ขอทานที่อยู่โดยรอบรีบรุมล้อมเข้ามา แต่ละคนมองฉู่เชียนหลีอย่างซาบซึ้ง ในดวงตาชุ่มไปด้วยน้ำตาพวกเขาบางคนป่วยหนัก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บางคนครอบครัวแตกแยก ไม่เหลืออะไร บางคนไร้ญาติไร้คนรู้จัก ถูกบีบให้เป็นขอทาน หรือบางคนพิการ…เร่ร่อนอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีบ้าน ได้กินข้าวมื้อนี้ มื้อต่อไปจะกินอย่างไรก็ยังไม่รู้อ๋องเฉินเป็นคนมอบความช่วยเหลือและเงินแก่พวกเขา ช่วยให้พวกเขามีบ้านอยู่ ช่วยให้พวกเขามีงานทำ ทำให้พวกเขามีที่อยู่อาศัยและที่ยืนบุญคุณเช่นนี้ เหมือนบิดามารดาอีกคน“พระชายาอ๋องเฉิน ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือพวกเรา พวกเราจะจดจำไปตลอดชีวิต!”“พระชายาอ๋องเฉิน ท่านกับอ๋องเฉินเป็นคนดีจริงๆ…”“ใช่แล้ว…”พวกเขาซาบซึ้งมากฉู่เชียนหลีไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และยังได้รับผลงานไปโดยไม่ต้องทำอะไร รู้สึกละอายใจเล็กน้อย“ทุกคนกล่าวหนักแล้ว” นางยกสองมือขึ้น ให้ทุกคนเงียบแล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นราษฎรของแคว้นตงหลิง พวกเจ้าสามารถเชื่อในบ้านเมือง เชื่อในฝ่าบาทเสมอ ฝ่าบาทรักราษฎรเหมือนรักลูก ไม่ว่ากับใครก็จะไม่นั่งนิ่งดูดายแน่นอน”ต่อหน้าทุกคน คำพูดที่ถ่อมตนของนางกล่าวได้ดีมาก ผลักผลงานทั้งห
เดิมทีก็ไม่ใช่สถานที่กว้างใหญ่อยู่แล้ว เจ้าเดินมา ข้าเบียดไป ไม่รู้ว่าใครไม่ระวังชนโดนประตู เสาบ้านที่ไม่มั่นคงล้มลงฉับพลันเอี๊ยด…“ระวัง!”เสาบ้านที่หนาใหญ่เป็นพิเศษบอกล้มก็ล้มเลย ยิ่งกว่านั้นล้มทับมาทางฉู่เชียนหลีเกิดเรื่องกะทันหัน ทุกคนต่างตกใจ แทบลืมตอบสนองในช่วงความเป็นความตาย ร่างเงาหลายสายพุ่งเข้ามาโดยไม่สนใจตนเอง“เสียวฉู่!”“พระชายา!”“พระชายา!”ปัง!เสาบ้านขนาดใหญ่ล้มทับลงมาตามแรงเฉื่อย น้ำหนักเกือบสองร้อยชั่ง กระแทกลงบนร่างกายคน เสียงที่อึกทึกดังขึ้นฉู่เชียนหลีเงยหน้ามอง เห็นคนที่ขวางอยู่ข้างหลังคือพระชายาอ๋องติ้งสองมือที่ชูสูงของนางยันเสาบ้านไว้ ฝ่ามือถูกกระแทกจนเลือดออก สีหน้าซีดเซียว และยังมีเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง พวกนางช่วยกันออกแรงยันเสาบ้านไว้คนที่ยิ่งคาดคิดไม่ถึงคืออ๋องหลี!เขาก็อยู่เช่นกัน!เสาที่หนักอึ้งไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงผู้หญิงสองสามคนสามารถรับไว้ เขายืนอยู่บนบันได ใช้แผ่นหลังของตนเองแบกน้ำหนักที่หนักอึ้งไว้ มือสองข้างที่กางออกปกป้องฉู่เชียนหลีไว้ใต้ร่าง เหมือนนกอินทรีที่กำลังปกป้องลูกมาก แบกรับความอันตรายไว้ทั้งหมด ภายใต้ปีกของเขา เพียงพอที่จ
ข่าวเสาบ้านล้ม เกือบทับโดนพระชายาอ๋องเฉินแพร่กระจายออกไป สร้างความฮือฮาไม่น้อย ใครไม่รู้บ้างว่าในท้องพระชายาอ๋องเฉินตั้งครรภ์ทายาทราชวงศ์?หากไม่มีทายาทราชวงศ์แล้ว ใครได้รับผลประโยชน์มากที่สุด?นี่คืออุบัติเหตุหรือวางแผนไว้ก่อน?ชั่วขณะ ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์…จวนอ๋องเฉินเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บในระดับที่ต่างกัน พักผ่อนอยู่ในห้อง แต่เนื่องจากปกป้องพระชายาได้ไม่ดี จึงโทษตัวเอง ไม่สบอารมณ์อย่างมากสองมืออวิ๋นอิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล รู้สึกลึกๆ ว่าตนเองนั้นไร้ประโยค“ครั้งก่อน ข้าถูกรัชทายาทจับตัว พระชายาเป็นคนช่วยข้า แต่ข้ากลับปกป้องความปลอดภัยของนางได้ไม่ดี…”นางกุมศีรษะอย่างรู้สึกผิด พึมพำเสียงเบา“ไม่ควรออกไป ไม่ควรตามพระชายาอ๋องติ้งออกไป…ตอนที่คุณชายจิ่งส่งจดหมายลับมา ข้าก็ควรระวังพระชายาอ๋องติ้งแล้ว…”“พระชายาอ๋องติ้งก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือนางเสมอไป ตอนนั้น นางก็วิ่งออกไปปกป้องพระชายา บางทีคนร้ายอาจเป็นคนอื่น” เยว่เอ๋อร์กล่าว มือของนางก็บาดเจ็บเช่นกัน ถูกพันด้วยผ้าพันแผลหนาๆในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พระชายาถูกท่านอ๋องปกป้องอย่างดี ประตูใหญ่ไม่อ
ตอนพูด เขาดึงอวิ๋นอิงเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เหมือนกำลังทำตามหน้าที่ แค่มาส่งยาเท่านั้นดวงตาอวิ๋นอิงกลับโค้งงอ พลันยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้นยืน“เยว่เอ๋อร์ ข้านึกขึ้นได้กะทันหันว่ายังมีเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้ทำ ข้ากลับห้องก่อนแล้ว”พูดจบก็ไปแล้ว ทิ้งให้เยว่เอ๋อร์กับหานเฟิงอยู่กันสองคนเยว่เอ๋อร์รับยาไว้ “ขอบคุณมาก”วางไว้บนโต๊ะ อีกเดี๋ยวค่อยใช้กล่าวขอบคุณ เก็บยาเสร็จ เงยหน้าเห็นหานเฟิงยังยืนอยู่ ไม่มีท่าทีที่จะไป จึงอดไม่ได้จะตะลึงงันครู่หนึ่ง“ใต้เท้าหานเฟิงยังมีเรื่องอะไรหรือ?”หานเฟิงชะงัก คำพูดห่วงใยหลายประโยคมาถึงปลายลิ้น ยึกยักไม่กล้าพูดออกมา กำหมัดแน่นอย่างเขินอายพักหนึ่ง หมุนกายก็จากไปด้วยความอัดอั้นอยากพูดแต่พูดไม่ออกไม่พูดก็อัดอั้นพูดก็ไม่ค่อยกล้าไม่พูดก็อัดอั้นอีกหงุดหงิด!เยว่เอ๋อร์ “?”เกาศีรษะ มองแผ่นหลังเขาแวบหนึ่ง แล้วมองยาบนโต๊ะ เยว่เอ๋อร์งงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!ทำตัวแปลกๆ!โรงหมอเป้าฟู่หลังจากเกิดเรื่องสองชั่วยาว เฟิ่งหรานบอกเรื่องที่ตรวจสอบพบออกมาทีละอย่าง เรื่องเสาบ้านล้มมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับอ๋องเฟิงและอ๋องเจวี๋ย เป็นหนึ่ง
จางเฟยโกรธมาก อยากฆ่าอ๋องเจวี๋ยโดยตรง จึงจะสามารถระบายความคับข้องใจนี้เป็นถึงลูกผู้ชายอกสามศอก กลับลงมือกับผู้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งโหดเหี้ยมเช่นนี้ มันใช่ลูกผู้ชายหรือ?เฟิ่งหรานเกลี้ยกล่อมให้เขาใจเย็นๆ ทำอะไรต้องพิจารณาถึงผลที่ตามมา ยิ่งกว่านั้นจางเฟยเป็นหมอจางเฟยบอกว่าก่อนที่จะรู้จักคุณหนู เขาคือมือเบญจพิษที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ ตั้งแต่รู้จักคุณหนู ถูกบังคับให้เป็นหมอ ธรรมชาติของเขานั้นอำมหิตมากเถียงกันไปเถียงกันมา ไม่ได้ผลสรุปเสียที จิ่งอี้ยกเท้าจากไปกะทันหันคนทั้งกลุ่มหันไปมอง “?”ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไปโดยไม่พูดสักคำทั้งเช่นนี้แล้ว?ทั้งคู่ก็ไม่เถียงกันแล้ว คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวาวิ่งไปข้างกายจางขาเป๋ “เหล่าจาง เจ้ามีความคิดเยอะ เจ้าลองพูดดูว่าควรจะแก้แค้นให้คุณหนูอย่างไร?”จางขาเป๋หลับตา พลางลูบเคราสีขาวไปด้วย พลางกล่าวอย่างลึกล้ำ“สำนักอู๋จี๋อยากยื่นมือเข้าไปยุ่ง แค่ต้องมีสถานะที่เหมาะสม เรื่องนี้ไม่ได้ยาก”“ฮืม?” ทั้งคู่เกิดความอยากรู้อยากเห็น“ควรจะทำอย่างไร จึงจะสามารถให้อิทธิพลของยุทธภพ แทรกแซงเรื่องของราชวงศ์อย่างทำนองคลองธรรม และยังจะไม่ถูกฝ่าบาทจงใจหาเรื่อง?”
เยว่เอ๋อร์ตะลึงงัน “อะไรคืออาศัยข้าเสพสุข?”เหตุใดนางจึงไม่ค่อยเข้าใจคำพูดนี้?อวิ๋นอิงยกสองมือของตนเองขึ้น “นี่ไง!”หานเฟิงตั้งใจมาส่งยาให้เยว่เอ๋อร์ นี่ก็พึ่งบารมีของเยว่เอ๋อร์ไม่ใช่หรือ จึงจะสามารถใช้ยาที่ดีเช่นนี้?เยว่เอ๋อร์เกาศีรษะ ยังคงไม่เข้าใจความหมายของอวิ๋นอิงอวิ๋นอิงเพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้พูดอะไรมากผู้เล่นมักอ่านเกมไม่ออก ผู้ชมมักอ่านเกมขาด ตนเองไม่เข้าใจ พูดมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์“นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบพักผ่อน ข้ากลับแล้ว” อวิ๋นอิงตบไหล่ของเยว่เอ๋อร์ ลุกขึ้นกลับห้องเพิ่งผลักประตูออก ก็ได้กลิ่นเย็นๆ สายหนึ่งเมื่อเงยหน้ามองไปภายในห้องที่เรียบง่ายและมืดสลัว ร่างเงาสีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาด ชายคนนั้นกลมกลืนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดสลัว แทบเห็นใบหน้าที่สุขุมและเย็นชาไม่ชัดเจนชายคนนั้นเงยหน้า ดวงตาสีเข้มเป็นประกาย เหมือนมีกลิ่นคาวเลือดที่มองไม่เห็นสายหนึ่งปะทะหน้าอวิ๋นอิงพลันอวิ๋นอิงแน่นหน้าอก จะถอยออกจากห้องโดยไม่รู้ตัวแต่ชายคนนั้นพุ่งเข้ามาคว้าแขนดึงนางเข้าห้อง พลิกมือปิดประตู นางเซไปชนเข้ากับกำแพง ถูกชายคนนั้นยืนขวางอยู่ตรงมุมแคบๆ ของกำแพง
นิ้วมือที่เย็นเล็กน้อยของจิ่งอี้ค่อยๆ เลื่อนลงมา จากคางของนาง คอ ผ่านลูกกระเดือก แล้วค่อยๆ บีบคอที่ผอมแห้งราวกับแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็สามารถบีบจนหักโดยตรงเป็นหรือตายแค่พริบตาเดียว ร่างกายอวิ๋นอิงหดเกร็ง แผ่นหลังแข็งเหมือนกระดานไม้ แม้แต่หายใจก็ลำบากนางคลุกคลีอยู่ในสำนักยุทธ์ของบ้านตนเองตั้งแต่เด็ก นิสัยร่าเริง ตีต่อยกับเด็กผู้ชายมาโดยตลอด เคยเห็นคนมาทุกประเภทคนดี คนชั่ว ชอบเสแสร้ง ชอบเปรียบเทียบ ต้องการเป็นที่หนึ่งตลอด…แต่ไม่เคยใกล้ชิดกับคนที่อันตรายอย่างเขา บางทีอาจเพราะอยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคย สัญชาตญาณของนางต้องการหนี…“อวิ๋น…”ข้างนอก เยว่เอ๋อร์มาแล้วหลังจากทายาเสร็จ มีเรื่องหนึ่งที่นางลืมบอกอวิ๋นอิง จึงตั้งใจแวะมา แต่เดินมาถึงหน้าประตู จากช่องของประตูกลับเห็น…คุณชายจิ่ง?!เป็นเขาจริงๆ!เขากับอวิ๋นอิง…สีหน้าเยว่เอ๋อร์เปลี่ยนไปทันที ขาทั้งสองข้างยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมฉับพลัน…ในเวลาเดียวกัน เรือนหานเฟิง ภายในห้อง กำลังแสดงฉากที่ประจันหน้ากันเฟิงเย่เสวียนกางขาทั้งสองข้างออก นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสุขุม ดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยราวกับนกอินทรีจ้องฉู่เชียนหลี เหมือนกับกำลั
แค่คิดก็ปวดใจเหมือนถูกมีดกรีด อยากจะจับฉู่เชียนหลีมัด ผูกติดกับสายคาดเอวของตนเองเสียเดี๋ยวนี้ ไปที่ใดก็พาไปด้วยทุกที่ แต่เขารู้ว่านางเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งของ นางต้องการอิสระและพื้นที่เขาแค่โมโหที่นางไม่ระวังตัวเรื่องของคนร้าย เขาจะตรวจสอบเอง และต้องลงโทษนางด้วยเช่นกัน ต่อไปจะได้หลาบจำ!เมื่อคิดเช่นนี้ เหวี่ยงฝ่ามือใหญ่ใส่ก้นของฉู่เชียนหลี เพียะ!เสียงดังชัดเจนเป็นพิเศษร่างฉู่เชียนหลีสั่นสะท้าน ยืนอึ้งอยู่ตรงที่เดิม มีเครื่องหมายคำถามโผล่บนศีรษะสิบกว่าตัว นางโดนตี?และยังเป็นก้นด้วย?รู้สึกถึงความเจ็บปวดเล็กน้อยที่ส่งมาจากตำแหน่งที่อ่อนไหว แก้มของนางแดงก่ำทันที รีบใช้สองมือปิดไว้“เจ้า…ครั้งต่อไปข้าจะระวัง เจ้า…ดุข้าสองสามคำก็พอสิ เหตุใดยังลงมือด้วย สุภาพชนใช้ฝีปากไม่ใช้มือ…ซี้ด!”เพิ่งกล่าวจบ ใบหน้าหล่อที่สุขุมและเยือกเย็นขยายใหญ่ตรงหน้ากะทันหันเข้าใกล้!กลีบริมฝีปากที่ประทับลงมาเย็นๆ ปนกลิ่นปอเหอจางๆ ของเขา วินาทีต่อ ริมฝีปากเจ็บแสบเขากัดนาง!กัดริมฝีปากล่างของนางไว้ไม่ปล่อย ถามด้วยเสียงที่คลุมเครือเล็กน้อย “คราวหน้ายังจะประมาทอีกหรือไม่?”“ซี้ด!”ฉู่เชียนหลีเจ