“ท่านอ๋องหลีช่างใจกว้างเสียจริง กู่ที่ข้าให้ท่านไม่ทำร้ายร่างกายของพระชายาอ๋องเฉิน อีกทั้งเมื่อเจอกับยาสมุนไพรอื่น ๆ ก็จะตาย ความปลอดภัยสูงมาก”ตอนที่กู่อยู่ภายในร่างกาย จะควบคุมสติของร่างกายทั้งหมดเอาไว้เมื่อเจ้าของร่างกายสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ตอนที่อยากจะรักษา หรือว่าตรวจ ทันทีที่กู่นี้สัมผัสกับยาสมุนไพร ก็จะตายไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลยแม้แต่น้อย อยากจะสืบก็สืบไม่เจอกู่ เป็นวิชาของเหมียวเจียงน้อยคนบนโลกใบนี้ที่จะรู้จักนางเป็นชนเผ่าเหมียวเจียง ศึกษาวิชากู่มาตั้งแต่เด็ก มีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถแก้พิษกู่ที่มาจากนางได้เฟิงเจิ้งหลียืนอยู่กับที่ สายตาจ้องตรงไปยังดวงตาทั้งสองข้างของนาง ราวกับว่ากำลังประเมินความจริงจากคำพูดประโยคนี้อูหนูนอนอยู่บนเตียง ยิ้มบาง ๆ อย่างอ่อนแอ“ข้าอยู่ในสภาพนี้แล้ว ยังจะหลอกลวงท่านได้อีกอย่างนั้นหรือ?”ยิ่งไปกว่านั้น นางกับอ๋องเฉินยังมีความแค้นที่ลึกซึ้งต่อกัน!นางช่วยอ๋องเฉินให้ได้ฉู่เชียนหลี นางก็จะแยกอ๋องเฉินสองสามีภรรยาออกจากกัน แก้แค้นอ๋องหลี เพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเองพวกเขาต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตนต้องการพวกเขาเป็นเพื
ในเวลานี้ ฝ่าบาทที่กำลังเล่นไพ่กับบรรดาสนมที่วังหลัง หลังจากเล่นเสร็จไปหนึ่งตา จู่ ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เรียกตัวเต๋อฝูเข้ามา“ช่วงสองวันมานี้เหตุใดอ๋องเฉินถึงไม่มาประชุมราชสำนัก?”ที่จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาตอนดึกดื่นเนื่องจากเขาวัน ๆ เอาแต่ยุ่ง งานรัดตัว เรื่องที่เกิดขึ้นตลอดสองวันมานี้ที่จวนอ๋องเฉินเขายังไม่รู้เต๋อฝูพอได้ยินมาอยู่บ้าง กล่าวตอบอย่างครุ่นคิด“ฝ่าบาท ได้ข่าวว่าพระชายาอ๋องเฉินสุขภาพไม่แข็งแรง อ๋องเฉินจึงขอลาพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่ฝ่าบาทได้ยินประโยคนี้ ก็เบิกตากว้างทันทีพระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!พระชายาอ๋องเฉินไม่มีมีความสุข เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!พระชายาอ๋องเฉินเป็นทุกข์ เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!ในครรภ์ของพระชายาอ๋องเฉินกำลังตั้งครรภ์พระนัดดาของเขา หากพระนัดดาเป็นอะไรไปแม้เพียงนิด เขาจะต้องบิดหูเฟิงเย่เสวียนทิ้งแน่“โตขนาดนี้แล้ว แม้แต่ภรรยาของตนเองก็ยังดูแลได้ไม่ดี ใช้ได้ที่ไหนกัน! เกิดเรื่องนี้หลุดออกไปไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นหัวเราะหรือ!” เขาตบโต๊ะด้วยความโมโห ตบจนเกิดเสียงดังปัง ๆพระ
รู้สึกว่าเขากำลังเริ่มทำตัวไม่ชอบธรรมกับฉู่เชียนหลีแล้ว ยกมือขึ้นกำลังจะตบหน้าชายหนุ่มเลิกคิ้ว ยกมือขึ้นจับเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ แขนยาวกระตุก ก็ดึงนางลากเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “ข้าจริงจัง”จับที่เอวอวบอิ่มของนางเอาไว้ ให้นางนั่งบนต้นขาของเขา จ้องมองนาง กล่าวชัดถ้อยชัดคำ“ตอนที่เจ้าเป็นทุกข์ โลกของข้าเหมือนกับถล่มทลายไปแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจไปทำเรื่องอื่นใด รู้สึกหดหู่ไปกับเจ้าด้วย ตอนนี้ถึงพบว่า เจ้าสำหรับข้าแล้ว มีความสำคัญมากมาย”เมื่ออารมณ์ของตนได้รับผลกระทบจากทุกการกระทำของอีกฝ่าย ก็แสดงให้เห็นว่ามีความสำคัญกับคนนี้ มากเพียงใดฉู่เชียนหลีหลุบตาลง หรี่ดวงตาหนทางในอนาคตยังอีกยาวไกลมาก สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ยังมีอุปสรรคและความเปลี่ยนแปลงอีกมากมายขอเพียงแค่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีอะไรที่ผ่านไปไม่ได้นางเลียริมฝีปากทีหนึ่ง “ง่วงแล้ว”“ข้ากำลังคุยกับเจ้านะ” ชายหนุ่มที่พูดไม่เก่งมาโดยตลอด จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนละเอียดอ่อนขึ้นมา ทำให้ฉู่เชียนหลีตั้งท่ารับมือไม่ถูกนางเองก็ไม่ใช่คนที่อ่อนไหวพ่นลมหายใจอย่างเฉยเมย “รู้แล้ว”“รู้ก็จบแล้วหรือ?” ชายหนุ่มจ้องมองนางอย่างตกตะลึงฉู่เชียนหลีเหล
มือทั้งสองข้างของฉู่เจียวเจียวโอบแขนของชายหนุ่ม เบียดตัวเข้าไปใกล้เล็กน้อย ท่าทางที่เหมือนกับนกน้อยติดคนน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองคนยืนด้วยกัน ช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ เหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่งถึงแม้ว่าฉู่เชียนหลีจะไม่ชอบฉู่เจียวเจียว แต่ค่อนข้างสนิทกับอ๋องหลี จึงระบายรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา“อ๋องหลี พระชายาอ๋องหลี บังเอิญเหลือเกิน”“เดินซื้ออะไรน่ะ?” ฉู่เจียวเจียวเอียงคอถาม “ได้ข่าวว่าช่วงนี้ร่างกายของเจ้าไม่ค่อยดี เกิดปัญหาอะไรขึ้นใช่หรือไม่? เหตุใดจึงไม่รักษาตัวอยู่ที่เรือนล่ะ? ถ้าหากแท้งลูกขึ้นมาละก็ คงน่าเสียดายมาก”ฉู่เชียนหลี “...”ทันทีที่เอ่ยปากพูด ก็ไม่ใช่เป็นคำพูดที่น่าฟัง เต็มไปด้วยการเสียดสีบาดหูเป็นอย่างมาก แต่บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มที่พยายามทำเหมือน‘ห่วงใย’ ทำให้ฉู่เชียนหลียากที่จะตอบโต้พระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่พอใจ“ผู้ใดบอกว่าพระชายาอ๋องเฉินสุขภาพไม่ดี? คนที่ร่างกายไม่ดี น่าจะเป็นพวกที่แต่งงานมานานมาก ๆ แต่ยังไม่ทางกระมัง?”คำพูดประโยคนี้หมายถึงฉู่เจียวเจียวกับอ๋องหลีแต่งงานกันมาครึ่งปี แต่กลับยังไม่มีวี่แววเลยสักนิดฉู่เจียวเจียวเข้าใจความ
พระชายาอ๋องติ้งมองสำรวจพ่อค้าวัยกลางคน เมื่อเห็นท่าทางที่ร้อนใจ สีหน้าที่จริงใจของเขา ไม่มีตรงไหนที่น่าสงสัย แอบ จึงกำจัดการคาดเดาว่า ‘มีคนวางแผนทำร้าย’ในใจออกไปหรืออาจจะเป็นแค่เพียงอุบัติเหตุเท่านั้นกระมังเฟิงเจิ้งหลีน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าเป็นผู้ใด? จูงม้าอย่างไร?”พ่อค้าคนนั้นรีบกล่าวขอโทษ ด้วยคำขอโทษต่าง ๆ นานาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง จ้องมองเค้าโครงใบหน้าที่อ่อนโยนของอ๋องหลี เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่ใจลอย...แอบด่าตัวเองเมื่อครู่นี้สมองกระตุกเหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะคิดว่าเขาจะมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ดีกับนางเป็นพิเศษ ยังรู้ปลอดภัยอีกด้วยนางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?ฉู่เจียวเจียวยังนั่งอยู่กับพื้นนะ!นางถูกม้ากระแทก ตกใจมาก ไม่ง่ายเลยกว่าได้สติกลับคืนมา เมื่อคิดถึงตอนที่ม้าพุ่งเข้ามาเมื่อครู่นี้ อ๋องหลีผลักนางออก เพื่อปกป้องฉู่เชียนหลี...เพลิงโกรธกับความริษยาราวกับพวยพุ่ง พลุ่งพล่านเข้ามาในหัวใจ ตอนที่กำลังจะระบายออกมา ท้องก็กระตุกทีหนึ่ง“กรี๊ด!”หน้าถอดสี “ท้องข้า...”ปวดเหลือเกิน!เหมือนกับว่าโดนเข็มทิ่มแทงเสียงกรีดร้องดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนเฟิงเจิ้งหลีหันหน้าไป
“อะไรนะ!?”ฉู่เจียวเจียวเบิกดวงตาทั้งสองข้างด้วยความตกใจ ตกตะลึงไปสามวินาทีเต็ม ๆ จากนั้นถึงได้ก้มหน้าลงไป จ้องมองหน้าท้องที่แบนราบของตนเองนางท้องแล้ว?คิดไม่ถึงว่านางจะตั้งท้องแล้ว?คืนนั้น ภายใต้การบังคับและชักจูงของนาง ในที่สุดท่านอ๋องก็ยอมแตะต้องนาง แค่คืนนั้นก็ท้องแล้ว!นางลูบท้องด้วยความปีติยินดี “ลูก...ท่านอ๋อง พวกเรามีลูกแล้ว!”“ลูกของพวกเรา!”นางจับมือของเฟิงเจิ้งหลีด้วยความตื่นเต้น อารมณ์ที่ปีติยินดีในเวลานี้ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เฟิงเจิ้งหลีหลุบตาลง ขมวดคิ้วเล็กน้อย นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากไปกว่านี้พระชายาอ๋องติ้งเขยิบเข้าใกล้ฉู่เชียนหลี ถามเสียงเบา “ไม่ได้ตรวจผิดใช่หรือไม่?”ฉู่เชียนหลีส่ายหน้า “เพิ่งจะท้องได้ไม่นาน ครรภ์ยังไม่มั่นคง เมื่อครู่ได้รับความตกใจ ครรภ์ได้รับความกระทบกระเทือน ทำให้ปวดท้อง แต่ว่าไม่เป็นอะไร พักผ่อนสองวันก็ดีขึ้นแล้ว”“ข้าฟังน้ำเสียงของเจ้า เหตุใดจึงได้ใจเย็นมากขนาดนี้?”“?” ฉู่เชียนหลีงุนงง “นางตั้งครรภ์เกี่ยวอะไรกับข้า ทำไมข้าถึงต้องไม่ใจเย็น?”พระชายาอ๋องติ้ง “...”เหมือนจะว่าจะเป็นเหตุผลข้อนี้ถ้าหากพ
ฉู่เชียนหลียืนอยู่กับที่ เมื่อนึกย้อนไปถึงคำพูดพวกนั้นของฉู่เจียวเจียว สีหน้าเหม่อลอยเล็กน้อยคำพูดของนาง...เป็นความจริง เมื่อย้อนคิดอย่างละเอียด อ๋องหลีดีกับนางมากจริง ๆนางคิดมาตลอดว่า อ๋องหลีกับอ๋องเฉินเป็นพี่น้องกัน สองพี่น้องมีความสัมพันธ์ที่ดี ไปมาหาสู่กันค่อนข้างสนิทสนมกัน เป็นเรื่องปกติ แต่คำพูดพวกนี้ของฉู่เจียวเจียวเตือนสตินางอ๋องหลีไม่เพียงสนิทกับอ๋องเฉิน สนิทกับนางมากกว่า...นี่คือมิตรภาพปกติ หรือว่านางคิดมากไป?“เสียวฉู่” พระชายาอ๋องติ้งจับมือของนางเอาไว้ ตบ ๆ กล่าวอย่างชี้แนะ “ช่วงนี้เหมือนกับว่าเจ้าค่อนข้างสนิทกับอ๋องหลีหรือ?”ประโยคที่ลองหยั่งเชิง ก็คือคำพูดที่เตือนสติเช่นกัน ปลุกฉู่เชียนหลีให้ตื่นทันทีใช่!สนิทกันเกินไป!แม้กระทั่งพระชายาอ๋องติ้งยังสังเกตเห็น แต่นางกลับเป็นคนโง่งม ว่ากันว่าตั้งท้องทีหนึ่งโง่ไปสามปี นางยังไม่ทันคลอด ก็เริ่มโง่แล้ว“พี่อวี๋ ข้าเข้าใจแล้ว” ฉู่เชียนหลีพยักหน้านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางต้องรักษาระยะห่างระหว่างอ๋องหลีพระชายาอ๋องติ้งหัวเราะอย่างอ่อนโยน “เจ้าเป็นเด็กฉลาด ทำให้คนชื่นชอบ มิน่าละอ๋องเฉินมีเจ้าแล้ว จึงไม่ต้องการผ
จวนอ๋องเฉินวันนี้เฟิงเย่เสวียนกลับมาดึกมา ฉู่เชียนหลีจัดการเสื้อผ้าให้เขา เปลี่ยนชุดทางการ หยิบชุดลำลองที่สำหรับใส่อยู่เรือน แล้วค่อยสวมให้เขา“ออกไปข้างนอกมาหรือ?” เขาถามฉู่เชียนหลีก้มหน้าผูกผ้าคาดเอวให้เขา “อือฮึ พระชายาอ๋องติ้งมาเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนข้า”ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกินแล้วก็นอนทุกวัน ก็ทำได้แค่เที่ยวเล่นเท่านั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องโรงหมอ เรื่องในเรือนก็ไม่ต้องให้นางเป็นกังวล สบายใจมาก“วันนี้ทำไมเจ้าถึงกลับมาดึกขนาดนี้?”ตามหลักแล้ว อ๋องหลีก็กลับจากประชุมแล้ว มาเดินเล่นเป็นเพื่อนฉู่เจียวเจียว เขาก็น่าจะเลิกประชุมตั้งนานแล้วเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิงเย่เสวียนก็กลุ้มใจเล็กน้อย“ถูกฝ่าบาทกักตัวไว้”“ฝ่าบาทกักตัวเจ้าไว้ทำไม?”กักตัวเขา...เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในห้องทรงพระอักษร คำบ่นที่ราวกับบทสวดมนต์นั่น ทำให้เขารู้สึกปวดหัวเป็นอย่างยิ่งเรื่องนี้ไม่พูดถึงก็ชั่งเถอะ!เขาเลิกคิ้ว เปลี่ยนเรื่อง “เจ้าไม่มีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือ?”“หืม” ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย เขาถามแบบนี้ ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยบอกอะไร?“เจ้าลองคิ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท