หมอหญิงยืนอยู่ด้านข้าง จิกแขนเสื้อเช็ดน้ำตา พลางกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “เดิมทีอาการขององค์หญิงใหญ่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตั้งแต่ฟังคำสั่งของพระชายาอ๋องเฉินก็…องค์หญิงใหญ่เป็นพี่สาวของอ๋องเฉินนะ!”“เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้แล้ว อ๋องเฉินกลับไม่มา ก็ไม่รู้ว่าอ๋องเฉินหมายความว่าอย่างไร…”คำพูดนี้ของนางมีช่องว่างสำหรับการจินตนาการอย่างไร้พรมแดนแฝงอยู่ ทำให้ผู้คนคิดมากพี่สาวคนโตคลอดลูก อ๋องเฉินทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น?พระชายาอ๋องเฉินทำร้ายคน หรืออ๋องเฉินกับองค์หญิงใหญ่ไม่ลงรอยกัน เป็นเจตนาของอ๋องเฉินทันใดนั้น ทุกคนจินตนาการอย่างรวดเร็ว แผนการและกลอุบายต่างๆ ถูกปรุงแต่งออกมาหมด…ภายในห้องเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลียืนอยู่หน้าเตียง ใช้คลังเลือดในกำไลเฉียนคุนถ่ายเลือดให้องค์หญิงใหญ่ และใช้เครื่องมือที่ทันสมัยของยุคปัจจุบันทำการช่วยเหลือ สถานการณ์ทุกอย่างคงที่เพียงแต่ของที่อยู่ในกำไลเฉียนคุนของนางยิ่งใช้ยิ่งน้อยนำออกมาหนึ่งอย่าง ก็น้อยลงหนึ่งอย่าง ใช้หนึ่งอย่าง ก็หมดหนึ่งอย่าง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางจะพึ่งพากำไลเฉียนคุนมากเกินไปไม่ได้หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามในที่สุดก็ห้ามเลือด
สายตาของคนอื่นก็ตกที่ฉู่เชียนหลีเช่นกัน มีทั้งสงสัย มีทั้งคาดคะเน มีทั้งคาดเดา…แตกต่างกันไปตามความคิดของคนทั่วไป หลังจากพระชายาอ๋องเฉินยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ก็เกิดเรื่องทันที นางยากที่จะบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบหากบอกว่านางทำให้องค์หญิงใหญ่ตาย ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างสงบ กวาดมองทุกคนอย่างไม่เร่งไม่รีบแวบหนึ่ง ทุกคนล้วนเป็นปรปักษ์กับนาง แต่วิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา ไม่กล้าพูดต่อหน้า มีเพียงหมอหญิงคนนั้นที่เดินออกมา กล่าวโทษอย่างเสียงดัง เหมือนนางกระทำความผิดเรื่องร้ายแรงอะไรความสนใจของฉู่เชียนหลีไปตกที่หมอหญิงคนนี้ทันทีกวาดมองคนคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย“ตอนที่ข้ายังไม่มา ลูกขององค์หญิงใหญ่ไม่กลับหัว ต่อให้ฝืนคลอดก็คลอดไม่ออก หากไม่ใช่เพราะข้าหมุนเด็กกลับหัว เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงหัวหลุดจากบ่าแล้ว”หมอหญิงชะงักเป็นเช่นนี้จริงเด็กไม่กลับหัว คลอดบุตรยาก จะทำให้สูญเสียหนึ่งศพสองชีวิต องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว ทั้งครอบครัวนางก็ไม่รอดเช่นกันแต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน มีพระชายาอ๋องเฉินเป็นแพะรับบาป นางแค่พูดให้ตนเองหลุดพ้
“ท่านไม่กล้า!”“ท่านโหว ท่านดู พระชายาอ๋องเฉินมีพิรุธจริงๆ!”หมอหญิงเดินเข้ามาประชิดทีละก้าว น้ำเสียงบีบคั้น ยิ่งกว่านั้นต้อนจนฉู่เชียนหลีจนมุม เลิกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางเหมือนจะใช้กำลังบังคับคนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกันขอแค่ตรวจสอบ ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์คุยด้วยหลักฐาน หนักแน่นและมีผลมากกว่าคำอธิบายทุกอย่างฉู่เชียนหลี ‘ตื่นตระหนก’ จนกระทืบเท้า “ข้าไม่ได้ทำร้ายนาง!”“องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว ท่านยังบอกว่าไม่ได้ทำอีก! หากไม่ใช่เพราะท่าน องค์หญิงใหญ่ก็จะไม่ตกเลือด!” หมอหญิงเย็นชาและแข็งกระด้าง “ท่านเป็นคนทำให้องค์หญิงใหญ่ตาย หากไม่เจอเมล็ดเชียนอิงบนตัวท่าน ข้าก็ไปตาย!”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ เลิกคิ้วกะทันหัน ‘ความกลัว’ บนใบหน้ามลายหายไป กลายเป็นความสนใจที่เข้มข้น“เจ้าตั้งใจจะใช้ความตายไถ่โทษจริงหรือ?”หมอหญิงยิ้มอย่างเย็นชา “คนที่ใช้ความตายไถ่โทษคือท่าน ไม่ใช่ข้า ท่านทำให้องค์หญิงตาย ท่านแบกชีวิตของคนคนหนึ่งไว้ ในใจท่านไม่รู้หรือ?”นี่มันเวลาไหนแล้ว พระชายาอ๋องเฉินยังจะเพ้อฝันเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีกลับเอียงศีรษะ กล่าวอย่างประหลาดใจมาก “องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว?”นาง
ฉู่เชียนหลีมองหมอหญิงคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าใบหน้าแก่ที่มีริ้วรอยราวกับใบไม่แห้งหลังฤดูใบไม้ร่วง ทั้งแห้งทั้งย่น และก็ทำให้นางดูเป็นคนซื่อตรง เหมือนกับหญิงชราที่เรียบง่ายคนหนึ่ง เข้าถึงได้ง่ายแต่ถ้าหากมองคนมองแค่ภายนอก วันข้างหน้าตายอย่างไรก็ไม่รู้“เจ้ารู้เรื่องเมล็ดเชียนอิงได้อย่างไร?” นางถามหมอหญิงก้มหน้าด้วยความตื่นตระหนก “ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน…ได้ยินมาว่าพิษชนิดนี้จะทำให้เลือดไหลไม่หยุด อาการป่วยหนักยิ่งขึ้น…”คำพูดของนางคลุมเครือฉู่เชียนหลีกลับกล่าว “ความหมายของข้าคือ เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจเช่นนั้นว่าบนตัวข้าเมล็ดเชียนอิง? เจ้ารู้ได้อย่างไร?”“ข้า…”หัวใจหมอหญิงสั่นสะท้าน ก้มศีรษะต่ำลงสามส่วนทันที ซ่อนความตื่นตระหนกและร้อนตัวทั้งหมดไว้“ข้า…”ถูกสายตามากมายเช่นนั้นจ้องมอง นางตื่นตระหนกเหมือนมดบนหม้อร้อน ไม่ว่าพูดอะไรก็ไม่ถูกถ้าหากถูกตัดสินโทษ ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาอยากรักษาชีวิตไว้ มีแต่ต้องเดิมพัน…แม้พระชายาอ๋องเฉินช่วยองค์หญิงใหญ่ไว้ แต่บนตัวนางต้องมีเมล็ดเชียนอิงแน่นอน! ขอแค่หาเจอ นางก็บริสุทธิ์แล้ว!เมื่อหมอหญิงคิดเช่นนี้ กำหมัดแน่น สายตาเหี้ยมเกรียม กล่าวอย่
ฉู่เชียนหลีหวนคืนสติ หันกลับไปมองคนข้างหลังแวบหนึ่ง เม้มปากยิ้มเล็กน้อย“ขอบคุณท่านโหว”ถอนมือกลับอย่างสุภาพ พยักหน้าแสดงความเคารพ ก็เดินเข้าห้องไปดูอาการขององค์หญิงใหญ่แล้วโหวติ้งกว๋อยืนอยู่ตรงที่เดิม มองฝ่ามือที่ว่างเปล่าครู่หนึ่ง กวาดมองแผ่นหลังของนาง แล้วมองอ๋องเฉินที่หายไปจากประตูลานเรือน หลังจากยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก จึงจะเอ่ยปาก“ใครก็ได้”เก็บศพ ล้างคราบเลือด หลังจากความวุ่นวายผ่านไป กลับคืนสู่ความสงบสภาพร่างกายขององค์หญิงใหญ่ค่อยๆ คงที่ ต่อจากนี้แค่พักฟื้นให้ดี ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เวลานี้นางกำลังนอนหลับอย่างเหนื่อยล้า ลูกสาวที่เพิ่งเกิดนอนอยู่ข้างๆ นาง ตัวเล็กๆ แดงๆ ย่นๆ สองสามีภรรยาอายุสามสิบกว่าปีแล้ว มีลูกสาวตอนอายุมากแล้ว โหวติ้งกว๋อชอบมาก สั่งให้นักพรตที่ดูฮวงจุ้ย ทำนายดวงเป็น ทำนายวันเกิดและตั้งชื่อลูกสาวทันที เพื่อขอพรและโชคลาภฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ข้างๆ ลูบท้องของตนเอง มองดูเด็กทารกที่อยู่บนเตียง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เหม่อลอยเล็กน้อย“พระชายาอ๋องเฉิน?”“เมียเจ้าเจ็ด?”“ฉู่เชียนหลี?”“ฮืม?!”เรียกติดต่อกันหลายครั้ง ฉู่เชียนหลีจึงจะหวนคืนสติ มอง
จวนบนภูเขาขนาดใหญ่ บ้านเรือนกับทิวทัศน์ของภูเขากลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ทิวทัศน์ธรรมชาติ สวยงามไร้ที่สิ้นสุด ขณะที่ทุกคนรายล้อมอยู่ในเรือนหลัก กำลังห่วงใยสถานการณ์ขององค์หญิงใหญ่กับลูก มุมหนึ่งที่ไม่สะดุดตาของใต้ภูเขาน้ำพุ เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น เก็บก้อนหินขึ้น โยนลงไปในน้ำเป็นระยะๆจ๋อม!จ๋อม!น้ำสาดกระเซ็นเขางอขาทั้งสองข้าง คางพาดอยู่บนหัวเข่า เปลือกตาของเขาตกอย่างไม่ใส่ใจ ไร้ชีวิตชีวาอาจเพราะเหม่อลอย แม้แต่ข้างหลังมีเสียงฝีเท้าก็ไม่ได้ยิน จนกระทั่งเสียงของผู้หญิงดังขึ้น“ไม่มีความสุขอีกแล้ว?”หลิงเชียนอี้ชะงักครู่หนึ่ง หันกลับไปเห็นอวิ๋นอิงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อน หลังจากนั้นก็รีบเก็บอารมณ์ด้านลบทั้งหมด “เปล่า!”“ข้าแค่เป็นห่วงท่านแม่เกินไป และช่วยอะไรไม่ได้ ก็เลยมาสูดอากาศ”อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ แสดงมาดและท่าทางที่ดีที่สุดของตนเองออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนเป็นธรรมชาติของมนุษย์อวิ๋นอิงกะพริบตาปริบๆ เอียงศีรษะมองไปทางเขา ผมสั้นที่เรียบร้อยสะบัดออกอย่างเป็นธรรมชาติมีหรือที่นางจะมองความคิดของท่านโหวน้อยไม่ออก?สิบแปดปีก่อน เขาเป็นลูกชายคนเดียวของท
คำพูดที่โพล่งออกมา แม้แต่อวิ๋นอิงก็ตะลึงงันแล้วนางพูดเช่นนี้ได้อย่างไร…หลิงเชียนอี้กลับหมุนกายฉับพลัน เดินปรี่เข้ามาตรงหน้านาง จับไหล่ทั้งสองข้างของนาง เหมือนดีใจจนคลั่ง“อวิ๋นอิง ถ้าหากเจ้ายินดีพึ่งพาข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน!”เขาจะแบกความรับผิดชอบของลูกผู้ชายคนหนึ่ง มอบความรู้สึกปลอดภัยให้นาง หรือแม้กระทั่งที่พักพิงสำหรับหลบลมหลบฝนบ้าน!อวิ๋นอิงจับริมฝีปากของตนเองอย่างตะลึงงัน “ข้า…” เดิมทีนางอยากปลอบใจเขา แต่คำพูดที่มาถึงปลายลิ้น…เหตุใดจึงกล่าวออกไปเป็นอีกความหมาย“ท่านโหว ข้า…”“เยี่ยมไปเลย!”หลิงเชียนอี้ดีใจจนดึงคนเข้ามาไว้ในอ้อมกอดโดยตรง กระชับแขน กอดนางแน่น “เยี่ยมไปเลย! อวิ๋นอิง เจ้าวางใจ ต่อไปข้าจะไม่โกรธง่ายๆ แล้ว ข้าจะกลายเป็นผู้ใหญ่ หนักแน่น และทำงานใหญ่เหมือนท่านน้าเฉิน!” อารมณ์ของเด็กหนุ่มมาเร็ว แต่ก็ไปเร็วเช่นกันเมื่อครู่ยังอัดอั้นไม่มีความสุข ตอนนี้หัวเราะเหอะๆ แล้วหัวเราะจนเหมือนกับคนบ้าที่ได้รับลูกอม “อวิ๋นอิง เจ้าพูดถูก ข้าเป็นผู้ชาย ต้องหนักแน่นหน่อย ข้าจะไม่ใช้อารมณ์กับน้องสาวตัวน้อยที่เพิ่งเกิด อย่างมากก็กระทืบนางสามห้าวันสักยกเพื่อระ
คำพูดประโยคเดียว ทำให้แววตาอวิ๋นอิงขรึมลงทันที และยิ่งทำให้นางกลับสู่ความเป็นจริงสาวใช้…ใช่แล้ว นางเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไร้พ่อไร้แม่คนหนึ่ง ส่วนเขากลับเป็นถึงท่านโหวน้อย ลูกชายของเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งแคว้นตงหลิง เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝนนางกับเขาคนละฟ้า คนละดิน นางกำลังพร่ำเพ้ออะไร? และกำลังเพ้อฝันอะไร?อวิ๋นอิงเม้มปาก ปัดความคิดที่ไม่ควรมีทั้งหมดในสมองทิ้ง ถอนสายบัวคำนับ“ท่านโหวน้อย บ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”พูดจบก็ยกเท้าไปเลยหลิงเชียนอี้รู้สึกถึงความผิดปกติ รู้จักนางมานานเช่นนี้ นางเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา ไม่เคยเสแสร้ง พูดหนึ่งไม่เป็นสอง จิตใจกว้างขวางและรักอิสระ ยิ่งไม่เคยใช้คำว่า ‘บ่าว’ แทนตนเองนางจ้องกู้ชิงชิงอย่างเย็นชา“ข้างกายข้ามีใครที่ไหน เกี่ยวอะไรกับเจ้า? สัญญาณแต่งงานของเจ้ากับข้าได้ยกเลิกนานแล้ว หากเจ้ายังชี้มือชี้เท้ากับคนของข้าอีก อย่าโทษว่าข้าไล่เจ้าออกจากจวน!”ม่านตากู้ชิงชิงหดอย่างตะลึงงันเขาดุนางเขาดุนางเพื่อสาวใช้คนหนึ่ง…ผู้อาวุโสของพวกเขาเป็นคนกำหนดสัญญาแต่งงาน สองตระกูลมีมิตรภาพยาวนานหลายชั่วอายุคน เชื่อมความสัมพันธ์ด้วยกันแต่งงาน การรวมกันของเศรษฐ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท