ฉู่เชียนหลีตัวสั่นเทาไปทั้งตัว นัยน์ตาแฝงไปด้วยความงงงันนางกำลังพูดอะไร?เมื่อครู่นี้นางพูดอะไร?นางไม่ได้หมายความแบบนั้น แล้วก็ไม่ได้ตำหนิ แต่เหตุใดเมื่อสมองกระตุก ก็พูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นแบบนั้นออกมา! นี่ไม่ใช่เจตนาเดิมของนาง!ตั้งแต่แต่งงานกันมานานขนาดนี้ พวกเขาผ่านเรื่องราวมามากมาย ทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ ทั้งมีความสุข แบ่งปันความยากลำบากด้วยกัน แม้ว่าจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยตำหนิอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้นาง...ฉู่เชียนหลีอยากอธิบาย แต่เมื่อเห็นดวงตาของชายหนุ่มที่มองนางอย่างเหลือเชื่อแล้ว คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากพูดอย่างไรช่วงนี้นางเหนื่อยมากเกินไปแล้วหรือ...ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากัน เหมือนกับปกติ แต่บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกลับเปลี่ยนไปอึดอัด เย็นชาและเคร่งขรึมนางค่อย ๆ หลุบตาลง เม้มริมฝีปากแน่น “รีบพักผ่อน”หันหลังกลับแล้วขึ้นเตียง นอนตะแคงหันหน้าเข้าด้านในเตียง หันหลังให้ชายหนุ่ม จับผ้าห่มคลุมตนเองมิด แต่ไม่ได้อยากจะหลับ ภายในหัวสมองมีคำพูดเมื่อครู่นี้ของนางดังก้องไม่หยุดนางไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นจริง ๆ เหตุใดจึงพูดออกไปเช่นนั้น?ทำร้า
“ปลอดภัยก็ดี ปลอดภัยก็ดีแล้ว!” ฝ่าบาทลูบเครา ยิ้มแย้มด้วยความดีใจนี่คือข่าวดีแรกที่ได้รับ นับตั้งแต่ปีใหม่ ทำให้เขามีความสุขมาก ตอนเย็นกินข้าวได้ถึงห้าถ้วยบัดนี้ภรรยาของเจ้าเจ็ดตั้งท้อง ภรรยาของเจ้าห้าก็ตั้งท้องเช่นกัน สองครรภ์ ในที่สุดก็จะได้มีหลานแล้วเมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็ยิ่งดีใจ ยิ้มจนตาหยี จนแทบจะไม่เห็นลูกตา“หมอหลวงจาง เจ้าไปที่จวนอ๋องหลีทุกสามวัน เพื่อตรวจชีพจรให้พระชายาอ๋องหลีเป็นประจำ จะต้องให้แน่ใจว่าปลอดภัยดีทั้งแม่และลูก ต้องการสมุนไพร และของบำรุงอะไร ก็เบิกได้ทันที อย่าให้ขาดมือ” ฝ่าบาทพูดพร้อมโบกมือใหญ่ฉู่เจียวเจียวกำลังจะคุกเข่าขอบคุณ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...”“เจ้าจะทำอะไร! รีบลุกขึ้น!” ฝ่าบาทประคองนาง “เป็นคนท้องแล้ว ต่อไปก็ทำเหมือนกับพระชายาอ๋องเฉิน พิธีรีตองพวกนี้ก็ละเว้นไป”เมื่อฉู่เจียวเจียวได้ยินดังนั้น รอยยิ้มที่มุมปากก็ยิ่งชัดขึ้นความรู้สึกของการได้รับการเอาใจใส่และความโปรดปราน ไม่เลวเลยจริง ๆลูกคนนี้มาได้ถูกเวลาจริง ๆลูบคลำท้องน้อยที่แบนราบ จินตนาการถึงชีวิตที่สวยงามในวันข้างหน้าแล้วฝ่าบาทมองนางด้วยความเป็นห่วง “คนที่มีทายาทให้ราชวงศ์ทุกคน ล้วนเ
ระหว่างทางกลับจวนทันทีที่เดินออกจากอุทยานหลวง สีหน้าของเฟิงเจิ้งหลีก็เปลี่ยนไป คว้าข้อมือของฉู่เจียวเจียว พานางเดินออกไปทางด้านนอกอย่างรวดเร็ว“ท่านทำอะไร...ซี้ด!”เขาเดินเร็วเกินไป ฉู่เจียวเจียวตามไม่ทัน จึงเดินโซเซ เกือบจะล้มหัวฟาดฟื้นมือหนึ่งกุมหน้าท้อง พลางถูกบังคับให้วิ่งเหยาะ ๆ“ท่านอ๋อง ท่านทำข้าเจ็บ...ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง...ท่านเป็นอะไรไป...”“โอ๊ย!”เฟิงเจิ้งหลีสะบัดมือออก เหวี่ยงนางไปยังมุม ๆ หนึ่ง ขยับตัวเข้าใกล้ ดวงตาที่อบอุ่นมาโดยตลอดไม่มีความสุกใส มีเพียงความเคียดแค้น“ฉู่เจียวเจียว อย่าท้าทายขีดกำจัดของข้า!”เรื่องกิจราชการของเขา ไม่จำเป็นต้องให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาชี้นิ้วสั่งตลอดหลายปีมานี้ เขาเคี่ยวกรำ เจ็บปวด ได้รับการดูถูกและเหยียดหยาม ก็เพียงเพื่อให้มีสักวัน ที่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทได้อย่างสง่าผ่าเผย ได้รับการยอมรับจากฝ่าบาทเขา เป็นลูกชายที่ถือกำเนิดจากนางกำนัล ไม่ได้แย่!มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาเป็นนางกำนัล ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย!แต่ทันทีที่เขาเข้าไปที่ค่ายลาดตระเวน ยังไม่ได้รับคำชมเชยจากฝ่าบาท ยังไม่ทันได้แสดงความสามารถ ก็ถูกคำพูดเพี
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋องหลี ทั้งสองคนที่ไม่มีความสุขมาตลอดทาง ทำหน้านิ่ง มีทะเลาะกันบ้างเล็กน้อยเป็นครั้งคราว คนใช้ที่เดินผ่านพากันก้มหน้า เกรงว่าจะโดนหางเลขไปด้วยฉู่เจียวเจียวกุมท้องเอาไว้ นั่งลงด้วยท่าทีสงบและผ่อนคลาย “ท่านอ๋องคงจะไม่ถือสาที่ต้องรินน้ำให้ข้าใช่หรือไม่?”นางยิ้ม ยิ้มที่จองหอง ยิ้มที่ยั่วยุเมื่อมีลูก นางก็เปลี่ยนจากท่าทางถ่อมตัวเมื่อในเมื่อก่อน เปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง กลายเป็นคนมั่นใจในตัวเองและเปิดเผยเด็กคนนี้ ให้ความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมแก่นางเฟิงเจิ้งหลีเดินไปที่ริมโต๊ะ หยิบแก้วขึ้นมา“อยากได้น้ำอุ่น” ฉู่เจียวเจียวกุมท้อง “ลูกชายกลัวหนาว”ท่าทางของชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย มือจับแน่นขึ้น หลังจากกวาดสายตามองแวบหนึ่ง ก็คลายมือออกเงียบ ๆ ไม่ได้พูดจา หันหลังแล้วเดินออกไป ไปเอาน้ำอุ่นที่ห้องครัว ฉู่เจียวเจียวจ้องมองแผ่นหลังของเขา รอยยิ้มนัยน์ตาค่อย ๆ จางหายไป กลายเป็นความทุกข์ทรมานนางรู้ดี ว่าในใจของเขาไม่มีนางนางรู้ดี ที่เขาดีต่อนางเป็นเพราะถูกบีบบังคับ ล้วนเป็นความเสแสร้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางกำจุดอ่อนของเขาไว้ในมือของนาง เกรงว่าเขาคงไม่มีทางหันมามองนาง
ทันทีที่ฮูหยินเว่ยได้ยิน ก็ดึงมือของอ๋องหลีเอาไว้แน่น “หลีเอ๋อร์เอย ตอนนี้เจียวเจียวกำลังท้องกำลังไส้ เรื่องไหนสำคัญ เจ้าต้องเข้าใจสิ!”ลูกคือเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง เป็นของขวัญที่สวรรค์ประทานให้ เป็นสิ่งของที่อะไรก็ทดแทนไม่ได้“ฝ่าบาทให้เจ้าอยู่จวน เจ้าก็อยู่ที่จวนเถอะ ค่ายลาดตระเวนทั้งลำบากทั้งเหนื่อย อย่าไปเลย เชื่อแม่ นะ”ฮูหยินเว่ยพูดเกลี้ยกล่อม หวังแค่เพียงว่าเด็กจะปลอดภัย ครอบครัวรักใคร่ปรองดอง ไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีกแล้วสายตาของเฟิงเจิ้งหลีค่อย ๆ หลุบลงเรื่องที่เขาอยากทำมีมากมาย แต่ก็จำต้องคิดถึงความปรารถนาของท่านแม่ด้วย...ให้เขาอยู่ที่จวน วัน ๆ ไม่มีอะไรให้ทำ ไม่ต่างอะไรกับคนไร้น้ำยา ใช้ชีวิตแบบนี้ตลอด? ความหมายในการมีชีวิตอยู่ของเขาคืออะไร? แล้วคุณค่าคืออะไร?ชีวิตของคนบนโลกใบนี้ จะต้องทำเรื่องอะไรสักอย่าง“ท่านแม่...” เขาเม้มปาก “ข้าอยู่ที่ค่ายลาดตระเวนมาสามเดือนกว่า มีเรื่องมากมายขาดข้าไปไม่ได้...”“ขาดไม่ได้อะไรกัน? ไม่มีเจ้า ค่ายลาดตระเวนจะอยู่ไม่ได้เชี่ยวหรือ?” ดวงตาที่ขุ่นมัวทั้งสองข้างของฮูหยินเว่ยจ้องมองเขา “เจ้าพูดความจริงกับแม่ เจ้าเข้าไปเป็นขุนนางผู้
จวนอ๋องเฉิน“พระชายา?”“พระชายา?”“หืม?!” เยว่เอ๋อร์ตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง ฉู่เชียนหลีถึงได้สติกลับมา ทันทีที่ก้มหน้ามอง อาหารที่คีบในตะเกียบก็หล่นลงบนโต๊ะแล้ว ข้าวก็เย็นแล้วเช่นกันเหนื่อยเหลือเกิน...ไม่ได้นอนทั้งคืน มักจะเหม่อลอย ทันทีที่นึกถึงคำพูดที่พูดกับเฟิงเย่เสวียนเมื่อคืน นางก็จิตใจเหม่อลอย“พระชายา เมื่อคืนนี้ท่านนอนไม่หลับหรือ? ใต้ตาคล้ำหน่อย ๆ” เยว่เอ๋อร์ถามด้วยความกังวลเมื่อคืนตอนที่อวิ๋นอิงกำลังฝึกทวน ก็เห็นท่านอ๋องเดินออกมาจากเรือนหานเฟิงตอนกลางดึก พลางเดิน พลางยิ้ม ราวกับเสียสติวันนี้ทั้งวันก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของท่านอ๋อง คิดว่าจะต้องเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคนอย่างแน่นอนนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยปากกล่าว “พระชายา เหมือนกับว่าวันนี้ท่านอ๋องไม่ได้เข้าประชุมขุนนาง เหมือนว่าจะอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน”ตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงเที่ยงวันนี้ เอาแต่อยู่ในห้องหนังสือ ไม่ได้ออกมาฉู่เชียนหลีเม้มปาก ภายในใจไม่ได้มีความสุขถ้าหากเฟิงเย่เสวียนพูดคำพูดแบบนั้นกับนาง ในใจของนางจะต้องเป็นทุกข์มากแน่ แต่น่าแปลกที่นางไม่ได้มีความคิดแบบนั้นอย่างเห็นได้ชัด
อีกด้านหนึ่งฉู่เชียนหลีเพิ่งกลับมาถึงเรือนหานเฟิง พ่อบ้านก็เข้ามารายงาน บอกว่าพระชายาอ๋องเฟิงมาหาทันทีที่พระชายาอ๋องเฟิงเข้ามา ก็ยิ้มพร้อมกับดึงมือของฉู่เชียนหลี พูดด้วยความสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง “พระชายาอ๋องเฉิน ใบสั่งยาคราวก่อนที่เจ้าให้ข้า ข้ากินหมดแล้ว ประสิทธิผลค่อนข้างดีเลย ต่อไปข้าควรกินยาอะไรดีล่ะ?”นางอยากตั้งท้อง อยากมาเจ็ดแปดปีแล้วแต่ก็ไม่ท้องเสียที ทำได้แค่ตั้งความหวังไว้ที่ฉู่เชียนหลีเท่านั้นฉู่เชียนหลีชักมือกลับ จับชีพจรของนางดู แล้วค่อยให้ใบสั่งยาอีกใบ ค่อย ๆ รักษาไปพระชายาอ๋องเฟิงรับเอาใบสั่งยามา ถึงขนาดพับเป็นอย่างดีอย่างระมัดระวัง จากนั้นนำเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วก็จับมือของฉู่เชียนหลี กล่าวอย่างสนิทสนม“ลำบากพระชายาอ๋องเฉินแล้ว ถ้าหากวันข้างหน้ามีลูก บุญคุณครั้งนี้ จะไม่มีทางลืม”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยพระชายาอ๋องเฟิงที่นิสัยเย่อหยิ่งเป็นอย่างมากมาตลอดจู่ ๆ ก็สนิทสนมกับนางขนาดนี้ นางกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ จึงชักมือของตนเองออกมาอีกรอบ“ไม่ต้องตอบแทนบุญคุณ ให้ค่าตรวจวินิจฉัยสักหน่อยก็พอแล้ว”“...”เฮอะ ๆพระชายาอ๋องเฟิงยิ้มแข็งทื่อ หลังจากห
เกี่ยวข้องกับชีวิตของคน ฉู่เชียนหลีไม่กล้าสะเพร่า รีบออกเดินทางทันที เยว่เอ๋อร์เองก็รีบร้อนมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องหนังสือทันทีที่เดินเข้าใกล้ ก็มีเสียงเรียกให้หยุด“มีธุระอะไร?”ทันทีที่เยว่เอ๋อร์จ้องมอง “ท่านหานอิ๋ง เป็นเรื่องของจวนโหวติ้งกว๋อ เหมือนว่าองค์หญิงใหญ่จะคลอดยาก สถานการณ์อันตรายและเร่งด่วน พระชายาได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว สั่งให้ข้ามาแจ้งท่านอ๋องโดยเฉพาะ!”น้ำเสียงของนางร้อนใจเล็กน้อย กำลังจะเข้าไปในห้องหนังสือหานอิ๋งยื่นมือขวางเอาไว้ “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน ข้าจะเข้าไปบอกนายท่าน”เยว่เอ๋อร์ลังเลเล็กน้อย “แต่พระชายากล่าวว่า...”“ทำไม? หรือว่าสาวใช้ที่มาจากจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่คนหนึ่ง จะเข้าใจนายท่านดีไปกว่าข้า?” ย้อนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าที่เย็นชาแต่มีเสน่ห์ไม่ได้โมโหแต่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามเยว่เอ๋อร์เม้มปาก ไม่กล้าทำให้โกรธเคือง หลังจากพูดสองสามประโยคก็เดินจากไปเมื่อนางเดินออกไปไกล หานอิ๋งถึงเข้าไปในห้องหนังสือบนเตียงเล็ก ชายหนุ่มยกขาขึ้นอย่างเกียจคร้าน หนังสือที่ถืออยู่ในมือ หลุบตาจ้องมองอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ไร้ชีวิตชีวา ไม่ค่อยมีเรี่ยว
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท