เดิมทีก็ไม่ใช่สถานที่กว้างใหญ่อยู่แล้ว เจ้าเดินมา ข้าเบียดไป ไม่รู้ว่าใครไม่ระวังชนโดนประตู เสาบ้านที่ไม่มั่นคงล้มลงฉับพลันเอี๊ยด…“ระวัง!”เสาบ้านที่หนาใหญ่เป็นพิเศษบอกล้มก็ล้มเลย ยิ่งกว่านั้นล้มทับมาทางฉู่เชียนหลีเกิดเรื่องกะทันหัน ทุกคนต่างตกใจ แทบลืมตอบสนองในช่วงความเป็นความตาย ร่างเงาหลายสายพุ่งเข้ามาโดยไม่สนใจตนเอง“เสียวฉู่!”“พระชายา!”“พระชายา!”ปัง!เสาบ้านขนาดใหญ่ล้มทับลงมาตามแรงเฉื่อย น้ำหนักเกือบสองร้อยชั่ง กระแทกลงบนร่างกายคน เสียงที่อึกทึกดังขึ้นฉู่เชียนหลีเงยหน้ามอง เห็นคนที่ขวางอยู่ข้างหลังคือพระชายาอ๋องติ้งสองมือที่ชูสูงของนางยันเสาบ้านไว้ ฝ่ามือถูกกระแทกจนเลือดออก สีหน้าซีดเซียว และยังมีเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง พวกนางช่วยกันออกแรงยันเสาบ้านไว้คนที่ยิ่งคาดคิดไม่ถึงคืออ๋องหลี!เขาก็อยู่เช่นกัน!เสาที่หนักอึ้งไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงผู้หญิงสองสามคนสามารถรับไว้ เขายืนอยู่บนบันได ใช้แผ่นหลังของตนเองแบกน้ำหนักที่หนักอึ้งไว้ มือสองข้างที่กางออกปกป้องฉู่เชียนหลีไว้ใต้ร่าง เหมือนนกอินทรีที่กำลังปกป้องลูกมาก แบกรับความอันตรายไว้ทั้งหมด ภายใต้ปีกของเขา เพียงพอที่จ
ข่าวเสาบ้านล้ม เกือบทับโดนพระชายาอ๋องเฉินแพร่กระจายออกไป สร้างความฮือฮาไม่น้อย ใครไม่รู้บ้างว่าในท้องพระชายาอ๋องเฉินตั้งครรภ์ทายาทราชวงศ์?หากไม่มีทายาทราชวงศ์แล้ว ใครได้รับผลประโยชน์มากที่สุด?นี่คืออุบัติเหตุหรือวางแผนไว้ก่อน?ชั่วขณะ ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์…จวนอ๋องเฉินเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บในระดับที่ต่างกัน พักผ่อนอยู่ในห้อง แต่เนื่องจากปกป้องพระชายาได้ไม่ดี จึงโทษตัวเอง ไม่สบอารมณ์อย่างมากสองมืออวิ๋นอิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล รู้สึกลึกๆ ว่าตนเองนั้นไร้ประโยค“ครั้งก่อน ข้าถูกรัชทายาทจับตัว พระชายาเป็นคนช่วยข้า แต่ข้ากลับปกป้องความปลอดภัยของนางได้ไม่ดี…”นางกุมศีรษะอย่างรู้สึกผิด พึมพำเสียงเบา“ไม่ควรออกไป ไม่ควรตามพระชายาอ๋องติ้งออกไป…ตอนที่คุณชายจิ่งส่งจดหมายลับมา ข้าก็ควรระวังพระชายาอ๋องติ้งแล้ว…”“พระชายาอ๋องติ้งก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือนางเสมอไป ตอนนั้น นางก็วิ่งออกไปปกป้องพระชายา บางทีคนร้ายอาจเป็นคนอื่น” เยว่เอ๋อร์กล่าว มือของนางก็บาดเจ็บเช่นกัน ถูกพันด้วยผ้าพันแผลหนาๆในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พระชายาถูกท่านอ๋องปกป้องอย่างดี ประตูใหญ่ไม่อ
ตอนพูด เขาดึงอวิ๋นอิงเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เหมือนกำลังทำตามหน้าที่ แค่มาส่งยาเท่านั้นดวงตาอวิ๋นอิงกลับโค้งงอ พลันยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้นยืน“เยว่เอ๋อร์ ข้านึกขึ้นได้กะทันหันว่ายังมีเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้ทำ ข้ากลับห้องก่อนแล้ว”พูดจบก็ไปแล้ว ทิ้งให้เยว่เอ๋อร์กับหานเฟิงอยู่กันสองคนเยว่เอ๋อร์รับยาไว้ “ขอบคุณมาก”วางไว้บนโต๊ะ อีกเดี๋ยวค่อยใช้กล่าวขอบคุณ เก็บยาเสร็จ เงยหน้าเห็นหานเฟิงยังยืนอยู่ ไม่มีท่าทีที่จะไป จึงอดไม่ได้จะตะลึงงันครู่หนึ่ง“ใต้เท้าหานเฟิงยังมีเรื่องอะไรหรือ?”หานเฟิงชะงัก คำพูดห่วงใยหลายประโยคมาถึงปลายลิ้น ยึกยักไม่กล้าพูดออกมา กำหมัดแน่นอย่างเขินอายพักหนึ่ง หมุนกายก็จากไปด้วยความอัดอั้นอยากพูดแต่พูดไม่ออกไม่พูดก็อัดอั้นพูดก็ไม่ค่อยกล้าไม่พูดก็อัดอั้นอีกหงุดหงิด!เยว่เอ๋อร์ “?”เกาศีรษะ มองแผ่นหลังเขาแวบหนึ่ง แล้วมองยาบนโต๊ะ เยว่เอ๋อร์งงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!ทำตัวแปลกๆ!โรงหมอเป้าฟู่หลังจากเกิดเรื่องสองชั่วยาว เฟิ่งหรานบอกเรื่องที่ตรวจสอบพบออกมาทีละอย่าง เรื่องเสาบ้านล้มมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับอ๋องเฟิงและอ๋องเจวี๋ย เป็นหนึ่ง
จางเฟยโกรธมาก อยากฆ่าอ๋องเจวี๋ยโดยตรง จึงจะสามารถระบายความคับข้องใจนี้เป็นถึงลูกผู้ชายอกสามศอก กลับลงมือกับผู้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งโหดเหี้ยมเช่นนี้ มันใช่ลูกผู้ชายหรือ?เฟิ่งหรานเกลี้ยกล่อมให้เขาใจเย็นๆ ทำอะไรต้องพิจารณาถึงผลที่ตามมา ยิ่งกว่านั้นจางเฟยเป็นหมอจางเฟยบอกว่าก่อนที่จะรู้จักคุณหนู เขาคือมือเบญจพิษที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ ตั้งแต่รู้จักคุณหนู ถูกบังคับให้เป็นหมอ ธรรมชาติของเขานั้นอำมหิตมากเถียงกันไปเถียงกันมา ไม่ได้ผลสรุปเสียที จิ่งอี้ยกเท้าจากไปกะทันหันคนทั้งกลุ่มหันไปมอง “?”ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไปโดยไม่พูดสักคำทั้งเช่นนี้แล้ว?ทั้งคู่ก็ไม่เถียงกันแล้ว คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวาวิ่งไปข้างกายจางขาเป๋ “เหล่าจาง เจ้ามีความคิดเยอะ เจ้าลองพูดดูว่าควรจะแก้แค้นให้คุณหนูอย่างไร?”จางขาเป๋หลับตา พลางลูบเคราสีขาวไปด้วย พลางกล่าวอย่างลึกล้ำ“สำนักอู๋จี๋อยากยื่นมือเข้าไปยุ่ง แค่ต้องมีสถานะที่เหมาะสม เรื่องนี้ไม่ได้ยาก”“ฮืม?” ทั้งคู่เกิดความอยากรู้อยากเห็น“ควรจะทำอย่างไร จึงจะสามารถให้อิทธิพลของยุทธภพ แทรกแซงเรื่องของราชวงศ์อย่างทำนองคลองธรรม และยังจะไม่ถูกฝ่าบาทจงใจหาเรื่อง?”
เยว่เอ๋อร์ตะลึงงัน “อะไรคืออาศัยข้าเสพสุข?”เหตุใดนางจึงไม่ค่อยเข้าใจคำพูดนี้?อวิ๋นอิงยกสองมือของตนเองขึ้น “นี่ไง!”หานเฟิงตั้งใจมาส่งยาให้เยว่เอ๋อร์ นี่ก็พึ่งบารมีของเยว่เอ๋อร์ไม่ใช่หรือ จึงจะสามารถใช้ยาที่ดีเช่นนี้?เยว่เอ๋อร์เกาศีรษะ ยังคงไม่เข้าใจความหมายของอวิ๋นอิงอวิ๋นอิงเพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้พูดอะไรมากผู้เล่นมักอ่านเกมไม่ออก ผู้ชมมักอ่านเกมขาด ตนเองไม่เข้าใจ พูดมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์“นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบพักผ่อน ข้ากลับแล้ว” อวิ๋นอิงตบไหล่ของเยว่เอ๋อร์ ลุกขึ้นกลับห้องเพิ่งผลักประตูออก ก็ได้กลิ่นเย็นๆ สายหนึ่งเมื่อเงยหน้ามองไปภายในห้องที่เรียบง่ายและมืดสลัว ร่างเงาสีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาด ชายคนนั้นกลมกลืนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดสลัว แทบเห็นใบหน้าที่สุขุมและเย็นชาไม่ชัดเจนชายคนนั้นเงยหน้า ดวงตาสีเข้มเป็นประกาย เหมือนมีกลิ่นคาวเลือดที่มองไม่เห็นสายหนึ่งปะทะหน้าอวิ๋นอิงพลันอวิ๋นอิงแน่นหน้าอก จะถอยออกจากห้องโดยไม่รู้ตัวแต่ชายคนนั้นพุ่งเข้ามาคว้าแขนดึงนางเข้าห้อง พลิกมือปิดประตู นางเซไปชนเข้ากับกำแพง ถูกชายคนนั้นยืนขวางอยู่ตรงมุมแคบๆ ของกำแพง
นิ้วมือที่เย็นเล็กน้อยของจิ่งอี้ค่อยๆ เลื่อนลงมา จากคางของนาง คอ ผ่านลูกกระเดือก แล้วค่อยๆ บีบคอที่ผอมแห้งราวกับแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็สามารถบีบจนหักโดยตรงเป็นหรือตายแค่พริบตาเดียว ร่างกายอวิ๋นอิงหดเกร็ง แผ่นหลังแข็งเหมือนกระดานไม้ แม้แต่หายใจก็ลำบากนางคลุกคลีอยู่ในสำนักยุทธ์ของบ้านตนเองตั้งแต่เด็ก นิสัยร่าเริง ตีต่อยกับเด็กผู้ชายมาโดยตลอด เคยเห็นคนมาทุกประเภทคนดี คนชั่ว ชอบเสแสร้ง ชอบเปรียบเทียบ ต้องการเป็นที่หนึ่งตลอด…แต่ไม่เคยใกล้ชิดกับคนที่อันตรายอย่างเขา บางทีอาจเพราะอยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคย สัญชาตญาณของนางต้องการหนี…“อวิ๋น…”ข้างนอก เยว่เอ๋อร์มาแล้วหลังจากทายาเสร็จ มีเรื่องหนึ่งที่นางลืมบอกอวิ๋นอิง จึงตั้งใจแวะมา แต่เดินมาถึงหน้าประตู จากช่องของประตูกลับเห็น…คุณชายจิ่ง?!เป็นเขาจริงๆ!เขากับอวิ๋นอิง…สีหน้าเยว่เอ๋อร์เปลี่ยนไปทันที ขาทั้งสองข้างยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมฉับพลัน…ในเวลาเดียวกัน เรือนหานเฟิง ภายในห้อง กำลังแสดงฉากที่ประจันหน้ากันเฟิงเย่เสวียนกางขาทั้งสองข้างออก นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสุขุม ดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยราวกับนกอินทรีจ้องฉู่เชียนหลี เหมือนกับกำลั
แค่คิดก็ปวดใจเหมือนถูกมีดกรีด อยากจะจับฉู่เชียนหลีมัด ผูกติดกับสายคาดเอวของตนเองเสียเดี๋ยวนี้ ไปที่ใดก็พาไปด้วยทุกที่ แต่เขารู้ว่านางเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งของ นางต้องการอิสระและพื้นที่เขาแค่โมโหที่นางไม่ระวังตัวเรื่องของคนร้าย เขาจะตรวจสอบเอง และต้องลงโทษนางด้วยเช่นกัน ต่อไปจะได้หลาบจำ!เมื่อคิดเช่นนี้ เหวี่ยงฝ่ามือใหญ่ใส่ก้นของฉู่เชียนหลี เพียะ!เสียงดังชัดเจนเป็นพิเศษร่างฉู่เชียนหลีสั่นสะท้าน ยืนอึ้งอยู่ตรงที่เดิม มีเครื่องหมายคำถามโผล่บนศีรษะสิบกว่าตัว นางโดนตี?และยังเป็นก้นด้วย?รู้สึกถึงความเจ็บปวดเล็กน้อยที่ส่งมาจากตำแหน่งที่อ่อนไหว แก้มของนางแดงก่ำทันที รีบใช้สองมือปิดไว้“เจ้า…ครั้งต่อไปข้าจะระวัง เจ้า…ดุข้าสองสามคำก็พอสิ เหตุใดยังลงมือด้วย สุภาพชนใช้ฝีปากไม่ใช้มือ…ซี้ด!”เพิ่งกล่าวจบ ใบหน้าหล่อที่สุขุมและเยือกเย็นขยายใหญ่ตรงหน้ากะทันหันเข้าใกล้!กลีบริมฝีปากที่ประทับลงมาเย็นๆ ปนกลิ่นปอเหอจางๆ ของเขา วินาทีต่อ ริมฝีปากเจ็บแสบเขากัดนาง!กัดริมฝีปากล่างของนางไว้ไม่ปล่อย ถามด้วยเสียงที่คลุมเครือเล็กน้อย “คราวหน้ายังจะประมาทอีกหรือไม่?”“ซี้ด!”ฉู่เชียนหลีเจ
ตำแหน่งฮ่องเต้ เขาเอาแน่!“เชียนหลี มีข้าอยู่ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยากทำร้ายพวกเจ้าสองแม่ลูก นอกจากข้ามศพของข้าไปก่อน!” คำพูดของเขาหนักแน่นดั่งเหล็กกล้า เด็ดเดี่ยวดุจขุนเขาภรรยาที่อรชรอ้อนแอ้นในอ้อมแขนกับลูกที่ยังไม่เกิด เป็นหนึ่งเดียวที่เขาห่วงบนโลกใบนี้ครอบครัว!ฉู่เชียนหลีค่อยๆ เอนกายลง สองมือจับฝ่ามือใหญ่ของเฟิงเย่เสวียน วางลงบนท้องน้อยของตนเองเกิดในราชวงศ์ เส้นทางมีอุปสรรคขวางกั้น อันตรายไม่ขาดสาย ไม่บุกบั่นฝ่าฟันจนถึงวาระสุดท้าย ก็จะไม่มีวันที่สงบสุขขอแค่มีเขาอยู่ มีลูกอยู่ ขอแค่ครอบครัวนี้สมบูรณ์ นางก็พร้อมแลกด้วยทุกอย่าง“เฉิน ข้าหวงแหนครอบครัวนี้มาก เลือดเนื้อและลูกของข้า วัยเยาว์ของข้า ทั้งหมดของข้า ล้วนอุทิศให้จวนอ๋องเฉิน เจ้าอย่าทำสิ่งที่ทำให้ข้าผิดหวังเด็ดขาด”นางลูบแก้มของเฟิงเย่เสวียนภายในห้องข้างที่มืดสลัว ใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น ใบหน้าเฟิงเย่เสวียนคลุมเครือ มองเห็นเค้าโครงไม่ชัดคำพูดแต่ละคำของนางจริงจังเป็นพิเศษ“ถ้าหากมีวันหนึ่ง เจ้าทำให้ข้าเสียใจ ข้าจะไป ไปสถานที่ที่เจ้าหาไม่เจอ และไม่มีวันพบเจ้าอีก”ลมหายใจเฟิงเย่เสวียนแน่นเล็กน้อย กระชับแขนทั้งสองข้าง กอด
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท