เฟิงเย่เสวียนตักยาน้ำสีดำขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าจนเย็น ส่งไปที่ปากของนาง “มา”ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ เกิดปัญหาค่อนข้างเยอะ ดังนั้นยาบำรุงครรภ์เป็นของที่ต้องดื่มทุกวัน นอกจากนี้ยังมีอาหารเสริมและอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ รวมถึงอาหารพิเศษที่ทำโดยพ่อครัวฉู่เชียนหลีเห็นยา ขมวดคิ้ว เม้มปาก ศีรษะหงายไปข้างหลังเล็กน้อย ไม่อยากดื่มเฟิงเย่เสวียนเห็นแล้วชะงักเล็กน้อย คิดว่านางกลัวยามีปัญหา ดื่มต่อหน้านางหนึ่งคำ แล้วตักขึ้นมาป้อนนางใหม่ปากของนางปิดสนิท ไม่มีท่าทีที่จะเปิดปากเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงเห็นแล้ว รีบเดินเข้าไป ต่างคนต่างพูด“พระชายา นี่เป็นสูตรยาบำรุงครรภ์ที่หัวหน้าสำนักหมอหลวงจ่าย ผลลัพธ์ดีมาก หนึ่งเดือนกว่าที่ท่านดื่ม หลับสนิททุกคืน และไม่คลื่นไส้ ไม่บวมน้ำ ลูกก็ไม่ดิ้น”เยว่เอ๋อร์แนะนำ“ท่านดื่มหน่อยเถอะ ดื่มยาบำรุงครรภ์แล้ว ทางห้องครัวก็ส่งอาหารเช้ามาพอดี”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วแน่นมาก ดูเหมือนจะต่อต้านมาก“เชียนหลี อย่างน้อยก็ต้องดื่มบ้าง คำสองคำก็ยังดี” เฟิงเย่เสวียนกลัวนางอารมณ์ไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อลูก อยากให้นางดื่มยาบำรุงครรภ์บ้าง“ข้าสั่งให้คนในครัวใส่ชะเอมลงในยาแล้ว ไม่ขมเลยสั
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ห้องครัวส่งอาหารเช้ามา อาหารหกอย่างน้ำแกงหนึ่งถ้วยที่สั่งทำพิเศษ ผสมผสานระหว่างเนื้อสัตว์และผัก โภชนาการสมดุล พ่อครัวทำตามความชอบ ปริมาณอาหารระหว่างตั้งครรภ์ และด้านอื่นๆ ของฉู่เชียนหลี หนึ่งอาทิตย์เจ็ดวัน อาหารของทุกวันไม่ซ้ำกันฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่โต๊ะ ถือช้อนไว้ หลุบตาลง คนข้าวต้มไก่ดำพุทราในชามเป็นระยะเฟิงเย่เสวียนใส่ใจถึงเพียงใด แม้แต่ช้อนดินเผาที่ถืออยู่ในมือฉู่เชียนหลี ก็สั่งให้คนห่อด้วยผ้ากำมะหยี่หนึ่งชั้น ถืออยู่ในมืออุ่นตลอด จะไม่เย็นถึงมืออ๋องเฉินปฏิบัติต่อพระชายาดีมาก คนทั้งจวนล้วนสัมผัสได้ด้วยตนเองพวกเขากล้าพูดเลย ทั่วหล้าหาผู้ชายที่ใส่ใจและจริงใจอย่างท่านอ๋องไม่ได้อีกแล้วเฟิงเย่เสวียนถือตะเกียบ มองนางที่ไม่รู้ว่าโกรธหรือดีใจอย่างประหม่าเล็กน้อย กล่าวถามเสียงเบา“เชียนหลี ไม่อยากอาหารหรือ?”ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนถึงตอนนี้ นางเอาแต่นอน แม้แต่น้ำก็ไม่ดื่มฉู่เชียนหลีหลุบตา นิ่งเงียบ มองดูข้าวต้มที่เข้มข้นและเหนียวในชาม ไม่อยากอ้าปากด้วยซ้ำนางไม่หิวไม่หิวเลยสักนิดนางรู้สึกเหนื่อยมาก อยากนอนมากคนอยู่สองสามที โยนกลับไปในชาม
นอกประตู หมอหลี่แบกกล่องยาวิ่งมาอย่างเร่งรีบ ไม่ทันได้คำนับ ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนกระชากเข้ามา“เร็ว! รีบไปดูพระชายา!”ท่าทางที่ป่วยกระท่อนกระแท่นของนาง ราวกับจะตายแล้ว มันแทงใจเขาหมอหลี่รีบตรวจชีพจรเมื่อจับชีพจร สุขภาพของพระชายาแข็งแรง ลูกก็ค่อนข้างมั่นคง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก แค่สีหน้าแลดูซีดเซียว จึงกล่าว“ท่านอ๋อง สุขภาพของพระชายาไม่มีปัญหา เกรงว่าเป็นไข้ใจ!”มีปมในใจ หดหู่จมอยู่กับความทุกข์ เป็นโรคที่ไร้ยารักษาบางคนติดอยู่ในปมในใจของตนเอง ไม่สามารถเดินออกมาตลอดชีวิต เหมือนกับติดอยู่บนทางตัน ผอมลงทุกวัน เดินไปสู่ความตายอาการเจ็บไข้ได้ป่วยทรมานของร่างกาย สามารถรักษาแต่บาดแผลทางจิตใจและจิตวิญญาณ หากไม่สามารถปลอบประโลมทันท่วงที ผลที่ตามมาอาจจะร้ายแรงมาก“ท่านอ๋อง ช่วงนี้พระชายามีเรื่องในใจอะไรหรือ? ไข้ใจต้องรักษาด้วยยาใจ ขอแค่สามารถเปิดปมในใจ เดินออกมาได้ทันเวลา ก็ปลอดภัยไร้กังวลแล้วขอรับ”ดวงตาที่มืดมนของเฟิงเย่เสวียนมองไปทางฉู่เชียนหลีนางนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น อาเจียนจนสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ หนังตาหลุบลงเล็กน้อย ไม่มีชีวิตชีวา เหมือนกับสูญเสียจิตวิญญาณทั้งหมดเป็น
เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้ว เงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจฉับพลันในที่สุดก็เอ่ยปาก!“ได้ ได้! ออกไป พวกเราออกไปเดี๋ยวนี้!” เขารีบลุกขึ้นยืน กล่าวกำชับอย่างรวดเร็ว “ใครก็ได้ เอาเสื้อกันหนาวของพระชายามา เตรียมรถม้ากับขนมให้พร้อม ไปพักผ่อนแถบชานเมือง!”เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงขานรับอย่างมีความสุข รีบวิ่งออกไปแล้วเฟิงเย่เสวียนดีใจมาก วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น หยิบเสื้อกันหนาวหนาๆ มาสองตัวตอนที่หมอหลี่แบกกล่องยา เตรียมตัวจากไป ฉู่เชียนหลีเรียกเขากะทันหัน“ลูกของข้ามีโอกาสเป็นเด็กพิการหรือ?”เสียงที่มาอย่างกะทันหันของนาง ทำเอาร่างกายหมอหลี่แข็งทื่อ ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน คุกเข่าลงพื้นอย่างขาอ่อนนี่…เขาจะกล้าพูดได้อย่างไร?“พระ พระชายา ท่าน ท่านกำลังพูดอะไร? ข้าน้อยไม่ค่อยเข้าใจ…”ฉู่เชียนหลีอุ้มท้องไว้ เอียงศีรษะ มองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย“ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว เหตุใดเจ้ายังต้องปิดบังข้า?”“!”หมอหลี่ตกใจจนเกือบเป็นลมพระชายารู้คำพูดเช่นนี้ หากพระชายาไม่พอใจ เด็ดศีรษะของเขา ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว!ตกใจจนรีบกล่าวอธิบาย“พระชายาใจเย็นๆ พระชายาใจเย็นๆ! ท่านอ๋องไม่ให้ข้าบอกท่าน ท่าน
เนื่องจากฉู่เชียนหลีไม่พอใจ ทั้งจวนอ๋องเหมือนถูกเมฆดำปกคลุม บรรยากาศอึดอัด กดดันมาก เหล่าคนรับใช้ทำงานอย่างอกสั่นขวัญแขวน กลัวไม่ระวังจะตกเป็นคนซวยส่วนพระชายาอ๋องเฉินกับท้องของนาง ก็เป็นหัวข้อสนทนาที่คนในเมืองหลวงให้ความสนใจพลันนางไม่พอใจ ข่าวก็แพร่กระจายออกไปแล้วพระชายาอ๋องติ้งกับหลิงเชียนอี้ที่ได้ยินความผิดปกติรีบเดินทางมาทันที พวกเขาเจอกันหน้าประตู เข้าไปเยี่ยมฉู่เชียนหลีด้วยกันเข้าไปในเรือนหานเฟิง ฉู่เชียนหลียังนอนขดตัวหลับอยู่บนเตียง“น้าสะใภ้!”หลิงเชียนอี้วิ่งเข้าไป “น้าสะใภ้ ท่านเป็นอย่างไรบ้างน้าสะใภ้!”ได้ยินมาว่านางนอนมาสองวันหนึ่งคืน ไม่ดื่มแม้แต่น้ำหยดเดียว เขากังวลจนแทบเป็นบ้าถ้าหากน้าสะใภ้เป็นอะไรไป ทิ้งน้าของเขาให้อยู่คนเดียว น้าของเขาจะอยู่อย่างไร!“เสียวฉู่ เจ้าไม่สบายหรือ?” พระชายาอ๋องติ้งรีบใช้หลังมืออังหน้าผากฉู่เชียนหลี ทดสอบอุณหภูมิร่างกาย ทว่าอุณหภูมิร่างกายกลับปกติฉู่เชียนหลียกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างสะลึมสะลือ มองไปทางคนทั้งสองอย่างเกียจคร้าน พยายามฉีกยิ้มจางๆ ที่มุมปาก“ข้าไม่เป็นอะไร…”นอนนานเกินไป บวกกับไม่ได้กินอะไร เสียงจึงแหบมาก เบา
“ท่านอ๋อง อ๋องหลีมาขอรับ” พ่อบ้านเข้ามารายงาน จากนั้นเฟิงเจิ้งหลีที่สีหน้าร้อนใจ เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ“พระชายา!”เขาเดินอย่างรีบร้อน หอบหายใจเล็กน้อย สังเกตเห็นร่างเงาของฉู่เชียนหลีอย่างรวดเร็ว สายตาตกอยู่บนใบหน้าที่ซีดเซียวและเศร้าหมองของนาง ร้อนใจมาก แต่ก็อดกลั้นเอาไว้“อ๋องเฉิน ข้าได้ข่าวว่าพระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย ตั้งใจมาเยี่ยม…” เขาลดฝีเท้าให้ช้าลงแล้วเดินเข้ามา สายตากลับมองไปที่ฉู่เชียนหลีตลอด ไม่ละสายตาแม้แต่น้อยทุกคนล้วนมองฉู่เชียนหลีด้วยความเป็นห่วง มีเพียงพระชายาอ๋องเฉินมองอ๋องหลีแวบหนึ่ง สายตาลึกซึ้งแล้วลึกซึ้งอีกครั้งก่อน ในเขตตั้งถิ่นฐานขอทาน อ๋องหลีปรากฏตัวกะทันหัน ช่วยนางแบบเสาบ้านที่ล้มทับลงมาครั้งนี้ ก็รีบร้อนเช่นนี้…นางมองอ๋องหลีด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วกวาดมองอ๋องเฉินแวบหนึ่ง เม้มปาก ไม่ได้พูดอะไรสักคำฉู่เชียนหลียกดวงตาที่ว่างเปล่าขึ้น มองดูคนมากมายที่อยู่ในห้องเฟิงเย่เสวียน อ๋องหลี พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิง หานเฟิง…คนเยอะมากพวกเขาทุกคนมองนาง ระมัดระวังมาก มีทั้งอ้อนวอน มีทั้งร้อนใจ ราวกับนางสำคัญมาก แต่นางกลับรู้สึกว่าต
พระชายาอ๋องติ้งรีบประคองฉู่เชียนหลี แล้วรับแก้วน้ำ ป้อนให้ฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีจิบติดต่อกันสี่ห้าคำ ท่าทางที่ดูอ่อนแอนั่นจึงจะดูดีขึ้นเล็กน้อย“ลูกทรพี!”“เจ้าลูกทรพี!”เวลานี้ นอกประตู จู่ๆก็มีร่างเงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน และยังมีนางกำนัลสี่คนวิ่งตามอยู่ข้างหลังเมื่อถงเฟยเข้ามา เห็นสภาพที่น่าสังเวชของฉู่เชียนหลี ก็พุ่งเข้าไปคว้าแขนเฟิงเย่เสวียน และยกมือตบหลังเขาอย่างแรงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง“เจ้ามันลูกทรพี! แม้แต่เมียก็ดูแลไม่ดี ยังจะเก็บเจ้าไว้ทำอะไร!”เพียะๆ!เสียงฝ่ามือดังเพียะๆ ติดต่อกัน ทุกคนตกใจมาก“พระสนม ท่านใจเย็นๆ!” เหล่านางกำนัลตามเข้ามา ห้ามปรามอย่างประหม่า ทั้งสองท่านล้วนเป็นนาย กลัวทั้งสองจะเป็นอะไรไป“ใช่แล้วพระสนมถงเฟย! ท่าน ท่านใจเย็นๆ ท่านอ๋องเขาไม่ได้หลับตานอนสองวันแล้ว!” เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงรีบเกลี้ยกล่อมถงเฟยไม่ฟัง กระชากแขนของเฟิงเย่เสวียน ก็ทุบตีอีกรอบ“โตจนอายุยี่สิบกว่าแล้ว แม้แต่ผู้หญิงก็ดูแลได้ไม่ดี! บัดซบ! ลูกเวร! ถ้าหากเสียวฉู่กับลูกในท้องของนางเป็นอะไร ข้าจะไปกับนาง ข้าก็ไม่อยู่แล้ว!”นางกระชากเฟิงเย่เสวียนไว้ ทั้งตีทั้งด่า โกรธมาก
ถงเฟยหันหน้าไปค้อนเขาทีหนึ่งคนหยาบคาย พูดเรื่องการฆ่าคน แต่นางนับถือศาสนาพุทธ ให้ความสำคัญกับการได้ขึ้นสวรรค์ การกลับชาติมาเกิด ความหมายแบบเดียวกันได้อย่างนั้นหรือ?หลิงเชียนอี้หุบปาก “...”เป็นเขาที่ความรู้ตื้นเขินฉู่เชียนหลีจ้องมอง อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา“พระชายาหัวเราะแล้ว!” เยว่เอ๋อร์กุมปากร้องเสียงแหลม ทุกคนเบิกตากว้างหันไปมองฉู่เชียนหลี “...”รีบเก็บรอยยิ้มจาง ๆ นั้นลงไป การถูกคนหลายคนจับตามอง เหมือนกับว่าเสื้อผ้าถูกถอดออกไปหมด รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย มือทั้งสองข้างจับผ้าห่ม แล้วดึงขึ้น คลุมตัวเองไว้อย่างเอียงอาย“อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้วใช่หรือไม่?” ถงเฟยรีบเอียงศีรษะเข้าไปใกล้“คิดดีแล้วใช่หรือไม่?” พระชายาอ๋องติ้งเองก็รีบเอียงศีรษะเข้าไปใกล้เช่นกัน“ระบายความโมโหในใจออกมา หนทางในอนาคตยังอีกยาวไกล อย่าได้ถูกอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆทำให้ท้อใจสิท่านน้าสะใภ้!” หลิงเชียนอี้กำหมัดแน่น กล่าวให้กำลังใจ“พระชายา ท่านทำได้! เมื่อก่อนพวกเราใช้ชีวิตอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อย่างยากลำบาก ยังมีเรื่องอะไรที่ควรค่าแก่การกลัวอีก?” เยว่เอ๋อร์กล่าวออกมาจากใจจริง“พระชายา ในใ
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว
จวินลั่วยวนพูดโกหกหน้าตาย ฉวยโอกาสใส่ความฉู่เชียนหลีด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆ“อ๋องเฉินไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจหรือ?”“เจ้าเป็นแม่ที่มีลูกถึงสองคนแล้ว ไม่รู้จักคำว่า ‘ยางอาย’ เลยหรือ?”“เจ้าสำส่อนจัง!”สายตายฉู่เชียนหลีเย็นลง เดินไปที่ตรงหน้านางจู่ๆ ก็เข้าใกล้กลิ่นอายอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามากะทันหัน ทำเอาจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่สามารถควบคุม หลังจากตั้งสติได้ สีหน้าบูดบึ้งทันทีนางกลัวฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ไม่!เป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีจ้องนาง “เสด็จพี่สามของเจ้าป่วยหนัก เขาขอให้ข้าช่วย ข้าจึงแสดงความเมตตา ประคองเขาไปที่โรงหมอ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี ข้าไม่สนใจเขาก็สิ้นเรื่อง”เมื่อสิ้นเสียง เดินไปที่ข้างกาย คลายจุดชีพจรที่สกัดไว้เมื่อครู่“อ่า!”ทันใดนั้น ลมปราณของเขาไหลเวียน สีหน้าเปลี่ยนฉับ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างเจ็บปวด หอบหายใจอย่างทรมานเมื่อจวินลั่วยวนเห็นแล้วเลิกคิ้ว“เจ้าช่วยเขา? น่าขำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพิศวาสในความงามของเขา”นางสั่งให้ซวงซวงเขียนจดหมายให้เสด็จพี่สาม คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่สาม
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ
สงครามนำไปสู่ความวุ่นวายพริบตาเดี๋ยวก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว“รายงาน…”ทหารส่งสารวิ่งเข้าตำหนัก คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวรายงานด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “ทูล ทูลฝ่าบาท เมืองเจียหนาน…ถูกยึดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเหล่าขุนนางเปลี่ยนฉับพลันบนราชบัลลังก์ เฟิงเจิ้งหลีได้ยินข่าวนี้ สีหน้าสงบ เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงียบหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวอย่างเรียบเฉย“ฮืม”ทหารส่งสารหวาดกลัว กองทัพของอ๋องเฉินมาอย่างดุดัน และโจมตีกะทันหัน บุกโจมตีอย่างดุเดือด เมืองเจียหนานต้านไม่ไหว แค่คืนเดียวก็ถูกยึดแล้วเหล่าขุนศึกกล่าวอย่างร้อนใจ“เมืองเจียหนานขุดเหมืองมากมาย แร่เหล่าหลายหมื่นชั่งล้วนอยู่ที่นั่น หากไม่มีแร่เหล็ก อาวุธของเราก็จะลดลงอย่างมาก เมื่อเกิดการสู้รบ ก็เหมือนกับแม่ครัวไม่มีข้าวให้หุง…”ไม่มีอาวุธจะได้อย่างไร?“เหตุใดอ๋องเฉินโดดข้ามสองเมือง โจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน?”“ไม่มีเหตุผลเลย!”“ใช่”“เมืองมากมายไม่โจมตี ดันไปโจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน…”เหล่าขุนนางเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ถกเถียงเรื่องนี้กันเบาๆ คนละหนึ่งประโยค บรรยากาศวุ่นวายไปหมดเฟิงเจิ้งหลีหลุบตาเล็กน้อย
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข