จวนอ๋องเฉิน เรือนหานเฟิง“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำ ข้าไม่ได้ตรวจอย่างละเอียด เป็นความประมาทของข้า เป็นความผิดของข้า!”เฟิงเย่เสวียนนั่งลงข้างเตียง พูดถึงเรื่องเมื่อครู่ แม้แต่เสียงก็สั่นเทาถ้าหากเขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ ห้ามนางกินยาไม่ทัน เขาไม่กล้าจินตนาการผลที่ตามมา…แค่คิดก็รู้สึกเสียวสันหลัง เกิดความกลัวหลังจากเหตุการณ์“เชียนหลี เจ้าถามข้า ราชบัลลังก์กับเจ้าใครสำคัญกว่า เจ้าถามข้า เชื่อเจ้าหรือไม่ คุ้มค่าที่จะเชื่อหรือไม่ ข้าไม่รู้ว่ายานั่นมีปัญหา ข้าไม่รู้จริงๆ!”เขากุมมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีไว้ รีบอธิบาย“เจ้าเป็นหมอ ทักษะการแพทย์ดีเช่นนั้น ข้าจะโง่เขลาถึงขั้นนำยาเช่นนี้มาวางไว้ตรงหน้าเจ้า ให้เจ้าหาเรื่องได้อย่างไร? ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ!”เขาคิดว่าอูหนูจะเห็นแก่คนในเผ่า จงรักภักดีต่อเขาเขาผิดแล้วเกือบทำร้ายภรรยาและลูก เขารู้ผิดแล้วจริงๆฉู่เชียนหลีนั่งพิงอยู่บนเตียงไม้ มองต่ำลงไป บนผ้าห่มหนาๆ มือของเขากุมมือนางไว้ มองแล้วมองอีก จากนั้นชักมือออก ซ่อนไว้ในผ้าห่ม“อืม” น้ำเสียงเรียบเฉยการกระทำที่ชักมือออกอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้ร่างเฟิงเย่เสวียนแข็งทื่อ การแสดงออกบน
“เชียนหลี!”เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้วดีใจ รีบวิ่งเข้าไป “ในที่สุดเจ้าก็สนใจข้าแล้ว!”รีบยกผ้าห่มขึ้น ให้นางโผล่ศีรษะออกมา เพื่อไม่ให้อัดอั้นนานเกินไปจนเสียสุขภาพ “เจ้าเชื่อข้า เจ้าเชื่อใจข้า ข้าไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกหกเจ้า! ช่วงที่ผ่านมา เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่รู้สึกถึงความรักที่ข้ามีต่อลูก ข้าชอบลูก ข้าชอบลูกของพวกเรา!”น้ำเสียงของเขาร้อนรน อยากได้ความเชื่อใจจากนางแต่การแสดงออกของฉู่เชียนหลีเรียบเฉย ก็เหมือนกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่มีชีวิตชีวานางเชื่อใจเขามาก แต่ช่วงที่ผ่านมา เซียวจือฮว่าลักพาตัวนาง เสาบ้านล้ม อ๋องติ้งมีความน่าสงสัย และยังมีเรื่องหญ้าฝรั่น…เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากเหลือเกิน สัญชาตญาณที่อยู่ในจิตใต้สำนึกบอกนางว่า ห้ามเชื่อใครง่ายๆ เด็ดขาดถูกทำร้ายหลายครั้งเกินไป เหมือนว่านางเกิดภาวะเครียดเชื่อใครไม่ได้นอกจากตนเองนางอยากปกป้องลูก สร้างกำแพงสูงที่มองไม่เห็นขึ้นในใจ ปกป้องตนเองไว้อย่างแน่นหนา นอกจากตนเองกับลูก ไม่ว่าใครก็เข้ามาไม่ได้ฉู่เชียนหลีกุมท้อง มองดูเฟิงเย่เสวียนแล้วกล่าว“เจ้าออกไปเถอะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราแยกห้องนอน”ร่า
“ตกลงข้าทำอะไรผิด! ข้าแค่อยากมีบ้าน มีที่หลบลมหลบฝน ใช้ชีวิตกับผู้ชายและลูกอย่างมั่นคงด้วยกัน ข้าไม่แย่งไม่ชิงอะไร ไม่ต้องการอะไรเลย!”ฉู่เชียนหลีจับผมตนเอง “ข้าช่วยคนมากมายที่เมืองตงหนิง ข้าไม่เก็บค่ารักษาแม้แต่แดงเดียว! ข้าไม่เคยฆ่าแม้แต่ไก่ตัวเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำร้ายคน! ข้าไม่เคยทำเรื่องไม่ดี เหตุใดทุกคนต้องทำร้ายข้ากับลูก ข้าแค่อยากใช้ชีวิตดีๆ กับลูกเท่านั้น!”นางกระสับกระส่ายไปหมด ตื่นตระหนกและโกรธมาก“เชียนหลี…” เฟิงเย่เสวียนรู้สึกถึงความผิดปกติ ตื่นตระหนกแล้ว รีบเดินเข้าไป “เชียนหลี เจ้าเป็นอะไรเชียนหลี!”“อ๊ะ!” ฉู่เชียนหลีผลักเขาออกอย่างฉุนเฉียว “อย่าแตะต้องข้า! อย่าเข้ามาใกล้ข้า!”นางกุมท้องไว้ ซ่อนตัวที่ด้านในของเตียงอย่างหวาดระแวง“ล้วนอย่าเข้ามา ให้ข้าอยู่คนเดียว! ใครก็อย่าเข้ามา!”เฟิงเย่เสวียนตื่นตระหนกแล้ว “เชียนหลี…”“อย่าเรียกข้า!”นางกรีดร้องจนกล่องเสียงแทบแตก กรีดร้องจนเสียงแหบ การแสดงออกหวาดกลัว เหมือนมีคนนับไม่ถ้วนอยากทำร้ายนาง ส่วนนางลำพังตัวคนเดียวนางอยากซ่อนตัวนางไม่อยากไปสนใจอะไรอ๋องติ้งก็ดี อ๋องเฉินก็ช่าง ราชบัลลังก์ก็ดี หลานชายคนโตของราชวงศ์
ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกปรอยๆ หมอกหนา นอกรัศมีสิบเมตรคลุมเครือมองเห็นไม่ชัด ข้างหน้าผาแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นฉู่เชียนหลีกำลังเดินอย่างเหม่อลอยรางๆเดินแล้วเดินอีก เดินแล้วเดินอีก ไม่ว่าจะเดินอย่างไร ก็ไม่สามารถไปจากหน้าผา เหมือนถูกผีบังตายิ่งอยู่ยิ่งตื่นตระหนกยิ่งอยู่ยิ่งกระสับกระส่ายพลันหันกลับไปมอง สิ่งที่ปรากฏกะทันหันคือใบหน้าของเซียวจือฮว่า“ข้าเป็นเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กของท่านอ๋อง! เจ้าแย่งตำแหน่งของข้า! เจ้ามันนางแพศยาที่ไร้ยางอาย! เหตุใดจึงไม่ไปตายเสีย!”ตะคอกด้วยความโกรธอย่างดุร้าย วิ่งมาข้างหน้า ใช้แรงชนฉู่เชียนหลีไปทางหน้าผาร่างกายฉู่เชียนหลีลอยเคว้งกลางอากาศ สูญเสียจุดยึด สารอะดรีนาลีนพุ่งสูงขึ้น ลืมตาและลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว“เชียนหลี!”นอกประตู เฟิงเย่เสวียนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว รีบวิ่งไปทางเตียงทันที “เป็นอะไร? ข้าอยู่นี่” เขาเป็นห่วงแต่ประหม่า และยังไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป กลัวนางจะสติหลุดอีกครั้งยืนห่างจากหน้าเตียงสามก้าว น้ำเสียงระมัดระวังมากสายตาของฉู่เชียนหลีพร่ามัวชั่วขณะ จึงจะค่อยๆ ชัดเจน และหวนคืนสตินางยังอยู่จวนอ๋องเฉิน ที่แท้เป็นฝันในฝัน นางไ
เฟิงเย่เสวียนตักยาน้ำสีดำขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าจนเย็น ส่งไปที่ปากของนาง “มา”ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ เกิดปัญหาค่อนข้างเยอะ ดังนั้นยาบำรุงครรภ์เป็นของที่ต้องดื่มทุกวัน นอกจากนี้ยังมีอาหารเสริมและอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ รวมถึงอาหารพิเศษที่ทำโดยพ่อครัวฉู่เชียนหลีเห็นยา ขมวดคิ้ว เม้มปาก ศีรษะหงายไปข้างหลังเล็กน้อย ไม่อยากดื่มเฟิงเย่เสวียนเห็นแล้วชะงักเล็กน้อย คิดว่านางกลัวยามีปัญหา ดื่มต่อหน้านางหนึ่งคำ แล้วตักขึ้นมาป้อนนางใหม่ปากของนางปิดสนิท ไม่มีท่าทีที่จะเปิดปากเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงเห็นแล้ว รีบเดินเข้าไป ต่างคนต่างพูด“พระชายา นี่เป็นสูตรยาบำรุงครรภ์ที่หัวหน้าสำนักหมอหลวงจ่าย ผลลัพธ์ดีมาก หนึ่งเดือนกว่าที่ท่านดื่ม หลับสนิททุกคืน และไม่คลื่นไส้ ไม่บวมน้ำ ลูกก็ไม่ดิ้น”เยว่เอ๋อร์แนะนำ“ท่านดื่มหน่อยเถอะ ดื่มยาบำรุงครรภ์แล้ว ทางห้องครัวก็ส่งอาหารเช้ามาพอดี”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วแน่นมาก ดูเหมือนจะต่อต้านมาก“เชียนหลี อย่างน้อยก็ต้องดื่มบ้าง คำสองคำก็ยังดี” เฟิงเย่เสวียนกลัวนางอารมณ์ไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อลูก อยากให้นางดื่มยาบำรุงครรภ์บ้าง“ข้าสั่งให้คนในครัวใส่ชะเอมลงในยาแล้ว ไม่ขมเลยสั
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ห้องครัวส่งอาหารเช้ามา อาหารหกอย่างน้ำแกงหนึ่งถ้วยที่สั่งทำพิเศษ ผสมผสานระหว่างเนื้อสัตว์และผัก โภชนาการสมดุล พ่อครัวทำตามความชอบ ปริมาณอาหารระหว่างตั้งครรภ์ และด้านอื่นๆ ของฉู่เชียนหลี หนึ่งอาทิตย์เจ็ดวัน อาหารของทุกวันไม่ซ้ำกันฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่โต๊ะ ถือช้อนไว้ หลุบตาลง คนข้าวต้มไก่ดำพุทราในชามเป็นระยะเฟิงเย่เสวียนใส่ใจถึงเพียงใด แม้แต่ช้อนดินเผาที่ถืออยู่ในมือฉู่เชียนหลี ก็สั่งให้คนห่อด้วยผ้ากำมะหยี่หนึ่งชั้น ถืออยู่ในมืออุ่นตลอด จะไม่เย็นถึงมืออ๋องเฉินปฏิบัติต่อพระชายาดีมาก คนทั้งจวนล้วนสัมผัสได้ด้วยตนเองพวกเขากล้าพูดเลย ทั่วหล้าหาผู้ชายที่ใส่ใจและจริงใจอย่างท่านอ๋องไม่ได้อีกแล้วเฟิงเย่เสวียนถือตะเกียบ มองนางที่ไม่รู้ว่าโกรธหรือดีใจอย่างประหม่าเล็กน้อย กล่าวถามเสียงเบา“เชียนหลี ไม่อยากอาหารหรือ?”ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนถึงตอนนี้ นางเอาแต่นอน แม้แต่น้ำก็ไม่ดื่มฉู่เชียนหลีหลุบตา นิ่งเงียบ มองดูข้าวต้มที่เข้มข้นและเหนียวในชาม ไม่อยากอ้าปากด้วยซ้ำนางไม่หิวไม่หิวเลยสักนิดนางรู้สึกเหนื่อยมาก อยากนอนมากคนอยู่สองสามที โยนกลับไปในชาม
นอกประตู หมอหลี่แบกกล่องยาวิ่งมาอย่างเร่งรีบ ไม่ทันได้คำนับ ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนกระชากเข้ามา“เร็ว! รีบไปดูพระชายา!”ท่าทางที่ป่วยกระท่อนกระแท่นของนาง ราวกับจะตายแล้ว มันแทงใจเขาหมอหลี่รีบตรวจชีพจรเมื่อจับชีพจร สุขภาพของพระชายาแข็งแรง ลูกก็ค่อนข้างมั่นคง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก แค่สีหน้าแลดูซีดเซียว จึงกล่าว“ท่านอ๋อง สุขภาพของพระชายาไม่มีปัญหา เกรงว่าเป็นไข้ใจ!”มีปมในใจ หดหู่จมอยู่กับความทุกข์ เป็นโรคที่ไร้ยารักษาบางคนติดอยู่ในปมในใจของตนเอง ไม่สามารถเดินออกมาตลอดชีวิต เหมือนกับติดอยู่บนทางตัน ผอมลงทุกวัน เดินไปสู่ความตายอาการเจ็บไข้ได้ป่วยทรมานของร่างกาย สามารถรักษาแต่บาดแผลทางจิตใจและจิตวิญญาณ หากไม่สามารถปลอบประโลมทันท่วงที ผลที่ตามมาอาจจะร้ายแรงมาก“ท่านอ๋อง ช่วงนี้พระชายามีเรื่องในใจอะไรหรือ? ไข้ใจต้องรักษาด้วยยาใจ ขอแค่สามารถเปิดปมในใจ เดินออกมาได้ทันเวลา ก็ปลอดภัยไร้กังวลแล้วขอรับ”ดวงตาที่มืดมนของเฟิงเย่เสวียนมองไปทางฉู่เชียนหลีนางนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น อาเจียนจนสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ หนังตาหลุบลงเล็กน้อย ไม่มีชีวิตชีวา เหมือนกับสูญเสียจิตวิญญาณทั้งหมดเป็น
เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้ว เงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจฉับพลันในที่สุดก็เอ่ยปาก!“ได้ ได้! ออกไป พวกเราออกไปเดี๋ยวนี้!” เขารีบลุกขึ้นยืน กล่าวกำชับอย่างรวดเร็ว “ใครก็ได้ เอาเสื้อกันหนาวของพระชายามา เตรียมรถม้ากับขนมให้พร้อม ไปพักผ่อนแถบชานเมือง!”เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงขานรับอย่างมีความสุข รีบวิ่งออกไปแล้วเฟิงเย่เสวียนดีใจมาก วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น หยิบเสื้อกันหนาวหนาๆ มาสองตัวตอนที่หมอหลี่แบกกล่องยา เตรียมตัวจากไป ฉู่เชียนหลีเรียกเขากะทันหัน“ลูกของข้ามีโอกาสเป็นเด็กพิการหรือ?”เสียงที่มาอย่างกะทันหันของนาง ทำเอาร่างกายหมอหลี่แข็งทื่อ ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน คุกเข่าลงพื้นอย่างขาอ่อนนี่…เขาจะกล้าพูดได้อย่างไร?“พระ พระชายา ท่าน ท่านกำลังพูดอะไร? ข้าน้อยไม่ค่อยเข้าใจ…”ฉู่เชียนหลีอุ้มท้องไว้ เอียงศีรษะ มองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย“ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว เหตุใดเจ้ายังต้องปิดบังข้า?”“!”หมอหลี่ตกใจจนเกือบเป็นลมพระชายารู้คำพูดเช่นนี้ หากพระชายาไม่พอใจ เด็ดศีรษะของเขา ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว!ตกใจจนรีบกล่าวอธิบาย“พระชายาใจเย็นๆ พระชายาใจเย็นๆ! ท่านอ๋องไม่ให้ข้าบอกท่าน ท่าน