ในเวลานี้ ฝ่าบาทที่กำลังเล่นไพ่กับบรรดาสนมที่วังหลัง หลังจากเล่นเสร็จไปหนึ่งตา จู่ ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เรียกตัวเต๋อฝูเข้ามา“ช่วงสองวันมานี้เหตุใดอ๋องเฉินถึงไม่มาประชุมราชสำนัก?”ที่จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาตอนดึกดื่นเนื่องจากเขาวัน ๆ เอาแต่ยุ่ง งานรัดตัว เรื่องที่เกิดขึ้นตลอดสองวันมานี้ที่จวนอ๋องเฉินเขายังไม่รู้เต๋อฝูพอได้ยินมาอยู่บ้าง กล่าวตอบอย่างครุ่นคิด“ฝ่าบาท ได้ข่าวว่าพระชายาอ๋องเฉินสุขภาพไม่แข็งแรง อ๋องเฉินจึงขอลาพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่ฝ่าบาทได้ยินประโยคนี้ ก็เบิกตากว้างทันทีพระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!พระชายาอ๋องเฉินไม่มีมีความสุข เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!พระชายาอ๋องเฉินเป็นทุกข์ เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!ในครรภ์ของพระชายาอ๋องเฉินกำลังตั้งครรภ์พระนัดดาของเขา หากพระนัดดาเป็นอะไรไปแม้เพียงนิด เขาจะต้องบิดหูเฟิงเย่เสวียนทิ้งแน่“โตขนาดนี้แล้ว แม้แต่ภรรยาของตนเองก็ยังดูแลได้ไม่ดี ใช้ได้ที่ไหนกัน! เกิดเรื่องนี้หลุดออกไปไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นหัวเราะหรือ!” เขาตบโต๊ะด้วยความโมโห ตบจนเกิดเสียงดังปัง ๆพระ
รู้สึกว่าเขากำลังเริ่มทำตัวไม่ชอบธรรมกับฉู่เชียนหลีแล้ว ยกมือขึ้นกำลังจะตบหน้าชายหนุ่มเลิกคิ้ว ยกมือขึ้นจับเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ แขนยาวกระตุก ก็ดึงนางลากเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “ข้าจริงจัง”จับที่เอวอวบอิ่มของนางเอาไว้ ให้นางนั่งบนต้นขาของเขา จ้องมองนาง กล่าวชัดถ้อยชัดคำ“ตอนที่เจ้าเป็นทุกข์ โลกของข้าเหมือนกับถล่มทลายไปแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจไปทำเรื่องอื่นใด รู้สึกหดหู่ไปกับเจ้าด้วย ตอนนี้ถึงพบว่า เจ้าสำหรับข้าแล้ว มีความสำคัญมากมาย”เมื่ออารมณ์ของตนได้รับผลกระทบจากทุกการกระทำของอีกฝ่าย ก็แสดงให้เห็นว่ามีความสำคัญกับคนนี้ มากเพียงใดฉู่เชียนหลีหลุบตาลง หรี่ดวงตาหนทางในอนาคตยังอีกยาวไกลมาก สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ยังมีอุปสรรคและความเปลี่ยนแปลงอีกมากมายขอเพียงแค่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีอะไรที่ผ่านไปไม่ได้นางเลียริมฝีปากทีหนึ่ง “ง่วงแล้ว”“ข้ากำลังคุยกับเจ้านะ” ชายหนุ่มที่พูดไม่เก่งมาโดยตลอด จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนละเอียดอ่อนขึ้นมา ทำให้ฉู่เชียนหลีตั้งท่ารับมือไม่ถูกนางเองก็ไม่ใช่คนที่อ่อนไหวพ่นลมหายใจอย่างเฉยเมย “รู้แล้ว”“รู้ก็จบแล้วหรือ?” ชายหนุ่มจ้องมองนางอย่างตกตะลึงฉู่เชียนหลีเหล
มือทั้งสองข้างของฉู่เจียวเจียวโอบแขนของชายหนุ่ม เบียดตัวเข้าไปใกล้เล็กน้อย ท่าทางที่เหมือนกับนกน้อยติดคนน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองคนยืนด้วยกัน ช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ เหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่งถึงแม้ว่าฉู่เชียนหลีจะไม่ชอบฉู่เจียวเจียว แต่ค่อนข้างสนิทกับอ๋องหลี จึงระบายรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา“อ๋องหลี พระชายาอ๋องหลี บังเอิญเหลือเกิน”“เดินซื้ออะไรน่ะ?” ฉู่เจียวเจียวเอียงคอถาม “ได้ข่าวว่าช่วงนี้ร่างกายของเจ้าไม่ค่อยดี เกิดปัญหาอะไรขึ้นใช่หรือไม่? เหตุใดจึงไม่รักษาตัวอยู่ที่เรือนล่ะ? ถ้าหากแท้งลูกขึ้นมาละก็ คงน่าเสียดายมาก”ฉู่เชียนหลี “...”ทันทีที่เอ่ยปากพูด ก็ไม่ใช่เป็นคำพูดที่น่าฟัง เต็มไปด้วยการเสียดสีบาดหูเป็นอย่างมาก แต่บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มที่พยายามทำเหมือน‘ห่วงใย’ ทำให้ฉู่เชียนหลียากที่จะตอบโต้พระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่พอใจ“ผู้ใดบอกว่าพระชายาอ๋องเฉินสุขภาพไม่ดี? คนที่ร่างกายไม่ดี น่าจะเป็นพวกที่แต่งงานมานานมาก ๆ แต่ยังไม่ทางกระมัง?”คำพูดประโยคนี้หมายถึงฉู่เจียวเจียวกับอ๋องหลีแต่งงานกันมาครึ่งปี แต่กลับยังไม่มีวี่แววเลยสักนิดฉู่เจียวเจียวเข้าใจความ
พระชายาอ๋องติ้งมองสำรวจพ่อค้าวัยกลางคน เมื่อเห็นท่าทางที่ร้อนใจ สีหน้าที่จริงใจของเขา ไม่มีตรงไหนที่น่าสงสัย แอบ จึงกำจัดการคาดเดาว่า ‘มีคนวางแผนทำร้าย’ในใจออกไปหรืออาจจะเป็นแค่เพียงอุบัติเหตุเท่านั้นกระมังเฟิงเจิ้งหลีน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าเป็นผู้ใด? จูงม้าอย่างไร?”พ่อค้าคนนั้นรีบกล่าวขอโทษ ด้วยคำขอโทษต่าง ๆ นานาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง จ้องมองเค้าโครงใบหน้าที่อ่อนโยนของอ๋องหลี เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่ใจลอย...แอบด่าตัวเองเมื่อครู่นี้สมองกระตุกเหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะคิดว่าเขาจะมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ดีกับนางเป็นพิเศษ ยังรู้ปลอดภัยอีกด้วยนางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?ฉู่เจียวเจียวยังนั่งอยู่กับพื้นนะ!นางถูกม้ากระแทก ตกใจมาก ไม่ง่ายเลยกว่าได้สติกลับคืนมา เมื่อคิดถึงตอนที่ม้าพุ่งเข้ามาเมื่อครู่นี้ อ๋องหลีผลักนางออก เพื่อปกป้องฉู่เชียนหลี...เพลิงโกรธกับความริษยาราวกับพวยพุ่ง พลุ่งพล่านเข้ามาในหัวใจ ตอนที่กำลังจะระบายออกมา ท้องก็กระตุกทีหนึ่ง“กรี๊ด!”หน้าถอดสี “ท้องข้า...”ปวดเหลือเกิน!เหมือนกับว่าโดนเข็มทิ่มแทงเสียงกรีดร้องดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนเฟิงเจิ้งหลีหันหน้าไป
“อะไรนะ!?”ฉู่เจียวเจียวเบิกดวงตาทั้งสองข้างด้วยความตกใจ ตกตะลึงไปสามวินาทีเต็ม ๆ จากนั้นถึงได้ก้มหน้าลงไป จ้องมองหน้าท้องที่แบนราบของตนเองนางท้องแล้ว?คิดไม่ถึงว่านางจะตั้งท้องแล้ว?คืนนั้น ภายใต้การบังคับและชักจูงของนาง ในที่สุดท่านอ๋องก็ยอมแตะต้องนาง แค่คืนนั้นก็ท้องแล้ว!นางลูบท้องด้วยความปีติยินดี “ลูก...ท่านอ๋อง พวกเรามีลูกแล้ว!”“ลูกของพวกเรา!”นางจับมือของเฟิงเจิ้งหลีด้วยความตื่นเต้น อารมณ์ที่ปีติยินดีในเวลานี้ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เฟิงเจิ้งหลีหลุบตาลง ขมวดคิ้วเล็กน้อย นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากไปกว่านี้พระชายาอ๋องติ้งเขยิบเข้าใกล้ฉู่เชียนหลี ถามเสียงเบา “ไม่ได้ตรวจผิดใช่หรือไม่?”ฉู่เชียนหลีส่ายหน้า “เพิ่งจะท้องได้ไม่นาน ครรภ์ยังไม่มั่นคง เมื่อครู่ได้รับความตกใจ ครรภ์ได้รับความกระทบกระเทือน ทำให้ปวดท้อง แต่ว่าไม่เป็นอะไร พักผ่อนสองวันก็ดีขึ้นแล้ว”“ข้าฟังน้ำเสียงของเจ้า เหตุใดจึงได้ใจเย็นมากขนาดนี้?”“?” ฉู่เชียนหลีงุนงง “นางตั้งครรภ์เกี่ยวอะไรกับข้า ทำไมข้าถึงต้องไม่ใจเย็น?”พระชายาอ๋องติ้ง “...”เหมือนจะว่าจะเป็นเหตุผลข้อนี้ถ้าหากพ
ฉู่เชียนหลียืนอยู่กับที่ เมื่อนึกย้อนไปถึงคำพูดพวกนั้นของฉู่เจียวเจียว สีหน้าเหม่อลอยเล็กน้อยคำพูดของนาง...เป็นความจริง เมื่อย้อนคิดอย่างละเอียด อ๋องหลีดีกับนางมากจริง ๆนางคิดมาตลอดว่า อ๋องหลีกับอ๋องเฉินเป็นพี่น้องกัน สองพี่น้องมีความสัมพันธ์ที่ดี ไปมาหาสู่กันค่อนข้างสนิทสนมกัน เป็นเรื่องปกติ แต่คำพูดพวกนี้ของฉู่เจียวเจียวเตือนสตินางอ๋องหลีไม่เพียงสนิทกับอ๋องเฉิน สนิทกับนางมากกว่า...นี่คือมิตรภาพปกติ หรือว่านางคิดมากไป?“เสียวฉู่” พระชายาอ๋องติ้งจับมือของนางเอาไว้ ตบ ๆ กล่าวอย่างชี้แนะ “ช่วงนี้เหมือนกับว่าเจ้าค่อนข้างสนิทกับอ๋องหลีหรือ?”ประโยคที่ลองหยั่งเชิง ก็คือคำพูดที่เตือนสติเช่นกัน ปลุกฉู่เชียนหลีให้ตื่นทันทีใช่!สนิทกันเกินไป!แม้กระทั่งพระชายาอ๋องติ้งยังสังเกตเห็น แต่นางกลับเป็นคนโง่งม ว่ากันว่าตั้งท้องทีหนึ่งโง่ไปสามปี นางยังไม่ทันคลอด ก็เริ่มโง่แล้ว“พี่อวี๋ ข้าเข้าใจแล้ว” ฉู่เชียนหลีพยักหน้านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางต้องรักษาระยะห่างระหว่างอ๋องหลีพระชายาอ๋องติ้งหัวเราะอย่างอ่อนโยน “เจ้าเป็นเด็กฉลาด ทำให้คนชื่นชอบ มิน่าละอ๋องเฉินมีเจ้าแล้ว จึงไม่ต้องการผ
จวนอ๋องเฉินวันนี้เฟิงเย่เสวียนกลับมาดึกมา ฉู่เชียนหลีจัดการเสื้อผ้าให้เขา เปลี่ยนชุดทางการ หยิบชุดลำลองที่สำหรับใส่อยู่เรือน แล้วค่อยสวมให้เขา“ออกไปข้างนอกมาหรือ?” เขาถามฉู่เชียนหลีก้มหน้าผูกผ้าคาดเอวให้เขา “อือฮึ พระชายาอ๋องติ้งมาเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนข้า”ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกินแล้วก็นอนทุกวัน ก็ทำได้แค่เที่ยวเล่นเท่านั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องโรงหมอ เรื่องในเรือนก็ไม่ต้องให้นางเป็นกังวล สบายใจมาก“วันนี้ทำไมเจ้าถึงกลับมาดึกขนาดนี้?”ตามหลักแล้ว อ๋องหลีก็กลับจากประชุมแล้ว มาเดินเล่นเป็นเพื่อนฉู่เจียวเจียว เขาก็น่าจะเลิกประชุมตั้งนานแล้วเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิงเย่เสวียนก็กลุ้มใจเล็กน้อย“ถูกฝ่าบาทกักตัวไว้”“ฝ่าบาทกักตัวเจ้าไว้ทำไม?”กักตัวเขา...เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในห้องทรงพระอักษร คำบ่นที่ราวกับบทสวดมนต์นั่น ทำให้เขารู้สึกปวดหัวเป็นอย่างยิ่งเรื่องนี้ไม่พูดถึงก็ชั่งเถอะ!เขาเลิกคิ้ว เปลี่ยนเรื่อง “เจ้าไม่มีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือ?”“หืม” ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย เขาถามแบบนี้ ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยบอกอะไร?“เจ้าลองคิ
ฉู่เชียนหลีตัวสั่นเทาไปทั้งตัว นัยน์ตาแฝงไปด้วยความงงงันนางกำลังพูดอะไร?เมื่อครู่นี้นางพูดอะไร?นางไม่ได้หมายความแบบนั้น แล้วก็ไม่ได้ตำหนิ แต่เหตุใดเมื่อสมองกระตุก ก็พูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นแบบนั้นออกมา! นี่ไม่ใช่เจตนาเดิมของนาง!ตั้งแต่แต่งงานกันมานานขนาดนี้ พวกเขาผ่านเรื่องราวมามากมาย ทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ ทั้งมีความสุข แบ่งปันความยากลำบากด้วยกัน แม้ว่าจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยตำหนิอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้นาง...ฉู่เชียนหลีอยากอธิบาย แต่เมื่อเห็นดวงตาของชายหนุ่มที่มองนางอย่างเหลือเชื่อแล้ว คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากพูดอย่างไรช่วงนี้นางเหนื่อยมากเกินไปแล้วหรือ...ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากัน เหมือนกับปกติ แต่บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกลับเปลี่ยนไปอึดอัด เย็นชาและเคร่งขรึมนางค่อย ๆ หลุบตาลง เม้มริมฝีปากแน่น “รีบพักผ่อน”หันหลังกลับแล้วขึ้นเตียง นอนตะแคงหันหน้าเข้าด้านในเตียง หันหลังให้ชายหนุ่ม จับผ้าห่มคลุมตนเองมิด แต่ไม่ได้อยากจะหลับ ภายในหัวสมองมีคำพูดเมื่อครู่นี้ของนางดังก้องไม่หยุดนางไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นจริง ๆ เหตุใดจึงพูดออกไปเช่นนั้น?ทำร้า