ลูกไม่มีแล้ว สามารถตั้งครรภ์ใหม่และคลอดใหม่แต่เมื่อไรที่คลอดเด็กพิการ ถูกคนมีใจใช้ประโยชน์ เสียชื่อแล้ว เช่นนั้นราชบัลลังก์ก็ไม่มีแล้วเมื่อไม่มีราชบัลลังก์แล้ว ก็แสดงว่าแพ้แล้วเมื่อไรที่นายท่านแพ้แล้ว ก็ไม่สามารถแก้แค้นให้เซียวกุ้ยเฟย ยังจะถูกพี่น้องคนอื่นกีดกันและหาเรื่อง ถึงเวลา นายท่านที่ไม่มีอำนาจที่เพียงพอในมือจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยิ่งอันตรายถึงชีวิตผิดหนึ่งก้าว ผิดทุกก้าวความแตกต่างและรายละเอียดในนี้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!ฉู่เชียนหลีฟังมาถึงตรงนี้ ถอยหลังอย่างตะลึงงันเล็กน้อยหนึ่งก้าวถ้าหากนี่คือเหตุผล มันก็เพียงพอจริงๆ แต่นางไม่กล้าเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ นางไม่เชื่อว่าเฟิงเย่เสวียนจะทำเช่นนี้“หากเด็กไม่แข็งแรง วันข้างหน้าข้าพาเขาไปจากจวนอ๋องเฉินก็สิ้นเรื่อง”“เรื่องมันไม่ได้ง่ายเช่นนั้นน่ะสิ พระชายา!” หานอิ๋งเม้มปากที่ขมขื่น “นายท่านชอบท่าน ไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่นอน”“ท่านยังจำช่วงที่เพิ่งกลับมาจากเมืองตงหนิง เรื่องที่ข้าอาศัยช่วงที่ท่านนอนหลับ แอบเข้าห้องเพื่อตรวจชีพจรให้ท่านได้หรือไม่? ตั้งแต่ตอนนั้น นายท่านก็ได้วางแผนเรื่องเอาเด็กออกแ
เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้วขมวดคิ้ว แม้ไม่รู้ว่านางเอาคำพูดนี้มาจากที่ใด แต่เขาถามใจตนเอง แต่งงานกันเกือบหนึ่งปีแล้ว เขาปฏิบัติต่อนางอย่างไร นางจะไม่รู้หรือ?“วันๆ ในสมองคิดอะไรอยู่กันแน่?” ตำหนิเสียงเบา “ต่อไปพูดเช่นนี้อีก ข้าจะโกรธแล้ว”อุ้มนางขึ้น วางลงบนเตียง“นอนเสริม!”“ข้าไม่ง่วง”ตอนนี้ในใจฉู่เชียนหลีเต็มไปด้วยเรื่องที่ยุ่งเหยิง ไม่มีกะจิตกะใจนอน“ไม่ง่วงก็กินยาเสีย”เฟิงเย่เสวียนเดินไปที่ข้างโต๊ะ เทน้ำหนึ่งแก้ว นำกล่องไม้สี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือออกมา แล้วหยิบลูกกลอนสีน้ำตาลเข้มหนึ่งเม็ดส่งให้นางยานี่…ฉู่เชียนหลีหลุบตามอง คำพูดที่หานอิ๋งพูดลอยเข้ามาในสมองทันทีแม้ยานี้มีส่วนผสมของสมุนไพรล้ำค่ามากมาย มูลค่าไม่สามารถประเมิน แต่เมื่อนางดม ก็ได้กลิ่นที่พิเศษสายหนึ่งหญ้าฝรั่นสมุนไพรกระตุ้นเลือด แม้เป็นยาบำรุง แต่คนมีครรภ์กินแล้ว กลับสามารถส่งผลให้แท้งบุตรได้“นี่คือยาอะไร?” นางรับมา กล่าวถามอย่างสงบ“บำรุงครรภ์” เฟิงเย่เสวียนส่งแก้วน้ำให้นางฉู่เชียนหลีได้ยินคำว่าบำรุงครรภ์ นางหัวเราะแล้ว “ราชบัลลังก์กับข้า ใครสำคัญกว่ากัน?”คำถามที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้เฟิงเย่
ทันใดนั้น เฟิงเย่เสวียนเหมือนถูกบีบคอ มองดูเม็ดน้ำตาตรงหางตาของฉู่เชียนหลี เหมือนมีอะไรบางอย่างหายไปจากหัวใจกะทันหันเป็นสิ่งของที่เลื่อนลอย สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเขา เขาอยากรีบคว้าเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถคว้าอะไรได้เลยไม่…พริบตานั้น ราวกับหยุดนิ่งเหมือนว่าวินาทีต่อมาก็จะหายไปตลอดกาลไม่!มองดูยาเม็ดนั้นกำลังจะเข้าปาก เฟิงเย่เสวียนคว้าข้อมือนางกะทันหัน แล้วตบยาเม็ดนั้นทิ้ง “มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”เขารู้สึกได้แล้ว“ฉู่เชียนหลี มีบางอย่างไม่ถูกต้องใช่หรือไม่!” เขาถามเสียงดังอย่างร้อนรนเมื่อก่อนนางไม่เคยถามคำถามอย่าง ‘ราชบัลลังก์กับข้า ใครสำคัญกว่ากัน’ ไม่เคยใช้สายตาที่หัวเราะจนน้ำตาเล็ดเช่นนี้มองเขา และไม่เคยพูดคำพูดที่เด็ดขาดเช่นนี้กับเขาต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่นอนยา!ยานี่!เฟิงเย่เสวียนเก็บยาสีน้ำตาลเข้มเม็ดนั้นขึ้นมา กำอยู่ในฝ่ามือ กดไหล่ของฉู่เชียนหลีอย่างร้อนรน“บอกข้ามา! มีคำพูดอะไร เรื่องอะไร บอกข้าทั้งหมด!”เกิดเรื่องอะไร หรือเขาไม่รู้?ยานี้เขานำมาเองกับมือ ส่วนผสมที่อยู่ในยาเม็ดนี้ เขาจะไม่รู้หรือ?น่าขำน่าขำจริงๆฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นอย
ทิศตะวันตกภายในเรือนเล็กๆ ที่สงบและสะอาด เสียงไอของผู้หญิงหอบเล็กน้อย“แค่ก…แค่กๆ…”อูหนูวางชามยาลง พยายามกลืนยาน้ำที่ขมลงไป สีหน้าขาวเหมือนกระดาษ ซีดเซียวไม่มีชีวิตชีวา นางได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการปรุงยาต้องห้ามวิชาเหมียวเจียง แตกต่างจากทักษะการแพทย์ทั่วไปทักษะการแพทย์ทั่วไปใช้ยาสมุนไพรวิชาเหมียวเจียง ใช้หนอนกู่ต่างๆยาเม็ดที่พระชายาอ๋องเฉินกิน ทำให้นางถูกวิชาย้อนเข้าตัว อายุขัยลดลงสิบปีจ่ายด้วยราคาที่สูงเช่นนี้ กลับไม่ได้รับแม้แต่สายตาที่มองตรงๆ ของชายคนนั้น นางไม่เต็มใจนัก…อูหนูหยิบผ้าเช็ดหน้าสีหมึกผืนหนึ่งขึ้น ขยี้บนนิ้วมือเบาๆเป็นของที่เมื่อครั้งก่อนตอนอยู่ห้องหนังสือ แอบขโมยของอ๋องเฉิน…นางลูบไล้อย่างแผ่วเบา ซ่อนความคิดถึงไว้ตลอดเวลา…ทันใดนั้นปัง!เสียงที่ดังสนั่นกะทันหันฉีกอากาศ เฟิงเย่เสวียนที่เดินอย่างรวดเร็วมาพร้อมกับลมเย็นและเจตนาฆ่า มุ่งไปที่โต๊ะโดยตรง อูหนูยังไม่ทันตอบสนอง ก็ถูกกลิ่นอายที่แข็งแกร่งสายหนึ่งซัดจนล้มลงพื้น“อ๊า!”ร่างกายที่อ่อนแอไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกอันหนักหน่วง ชนใส่กำแพง แล้วล้มลงพื้นอย่างแรง กระอักเลือดออกมาโดยตรงผ้าเช็ดหน้า
ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เป็นของของอ๋องเฉินครั้งหนึ่ง อูหนูเคยพูดกับอ๋องเฉิน : ‘อยากได้ยาถอนพิษ ได้ นอกจากท่านกับข้านอนด้วยกันหนึ่งครั้ง’อูหนูรักอ๋องเฉิน จึงลงมือกับพระชายาอ๋องเฉิน นี่ก็คือเหตุผลที่เพียงพอเฟิงเย่เสวียนถือผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้ ก้มมองนางจากเบื้องสูง“ภายในสามวินาที บอกเหตุผลที่ข้าจะไม่ฆ่าเจ้ามา”ฉู่เชียนหลีเป็นเส้นตายของเขา ใครก็ตามที่ล้ำเส้น ตาย!ไม่ว่าใคร เรื่องอะไร เวลาใดก็ตาม เขาล้วนสามารถไม่ถามไม่ฟังไม่สนใจ แต่ขอแค่เกี่ยวข้องกับฉู่เชียนหลี เขาก็เหมือนบ้าไปแล้ว อย่าว่าแต่อูหนูเลย แม้แต่ฮ่องเต้ก็กล้าฆ่าอูหนูหอบหายใจถี่ “ไม่ใช่ข้า…”“หนึ่ง”“อ๋องเฉิน! ถ้าหากข้าเป็นคนทำ ข้าหนีไปนานแล้ว ข้าไม่มีทางมานั่งรอความตายอยู่ตรงนี้!”“สอง”“อ๋องเฉิน!”เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเย็นชา กลิ่นอายแข็งแกร่ง ไม่อนุญาตให้ต่อรองอูหนูมองดูเขากำลังจะอ้าปาก พูดคำว่า ‘สาม’ ออกมา นางไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ตนเองและอธิบายด้วยซ้ำ นางรีบกุมหน้าอก อดกลั้นความเจ็บปวด สับขาวิ่งทันทีตอนที่เฟิงเย่เสวียนยกกระบี่ขึ้น กำลังจะไล่ตามหานอิ๋งปรากฏตัวกะทันหัน “นายท่าน ให้ข้าน้อยไปเถอะเจ้าค่ะ!
จวนอ๋องเฉิน เรือนหานเฟิง“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำ ข้าไม่ได้ตรวจอย่างละเอียด เป็นความประมาทของข้า เป็นความผิดของข้า!”เฟิงเย่เสวียนนั่งลงข้างเตียง พูดถึงเรื่องเมื่อครู่ แม้แต่เสียงก็สั่นเทาถ้าหากเขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ ห้ามนางกินยาไม่ทัน เขาไม่กล้าจินตนาการผลที่ตามมา…แค่คิดก็รู้สึกเสียวสันหลัง เกิดความกลัวหลังจากเหตุการณ์“เชียนหลี เจ้าถามข้า ราชบัลลังก์กับเจ้าใครสำคัญกว่า เจ้าถามข้า เชื่อเจ้าหรือไม่ คุ้มค่าที่จะเชื่อหรือไม่ ข้าไม่รู้ว่ายานั่นมีปัญหา ข้าไม่รู้จริงๆ!”เขากุมมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีไว้ รีบอธิบาย“เจ้าเป็นหมอ ทักษะการแพทย์ดีเช่นนั้น ข้าจะโง่เขลาถึงขั้นนำยาเช่นนี้มาวางไว้ตรงหน้าเจ้า ให้เจ้าหาเรื่องได้อย่างไร? ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ!”เขาคิดว่าอูหนูจะเห็นแก่คนในเผ่า จงรักภักดีต่อเขาเขาผิดแล้วเกือบทำร้ายภรรยาและลูก เขารู้ผิดแล้วจริงๆฉู่เชียนหลีนั่งพิงอยู่บนเตียงไม้ มองต่ำลงไป บนผ้าห่มหนาๆ มือของเขากุมมือนางไว้ มองแล้วมองอีก จากนั้นชักมือออก ซ่อนไว้ในผ้าห่ม“อืม” น้ำเสียงเรียบเฉยการกระทำที่ชักมือออกอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้ร่างเฟิงเย่เสวียนแข็งทื่อ การแสดงออกบน
“เชียนหลี!”เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้วดีใจ รีบวิ่งเข้าไป “ในที่สุดเจ้าก็สนใจข้าแล้ว!”รีบยกผ้าห่มขึ้น ให้นางโผล่ศีรษะออกมา เพื่อไม่ให้อัดอั้นนานเกินไปจนเสียสุขภาพ “เจ้าเชื่อข้า เจ้าเชื่อใจข้า ข้าไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกหกเจ้า! ช่วงที่ผ่านมา เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่รู้สึกถึงความรักที่ข้ามีต่อลูก ข้าชอบลูก ข้าชอบลูกของพวกเรา!”น้ำเสียงของเขาร้อนรน อยากได้ความเชื่อใจจากนางแต่การแสดงออกของฉู่เชียนหลีเรียบเฉย ก็เหมือนกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่มีชีวิตชีวานางเชื่อใจเขามาก แต่ช่วงที่ผ่านมา เซียวจือฮว่าลักพาตัวนาง เสาบ้านล้ม อ๋องติ้งมีความน่าสงสัย และยังมีเรื่องหญ้าฝรั่น…เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากเหลือเกิน สัญชาตญาณที่อยู่ในจิตใต้สำนึกบอกนางว่า ห้ามเชื่อใครง่ายๆ เด็ดขาดถูกทำร้ายหลายครั้งเกินไป เหมือนว่านางเกิดภาวะเครียดเชื่อใครไม่ได้นอกจากตนเองนางอยากปกป้องลูก สร้างกำแพงสูงที่มองไม่เห็นขึ้นในใจ ปกป้องตนเองไว้อย่างแน่นหนา นอกจากตนเองกับลูก ไม่ว่าใครก็เข้ามาไม่ได้ฉู่เชียนหลีกุมท้อง มองดูเฟิงเย่เสวียนแล้วกล่าว“เจ้าออกไปเถอะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราแยกห้องนอน”ร่า
“ตกลงข้าทำอะไรผิด! ข้าแค่อยากมีบ้าน มีที่หลบลมหลบฝน ใช้ชีวิตกับผู้ชายและลูกอย่างมั่นคงด้วยกัน ข้าไม่แย่งไม่ชิงอะไร ไม่ต้องการอะไรเลย!”ฉู่เชียนหลีจับผมตนเอง “ข้าช่วยคนมากมายที่เมืองตงหนิง ข้าไม่เก็บค่ารักษาแม้แต่แดงเดียว! ข้าไม่เคยฆ่าแม้แต่ไก่ตัวเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำร้ายคน! ข้าไม่เคยทำเรื่องไม่ดี เหตุใดทุกคนต้องทำร้ายข้ากับลูก ข้าแค่อยากใช้ชีวิตดีๆ กับลูกเท่านั้น!”นางกระสับกระส่ายไปหมด ตื่นตระหนกและโกรธมาก“เชียนหลี…” เฟิงเย่เสวียนรู้สึกถึงความผิดปกติ ตื่นตระหนกแล้ว รีบเดินเข้าไป “เชียนหลี เจ้าเป็นอะไรเชียนหลี!”“อ๊ะ!” ฉู่เชียนหลีผลักเขาออกอย่างฉุนเฉียว “อย่าแตะต้องข้า! อย่าเข้ามาใกล้ข้า!”นางกุมท้องไว้ ซ่อนตัวที่ด้านในของเตียงอย่างหวาดระแวง“ล้วนอย่าเข้ามา ให้ข้าอยู่คนเดียว! ใครก็อย่าเข้ามา!”เฟิงเย่เสวียนตื่นตระหนกแล้ว “เชียนหลี…”“อย่าเรียกข้า!”นางกรีดร้องจนกล่องเสียงแทบแตก กรีดร้องจนเสียงแหบ การแสดงออกหวาดกลัว เหมือนมีคนนับไม่ถ้วนอยากทำร้ายนาง ส่วนนางลำพังตัวคนเดียวนางอยากซ่อนตัวนางไม่อยากไปสนใจอะไรอ๋องติ้งก็ดี อ๋องเฉินก็ช่าง ราชบัลลังก์ก็ดี หลานชายคนโตของราชวงศ์
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท