หมอหญิงยืนอยู่ด้านข้าง จิกแขนเสื้อเช็ดน้ำตา พลางกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “เดิมทีอาการขององค์หญิงใหญ่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตั้งแต่ฟังคำสั่งของพระชายาอ๋องเฉินก็…องค์หญิงใหญ่เป็นพี่สาวของอ๋องเฉินนะ!”“เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้แล้ว อ๋องเฉินกลับไม่มา ก็ไม่รู้ว่าอ๋องเฉินหมายความว่าอย่างไร…”คำพูดนี้ของนางมีช่องว่างสำหรับการจินตนาการอย่างไร้พรมแดนแฝงอยู่ ทำให้ผู้คนคิดมากพี่สาวคนโตคลอดลูก อ๋องเฉินทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น?พระชายาอ๋องเฉินทำร้ายคน หรืออ๋องเฉินกับองค์หญิงใหญ่ไม่ลงรอยกัน เป็นเจตนาของอ๋องเฉินทันใดนั้น ทุกคนจินตนาการอย่างรวดเร็ว แผนการและกลอุบายต่างๆ ถูกปรุงแต่งออกมาหมด…ภายในห้องเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลียืนอยู่หน้าเตียง ใช้คลังเลือดในกำไลเฉียนคุนถ่ายเลือดให้องค์หญิงใหญ่ และใช้เครื่องมือที่ทันสมัยของยุคปัจจุบันทำการช่วยเหลือ สถานการณ์ทุกอย่างคงที่เพียงแต่ของที่อยู่ในกำไลเฉียนคุนของนางยิ่งใช้ยิ่งน้อยนำออกมาหนึ่งอย่าง ก็น้อยลงหนึ่งอย่าง ใช้หนึ่งอย่าง ก็หมดหนึ่งอย่าง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางจะพึ่งพากำไลเฉียนคุนมากเกินไปไม่ได้หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามในที่สุดก็ห้ามเลือด
สายตาของคนอื่นก็ตกที่ฉู่เชียนหลีเช่นกัน มีทั้งสงสัย มีทั้งคาดคะเน มีทั้งคาดเดา…แตกต่างกันไปตามความคิดของคนทั่วไป หลังจากพระชายาอ๋องเฉินยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ก็เกิดเรื่องทันที นางยากที่จะบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบหากบอกว่านางทำให้องค์หญิงใหญ่ตาย ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างสงบ กวาดมองทุกคนอย่างไม่เร่งไม่รีบแวบหนึ่ง ทุกคนล้วนเป็นปรปักษ์กับนาง แต่วิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา ไม่กล้าพูดต่อหน้า มีเพียงหมอหญิงคนนั้นที่เดินออกมา กล่าวโทษอย่างเสียงดัง เหมือนนางกระทำความผิดเรื่องร้ายแรงอะไรความสนใจของฉู่เชียนหลีไปตกที่หมอหญิงคนนี้ทันทีกวาดมองคนคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย“ตอนที่ข้ายังไม่มา ลูกขององค์หญิงใหญ่ไม่กลับหัว ต่อให้ฝืนคลอดก็คลอดไม่ออก หากไม่ใช่เพราะข้าหมุนเด็กกลับหัว เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงหัวหลุดจากบ่าแล้ว”หมอหญิงชะงักเป็นเช่นนี้จริงเด็กไม่กลับหัว คลอดบุตรยาก จะทำให้สูญเสียหนึ่งศพสองชีวิต องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว ทั้งครอบครัวนางก็ไม่รอดเช่นกันแต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน มีพระชายาอ๋องเฉินเป็นแพะรับบาป นางแค่พูดให้ตนเองหลุดพ้
“ท่านไม่กล้า!”“ท่านโหว ท่านดู พระชายาอ๋องเฉินมีพิรุธจริงๆ!”หมอหญิงเดินเข้ามาประชิดทีละก้าว น้ำเสียงบีบคั้น ยิ่งกว่านั้นต้อนจนฉู่เชียนหลีจนมุม เลิกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางเหมือนจะใช้กำลังบังคับคนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกันขอแค่ตรวจสอบ ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์คุยด้วยหลักฐาน หนักแน่นและมีผลมากกว่าคำอธิบายทุกอย่างฉู่เชียนหลี ‘ตื่นตระหนก’ จนกระทืบเท้า “ข้าไม่ได้ทำร้ายนาง!”“องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว ท่านยังบอกว่าไม่ได้ทำอีก! หากไม่ใช่เพราะท่าน องค์หญิงใหญ่ก็จะไม่ตกเลือด!” หมอหญิงเย็นชาและแข็งกระด้าง “ท่านเป็นคนทำให้องค์หญิงใหญ่ตาย หากไม่เจอเมล็ดเชียนอิงบนตัวท่าน ข้าก็ไปตาย!”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ เลิกคิ้วกะทันหัน ‘ความกลัว’ บนใบหน้ามลายหายไป กลายเป็นความสนใจที่เข้มข้น“เจ้าตั้งใจจะใช้ความตายไถ่โทษจริงหรือ?”หมอหญิงยิ้มอย่างเย็นชา “คนที่ใช้ความตายไถ่โทษคือท่าน ไม่ใช่ข้า ท่านทำให้องค์หญิงตาย ท่านแบกชีวิตของคนคนหนึ่งไว้ ในใจท่านไม่รู้หรือ?”นี่มันเวลาไหนแล้ว พระชายาอ๋องเฉินยังจะเพ้อฝันเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีกลับเอียงศีรษะ กล่าวอย่างประหลาดใจมาก “องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว?”นาง
ฉู่เชียนหลีมองหมอหญิงคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าใบหน้าแก่ที่มีริ้วรอยราวกับใบไม่แห้งหลังฤดูใบไม้ร่วง ทั้งแห้งทั้งย่น และก็ทำให้นางดูเป็นคนซื่อตรง เหมือนกับหญิงชราที่เรียบง่ายคนหนึ่ง เข้าถึงได้ง่ายแต่ถ้าหากมองคนมองแค่ภายนอก วันข้างหน้าตายอย่างไรก็ไม่รู้“เจ้ารู้เรื่องเมล็ดเชียนอิงได้อย่างไร?” นางถามหมอหญิงก้มหน้าด้วยความตื่นตระหนก “ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน…ได้ยินมาว่าพิษชนิดนี้จะทำให้เลือดไหลไม่หยุด อาการป่วยหนักยิ่งขึ้น…”คำพูดของนางคลุมเครือฉู่เชียนหลีกลับกล่าว “ความหมายของข้าคือ เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจเช่นนั้นว่าบนตัวข้าเมล็ดเชียนอิง? เจ้ารู้ได้อย่างไร?”“ข้า…”หัวใจหมอหญิงสั่นสะท้าน ก้มศีรษะต่ำลงสามส่วนทันที ซ่อนความตื่นตระหนกและร้อนตัวทั้งหมดไว้“ข้า…”ถูกสายตามากมายเช่นนั้นจ้องมอง นางตื่นตระหนกเหมือนมดบนหม้อร้อน ไม่ว่าพูดอะไรก็ไม่ถูกถ้าหากถูกตัดสินโทษ ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาอยากรักษาชีวิตไว้ มีแต่ต้องเดิมพัน…แม้พระชายาอ๋องเฉินช่วยองค์หญิงใหญ่ไว้ แต่บนตัวนางต้องมีเมล็ดเชียนอิงแน่นอน! ขอแค่หาเจอ นางก็บริสุทธิ์แล้ว!เมื่อหมอหญิงคิดเช่นนี้ กำหมัดแน่น สายตาเหี้ยมเกรียม กล่าวอย่
ฉู่เชียนหลีหวนคืนสติ หันกลับไปมองคนข้างหลังแวบหนึ่ง เม้มปากยิ้มเล็กน้อย“ขอบคุณท่านโหว”ถอนมือกลับอย่างสุภาพ พยักหน้าแสดงความเคารพ ก็เดินเข้าห้องไปดูอาการขององค์หญิงใหญ่แล้วโหวติ้งกว๋อยืนอยู่ตรงที่เดิม มองฝ่ามือที่ว่างเปล่าครู่หนึ่ง กวาดมองแผ่นหลังของนาง แล้วมองอ๋องเฉินที่หายไปจากประตูลานเรือน หลังจากยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก จึงจะเอ่ยปาก“ใครก็ได้”เก็บศพ ล้างคราบเลือด หลังจากความวุ่นวายผ่านไป กลับคืนสู่ความสงบสภาพร่างกายขององค์หญิงใหญ่ค่อยๆ คงที่ ต่อจากนี้แค่พักฟื้นให้ดี ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เวลานี้นางกำลังนอนหลับอย่างเหนื่อยล้า ลูกสาวที่เพิ่งเกิดนอนอยู่ข้างๆ นาง ตัวเล็กๆ แดงๆ ย่นๆ สองสามีภรรยาอายุสามสิบกว่าปีแล้ว มีลูกสาวตอนอายุมากแล้ว โหวติ้งกว๋อชอบมาก สั่งให้นักพรตที่ดูฮวงจุ้ย ทำนายดวงเป็น ทำนายวันเกิดและตั้งชื่อลูกสาวทันที เพื่อขอพรและโชคลาภฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ข้างๆ ลูบท้องของตนเอง มองดูเด็กทารกที่อยู่บนเตียง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เหม่อลอยเล็กน้อย“พระชายาอ๋องเฉิน?”“เมียเจ้าเจ็ด?”“ฉู่เชียนหลี?”“ฮืม?!”เรียกติดต่อกันหลายครั้ง ฉู่เชียนหลีจึงจะหวนคืนสติ มอง
จวนบนภูเขาขนาดใหญ่ บ้านเรือนกับทิวทัศน์ของภูเขากลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ทิวทัศน์ธรรมชาติ สวยงามไร้ที่สิ้นสุด ขณะที่ทุกคนรายล้อมอยู่ในเรือนหลัก กำลังห่วงใยสถานการณ์ขององค์หญิงใหญ่กับลูก มุมหนึ่งที่ไม่สะดุดตาของใต้ภูเขาน้ำพุ เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น เก็บก้อนหินขึ้น โยนลงไปในน้ำเป็นระยะๆจ๋อม!จ๋อม!น้ำสาดกระเซ็นเขางอขาทั้งสองข้าง คางพาดอยู่บนหัวเข่า เปลือกตาของเขาตกอย่างไม่ใส่ใจ ไร้ชีวิตชีวาอาจเพราะเหม่อลอย แม้แต่ข้างหลังมีเสียงฝีเท้าก็ไม่ได้ยิน จนกระทั่งเสียงของผู้หญิงดังขึ้น“ไม่มีความสุขอีกแล้ว?”หลิงเชียนอี้ชะงักครู่หนึ่ง หันกลับไปเห็นอวิ๋นอิงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อน หลังจากนั้นก็รีบเก็บอารมณ์ด้านลบทั้งหมด “เปล่า!”“ข้าแค่เป็นห่วงท่านแม่เกินไป และช่วยอะไรไม่ได้ ก็เลยมาสูดอากาศ”อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ แสดงมาดและท่าทางที่ดีที่สุดของตนเองออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนเป็นธรรมชาติของมนุษย์อวิ๋นอิงกะพริบตาปริบๆ เอียงศีรษะมองไปทางเขา ผมสั้นที่เรียบร้อยสะบัดออกอย่างเป็นธรรมชาติมีหรือที่นางจะมองความคิดของท่านโหวน้อยไม่ออก?สิบแปดปีก่อน เขาเป็นลูกชายคนเดียวของท
คำพูดที่โพล่งออกมา แม้แต่อวิ๋นอิงก็ตะลึงงันแล้วนางพูดเช่นนี้ได้อย่างไร…หลิงเชียนอี้กลับหมุนกายฉับพลัน เดินปรี่เข้ามาตรงหน้านาง จับไหล่ทั้งสองข้างของนาง เหมือนดีใจจนคลั่ง“อวิ๋นอิง ถ้าหากเจ้ายินดีพึ่งพาข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน!”เขาจะแบกความรับผิดชอบของลูกผู้ชายคนหนึ่ง มอบความรู้สึกปลอดภัยให้นาง หรือแม้กระทั่งที่พักพิงสำหรับหลบลมหลบฝนบ้าน!อวิ๋นอิงจับริมฝีปากของตนเองอย่างตะลึงงัน “ข้า…” เดิมทีนางอยากปลอบใจเขา แต่คำพูดที่มาถึงปลายลิ้น…เหตุใดจึงกล่าวออกไปเป็นอีกความหมาย“ท่านโหว ข้า…”“เยี่ยมไปเลย!”หลิงเชียนอี้ดีใจจนดึงคนเข้ามาไว้ในอ้อมกอดโดยตรง กระชับแขน กอดนางแน่น “เยี่ยมไปเลย! อวิ๋นอิง เจ้าวางใจ ต่อไปข้าจะไม่โกรธง่ายๆ แล้ว ข้าจะกลายเป็นผู้ใหญ่ หนักแน่น และทำงานใหญ่เหมือนท่านน้าเฉิน!” อารมณ์ของเด็กหนุ่มมาเร็ว แต่ก็ไปเร็วเช่นกันเมื่อครู่ยังอัดอั้นไม่มีความสุข ตอนนี้หัวเราะเหอะๆ แล้วหัวเราะจนเหมือนกับคนบ้าที่ได้รับลูกอม “อวิ๋นอิง เจ้าพูดถูก ข้าเป็นผู้ชาย ต้องหนักแน่นหน่อย ข้าจะไม่ใช้อารมณ์กับน้องสาวตัวน้อยที่เพิ่งเกิด อย่างมากก็กระทืบนางสามห้าวันสักยกเพื่อระ
คำพูดประโยคเดียว ทำให้แววตาอวิ๋นอิงขรึมลงทันที และยิ่งทำให้นางกลับสู่ความเป็นจริงสาวใช้…ใช่แล้ว นางเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไร้พ่อไร้แม่คนหนึ่ง ส่วนเขากลับเป็นถึงท่านโหวน้อย ลูกชายของเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งแคว้นตงหลิง เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝนนางกับเขาคนละฟ้า คนละดิน นางกำลังพร่ำเพ้ออะไร? และกำลังเพ้อฝันอะไร?อวิ๋นอิงเม้มปาก ปัดความคิดที่ไม่ควรมีทั้งหมดในสมองทิ้ง ถอนสายบัวคำนับ“ท่านโหวน้อย บ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”พูดจบก็ยกเท้าไปเลยหลิงเชียนอี้รู้สึกถึงความผิดปกติ รู้จักนางมานานเช่นนี้ นางเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา ไม่เคยเสแสร้ง พูดหนึ่งไม่เป็นสอง จิตใจกว้างขวางและรักอิสระ ยิ่งไม่เคยใช้คำว่า ‘บ่าว’ แทนตนเองนางจ้องกู้ชิงชิงอย่างเย็นชา“ข้างกายข้ามีใครที่ไหน เกี่ยวอะไรกับเจ้า? สัญญาณแต่งงานของเจ้ากับข้าได้ยกเลิกนานแล้ว หากเจ้ายังชี้มือชี้เท้ากับคนของข้าอีก อย่าโทษว่าข้าไล่เจ้าออกจากจวน!”ม่านตากู้ชิงชิงหดอย่างตะลึงงันเขาดุนางเขาดุนางเพื่อสาวใช้คนหนึ่ง…ผู้อาวุโสของพวกเขาเป็นคนกำหนดสัญญาแต่งงาน สองตระกูลมีมิตรภาพยาวนานหลายชั่วอายุคน เชื่อมความสัมพันธ์ด้วยกันแต่งงาน การรวมกันของเศรษฐ
“อะไรนะ?!” จวินชิงอวี่ได้ยินคำนี้กะทันหัน ตะลึงไปชั่วขณะจวินลั่วยวนขมวดคิ้ว นางกล่าว“ฉู่เชียนหลีเลวมาก อีกทั้งยังขี้ริษยา ท่านสั่งสอนนาง นางต้องมารังแกข้าแน่นอน!”“ท่านพี่ ท่านฆ่านางเถอะ นางตายแล้ว ข้าจึงจะปลอดภัย”มีเพียงนางตายแล้ว นางจึงจะได้อ๋องเฉินมาครอบครอง!จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากที่น้องหญิงพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งของฉู่เชียนหลี ตอนเขาใช้มีดสั้นแทงนาง สายตาของนางที่มองเขา หนักแน่นไม่ยอมก้มหัวนางบอกว่า นางไม่ผิดนางบอกว่า นางถามใจไม่รู้สึกผิดน้ำเสียงนั่น สายตานั่น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดไปชั่วขณะมองยวนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า “ยวนเอ๋อร์ ฆ่านาง จะทำเกินไปหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแค่ว่าร้ายยวนเอ๋อร์สองสามประโยค เหมือนโทษยังไม่ถึงตายกระมัง?“หรือข้าจะถูกรังแกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย?”“ยวนเอ๋อร์ ความหมายของข้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่า…เมื่อก่อนเจ้าไม่กล้าดูคนฆ่าไก่ด้วยซ้ำ และยังมักจะไปขอพรให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ที่วัด กับช่วยคนในวังที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ…”วันนี้ กลับพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาจวินลั่วยวนรู้ตัวว่าเผลอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นา
กลับถึงศาลาพักมาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พบว่าเสด็จแม่กำลังนั่งมองเศษจี้หยกชิ้นหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอยที่ข้างโต๊ะ“เสด็จแม่?”กระทั่งจวินชิงอวี่เดินไปถึงตรงหน้า ฮองเฮาหนานยวนจึงจะหวนคืนสติ “อ้าว…”นางเงยหน้าอย่างงงงวย มองใบหน้าของลูกชายที่คล้ายคลึงนางห้าส่วน สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย“ชิงอวี่กลับมาแล้วหรือ”“สุขภาพของเจ้าเพิ่งหายดี อย่าเดินพล่านไปทั่ว”จวินชิงอวี่นั่งลงที่ข้างๆ นาง “เพิ่งมาเมืองน้ำเจียงหนานครั้งแรก ทิวทัศน์ของที่นี่แตกต่างจากแคว้นหนานยวน ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินออกไปสูดอากาศ ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วงแล้ว”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นสายตาของเขามองไปที่มือนาง“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงจ้องมันจนเหม่ออีกแล้ว?”จี้หยกชิ้นนี้มีเพียงครึ่งเดียวมันตกแตกเริ่มตั้งแต่เขามีความทรงจำ เสด็จแม่มักจะนั่งจ้องเศษจี้หยกชิ้นนี้จนเหม่อลอยตลอดสิบกว่าปีมานี้ เสด็จแม่มักจะทำเช่นนี้ตลอดเสด็จพ่อบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแทนใจที่เสด็จพ่อมอบให้เสด็จแม่ตอนพบกันครั้งแรก เสด็จแม่ไม่ระวังทำตก เพราะคิดถึงความรักในอดีต จ
เจ็บ!แพร่กระจายไปทั่วร่าง คมมีดฉีกบาดแผล เลือดทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ เขายังคงถือมีดสั้น ทำร้ายนางอย่างเจตนาร้ายฉู่เชียนหลีเจ็บจนกำหมัด สีหน้าซีดเผือก เกือบเป็นลมแล้ว นางกัดลิ้นอดกลั้นเอาไว้โต้ตอบไม่ได้!เพื่อการสนับสนุนจากกองทัพของแคว้นหนานยวน! “ข้าไม่ผิด” นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก เลือดที่ทะลักออกมายิ่งทำให้หน้าของนางดูซีด ประกายแสงในแววตาดื้อรั้นเป็นพิเศษ“จวินลั่วยวนยั่วยวนผู้ชายของข้า หน้าของนางก็นางล้มเอง ข้าถามใจตัวเองไม่รู้สึกผิด”สีหน้าจวินชิงอวี่เย็นสุดขีด“ยังกล้าปากแข็งอีก!”ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาถือมีดสั้น แทงเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง“อ่า!” ฉู่เชียนหลีเจ็บจนเหงื่อไหลเหมือนสายน้ำ“ยวนเอ๋อร์จิตใจดี รักเนื้อสงวนตัว เจ้าไม่ควรไปรังแกเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ตอนที่เจ้าว่าร้ายนาง ไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?” เขาตำหนิเสียงเย็นฉู่เชียนหลีเจ็บจนหัวเราะ“ฮ่าๆ!”จวินลั่วยวนจิตใจดี?นางฟ้า?บริสุทธิ์?“ฮ่าๆๆๆ!”สมกับที่ล้วนแซ่จวิน ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ“ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงตาบอด ใจยังบอดด้วย…อ่อ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ตามความคิดของ
เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ แค่อยากหัวเราะ“องค์ชายสามตั้งใจหลอกข้าออกมา ก็เพื่อระบายความคับข้องใจให้น้องสาว?”“บนถนน จวินลั่วยวนทำลายชื่อเสียงของข้าต่อหน้าผู้คน นางเป็นคนบอกว่าไม่ต้องการให้ข้าช่วย ตอนนี้กลับโยนความผิดให้ข้า ทำไม? ข้าไม่ช่วยท่านก็ผิดหรือ?”เห็นนางเป็นพระแม่ซานเซิ่ง?จวินชิงอวี่ขมวดคิ้ว“อย่ามาพูดให้ร้ายยวนเอ๋อร์”ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่ยวนเอ๋อร์พาเขากลับศาลาพักม้า ไม่แน่เขาอาจจะโรคกำเริบตายไปแล้วในใจของเขา น้องหญิงดีที่สุด ใจดีที่สุด ชาตินี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องปกป้องนางให้ได้ฉู่เชียนหลีกล้าทำร้ายยวนเอ๋อร์ เขาจะให้ฉู่เชียนหลีชดใช้!“นี่คือนิสัยเฉพาะของคนตระกูลจวินหรือ? ก้าวร้าว ไร้เหตุผล ปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็โยนความผิดให้ผู้อื่น”ฉู่เชียนหลีมองเขา กล่าวอย่างเย็นชา“ท่านไม่ได้ตรวจสอบเรื่องที่น้องหญิงของเจ้ายั่วยวนสามีข้าก่อนมาเลยหรือ”จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก!”ยวนเอ๋อร์จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?“ยวนเอ๋อร์คือองค์หญิง เป็นแก้วตาดวงใจของแคว้นหนานยวน ราชบุตรเขยแบบไหนที่นางต้องการแล้วไม่มี? จำเป็นต้องไปยั่วยวนอ๋องเฉิน
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว
จวินลั่วยวนพูดโกหกหน้าตาย ฉวยโอกาสใส่ความฉู่เชียนหลีด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆ“อ๋องเฉินไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจหรือ?”“เจ้าเป็นแม่ที่มีลูกถึงสองคนแล้ว ไม่รู้จักคำว่า ‘ยางอาย’ เลยหรือ?”“เจ้าสำส่อนจัง!”สายตายฉู่เชียนหลีเย็นลง เดินไปที่ตรงหน้านางจู่ๆ ก็เข้าใกล้กลิ่นอายอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามากะทันหัน ทำเอาจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่สามารถควบคุม หลังจากตั้งสติได้ สีหน้าบูดบึ้งทันทีนางกลัวฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ไม่!เป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีจ้องนาง “เสด็จพี่สามของเจ้าป่วยหนัก เขาขอให้ข้าช่วย ข้าจึงแสดงความเมตตา ประคองเขาไปที่โรงหมอ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี ข้าไม่สนใจเขาก็สิ้นเรื่อง”เมื่อสิ้นเสียง เดินไปที่ข้างกาย คลายจุดชีพจรที่สกัดไว้เมื่อครู่“อ่า!”ทันใดนั้น ลมปราณของเขาไหลเวียน สีหน้าเปลี่ยนฉับ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างเจ็บปวด หอบหายใจอย่างทรมานเมื่อจวินลั่วยวนเห็นแล้วเลิกคิ้ว“เจ้าช่วยเขา? น่าขำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพิศวาสในความงามของเขา”นางสั่งให้ซวงซวงเขียนจดหมายให้เสด็จพี่สาม คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่สาม
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ