เนื่องจากฉู่เชียนหลีไม่พอใจ ทั้งจวนอ๋องเหมือนถูกเมฆดำปกคลุม บรรยากาศอึดอัด กดดันมาก เหล่าคนรับใช้ทำงานอย่างอกสั่นขวัญแขวน กลัวไม่ระวังจะตกเป็นคนซวยส่วนพระชายาอ๋องเฉินกับท้องของนาง ก็เป็นหัวข้อสนทนาที่คนในเมืองหลวงให้ความสนใจพลันนางไม่พอใจ ข่าวก็แพร่กระจายออกไปแล้วพระชายาอ๋องติ้งกับหลิงเชียนอี้ที่ได้ยินความผิดปกติรีบเดินทางมาทันที พวกเขาเจอกันหน้าประตู เข้าไปเยี่ยมฉู่เชียนหลีด้วยกันเข้าไปในเรือนหานเฟิง ฉู่เชียนหลียังนอนขดตัวหลับอยู่บนเตียง“น้าสะใภ้!”หลิงเชียนอี้วิ่งเข้าไป “น้าสะใภ้ ท่านเป็นอย่างไรบ้างน้าสะใภ้!”ได้ยินมาว่านางนอนมาสองวันหนึ่งคืน ไม่ดื่มแม้แต่น้ำหยดเดียว เขากังวลจนแทบเป็นบ้าถ้าหากน้าสะใภ้เป็นอะไรไป ทิ้งน้าของเขาให้อยู่คนเดียว น้าของเขาจะอยู่อย่างไร!“เสียวฉู่ เจ้าไม่สบายหรือ?” พระชายาอ๋องติ้งรีบใช้หลังมืออังหน้าผากฉู่เชียนหลี ทดสอบอุณหภูมิร่างกาย ทว่าอุณหภูมิร่างกายกลับปกติฉู่เชียนหลียกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างสะลึมสะลือ มองไปทางคนทั้งสองอย่างเกียจคร้าน พยายามฉีกยิ้มจางๆ ที่มุมปาก“ข้าไม่เป็นอะไร…”นอนนานเกินไป บวกกับไม่ได้กินอะไร เสียงจึงแหบมาก เบา
“ท่านอ๋อง อ๋องหลีมาขอรับ” พ่อบ้านเข้ามารายงาน จากนั้นเฟิงเจิ้งหลีที่สีหน้าร้อนใจ เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ“พระชายา!”เขาเดินอย่างรีบร้อน หอบหายใจเล็กน้อย สังเกตเห็นร่างเงาของฉู่เชียนหลีอย่างรวดเร็ว สายตาตกอยู่บนใบหน้าที่ซีดเซียวและเศร้าหมองของนาง ร้อนใจมาก แต่ก็อดกลั้นเอาไว้“อ๋องเฉิน ข้าได้ข่าวว่าพระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย ตั้งใจมาเยี่ยม…” เขาลดฝีเท้าให้ช้าลงแล้วเดินเข้ามา สายตากลับมองไปที่ฉู่เชียนหลีตลอด ไม่ละสายตาแม้แต่น้อยทุกคนล้วนมองฉู่เชียนหลีด้วยความเป็นห่วง มีเพียงพระชายาอ๋องเฉินมองอ๋องหลีแวบหนึ่ง สายตาลึกซึ้งแล้วลึกซึ้งอีกครั้งก่อน ในเขตตั้งถิ่นฐานขอทาน อ๋องหลีปรากฏตัวกะทันหัน ช่วยนางแบบเสาบ้านที่ล้มทับลงมาครั้งนี้ ก็รีบร้อนเช่นนี้…นางมองอ๋องหลีด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วกวาดมองอ๋องเฉินแวบหนึ่ง เม้มปาก ไม่ได้พูดอะไรสักคำฉู่เชียนหลียกดวงตาที่ว่างเปล่าขึ้น มองดูคนมากมายที่อยู่ในห้องเฟิงเย่เสวียน อ๋องหลี พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิง หานเฟิง…คนเยอะมากพวกเขาทุกคนมองนาง ระมัดระวังมาก มีทั้งอ้อนวอน มีทั้งร้อนใจ ราวกับนางสำคัญมาก แต่นางกลับรู้สึกว่าต
พระชายาอ๋องติ้งรีบประคองฉู่เชียนหลี แล้วรับแก้วน้ำ ป้อนให้ฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีจิบติดต่อกันสี่ห้าคำ ท่าทางที่ดูอ่อนแอนั่นจึงจะดูดีขึ้นเล็กน้อย“ลูกทรพี!”“เจ้าลูกทรพี!”เวลานี้ นอกประตู จู่ๆก็มีร่างเงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน และยังมีนางกำนัลสี่คนวิ่งตามอยู่ข้างหลังเมื่อถงเฟยเข้ามา เห็นสภาพที่น่าสังเวชของฉู่เชียนหลี ก็พุ่งเข้าไปคว้าแขนเฟิงเย่เสวียน และยกมือตบหลังเขาอย่างแรงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง“เจ้ามันลูกทรพี! แม้แต่เมียก็ดูแลไม่ดี ยังจะเก็บเจ้าไว้ทำอะไร!”เพียะๆ!เสียงฝ่ามือดังเพียะๆ ติดต่อกัน ทุกคนตกใจมาก“พระสนม ท่านใจเย็นๆ!” เหล่านางกำนัลตามเข้ามา ห้ามปรามอย่างประหม่า ทั้งสองท่านล้วนเป็นนาย กลัวทั้งสองจะเป็นอะไรไป“ใช่แล้วพระสนมถงเฟย! ท่าน ท่านใจเย็นๆ ท่านอ๋องเขาไม่ได้หลับตานอนสองวันแล้ว!” เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงรีบเกลี้ยกล่อมถงเฟยไม่ฟัง กระชากแขนของเฟิงเย่เสวียน ก็ทุบตีอีกรอบ“โตจนอายุยี่สิบกว่าแล้ว แม้แต่ผู้หญิงก็ดูแลได้ไม่ดี! บัดซบ! ลูกเวร! ถ้าหากเสียวฉู่กับลูกในท้องของนางเป็นอะไร ข้าจะไปกับนาง ข้าก็ไม่อยู่แล้ว!”นางกระชากเฟิงเย่เสวียนไว้ ทั้งตีทั้งด่า โกรธมาก
ถงเฟยหันหน้าไปค้อนเขาทีหนึ่งคนหยาบคาย พูดเรื่องการฆ่าคน แต่นางนับถือศาสนาพุทธ ให้ความสำคัญกับการได้ขึ้นสวรรค์ การกลับชาติมาเกิด ความหมายแบบเดียวกันได้อย่างนั้นหรือ?หลิงเชียนอี้หุบปาก “...”เป็นเขาที่ความรู้ตื้นเขินฉู่เชียนหลีจ้องมอง อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา“พระชายาหัวเราะแล้ว!” เยว่เอ๋อร์กุมปากร้องเสียงแหลม ทุกคนเบิกตากว้างหันไปมองฉู่เชียนหลี “...”รีบเก็บรอยยิ้มจาง ๆ นั้นลงไป การถูกคนหลายคนจับตามอง เหมือนกับว่าเสื้อผ้าถูกถอดออกไปหมด รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย มือทั้งสองข้างจับผ้าห่ม แล้วดึงขึ้น คลุมตัวเองไว้อย่างเอียงอาย“อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้วใช่หรือไม่?” ถงเฟยรีบเอียงศีรษะเข้าไปใกล้“คิดดีแล้วใช่หรือไม่?” พระชายาอ๋องติ้งเองก็รีบเอียงศีรษะเข้าไปใกล้เช่นกัน“ระบายความโมโหในใจออกมา หนทางในอนาคตยังอีกยาวไกล อย่าได้ถูกอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆทำให้ท้อใจสิท่านน้าสะใภ้!” หลิงเชียนอี้กำหมัดแน่น กล่าวให้กำลังใจ“พระชายา ท่านทำได้! เมื่อก่อนพวกเราใช้ชีวิตอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อย่างยากลำบาก ยังมีเรื่องอะไรที่ควรค่าแก่การกลัวอีก?” เยว่เอ๋อร์กล่าวออกมาจากใจจริง“พระชายา ในใ
ลูกชั่ว?ถงเฟยเป็นแม่บุญธรรมของเขา เรียกเขาว่า ‘ลูกชาย’ เป็นเรื่องที่สมควร แต่หลิงเชียนอี้เป็นลูกชายของพี่สาวเขา เป็นหลานชายคนเล็กของเขา อยู่ ๆ ก็ข้ามรุ่นมาสองรุ่น คิดจะดูหมิ่นเขา?เฟิงเย่เสวียนหรี่ดวงตาดำขลับที่อันตรายลงช่วงนี้เขาเข้าถึงได้ง่ายจนเกินไปแล้ว?“เจ้าไม่มีขื่อไม่มีแปลแล้วใช่หรือไม่!” ยกมือขึ้น ตบฉาดเข้าไปที่หลิงเชียนอี้ทีหนึ่ง จนหลิงเชียนอี้ตัวหมุนรอบหนึ่งหลิงเชียนอี้กุมหน้า เม้มปาก จ้องมองเขาด้วยความน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง“ท่านน้า...”เขาแค่ช่วยระบายความโมโหให้ท่านน้าสะใภ้เท่านั้นฉู่เชียนหลีหัวเราะจนหุบปากไม่ลง เจ้าหลิงเชียนอี้ทะเล้นเกินไปแล้ว ทำให้คนชอบมาก มีเขาคอยกวนใจอยู่ อยากจะเศร้าก็คงเศร้าไม่ได้เมื่อเห็นพวกเขาทะเลาะกัน นางก็หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบเต้าหู้ผัดเสฉวนชิ้นหนึ่ง ใส่เข้าไปในปาก แล้วกินข้าวตามไม่ได้กินข้าวมาสองวัน เจริญอาหารดีจริง ๆพวกเขาทะเลาะกันที่ด้านหน้าเตียงถงเฟยชี้ไปที่หลิงเชียนอี้ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าเด็กโง่ ยังกล้าแม้แต่ดูหมิ่นท่านน้าของเจ้า ท่านน้าเป็นใคร ในใจของตัวเองไม่ชัดเจนงั้นหรือ? อยากหาเรื่องให้โดนตีใช่หรือไม่?”พ
ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันดึงฉู่เชียนหลีให้ลุกขึ้นมาจากเตียง ฉู่เชียนหลีรู้สึกจนปัญญาเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริงนางเองก็ตั้งใจไว้ว่าจะลุกขึ้นมาเดินเสียหน่อยฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นดอกไม้บานสะพรั่ง ปีใหม่ แสงแดดเจิดจ้า ทุกทีเต็มไปด้วยภาพอันมีชีวิตชีวาฉู่เชียนหลีคลุมเสื้อคลุมเรียบร้อย เดินไปยังด้านในสวน ได้ออกจากเรือนแล้ว“พระชายา ที่อุ่นมือ” เยว่เอ๋อร์ยื่นที่อุ่นมือสิ่งประดิษฐ์ที่อบอุ่น ขนยาวมาให้ฉู่เชียนหลีกอดมันเอาไว้ นำมือทั้งสองข้างใส่เข้าไป อบอุ่นมาก ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด ลากร่างกายที่ปวดร้าว เดินไปตามทางนอนมานอน ออกมาเดินเล่น กลับรู้สึกสดชื่นมากเมืองหลวงยังไงก็ยังคงเป็นเมืองหลวงเหมือนเดิม ทั้งเจริญรุ่งเรือง ทั้งคึกคัก ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินทางสัญจรไปมา ยุ่งกับเรื่องของแต่ละคน ชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่มาบรรจบกันที่นี่นางเดินช้ามาก ๆ เดิน ๆ หยุด ๆ ด้านหลัง กลุ่มคนเดินตามติด ๆนางยืนอยู่ที่หัวถนน เห็นพ่อค้ากำลังเข็นรถเข็นเกวียน พลางเดินพลางตะโกนเรียกลูกค้า เห็นหญิงสาวคล้องตะกร้าเดินซื้อผักบนถนน มืออีกข้างหนึ่งจูงมือเด็ก เห็นเด็กผู้หญิงวัยแรกแย้มนัดกันเดินซื้อของ ยังเห็นผู้ชายคนหนึ่
ฉู่เชียนหลีเดินเล่นต่ออีกครู่หนึ่ง เห็นบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งก็เท้าสะเอวอีกครั้ง เกิดการทะเลาะเสียงดังกันที่นั่น แต่ละคนทะเลาะกันหน้าแดงหน้าดำ สีหน้าดุร้าย ขาดแต่แค่เพียงหยิบก้อนอิฐขึ้นมาทุบกันเท่านั้นนางยืนอยู่ตรงนั้น มือประคองหลังเอว แบกท้องที่หนักเล็กน้อย ยืนดูอย่างเกียจคร้าน“ที่นาผืนนี้ท่านพ่อท่านแม่แบ่งให้ครอบครัวพี่รอง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาปลูกข้าวโพดบนนั้น!” หญิงสาวเท้าสะเอวชี้ด้วยความโกรธ แบกจอบกำลังจะไปขุดข้าวโพดหญิงสาวอีกคนดึงนางเอาไว้อย่างรุนแรง“แบ่งให้เจ้าอะไรกัน? ตอนที่ท่านพ่อกับท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็เคยพูดเอาไว้ว่า ที่นาผืนนี้เป็นของพี่คนโต เจ้าพูดว่าเป็นของเจ้า มีหลักฐานอะไร!”“ข้าปลูกผักกวางตุ้งไปแล้ว ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าปลูกข้าวโพด!”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าขุดต้นกล้าข้าวโพด!”“จะขุด!”ในขณะที่พูด เมื่อพูดจาไม่เข้าหูก็ลงมือทันที เจ้าดึงผมข้า ข้ากระชากเสื้อเจ้า พี่รองกับพี่คนโตที่เป็นผู้ชายสองคนเกิดการชกต่อยกันขึ้นมาเพราะหมั่นไส้กันและกันไม่สามารถสลัดตัวออกมาได้ ในทันทีฉู่เชียนหลีดูอยู่ครู่หนึ่ง นวดหว่างคิ้ว กล่าวถาม“พวกเขากำลังทะเลาะอะไรกัน?”อยู่ไกลเกินไป ฟ
“ท่านอ๋องหลีช่างใจกว้างเสียจริง กู่ที่ข้าให้ท่านไม่ทำร้ายร่างกายของพระชายาอ๋องเฉิน อีกทั้งเมื่อเจอกับยาสมุนไพรอื่น ๆ ก็จะตาย ความปลอดภัยสูงมาก”ตอนที่กู่อยู่ภายในร่างกาย จะควบคุมสติของร่างกายทั้งหมดเอาไว้เมื่อเจ้าของร่างกายสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ตอนที่อยากจะรักษา หรือว่าตรวจ ทันทีที่กู่นี้สัมผัสกับยาสมุนไพร ก็จะตายไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลยแม้แต่น้อย อยากจะสืบก็สืบไม่เจอกู่ เป็นวิชาของเหมียวเจียงน้อยคนบนโลกใบนี้ที่จะรู้จักนางเป็นชนเผ่าเหมียวเจียง ศึกษาวิชากู่มาตั้งแต่เด็ก มีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถแก้พิษกู่ที่มาจากนางได้เฟิงเจิ้งหลียืนอยู่กับที่ สายตาจ้องตรงไปยังดวงตาทั้งสองข้างของนาง ราวกับว่ากำลังประเมินความจริงจากคำพูดประโยคนี้อูหนูนอนอยู่บนเตียง ยิ้มบาง ๆ อย่างอ่อนแอ“ข้าอยู่ในสภาพนี้แล้ว ยังจะหลอกลวงท่านได้อีกอย่างนั้นหรือ?”ยิ่งไปกว่านั้น นางกับอ๋องเฉินยังมีความแค้นที่ลึกซึ้งต่อกัน!นางช่วยอ๋องเฉินให้ได้ฉู่เชียนหลี นางก็จะแยกอ๋องเฉินสองสามีภรรยาออกจากกัน แก้แค้นอ๋องหลี เพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเองพวกเขาต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตนต้องการพวกเขาเป็นเพื
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู