เกี่ยวข้องกับชีวิตของคน ฉู่เชียนหลีไม่กล้าสะเพร่า รีบออกเดินทางทันที เยว่เอ๋อร์เองก็รีบร้อนมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องหนังสือทันทีที่เดินเข้าใกล้ ก็มีเสียงเรียกให้หยุด“มีธุระอะไร?”ทันทีที่เยว่เอ๋อร์จ้องมอง “ท่านหานอิ๋ง เป็นเรื่องของจวนโหวติ้งกว๋อ เหมือนว่าองค์หญิงใหญ่จะคลอดยาก สถานการณ์อันตรายและเร่งด่วน พระชายาได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว สั่งให้ข้ามาแจ้งท่านอ๋องโดยเฉพาะ!”น้ำเสียงของนางร้อนใจเล็กน้อย กำลังจะเข้าไปในห้องหนังสือหานอิ๋งยื่นมือขวางเอาไว้ “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน ข้าจะเข้าไปบอกนายท่าน”เยว่เอ๋อร์ลังเลเล็กน้อย “แต่พระชายากล่าวว่า...”“ทำไม? หรือว่าสาวใช้ที่มาจากจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่คนหนึ่ง จะเข้าใจนายท่านดีไปกว่าข้า?” ย้อนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าที่เย็นชาแต่มีเสน่ห์ไม่ได้โมโหแต่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามเยว่เอ๋อร์เม้มปาก ไม่กล้าทำให้โกรธเคือง หลังจากพูดสองสามประโยคก็เดินจากไปเมื่อนางเดินออกไปไกล หานอิ๋งถึงเข้าไปในห้องหนังสือบนเตียงเล็ก ชายหนุ่มยกขาขึ้นอย่างเกียจคร้าน หนังสือที่ถืออยู่ในมือ หลุบตาจ้องมองอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ไร้ชีวิตชีวา ไม่ค่อยมีเรี่ยว
“ในที่สุดพระชายาอ๋องเฉินก็มาแล้ว!”ชายวัยกลางคนในชุดสีฉูดฉาดคนหนึ่งก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว ผมของเขาเกล้าสูง สง่ามีราศี แม้มีอายุระดับหนึ่งแล้ว แต่ใบหน้านั่นกลับมีเสน่ห์ หล่อเหลามีความเป็นผู้ใหญ่ และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพียงแค่ปราดเดียว ฉู่เชียนหลีก็เดาได้ว่าเขาน่าจะเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของแคว้นตงหลิง โหวติ้งกว๋อฉู่เชียนหลีกวาดมองโดยรอบอย่างรวดเร็วแวบหนึ่งมีคนเฝ้าอยู่ข้างนอกเยอะมาก มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังมาจากข้างใน และมีสาวใช้ถือน้ำอุ่นเดินเข้าเดินออกอย่างเร่งรีบเป็นระยะ“เกิดอะไรขึ้น?” นางถาม“คลอดไม่ออก” สีหน้าโหวติ้งกว๋อเคร่งขรึมมาก “หมอตำแยกับหมอก็อยู่ เป็นเช่นนี้มาสองชั่วยามแล้ว…”“น้าสะใภ้ ท่านต้องรับรองความปลอดภัยของแม่ข้านะ เด็กที่อยู่ในท้องนั่นเป็นตายไม่สำคัญ แต่ต้องรักษาแม่ข้าไว้นะ!” หลิงเชียนอี้จับมือฉู่เชียนหลีแน่น อ้อนวอนอย่างน้ำตาคลอเบ้าโหวติ้งกว๋อได้ยินคำพูดนี้ “...”หายใจเข้าลึกๆลูกแท้ๆ ตีไม่ได้ อดกลั้นหลิงเชียนอี้อายุสิบแปดปีแล้ว มารดามีลูกคนที่สองในวัยนี้ อายุแตกต่างกันมากเกินไป เขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อลูกคนที่สองนี้เขาถึงขั้นคิดว่าลูกคน
แม่นางน้อย?ชาติที่แล้วตอนนางอุทิศตนเพื่อวงการแพทย์ในห้องทดลอง หมอหญิงคนนี้มุดอยู่ในรูใดก็ยังไม่รู้เลยการแพทย์ที่ล้ำหน้าและประสบการณ์ที่ล้นหลามของยุคปัจจุบัน หาใช่ยุคโบราณที่ล้าหลังหลายพันปีจะสามารถเทียบได้?นางขี้เกียจสนใจหมอหญิงคนนี้ เลิกแขนเสื้อขึ้น เดินไปที่หน้าเตียง“องค์หญิงใหญ่โปรดเก็บแรงไว้บ้าง นอนราบ พยายามผ่อนคลาย”“เจ้าจะทำอะไร?” หมอหญิงรีบเดินเข้ามา ตักเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้าหากยังไม่รีบคลอด เด็กจะขาดอากาศตายทั้งเป็น!”ฉู่เชียนหลีได้ตรวจดูแล้ว ปริมาณของน้ำคร่ำที่ไหลออกมาไม่เยอะ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือหมุนเด็กกลับหัวแต่คนคนนี้มักจะเซ้าซี้ข้างหูนาง ทำให้นางรำคาญมากตั้งแต่ตั้งครรภ์ นิสัยก็ฉุนเฉียวขึ้นไม่น้อย เงยหน้าขึ้นก็กล่าวตรงๆ“อย่ามาขวางข้าตรงนี้! ปัญหาที่เจ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ยอมรับว่าตัวเองด้อยความสามารถเถอะ ไม่มีอะไรน่าอาย”“เจ้า!”หมอหญิงถลนตา เหมือนถูกเปิดโปงความคิด สีหน้านางประเดี๋ยวแดง ประเดี๋ยวม่วง แลดูน่าเกลียดมากปีนี้นางอายุห้าสิบกว่าแล้ว จะยอมให้เด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเก่งกว่าได้อย่างไร?คำพูดนี้เผยแพร่ออกไป นางจะไม่อับอายหรอกหรื
“เหตุใดจึงไม่มีเสียงแล้ว?”ภายในลานเรือนข้างนอก กลุ่มคนที่ชะโงกหน้ารออย่างใจจดใจจ่อสังเกตเห็นว่าภายในห้องเงียบลง เสียงร้องของความเจ็บปวดหายไป ไม่มีเสียงร้องของทารก และไม่เห็นสาวใช้ออกมา แต่ละคนจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว“หรือคลอดแล้ว?”“ก็ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้นี่นา? และไม่เห็นหมอตำแยออกมาแจ้งข่าวดี เกิดอะไรขึ้น?”โหวติ้งกว๋อยืนอยู่ตรงที่เดิมราวกับเสาต้นหนึ่ง ฝ่ามือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่น กำจนมีเหงื่อออก จ้องตรงไปที่ห้องอย่างไม่ละสายตา แววตาเคร่งขรึมแต่ประหม่าหลิงเชียนอี้ร้อนใจจนตาแดงแล้ว เขาวิ่งเข้าไปตะคอกใส่โหวติ้งกว๋อ “อายุปูนนี้แล้ว ยังจะมีลูกอีก! มีอะไรมี! หรือข้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน? หากท่านแม่เป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะไปกับท่านแม่แล้ว!”โหวติ้งกว๋อกำมือแน่นขึ้นสามส่วน ริมฝีปากปิดสนิทตลอด ไม่พูดอะไรสักคำ เอาแต่จ้องมองไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดออกมาประโยคหนึ่ง“ไม่มีเสียงนานเช่นนี้ คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”ทันใดนั้น โหวติ้งกว๋อพุ่งพรวดเข้าไปในห้อง“ท่านโหว ท่านเข้ามาไม่ได้นะ! เวลาผู้หญิงคลอดลูกออกเลือดเยอะ ผู้ชายเห็นแล้วจะโชคร้าย ไม่เป็นผลดีต่อท่าน!” หมอตำแยห้ามปรามเพิ่งขวาง
เนื่องจากปากมดลูกยังเปิดไม่ถึงสิบเซนติเมตร มีเวลารอหนึ่งถึงสองชั่วยาม ฉู่เชียนหลีแนะนำให้กินอาหารที่เหมาะสม เพื่อเสริมกำลังพลันโหวติ้งกว๋อออกคำสั่ง ห้องครัวส่งอาหารอันประณีตมาอย่างรวดเร็วระหว่างรอ…ฉู่เชียนหลีจับท้อง นั่งสูดอากาศอยู่ในสวน พักผ่อนครู่หนึ่ง“พระชายา ดื่มน้ำหน่อยเจ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์ส่งแก้วให้ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้นางเดินทางจากจวนอ๋องเฉินมาอย่างเร่งรีบโดยไม่หยุดพัก และยังยุ่งตั้งนาน อุ้มท้องสี่เดือน เหนื่อยจนจะแย่อยู่แล้วฉู่เชียนหลีดื่มหมดแก้วในรวดเดียว พักหายใจครู่หนึ่ง จึงถาม“ท่านอ๋องยังไม่มาอีกหรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ เยว่เอ๋อร์ก็กำลังสงสัยเช่นกัน “ข้าบอกเรื่องที่องค์หญิงใหญ่คลอดบุตรยากให้ท่านอ๋องแล้ว นี่ก็นานเช่นนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ท่านอ๋องจะยังไม่ถึงนี่นา…”ฉู่เชียนหลีกวาดมองทุกคนในลานเรือนแวบหนึ่ง ก็มองไม่เห็นร่างเงาของเฟิงเย่เสวียนองค์หญิงใหญ่เป็นพี่สาวของเขา ความสัมพันธ์น้าหลานของเขากับหลิงเชียนอี้ก็ดีเช่นนั้น พี่สาวคนโตคลอดบุตรยาก เรื่องใหญ่เช่นนี้ เขากลับไม่มา?หรือเขายังโกรธนาง ไม่อยากเจอนาง?“ซี้ด…”หนังท้องกระตุกทีห
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนไปตกที่ร่างฉู่เชียนหลีตั้งแต่พระชายาอ๋องเฉินมา นางรับช่วงต่อสถานการณ์ขององค์หญิงใหญ่ จัดการทุกอย่าง ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ตกเลือด นางย่อมมีความรับผิดชอบที่ไม่สามารถปฏิเสธ“ท่านอ๋อง ข้าทำคลอดทารกมาครึ่งชีวิต ประสบการณ์ล้นหลาม ท่านกลับไม่เชื่อข้า คราวนี้ดีแล้ว…”หมอหญิงส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง “ปริมาณเลือดที่ฮูหยินเสียแย่มาก…”ส่ายศีรษะ บ่งบอกถึงความรุนแรงของสถานการณ์ ทำให้บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดอีกครั้งโดยตรง เหมือนกับถูกทับอยู่ใต้ภูเขาหนัก ทุกคนหายใจลำบากแย่มาก ก็แสดงถึงความตายมือเท้าโหวติ้งกว๋อเย็นเฉียบทันที ลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขนก็ไม่น่ารักแล้ว สายตาที่สั่นเทามองไปทางผู้หญิงที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง รู้สึกเพียงเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย…ฉู่เชียนหลีพบว่าไม่สามารถห้ามเลือด ท้ายที่สุดต้องถ่ายเลือดซื้อเวลา ไม่เช่นนั้นองค์หญิงใหญ่จะอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่นาทีระหว่างความเป็นความตาย แค่ไม่กี่นาทีนางรีบกล่าว “พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเข้ามา!”หมอหญิงหันไปมอง “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านจะทำอะไร? ยาทุกอย่างที่ใช้ได้ก็ใช้แล้ว วิธีที่สามารถลองได้ก็ลองแล้ว
หมอหญิงยืนอยู่ด้านข้าง จิกแขนเสื้อเช็ดน้ำตา พลางกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “เดิมทีอาการขององค์หญิงใหญ่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตั้งแต่ฟังคำสั่งของพระชายาอ๋องเฉินก็…องค์หญิงใหญ่เป็นพี่สาวของอ๋องเฉินนะ!”“เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้แล้ว อ๋องเฉินกลับไม่มา ก็ไม่รู้ว่าอ๋องเฉินหมายความว่าอย่างไร…”คำพูดนี้ของนางมีช่องว่างสำหรับการจินตนาการอย่างไร้พรมแดนแฝงอยู่ ทำให้ผู้คนคิดมากพี่สาวคนโตคลอดลูก อ๋องเฉินทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น?พระชายาอ๋องเฉินทำร้ายคน หรืออ๋องเฉินกับองค์หญิงใหญ่ไม่ลงรอยกัน เป็นเจตนาของอ๋องเฉินทันใดนั้น ทุกคนจินตนาการอย่างรวดเร็ว แผนการและกลอุบายต่างๆ ถูกปรุงแต่งออกมาหมด…ภายในห้องเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลียืนอยู่หน้าเตียง ใช้คลังเลือดในกำไลเฉียนคุนถ่ายเลือดให้องค์หญิงใหญ่ และใช้เครื่องมือที่ทันสมัยของยุคปัจจุบันทำการช่วยเหลือ สถานการณ์ทุกอย่างคงที่เพียงแต่ของที่อยู่ในกำไลเฉียนคุนของนางยิ่งใช้ยิ่งน้อยนำออกมาหนึ่งอย่าง ก็น้อยลงหนึ่งอย่าง ใช้หนึ่งอย่าง ก็หมดหนึ่งอย่าง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางจะพึ่งพากำไลเฉียนคุนมากเกินไปไม่ได้หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามในที่สุดก็ห้ามเลือด
สายตาของคนอื่นก็ตกที่ฉู่เชียนหลีเช่นกัน มีทั้งสงสัย มีทั้งคาดคะเน มีทั้งคาดเดา…แตกต่างกันไปตามความคิดของคนทั่วไป หลังจากพระชายาอ๋องเฉินยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ก็เกิดเรื่องทันที นางยากที่จะบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบหากบอกว่านางทำให้องค์หญิงใหญ่ตาย ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างสงบ กวาดมองทุกคนอย่างไม่เร่งไม่รีบแวบหนึ่ง ทุกคนล้วนเป็นปรปักษ์กับนาง แต่วิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา ไม่กล้าพูดต่อหน้า มีเพียงหมอหญิงคนนั้นที่เดินออกมา กล่าวโทษอย่างเสียงดัง เหมือนนางกระทำความผิดเรื่องร้ายแรงอะไรความสนใจของฉู่เชียนหลีไปตกที่หมอหญิงคนนี้ทันทีกวาดมองคนคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย“ตอนที่ข้ายังไม่มา ลูกขององค์หญิงใหญ่ไม่กลับหัว ต่อให้ฝืนคลอดก็คลอดไม่ออก หากไม่ใช่เพราะข้าหมุนเด็กกลับหัว เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงหัวหลุดจากบ่าแล้ว”หมอหญิงชะงักเป็นเช่นนี้จริงเด็กไม่กลับหัว คลอดบุตรยาก จะทำให้สูญเสียหนึ่งศพสองชีวิต องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว ทั้งครอบครัวนางก็ไม่รอดเช่นกันแต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน มีพระชายาอ๋องเฉินเป็นแพะรับบาป นางแค่พูดให้ตนเองหลุดพ้