ตำแหน่งฮ่องเต้ เขาเอาแน่!“เชียนหลี มีข้าอยู่ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยากทำร้ายพวกเจ้าสองแม่ลูก นอกจากข้ามศพของข้าไปก่อน!” คำพูดของเขาหนักแน่นดั่งเหล็กกล้า เด็ดเดี่ยวดุจขุนเขาภรรยาที่อรชรอ้อนแอ้นในอ้อมแขนกับลูกที่ยังไม่เกิด เป็นหนึ่งเดียวที่เขาห่วงบนโลกใบนี้ครอบครัว!ฉู่เชียนหลีค่อยๆ เอนกายลง สองมือจับฝ่ามือใหญ่ของเฟิงเย่เสวียน วางลงบนท้องน้อยของตนเองเกิดในราชวงศ์ เส้นทางมีอุปสรรคขวางกั้น อันตรายไม่ขาดสาย ไม่บุกบั่นฝ่าฟันจนถึงวาระสุดท้าย ก็จะไม่มีวันที่สงบสุขขอแค่มีเขาอยู่ มีลูกอยู่ ขอแค่ครอบครัวนี้สมบูรณ์ นางก็พร้อมแลกด้วยทุกอย่าง“เฉิน ข้าหวงแหนครอบครัวนี้มาก เลือดเนื้อและลูกของข้า วัยเยาว์ของข้า ทั้งหมดของข้า ล้วนอุทิศให้จวนอ๋องเฉิน เจ้าอย่าทำสิ่งที่ทำให้ข้าผิดหวังเด็ดขาด”นางลูบแก้มของเฟิงเย่เสวียนภายในห้องข้างที่มืดสลัว ใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น ใบหน้าเฟิงเย่เสวียนคลุมเครือ มองเห็นเค้าโครงไม่ชัดคำพูดแต่ละคำของนางจริงจังเป็นพิเศษ“ถ้าหากมีวันหนึ่ง เจ้าทำให้ข้าเสียใจ ข้าจะไป ไปสถานที่ที่เจ้าหาไม่เจอ และไม่มีวันพบเจ้าอีก”ลมหายใจเฟิงเย่เสวียนแน่นเล็กน้อย กระชับแขนทั้งสองข้าง กอด
สองมือโอบเอวเฟิงเจิ้งหลี ออกแรงกอดไว้แน่น ใบหน้าข้างแนบติดแผ่นหลัง สูดดมกลิ่นหอมบนกายเขาลึกๆ อาลัยอาวรณ์จนแทบเป็นบ้าแล้ว“ข้าจะเป็นบ้าแล้วจริงๆ ท่านยอมไถ่ถามทุกข์สุขของผู้หญิงข้างนอก ก็ไม่ยอมมองพระชายาที่รอท่านอยู่ที่จวนทุกวัน หัวใจของข้าเจ็บปวดมาก เหมือนกับมีคนเอามีดมาแทง”“ท่านอ๋อง พวกเราต่างหากจึงจะเป็นสามีภรรยาที่อยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า ท่านช่วยมองข้า รักข้าหน่อยได้หรือไม่?”เสียงที่สั่นเครือของนางมีเสียงสะอื้นปะปน อ้อนวอนอย่างต่ำต้อยเป็นพิเศษเพื่อความรัก นางยอมเฝ้าห้องที่ว่างเปล่าเพียงลำพังทุกคืนเพื่อความรัก นางสามารถทำได้ทุกอย่างขอแค่สามารถได้รับการตอบกลับจากเขา ให้นางแลกด้วยทุกอย่างที่มีก็ไม่เสียดายเฟิงเจิ้งหลีหลุบตา จับมือเล็กทั้งสองข้างที่อยู่บนเอว งัดแล้วงัดอีก กลับงัดไม่ออก น้ำเสียงยิ่งเย็นชาทันที“ปล่อย!”เขาไม่เคยอยากแตกงานกับนาง ย่อมไม่รักนางอยู่แล้วถ้าหากทั่วหล้า ความรักทั้งหมดสามารถได้รับการตอบแทน เช่นนั้นคนที่เขาต้องการก็ไม่มีทางเป็นฉู่เจียวเจียวแน่นอน“ท่านอ๋อง…”“ปล่อย!”เขาจับข้อมือนางอย่างหมดความอดทน พลันออกแรงบิดแล้วเหวี่ยง ถึงขั้นเหวี่ยงคนลงพื
เพราะเรื่องของเสาบ้าน ทำให้คนบาดเจ็บมากมายเช่นนั้น พระชายาโทษตนเอง ต้องไม่สบายใจอย่างแน่นอนแต่นี่ก็ไม่ใช่ความต้องการของพระชายาอวิ๋นอิงหวังใช้นิยายมาเบี่ยงเบนความสนใจของพระชายา นางเปิดหน้าแรกแล้วอ่าน“ตอนที่สามร้อยหนึ่ง หมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในทั่วหล้ารับคำสั่งองค์หญิง เดินทางมาจวนองค์หญิงอย่างเร่งด่วน เพิ่งวิ่งถึงหน้าเตียง หลงอ้าวเทียนก็สิ้น…สิ้นใจแล้ว?”เยว่เอ๋อร์ “?”ฉู่เชียนหลี “?”อวิ๋นอิง “?”สิ้นใจ?พระเอกสิ้นใจจริงๆ? นางไม่ได้อ่านผิด?ขยับหนังสือเข้ามาใกล้หน้า ดูอย่างละเอียดในระยะใกล้ บัณฑิตสิ้นใจจริงๆ!ถ้าหากบัณฑิตตายแล้ว เนื้อเรื่องที่เหลือจะเขียนต่ออย่างไร?อวิ๋นอิงรีบพลิกไปอีกหน้า ตอนที่สามร้อยสอง : พิธีศพของหลงอ้าวเทียน ตอนที่สามร้อยสาม : โลงศพไม้มู่หนานที่องค์หญิงออกแบบเอง ตอนที่สามร้อยสี่ : ฝังศพการแสดงออกของนางแข็งทื่ออยู่บนใบหน้า สำลักจนพูดอะไรไม่ออกฉู่เชียนหลี “...”บัณฑิตตายแล้ว อ๋องหลีบาดเจ็บแล้ว พระชายาอ๋องติ้งบาดเจ็บแล้ว เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงก็บาดเจ็บแล้วเช่นกัน มีเพียงนางที่ปลอดภัยหายห่วง ความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจพุ่งพรวดขึ้นมาอีกครั้งทั้งหมดเป
ใจกลางเมืองหลวง ภายในห้องส่วนตัวของโรงน้ำชาชั้นเลิศแห่งหนึ่ง ปลอดภัย เงียบ สงบ เป็นสถานที่พูดคุยหารือชั้นเยี่ยมทั้งสองด้านของโต๊ะ ร่างเงาอันสูงส่งสองสายนั่งหันหน้าเข้าหากัน เสียงสนทนาระหว่างพวกเขาเบามาก และมีเจตนาที่เยือกเย็นแฝง“คิดไม่ถึงว่าฉู่เชียนหลีจะดวงแข็งและโชคดีเช่นนี้ เสาบ้านที่ใหญ่เช่นนั้นล้มทับลงมา มีคนมากมายเช่นนั้นรีบวิ่งเข้าไปช่วยรับ!”คนพูดคืออ๋องเฟิงเขากำถ้วยชาแน่น สีหน้าโมโหและเกลียดชังเขาไม่เข้าใจ เหตุใดสวรรค์จึงเข้าข้างฉู่เชียนหลีเช่นนี้ แม้แต่พระชายาอ๋องติ้ง อ๋องหลี ก็ไปเป็นพวกเดียวกับฉู่เชียนหลีคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามคืออ๋องเจวี๋ย“พี่รองไม่ต้องรีบร้อน” อ๋องเจวี๋ยหัวเราะเบาๆ อย่างสงบ ยกกาน้ำชาขึ้น เติมชาร้อนที่หอมกลมกล่อมให้เขาอย่างสง่างามฮวาๆ…เสียงน้ำใสชัดเจน เสียงของเขากลับแผ่ไปด้วยความหนาวเหน็บอย่างน่าประหลาด“ท้องของนางเพิ่งจะสามเดือน เหลือเวลาอีกเยอะ ยังมีโอกาสมากมาย อ๋องเฉินระวังพันหนหมื่นหน ก็ต้องมีสักหนที่พลาด”คำพูดนี้ทำให้อ๋องเฟิงสบายใจขึ้นเล็กน้อยมันก็จริงผู้ชายคนหนึ่งลงมือกับผู้หญิง นี่จะโทษเขาเหี้ยมโหดก็ไม่ได้ เรื่องใหญ่เกี่ยวข้องกับร
จวนอ๋องติ้งหลังจากขออนุญาตเฟิงเย่เสวียน ฉู่เชียนหลีมาถึงจวนอ๋องติ้ง ได้รับการต้อนรับจากพ่อบ้านอย่างกระตือรือร้น อ๋องติ้งมีความสุขในการต้อนรับแขก เหล่าบ่าวไพร่ยกชาส่งน้ำ ปรนนิบัติอย่างพิถีพิถันฉู่เชียนหลีรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย จึงรีบไปดูบาดแผลของพระชายาอ๋องติ้งแล้วพระชายาอ๋องติ้งจูงมือฉู่เชียนหลีมานั่งลง “มือของข้าแค่ผิวหนังถลอก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ยังต้องรบกวนเจ้ามาอีก จริงๆ เลย หากน้องเจ็ดกล่าวโทษ ข้ารับไม่ไหวนะ”ฉู่เชียนหลีจับมือทั้งสองข้างของนางแล้วแบออกเมื่อวาน มือของนางถูกเสาบ้านล้มทับ แรงเฉื่อยอันมหาศาลขุดผิวหนังหลุดไปเป็นแผ่น เผยให้เห็นเลือดเนื้อที่อยู่ข้างใน ต่อให้ทายา เห็นแล้วก็ยังน่าตกใจมากฉู่เชียนหลีมองดู รู้สึกสับสนอย่างมากถ้าหากคู่สามีภรรยาอ๋องติ้งอยากทำร้ายนาง แล้วจะยอมสละชีวิตเพื่อช่วยนางได้อย่างไร?แอบถอนหายใจหนึ่งที เงยหน้าขึ้นกล่าว “อวิ๋นอิง ว่างของขวัญลงเถอะ”“เจ้าค่ะ” อวิ๋นอิงตอบรับ นำกล่องของขวัญอันประณีตสองกล่องวางลงบนโต๊ะ หลังจากกวาดมองพระชายาแวบหนึ่ง มีเจตนาอันลึกซึ้งแลบผ่านแววตา แล้วเดินออกจากห้องโถงหน้าอย่างเงียบๆพระชายาอ๋องต
พระชายาอ๋องติ้ง “...”เสียวฉู่ยังนั่งอยู่ข้างๆ มีคนนอกอยู่ เขากลับพูดคำพูดยั่วยวนเช่นนี้อย่างโจ่งแจ้ง ทำให้พระชายาอ๋องติ้งเขินอายจนหน้าแดงทันทีทั้งอายทั้งโมโหทั้งเก็บอารมณ์ ตั้งสติสองวินาที เขม่นเขาโดยตรง “ส่ายหัวไป!”พลันอ๋องติ้งหดคอ ตบก้น หอบร่างกายที่กลมป่องเหมือนลูกบอลวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วแล้วฉู่เชียนหลี : คนนั่งอยู่ในห้องโถง จู่ๆ ก็รู้สึกเลี่ยนมากคาดคิดไม่ถึงว่ารูปแบบการใช้ชีวิตร่วมกันของคู่สามีภรรยาอ๋องติ้งจะกลมกลืนเช่นนี้ ร่าเริงเช่นนี้ สามีภรรยาคู่นี้มองข้ามชื่อเสียงและผลประโยชน์ ร่าเริงอัธยาศัยดี โหงวเฮ้งของใบหน้านั้นแลดูมีบุญวาสนาโดยธรรมชาตินางเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม “พี่สี่เก่งจริงๆ”“เก่งอะไร?”หยอกล้อเก่งอยู่กับผู้ชายที่อารมณ์ขันเช่นนี้ ชีวิตเต็มไปด้วยความสุข เป็นวันแห่งความรักทุกวัน“เจ้าไม่รู้หรอกว่าเขาหน้าด้านแค่ไหน แค่วันนี้เจ้าอยู่ ตอนที่เจ้าไม่อยู่ เขาไร้ยางอายยิ่งกว่านี้อีก” พระชายาอ๋องติ้งกล่าวอย่างรังเกียจ “จริงๆ แล้วเขามีความรู้เต็มหัว เพียงแต่ไม่ได้ใช้ให้ถูกที่ แต่พอจัดการข้ามาเป็นชุดเป็นชุดเลย”พูดถึงตรงนี้ ดวงตาของนางเป็นประกายอย่างอยากรู้อยากเห็น
ท้ายที่สุด หัวข้อสนทนานี้จบลงด้วย ‘การตำหนิพฤติกรรมที่รุนแรงของอ๋องเฉิน’ ส่วนเฟิงเย่เสวียนที่กำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือจามอย่างแรงไปหนึ่งทีคนนั่งอยู่ในบ้าน มีเรื่องมาหาถึงที่หลังจากนั้นสองชั่วยามทั้งสองเล่นก็เล่นแล้ว คุยก็คุยแล้ว กินก็กินแล้ว ว่าก็ว่าแล้ว เมื่อเริ่มสายแล้ว จึงจะบอกลากันออกจากจวนอ๋องติ้ง ขึ้นรถม้าที่กลับจวน“พระชายา” อวิ๋นอิงก้มหน้าเดินตามออกมาตลอดทาง นางเดินไปที่ข้างหน้าต่างของรถม้า ลดเสียงเบาเป็นพิเศษ“เมื่อครู่ข้าฉวยโอกาสแอบเข้าไปในห้องหนังสือ ห้องหนังสือของอ๋องติ้งมีแต่วัตถุโบราณ ภาพอักษรและตำราอาหาร ไม่มีอะไรน่าสงสัยเจ้าค่ะ”ห้องหนังสือเป็นสถานที่ทำงานส่วนบุคคล เป็นสถานที่ที่มีความลับมากที่สุดถ้าหากที่นี่ไม่มีความน่าสงสัย เว้นแต่จะซ่อนได้ดีมากๆ หรือไม่มีความน่าสงสัยจริงๆสำหรับเรื่องนี้ ฉู่เชียนหลีเชื่ออย่างหลัง อ๋องติ้งบริสุทธิ์“กลับเถอะ” นางพิงอยู่บนเบาะนุ่ม หลับตาลง “ให้จิ่งอี้ไปตรวจสอบใหม่”“เจ้าค่ะ”สาวใช้ทั้งสองคนขานรับ คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวา เดินตามอยู่ข้างรถม้าทันใดนั้น ภายในรถม้า เสียงสูดอากาศสายหนึ่งดังขึ้น“ซี้ด…”“พระชายา ท่านเป็นอ
ช่วงบ่ายฉู่เชียนหลีกลับถึงจวน เอายาให้อวิ๋นอิงหนึ่งขวด ให้อวิ๋นส่งไปที่จวนอ๋องหลี หลังจากนั้นบิดขี้เกียจ เดินไปที่เรือนหานเฟิงอย่างเกียจคร้านพร้อมกับลูบท้องเพิ่งจะสามเดือนกว่า ท้องกลับใหญ่มาก และหนักมากนางลูบหนังท้องพร้อมกับครุ่นคิดในใจ : หนึ่งวันกินข้าวหกชาม หนึ่งมื้อกินสามชาม กินตามนี้ต่อไป ท้องจะไม่ใหญ่จนระเบิดหรือ?ดูเหมือนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้องลดอาหารให้เหมาะสมจึงจะถูกไม่เช่นนั้นรอคลอดลูกแล้ว นางก็อ้วนเป็นหมูที่หนักสองร้อยชั่งแล้วกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นได้ยินเสียงที่รีบร้อนเล็กน้อยสายหนึ่ง“พระชายา!”ฉู่เชียนหลีเงยหน้า เห็นเป็นหานอิ๋งเพียงแต่นางยืนอยู่หลังภูเขาจำลอง กระบี่ที่ถืออยู่ในมือกำแน่นแล้วคลายออก แล้วกำแน่นไม่หยุด ริมฝีปากก็เม้มสี่ห้าครั้งไม่หยุด ท่าทางเหมือนอยากพูดแต่ก็ลังเล“มีอะไรหรือ?” ฉู่เชียนหลีถามด้วยความสงสัยมีเรื่องอะไรไม่ไปหาเฟิงเย่เสวียน ต้องมาหานาง?“พระชายา ข้า…ข้ามีคำพูดหลายคำไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด…ข้า…” หานอิ๋งหันมองโดยรอบเป็นระยะ เหมือนกังวลมากฉู่เชียนหลีเห็นท่าทางนี้ของนาง คิดแล้วคิดอีก อุ้มท้องแล้วเดินไปที่ด้านหลังภูเขาจำลอ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท