไปพบพ่อแม่ข้า ดีหรือไม่?”พลันอวิ๋นอิงแน่นหน้าอก ดูอึดอัดเล็กน้อย สายตามองไปทางฉู่เชียนหลีเหมือนขอความช่วยเหลือต่อให้เป็นคนนิสัยโผงผาง แต่เวลาเผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้ ก็คือกระต่ายน้อยที่ไม่มีประสบการณ์ดีๆ นี่เองฉู่เชียนหลียิ้ม บอกใบ้ให้นางสบายใจได้ก่อนห
หลิงเชียนอี้ยืนกรานหนักแน่นมาก อวิ๋นอิงเถียงไม่ไหว ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจในเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลียังคงกังวลเล็กน้อย นางรู้สึกว่าตระกูลกู้ไม่ได้คุยง่ายเช่นนั้น ไม่วางใจปล่อยให้หลิงเชียนอี้กับอวิ๋นอิงไปกันสองคน นางก็เตรียมตัวไปด้วยเฟิงเย่เสวียนคิดว่านางกังวลมากเกินไป“เชียนหลีคิดมากเกินไปหรือไม่? ปัจจุบัน ตระกูลกู้ไม่สามารถอาศัยกิจการเหล็กอวดอ้างบารมีอีกแล้ว ถ้าหากพวกเขากล้าเล่นสกปรกในงานเลี้ยง ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับราชวงศ์ นอกเสียจากนายท่านรองกู้นั่นอยากถูกประหารเก้าชั่วโคตร”เหตุและผลน่ะเป็นเช่นนี้ แต่ไม่มีอะไรที่แน่นอนถ้าเกิดล่ะ?“ข้าก็ไปตระกูลกู้ด้วย ตระกูลกู้สัญญาว่าจะมอบกิจการครอบครัวให้ข้าสี่ส่วน ข้าแวะไปรับด้วยเลย”“เช่นนั้นข้าก็ไป”“เจ้ามีเวลาหรือ?”“เจ้าอยู่ที่ไหน ข้าก็อยู่ที่นั่น”“ก็ดี หานเฟิงไม่อยู่ หานอิ๋งก็มีงานติดตัว ข้าเรียกจิ่งอี้ไปด้วย วรยุทธ์ของเขาไม่เลว มีเขาอยู่ ไม่น่าเกิดปัญหาอะไร”ทั้งสองหารือกันครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเกือบได้เวลาแล้ว จึงจะออกจากเรือนหานเฟิงเรือนที่อยู่ข้างๆ หลิงเชียนอี้จูงมืออวิ๋นอิงออกมาทันใดนั้น ตาเป็นป
“นี่ จิ่งอี้ เจ้าดู ท่านโหวน้อยตามกู้ชิงชิงเข้าไปแล้ว เหตุใดมีเพียงอวิ๋นอิงยืนอยู่ข้างนอกคนเดียว?”จางเฟยเพิ่งพูดคำนี้จบ จิ่งอี้เงยหน้าขึ้นทันทีจุดที่ไม่ไกลนัก อวิ๋นอิงยืนอยู่ที่หน้าประตูเพียงลำพัง ไม่ได้เข้าไป แต่ก็ไม่ได้จากไป ก้มหน้าเล็กน้อย มองเห็นสีหน้าไม่ชัด ร่างเงาที่เพรียวบางนั่นดูแล้วให้ความรู้สึกบอบบางหลายส่วน งานเลี้ยงอาหารค่ำเริ่มแล้ว นางกลับไม่เข้าไป?เขาขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืน“เอ๋? จิ่งอี้ เจ้าจะไปไหน? จิ่ง…”จางเฟยพูดไม่ทันจบ จิ่งอี้ได้เดินไปทางอวิ๋นอิงแล้วสองตาของเขาเบิกกว้างทันทีเชี่ย!งานเลี้ยงอาหารค่ำวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องของกู้ชิงชิง ท่านโหวน้อย และอวิ๋นอิงสามคน เจ้าจิ่งอี้นี่ไปยุ่งอะไร!“เหตุใดไม่เข้าไป?”ยามราตรีที่เงียบสงบ เสียงที่ทุ้มต่ำของเขาไพเราะมากอวิ๋นอิงเงยหน้าขึ้น มองเห็นเขา ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ส่ายศีรษะ “ข้ารอพระชายา”“คุณหนูกู้หาเรื่องเจ้า ไม่ให้เจ้าเข้าไปใช่หรือไม่?” จิ่งอี้มองตาของนาง ดวงตาที่เฉียบคมและลึกล้ำนั่น ราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งแววตาอวิ๋นอิงสั่นไหวทีหนึ่งถูกมองความจริงออก นางกระอักกระอ่ว
จิ่งอี้หมุนกายก็จะไป เยว่เอ๋อร์เอ่ยปากโดยไม่รู้ตัว“คุณชายจิ่ง!”พอพูดออกไป ก็แน่นหน้าอกฉับพลัน และประหม่าขึ้นมาทันที เมื่อเขาหันมามองนาง หัวใจยิ่งเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากลำคอ ใบหน้าก็อดไม่ได้ที่จะแดงความวู่วามที่รุนแรงสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในจิตใจ… นางจับสองมือแน่น พยายามกลืนน้ำลาย รวบรวมความกล้า ในที่สุดคำพูดที่ถูกซ่อนไว้ในก้นบึ้งของหัวใจนานมากก็ถูกพูดออกมา“คุณชายจิ่ง ข้า…ข้าชอบท่าน…”ก้มหน้าต่ำอย่างเขินอาย ใบหน้าแดงเหมือนกุ้งที่ต้มจนสุก ประหม่าจนร่างกายหดเกร็ง รอคำตอบของเขาอย่างคาดหวังจิ่งอี้ขมวดคิ้วนาง?ชอบเขา?อะไรกัน?“ข้านิสัยจืดชืด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง ขอบคุณความรักของแม่นางเยว่เอ๋อร์” เขาปฏิเสธอย่างเฉยเมย ยกเท้าเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรมากอีกเยว่เอ๋อร์เหมือนถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งรดใส่ศีรษะ เย็นวูบตั้งแต่หัวจรดเท้ารอยยิ้มแข็งทื่ออยู่บนใบหน้าหัวใจทั้งดวงจมลงสู่หุบเหวในพริบตา…คุณชายจิ่งปฏิเสธนาง เขาไม่ชอบนาง และยังบอกว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอะไรอีก แต่ทั้งๆ ที่เขาดีต่ออวิ๋นอิงมากทั้งๆ ที่เขาชอบอวิ๋นอิง!เพราะเหตุใด?นางสู้อวิ๋นอิงไม่ได้ตรงไหนกันแน่?
ความคับข้องใจและความทุกข์เต็มอก ไม่มีที่ระบาย…ไม่ยุติธรรมเลย!ตอนนั้น พระชายาอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้รับความโปรดปราน และถูกเหยียดหยามรังแก นางเป็นคนที่เคียงข้างพระชายาเดินผ่านช่วงเวลาที่ลำบากนั้น ในที่สุดก็ได้ลืมตาอ้าปาก อวิ๋นอิงกลับเก็บเกี่ยวความสำเร็จทั้งหมดไปสิ่งนี้จะให้นางไม่โมโห ไม่เกลียดชัง ไม่หงุดหงิดได้อย่างไร?เยว่เอ๋อร์ร้องไห้นานมากนานมากท่ามกลางเสียงสะอึกสะอื้น จู่ๆ ก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำของผู้ชายแทรกเข้ามา “รีบไปที่งานเลี้ยง พระชายามีอันตราย”เยว่เอ๋อร์ตะลึงงันครู่หนึ่งมีคนอยู่?นางรีบเช็ดน้ำตา สงบสติอารมณ์แล้วลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ เห็นร่างเงาสายหนึ่งที่คาดคิดไม่ถึง…อ๋องหลี?!“ที่ท่านพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร?” เสียงที่แหบแห้งของนางปนเสียงสะอื้น ดวงตาแดงก่ำเฟิ่งเจิ้งหลียืนอยู่ตรงจุดที่ย้อนแสง กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับยามราตรี น้ำเสียงเคร่งขรึมมาก“ตระกูลกู้ไม่มีทางยกเลิกสัญญาแต่งงานกับท่านโหวน้อย กลับกันจะฆ่าอวิ๋นอิงให้ตาย งานเลี้ยงของคืนนี้จัดขึ้นที่ห้องเก็บของ ในห้องเก็บของมีดินปืนกองเต็มไปหมด ตระกูลกู้เตรียมตัวใช้ข้ออ้าง ‘ไม่ระวังเกิดเพลิงไหม้’ จุด