แม่นางน้อย?ชาติที่แล้วตอนนางอุทิศตนเพื่อวงการแพทย์ในห้องทดลอง หมอหญิงคนนี้มุดอยู่ในรูใดก็ยังไม่รู้เลยการแพทย์ที่ล้ำหน้าและประสบการณ์ที่ล้นหลามของยุคปัจจุบัน หาใช่ยุคโบราณที่ล้าหลังหลายพันปีจะสามารถเทียบได้?นางขี้เกียจสนใจหมอหญิงคนนี้ เลิกแขนเสื้อขึ้น เดินไปที่หน้าเตียง“องค์หญิงใหญ่โปรดเก็บแรงไว้บ้าง นอนราบ พยายามผ่อนคลาย”“เจ้าจะทำอะไร?” หมอหญิงรีบเดินเข้ามา ตักเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้าหากยังไม่รีบคลอด เด็กจะขาดอากาศตายทั้งเป็น!”ฉู่เชียนหลีได้ตรวจดูแล้ว ปริมาณของน้ำคร่ำที่ไหลออกมาไม่เยอะ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือหมุนเด็กกลับหัวแต่คนคนนี้มักจะเซ้าซี้ข้างหูนาง ทำให้นางรำคาญมากตั้งแต่ตั้งครรภ์ นิสัยก็ฉุนเฉียวขึ้นไม่น้อย เงยหน้าขึ้นก็กล่าวตรงๆ“อย่ามาขวางข้าตรงนี้! ปัญหาที่เจ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ยอมรับว่าตัวเองด้อยความสามารถเถอะ ไม่มีอะไรน่าอาย”“เจ้า!”หมอหญิงถลนตา เหมือนถูกเปิดโปงความคิด สีหน้านางประเดี๋ยวแดง ประเดี๋ยวม่วง แลดูน่าเกลียดมากปีนี้นางอายุห้าสิบกว่าแล้ว จะยอมให้เด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเก่งกว่าได้อย่างไร?คำพูดนี้เผยแพร่ออกไป นางจะไม่อับอายหรอกหรื
“เหตุใดจึงไม่มีเสียงแล้ว?”ภายในลานเรือนข้างนอก กลุ่มคนที่ชะโงกหน้ารออย่างใจจดใจจ่อสังเกตเห็นว่าภายในห้องเงียบลง เสียงร้องของความเจ็บปวดหายไป ไม่มีเสียงร้องของทารก และไม่เห็นสาวใช้ออกมา แต่ละคนจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว“หรือคลอดแล้ว?”“ก็ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้นี่นา? และไม่เห็นหมอตำแยออกมาแจ้งข่าวดี เกิดอะไรขึ้น?”โหวติ้งกว๋อยืนอยู่ตรงที่เดิมราวกับเสาต้นหนึ่ง ฝ่ามือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่น กำจนมีเหงื่อออก จ้องตรงไปที่ห้องอย่างไม่ละสายตา แววตาเคร่งขรึมแต่ประหม่าหลิงเชียนอี้ร้อนใจจนตาแดงแล้ว เขาวิ่งเข้าไปตะคอกใส่โหวติ้งกว๋อ “อายุปูนนี้แล้ว ยังจะมีลูกอีก! มีอะไรมี! หรือข้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน? หากท่านแม่เป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะไปกับท่านแม่แล้ว!”โหวติ้งกว๋อกำมือแน่นขึ้นสามส่วน ริมฝีปากปิดสนิทตลอด ไม่พูดอะไรสักคำ เอาแต่จ้องมองไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดออกมาประโยคหนึ่ง“ไม่มีเสียงนานเช่นนี้ คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”ทันใดนั้น โหวติ้งกว๋อพุ่งพรวดเข้าไปในห้อง“ท่านโหว ท่านเข้ามาไม่ได้นะ! เวลาผู้หญิงคลอดลูกออกเลือดเยอะ ผู้ชายเห็นแล้วจะโชคร้าย ไม่เป็นผลดีต่อท่าน!” หมอตำแยห้ามปรามเพิ่งขวาง
เนื่องจากปากมดลูกยังเปิดไม่ถึงสิบเซนติเมตร มีเวลารอหนึ่งถึงสองชั่วยาม ฉู่เชียนหลีแนะนำให้กินอาหารที่เหมาะสม เพื่อเสริมกำลังพลันโหวติ้งกว๋อออกคำสั่ง ห้องครัวส่งอาหารอันประณีตมาอย่างรวดเร็วระหว่างรอ…ฉู่เชียนหลีจับท้อง นั่งสูดอากาศอยู่ในสวน พักผ่อนครู่หนึ่ง“พระชายา ดื่มน้ำหน่อยเจ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์ส่งแก้วให้ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้นางเดินทางจากจวนอ๋องเฉินมาอย่างเร่งรีบโดยไม่หยุดพัก และยังยุ่งตั้งนาน อุ้มท้องสี่เดือน เหนื่อยจนจะแย่อยู่แล้วฉู่เชียนหลีดื่มหมดแก้วในรวดเดียว พักหายใจครู่หนึ่ง จึงถาม“ท่านอ๋องยังไม่มาอีกหรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ เยว่เอ๋อร์ก็กำลังสงสัยเช่นกัน “ข้าบอกเรื่องที่องค์หญิงใหญ่คลอดบุตรยากให้ท่านอ๋องแล้ว นี่ก็นานเช่นนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ท่านอ๋องจะยังไม่ถึงนี่นา…”ฉู่เชียนหลีกวาดมองทุกคนในลานเรือนแวบหนึ่ง ก็มองไม่เห็นร่างเงาของเฟิงเย่เสวียนองค์หญิงใหญ่เป็นพี่สาวของเขา ความสัมพันธ์น้าหลานของเขากับหลิงเชียนอี้ก็ดีเช่นนั้น พี่สาวคนโตคลอดบุตรยาก เรื่องใหญ่เช่นนี้ เขากลับไม่มา?หรือเขายังโกรธนาง ไม่อยากเจอนาง?“ซี้ด…”หนังท้องกระตุกทีห
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนไปตกที่ร่างฉู่เชียนหลีตั้งแต่พระชายาอ๋องเฉินมา นางรับช่วงต่อสถานการณ์ขององค์หญิงใหญ่ จัดการทุกอย่าง ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ตกเลือด นางย่อมมีความรับผิดชอบที่ไม่สามารถปฏิเสธ“ท่านอ๋อง ข้าทำคลอดทารกมาครึ่งชีวิต ประสบการณ์ล้นหลาม ท่านกลับไม่เชื่อข้า คราวนี้ดีแล้ว…”หมอหญิงส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง “ปริมาณเลือดที่ฮูหยินเสียแย่มาก…”ส่ายศีรษะ บ่งบอกถึงความรุนแรงของสถานการณ์ ทำให้บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดอีกครั้งโดยตรง เหมือนกับถูกทับอยู่ใต้ภูเขาหนัก ทุกคนหายใจลำบากแย่มาก ก็แสดงถึงความตายมือเท้าโหวติ้งกว๋อเย็นเฉียบทันที ลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขนก็ไม่น่ารักแล้ว สายตาที่สั่นเทามองไปทางผู้หญิงที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง รู้สึกเพียงเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย…ฉู่เชียนหลีพบว่าไม่สามารถห้ามเลือด ท้ายที่สุดต้องถ่ายเลือดซื้อเวลา ไม่เช่นนั้นองค์หญิงใหญ่จะอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่นาทีระหว่างความเป็นความตาย แค่ไม่กี่นาทีนางรีบกล่าว “พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเข้ามา!”หมอหญิงหันไปมอง “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านจะทำอะไร? ยาทุกอย่างที่ใช้ได้ก็ใช้แล้ว วิธีที่สามารถลองได้ก็ลองแล้ว
หมอหญิงยืนอยู่ด้านข้าง จิกแขนเสื้อเช็ดน้ำตา พลางกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “เดิมทีอาการขององค์หญิงใหญ่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตั้งแต่ฟังคำสั่งของพระชายาอ๋องเฉินก็…องค์หญิงใหญ่เป็นพี่สาวของอ๋องเฉินนะ!”“เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้แล้ว อ๋องเฉินกลับไม่มา ก็ไม่รู้ว่าอ๋องเฉินหมายความว่าอย่างไร…”คำพูดนี้ของนางมีช่องว่างสำหรับการจินตนาการอย่างไร้พรมแดนแฝงอยู่ ทำให้ผู้คนคิดมากพี่สาวคนโตคลอดลูก อ๋องเฉินทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น?พระชายาอ๋องเฉินทำร้ายคน หรืออ๋องเฉินกับองค์หญิงใหญ่ไม่ลงรอยกัน เป็นเจตนาของอ๋องเฉินทันใดนั้น ทุกคนจินตนาการอย่างรวดเร็ว แผนการและกลอุบายต่างๆ ถูกปรุงแต่งออกมาหมด…ภายในห้องเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลียืนอยู่หน้าเตียง ใช้คลังเลือดในกำไลเฉียนคุนถ่ายเลือดให้องค์หญิงใหญ่ และใช้เครื่องมือที่ทันสมัยของยุคปัจจุบันทำการช่วยเหลือ สถานการณ์ทุกอย่างคงที่เพียงแต่ของที่อยู่ในกำไลเฉียนคุนของนางยิ่งใช้ยิ่งน้อยนำออกมาหนึ่งอย่าง ก็น้อยลงหนึ่งอย่าง ใช้หนึ่งอย่าง ก็หมดหนึ่งอย่าง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางจะพึ่งพากำไลเฉียนคุนมากเกินไปไม่ได้หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามในที่สุดก็ห้ามเลือด
สายตาของคนอื่นก็ตกที่ฉู่เชียนหลีเช่นกัน มีทั้งสงสัย มีทั้งคาดคะเน มีทั้งคาดเดา…แตกต่างกันไปตามความคิดของคนทั่วไป หลังจากพระชายาอ๋องเฉินยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ก็เกิดเรื่องทันที นางยากที่จะบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบหากบอกว่านางทำให้องค์หญิงใหญ่ตาย ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ฉู่เชียนหลียืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างสงบ กวาดมองทุกคนอย่างไม่เร่งไม่รีบแวบหนึ่ง ทุกคนล้วนเป็นปรปักษ์กับนาง แต่วิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา ไม่กล้าพูดต่อหน้า มีเพียงหมอหญิงคนนั้นที่เดินออกมา กล่าวโทษอย่างเสียงดัง เหมือนนางกระทำความผิดเรื่องร้ายแรงอะไรความสนใจของฉู่เชียนหลีไปตกที่หมอหญิงคนนี้ทันทีกวาดมองคนคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย“ตอนที่ข้ายังไม่มา ลูกขององค์หญิงใหญ่ไม่กลับหัว ต่อให้ฝืนคลอดก็คลอดไม่ออก หากไม่ใช่เพราะข้าหมุนเด็กกลับหัว เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงหัวหลุดจากบ่าแล้ว”หมอหญิงชะงักเป็นเช่นนี้จริงเด็กไม่กลับหัว คลอดบุตรยาก จะทำให้สูญเสียหนึ่งศพสองชีวิต องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว ทั้งครอบครัวนางก็ไม่รอดเช่นกันแต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน มีพระชายาอ๋องเฉินเป็นแพะรับบาป นางแค่พูดให้ตนเองหลุดพ้
“ท่านไม่กล้า!”“ท่านโหว ท่านดู พระชายาอ๋องเฉินมีพิรุธจริงๆ!”หมอหญิงเดินเข้ามาประชิดทีละก้าว น้ำเสียงบีบคั้น ยิ่งกว่านั้นต้อนจนฉู่เชียนหลีจนมุม เลิกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางเหมือนจะใช้กำลังบังคับคนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกันขอแค่ตรวจสอบ ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์คุยด้วยหลักฐาน หนักแน่นและมีผลมากกว่าคำอธิบายทุกอย่างฉู่เชียนหลี ‘ตื่นตระหนก’ จนกระทืบเท้า “ข้าไม่ได้ทำร้ายนาง!”“องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว ท่านยังบอกว่าไม่ได้ทำอีก! หากไม่ใช่เพราะท่าน องค์หญิงใหญ่ก็จะไม่ตกเลือด!” หมอหญิงเย็นชาและแข็งกระด้าง “ท่านเป็นคนทำให้องค์หญิงใหญ่ตาย หากไม่เจอเมล็ดเชียนอิงบนตัวท่าน ข้าก็ไปตาย!”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ เลิกคิ้วกะทันหัน ‘ความกลัว’ บนใบหน้ามลายหายไป กลายเป็นความสนใจที่เข้มข้น“เจ้าตั้งใจจะใช้ความตายไถ่โทษจริงหรือ?”หมอหญิงยิ้มอย่างเย็นชา “คนที่ใช้ความตายไถ่โทษคือท่าน ไม่ใช่ข้า ท่านทำให้องค์หญิงตาย ท่านแบกชีวิตของคนคนหนึ่งไว้ ในใจท่านไม่รู้หรือ?”นี่มันเวลาไหนแล้ว พระชายาอ๋องเฉินยังจะเพ้อฝันเช่นนี้?ฉู่เชียนหลีกลับเอียงศีรษะ กล่าวอย่างประหลาดใจมาก “องค์หญิงใหญ่ตายแล้ว?”นาง
ฉู่เชียนหลีมองหมอหญิงคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าใบหน้าแก่ที่มีริ้วรอยราวกับใบไม่แห้งหลังฤดูใบไม้ร่วง ทั้งแห้งทั้งย่น และก็ทำให้นางดูเป็นคนซื่อตรง เหมือนกับหญิงชราที่เรียบง่ายคนหนึ่ง เข้าถึงได้ง่ายแต่ถ้าหากมองคนมองแค่ภายนอก วันข้างหน้าตายอย่างไรก็ไม่รู้“เจ้ารู้เรื่องเมล็ดเชียนอิงได้อย่างไร?” นางถามหมอหญิงก้มหน้าด้วยความตื่นตระหนก “ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน…ได้ยินมาว่าพิษชนิดนี้จะทำให้เลือดไหลไม่หยุด อาการป่วยหนักยิ่งขึ้น…”คำพูดของนางคลุมเครือฉู่เชียนหลีกลับกล่าว “ความหมายของข้าคือ เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจเช่นนั้นว่าบนตัวข้าเมล็ดเชียนอิง? เจ้ารู้ได้อย่างไร?”“ข้า…”หัวใจหมอหญิงสั่นสะท้าน ก้มศีรษะต่ำลงสามส่วนทันที ซ่อนความตื่นตระหนกและร้อนตัวทั้งหมดไว้“ข้า…”ถูกสายตามากมายเช่นนั้นจ้องมอง นางตื่นตระหนกเหมือนมดบนหม้อร้อน ไม่ว่าพูดอะไรก็ไม่ถูกถ้าหากถูกตัดสินโทษ ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาอยากรักษาชีวิตไว้ มีแต่ต้องเดิมพัน…แม้พระชายาอ๋องเฉินช่วยองค์หญิงใหญ่ไว้ แต่บนตัวนางต้องมีเมล็ดเชียนอิงแน่นอน! ขอแค่หาเจอ นางก็บริสุทธิ์แล้ว!เมื่อหมอหญิงคิดเช่นนี้ กำหมัดแน่น สายตาเหี้ยมเกรียม กล่าวอย่
“อะไรนะ?!” จวินชิงอวี่ได้ยินคำนี้กะทันหัน ตะลึงไปชั่วขณะจวินลั่วยวนขมวดคิ้ว นางกล่าว“ฉู่เชียนหลีเลวมาก อีกทั้งยังขี้ริษยา ท่านสั่งสอนนาง นางต้องมารังแกข้าแน่นอน!”“ท่านพี่ ท่านฆ่านางเถอะ นางตายแล้ว ข้าจึงจะปลอดภัย”มีเพียงนางตายแล้ว นางจึงจะได้อ๋องเฉินมาครอบครอง!จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากที่น้องหญิงพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งของฉู่เชียนหลี ตอนเขาใช้มีดสั้นแทงนาง สายตาของนางที่มองเขา หนักแน่นไม่ยอมก้มหัวนางบอกว่า นางไม่ผิดนางบอกว่า นางถามใจไม่รู้สึกผิดน้ำเสียงนั่น สายตานั่น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดไปชั่วขณะมองยวนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า “ยวนเอ๋อร์ ฆ่านาง จะทำเกินไปหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแค่ว่าร้ายยวนเอ๋อร์สองสามประโยค เหมือนโทษยังไม่ถึงตายกระมัง?“หรือข้าจะถูกรังแกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย?”“ยวนเอ๋อร์ ความหมายของข้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่า…เมื่อก่อนเจ้าไม่กล้าดูคนฆ่าไก่ด้วยซ้ำ และยังมักจะไปขอพรให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ที่วัด กับช่วยคนในวังที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ…”วันนี้ กลับพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาจวินลั่วยวนรู้ตัวว่าเผลอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นา
กลับถึงศาลาพักมาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พบว่าเสด็จแม่กำลังนั่งมองเศษจี้หยกชิ้นหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอยที่ข้างโต๊ะ“เสด็จแม่?”กระทั่งจวินชิงอวี่เดินไปถึงตรงหน้า ฮองเฮาหนานยวนจึงจะหวนคืนสติ “อ้าว…”นางเงยหน้าอย่างงงงวย มองใบหน้าของลูกชายที่คล้ายคลึงนางห้าส่วน สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย“ชิงอวี่กลับมาแล้วหรือ”“สุขภาพของเจ้าเพิ่งหายดี อย่าเดินพล่านไปทั่ว”จวินชิงอวี่นั่งลงที่ข้างๆ นาง “เพิ่งมาเมืองน้ำเจียงหนานครั้งแรก ทิวทัศน์ของที่นี่แตกต่างจากแคว้นหนานยวน ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินออกไปสูดอากาศ ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วงแล้ว”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นสายตาของเขามองไปที่มือนาง“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงจ้องมันจนเหม่ออีกแล้ว?”จี้หยกชิ้นนี้มีเพียงครึ่งเดียวมันตกแตกเริ่มตั้งแต่เขามีความทรงจำ เสด็จแม่มักจะนั่งจ้องเศษจี้หยกชิ้นนี้จนเหม่อลอยตลอดสิบกว่าปีมานี้ เสด็จแม่มักจะทำเช่นนี้ตลอดเสด็จพ่อบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแทนใจที่เสด็จพ่อมอบให้เสด็จแม่ตอนพบกันครั้งแรก เสด็จแม่ไม่ระวังทำตก เพราะคิดถึงความรักในอดีต จ
เจ็บ!แพร่กระจายไปทั่วร่าง คมมีดฉีกบาดแผล เลือดทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ เขายังคงถือมีดสั้น ทำร้ายนางอย่างเจตนาร้ายฉู่เชียนหลีเจ็บจนกำหมัด สีหน้าซีดเผือก เกือบเป็นลมแล้ว นางกัดลิ้นอดกลั้นเอาไว้โต้ตอบไม่ได้!เพื่อการสนับสนุนจากกองทัพของแคว้นหนานยวน! “ข้าไม่ผิด” นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก เลือดที่ทะลักออกมายิ่งทำให้หน้าของนางดูซีด ประกายแสงในแววตาดื้อรั้นเป็นพิเศษ“จวินลั่วยวนยั่วยวนผู้ชายของข้า หน้าของนางก็นางล้มเอง ข้าถามใจตัวเองไม่รู้สึกผิด”สีหน้าจวินชิงอวี่เย็นสุดขีด“ยังกล้าปากแข็งอีก!”ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาถือมีดสั้น แทงเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง“อ่า!” ฉู่เชียนหลีเจ็บจนเหงื่อไหลเหมือนสายน้ำ“ยวนเอ๋อร์จิตใจดี รักเนื้อสงวนตัว เจ้าไม่ควรไปรังแกเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ตอนที่เจ้าว่าร้ายนาง ไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?” เขาตำหนิเสียงเย็นฉู่เชียนหลีเจ็บจนหัวเราะ“ฮ่าๆ!”จวินลั่วยวนจิตใจดี?นางฟ้า?บริสุทธิ์?“ฮ่าๆๆๆ!”สมกับที่ล้วนแซ่จวิน ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ“ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงตาบอด ใจยังบอดด้วย…อ่อ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ตามความคิดของ
เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ แค่อยากหัวเราะ“องค์ชายสามตั้งใจหลอกข้าออกมา ก็เพื่อระบายความคับข้องใจให้น้องสาว?”“บนถนน จวินลั่วยวนทำลายชื่อเสียงของข้าต่อหน้าผู้คน นางเป็นคนบอกว่าไม่ต้องการให้ข้าช่วย ตอนนี้กลับโยนความผิดให้ข้า ทำไม? ข้าไม่ช่วยท่านก็ผิดหรือ?”เห็นนางเป็นพระแม่ซานเซิ่ง?จวินชิงอวี่ขมวดคิ้ว“อย่ามาพูดให้ร้ายยวนเอ๋อร์”ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่ยวนเอ๋อร์พาเขากลับศาลาพักม้า ไม่แน่เขาอาจจะโรคกำเริบตายไปแล้วในใจของเขา น้องหญิงดีที่สุด ใจดีที่สุด ชาตินี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องปกป้องนางให้ได้ฉู่เชียนหลีกล้าทำร้ายยวนเอ๋อร์ เขาจะให้ฉู่เชียนหลีชดใช้!“นี่คือนิสัยเฉพาะของคนตระกูลจวินหรือ? ก้าวร้าว ไร้เหตุผล ปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็โยนความผิดให้ผู้อื่น”ฉู่เชียนหลีมองเขา กล่าวอย่างเย็นชา“ท่านไม่ได้ตรวจสอบเรื่องที่น้องหญิงของเจ้ายั่วยวนสามีข้าก่อนมาเลยหรือ”จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก!”ยวนเอ๋อร์จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?“ยวนเอ๋อร์คือองค์หญิง เป็นแก้วตาดวงใจของแคว้นหนานยวน ราชบุตรเขยแบบไหนที่นางต้องการแล้วไม่มี? จำเป็นต้องไปยั่วยวนอ๋องเฉิน
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว
จวินลั่วยวนพูดโกหกหน้าตาย ฉวยโอกาสใส่ความฉู่เชียนหลีด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆ“อ๋องเฉินไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจหรือ?”“เจ้าเป็นแม่ที่มีลูกถึงสองคนแล้ว ไม่รู้จักคำว่า ‘ยางอาย’ เลยหรือ?”“เจ้าสำส่อนจัง!”สายตายฉู่เชียนหลีเย็นลง เดินไปที่ตรงหน้านางจู่ๆ ก็เข้าใกล้กลิ่นอายอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามากะทันหัน ทำเอาจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่สามารถควบคุม หลังจากตั้งสติได้ สีหน้าบูดบึ้งทันทีนางกลัวฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ไม่!เป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีจ้องนาง “เสด็จพี่สามของเจ้าป่วยหนัก เขาขอให้ข้าช่วย ข้าจึงแสดงความเมตตา ประคองเขาไปที่โรงหมอ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี ข้าไม่สนใจเขาก็สิ้นเรื่อง”เมื่อสิ้นเสียง เดินไปที่ข้างกาย คลายจุดชีพจรที่สกัดไว้เมื่อครู่“อ่า!”ทันใดนั้น ลมปราณของเขาไหลเวียน สีหน้าเปลี่ยนฉับ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างเจ็บปวด หอบหายใจอย่างทรมานเมื่อจวินลั่วยวนเห็นแล้วเลิกคิ้ว“เจ้าช่วยเขา? น่าขำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพิศวาสในความงามของเขา”นางสั่งให้ซวงซวงเขียนจดหมายให้เสด็จพี่สาม คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่สาม
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ