ลูกชั่ว?ถงเฟยเป็นแม่บุญธรรมของเขา เรียกเขาว่า ‘ลูกชาย’ เป็นเรื่องที่สมควร แต่หลิงเชียนอี้เป็นลูกชายของพี่สาวเขา เป็นหลานชายคนเล็กของเขา อยู่ ๆ ก็ข้ามรุ่นมาสองรุ่น คิดจะดูหมิ่นเขา?เฟิงเย่เสวียนหรี่ดวงตาดำขลับที่อันตรายลงช่วงนี้เขาเข้าถึงได้ง่ายจนเกินไปแล้ว?“เจ้าไม่มีขื่อไม่มีแปลแล้วใช่หรือไม่!” ยกมือขึ้น ตบฉาดเข้าไปที่หลิงเชียนอี้ทีหนึ่ง จนหลิงเชียนอี้ตัวหมุนรอบหนึ่งหลิงเชียนอี้กุมหน้า เม้มปาก จ้องมองเขาด้วยความน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง“ท่านน้า...”เขาแค่ช่วยระบายความโมโหให้ท่านน้าสะใภ้เท่านั้นฉู่เชียนหลีหัวเราะจนหุบปากไม่ลง เจ้าหลิงเชียนอี้ทะเล้นเกินไปแล้ว ทำให้คนชอบมาก มีเขาคอยกวนใจอยู่ อยากจะเศร้าก็คงเศร้าไม่ได้เมื่อเห็นพวกเขาทะเลาะกัน นางก็หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบเต้าหู้ผัดเสฉวนชิ้นหนึ่ง ใส่เข้าไปในปาก แล้วกินข้าวตามไม่ได้กินข้าวมาสองวัน เจริญอาหารดีจริง ๆพวกเขาทะเลาะกันที่ด้านหน้าเตียงถงเฟยชี้ไปที่หลิงเชียนอี้ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าเด็กโง่ ยังกล้าแม้แต่ดูหมิ่นท่านน้าของเจ้า ท่านน้าเป็นใคร ในใจของตัวเองไม่ชัดเจนงั้นหรือ? อยากหาเรื่องให้โดนตีใช่หรือไม่?”พ
ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันดึงฉู่เชียนหลีให้ลุกขึ้นมาจากเตียง ฉู่เชียนหลีรู้สึกจนปัญญาเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริงนางเองก็ตั้งใจไว้ว่าจะลุกขึ้นมาเดินเสียหน่อยฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นดอกไม้บานสะพรั่ง ปีใหม่ แสงแดดเจิดจ้า ทุกทีเต็มไปด้วยภาพอันมีชีวิตชีวาฉู่เชียนหลีคลุมเสื้อคลุมเรียบร้อย เดินไปยังด้านในสวน ได้ออกจากเรือนแล้ว“พระชายา ที่อุ่นมือ” เยว่เอ๋อร์ยื่นที่อุ่นมือสิ่งประดิษฐ์ที่อบอุ่น ขนยาวมาให้ฉู่เชียนหลีกอดมันเอาไว้ นำมือทั้งสองข้างใส่เข้าไป อบอุ่นมาก ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด ลากร่างกายที่ปวดร้าว เดินไปตามทางนอนมานอน ออกมาเดินเล่น กลับรู้สึกสดชื่นมากเมืองหลวงยังไงก็ยังคงเป็นเมืองหลวงเหมือนเดิม ทั้งเจริญรุ่งเรือง ทั้งคึกคัก ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินทางสัญจรไปมา ยุ่งกับเรื่องของแต่ละคน ชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่มาบรรจบกันที่นี่นางเดินช้ามาก ๆ เดิน ๆ หยุด ๆ ด้านหลัง กลุ่มคนเดินตามติด ๆนางยืนอยู่ที่หัวถนน เห็นพ่อค้ากำลังเข็นรถเข็นเกวียน พลางเดินพลางตะโกนเรียกลูกค้า เห็นหญิงสาวคล้องตะกร้าเดินซื้อผักบนถนน มืออีกข้างหนึ่งจูงมือเด็ก เห็นเด็กผู้หญิงวัยแรกแย้มนัดกันเดินซื้อของ ยังเห็นผู้ชายคนหนึ่
ฉู่เชียนหลีเดินเล่นต่ออีกครู่หนึ่ง เห็นบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งก็เท้าสะเอวอีกครั้ง เกิดการทะเลาะเสียงดังกันที่นั่น แต่ละคนทะเลาะกันหน้าแดงหน้าดำ สีหน้าดุร้าย ขาดแต่แค่เพียงหยิบก้อนอิฐขึ้นมาทุบกันเท่านั้นนางยืนอยู่ตรงนั้น มือประคองหลังเอว แบกท้องที่หนักเล็กน้อย ยืนดูอย่างเกียจคร้าน“ที่นาผืนนี้ท่านพ่อท่านแม่แบ่งให้ครอบครัวพี่รอง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาปลูกข้าวโพดบนนั้น!” หญิงสาวเท้าสะเอวชี้ด้วยความโกรธ แบกจอบกำลังจะไปขุดข้าวโพดหญิงสาวอีกคนดึงนางเอาไว้อย่างรุนแรง“แบ่งให้เจ้าอะไรกัน? ตอนที่ท่านพ่อกับท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็เคยพูดเอาไว้ว่า ที่นาผืนนี้เป็นของพี่คนโต เจ้าพูดว่าเป็นของเจ้า มีหลักฐานอะไร!”“ข้าปลูกผักกวางตุ้งไปแล้ว ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าปลูกข้าวโพด!”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าขุดต้นกล้าข้าวโพด!”“จะขุด!”ในขณะที่พูด เมื่อพูดจาไม่เข้าหูก็ลงมือทันที เจ้าดึงผมข้า ข้ากระชากเสื้อเจ้า พี่รองกับพี่คนโตที่เป็นผู้ชายสองคนเกิดการชกต่อยกันขึ้นมาเพราะหมั่นไส้กันและกันไม่สามารถสลัดตัวออกมาได้ ในทันทีฉู่เชียนหลีดูอยู่ครู่หนึ่ง นวดหว่างคิ้ว กล่าวถาม“พวกเขากำลังทะเลาะอะไรกัน?”อยู่ไกลเกินไป ฟ
“ท่านอ๋องหลีช่างใจกว้างเสียจริง กู่ที่ข้าให้ท่านไม่ทำร้ายร่างกายของพระชายาอ๋องเฉิน อีกทั้งเมื่อเจอกับยาสมุนไพรอื่น ๆ ก็จะตาย ความปลอดภัยสูงมาก”ตอนที่กู่อยู่ภายในร่างกาย จะควบคุมสติของร่างกายทั้งหมดเอาไว้เมื่อเจ้าของร่างกายสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ตอนที่อยากจะรักษา หรือว่าตรวจ ทันทีที่กู่นี้สัมผัสกับยาสมุนไพร ก็จะตายไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลยแม้แต่น้อย อยากจะสืบก็สืบไม่เจอกู่ เป็นวิชาของเหมียวเจียงน้อยคนบนโลกใบนี้ที่จะรู้จักนางเป็นชนเผ่าเหมียวเจียง ศึกษาวิชากู่มาตั้งแต่เด็ก มีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถแก้พิษกู่ที่มาจากนางได้เฟิงเจิ้งหลียืนอยู่กับที่ สายตาจ้องตรงไปยังดวงตาทั้งสองข้างของนาง ราวกับว่ากำลังประเมินความจริงจากคำพูดประโยคนี้อูหนูนอนอยู่บนเตียง ยิ้มบาง ๆ อย่างอ่อนแอ“ข้าอยู่ในสภาพนี้แล้ว ยังจะหลอกลวงท่านได้อีกอย่างนั้นหรือ?”ยิ่งไปกว่านั้น นางกับอ๋องเฉินยังมีความแค้นที่ลึกซึ้งต่อกัน!นางช่วยอ๋องเฉินให้ได้ฉู่เชียนหลี นางก็จะแยกอ๋องเฉินสองสามีภรรยาออกจากกัน แก้แค้นอ๋องหลี เพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเองพวกเขาต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตนต้องการพวกเขาเป็นเพื
ในเวลานี้ ฝ่าบาทที่กำลังเล่นไพ่กับบรรดาสนมที่วังหลัง หลังจากเล่นเสร็จไปหนึ่งตา จู่ ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เรียกตัวเต๋อฝูเข้ามา“ช่วงสองวันมานี้เหตุใดอ๋องเฉินถึงไม่มาประชุมราชสำนัก?”ที่จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาตอนดึกดื่นเนื่องจากเขาวัน ๆ เอาแต่ยุ่ง งานรัดตัว เรื่องที่เกิดขึ้นตลอดสองวันมานี้ที่จวนอ๋องเฉินเขายังไม่รู้เต๋อฝูพอได้ยินมาอยู่บ้าง กล่าวตอบอย่างครุ่นคิด“ฝ่าบาท ได้ข่าวว่าพระชายาอ๋องเฉินสุขภาพไม่แข็งแรง อ๋องเฉินจึงขอลาพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่ฝ่าบาทได้ยินประโยคนี้ ก็เบิกตากว้างทันทีพระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!พระชายาอ๋องเฉินไม่มีมีความสุข เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!พระชายาอ๋องเฉินเป็นทุกข์ เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!ในครรภ์ของพระชายาอ๋องเฉินกำลังตั้งครรภ์พระนัดดาของเขา หากพระนัดดาเป็นอะไรไปแม้เพียงนิด เขาจะต้องบิดหูเฟิงเย่เสวียนทิ้งแน่“โตขนาดนี้แล้ว แม้แต่ภรรยาของตนเองก็ยังดูแลได้ไม่ดี ใช้ได้ที่ไหนกัน! เกิดเรื่องนี้หลุดออกไปไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นหัวเราะหรือ!” เขาตบโต๊ะด้วยความโมโห ตบจนเกิดเสียงดังปัง ๆพระ
รู้สึกว่าเขากำลังเริ่มทำตัวไม่ชอบธรรมกับฉู่เชียนหลีแล้ว ยกมือขึ้นกำลังจะตบหน้าชายหนุ่มเลิกคิ้ว ยกมือขึ้นจับเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ แขนยาวกระตุก ก็ดึงนางลากเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “ข้าจริงจัง”จับที่เอวอวบอิ่มของนางเอาไว้ ให้นางนั่งบนต้นขาของเขา จ้องมองนาง กล่าวชัดถ้อยชัดคำ“ตอนที่เจ้าเป็นทุกข์ โลกของข้าเหมือนกับถล่มทลายไปแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจไปทำเรื่องอื่นใด รู้สึกหดหู่ไปกับเจ้าด้วย ตอนนี้ถึงพบว่า เจ้าสำหรับข้าแล้ว มีความสำคัญมากมาย”เมื่ออารมณ์ของตนได้รับผลกระทบจากทุกการกระทำของอีกฝ่าย ก็แสดงให้เห็นว่ามีความสำคัญกับคนนี้ มากเพียงใดฉู่เชียนหลีหลุบตาลง หรี่ดวงตาหนทางในอนาคตยังอีกยาวไกลมาก สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ยังมีอุปสรรคและความเปลี่ยนแปลงอีกมากมายขอเพียงแค่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีอะไรที่ผ่านไปไม่ได้นางเลียริมฝีปากทีหนึ่ง “ง่วงแล้ว”“ข้ากำลังคุยกับเจ้านะ” ชายหนุ่มที่พูดไม่เก่งมาโดยตลอด จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนละเอียดอ่อนขึ้นมา ทำให้ฉู่เชียนหลีตั้งท่ารับมือไม่ถูกนางเองก็ไม่ใช่คนที่อ่อนไหวพ่นลมหายใจอย่างเฉยเมย “รู้แล้ว”“รู้ก็จบแล้วหรือ?” ชายหนุ่มจ้องมองนางอย่างตกตะลึงฉู่เชียนหลีเหล
มือทั้งสองข้างของฉู่เจียวเจียวโอบแขนของชายหนุ่ม เบียดตัวเข้าไปใกล้เล็กน้อย ท่าทางที่เหมือนกับนกน้อยติดคนน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองคนยืนด้วยกัน ช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ เหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่งถึงแม้ว่าฉู่เชียนหลีจะไม่ชอบฉู่เจียวเจียว แต่ค่อนข้างสนิทกับอ๋องหลี จึงระบายรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา“อ๋องหลี พระชายาอ๋องหลี บังเอิญเหลือเกิน”“เดินซื้ออะไรน่ะ?” ฉู่เจียวเจียวเอียงคอถาม “ได้ข่าวว่าช่วงนี้ร่างกายของเจ้าไม่ค่อยดี เกิดปัญหาอะไรขึ้นใช่หรือไม่? เหตุใดจึงไม่รักษาตัวอยู่ที่เรือนล่ะ? ถ้าหากแท้งลูกขึ้นมาละก็ คงน่าเสียดายมาก”ฉู่เชียนหลี “...”ทันทีที่เอ่ยปากพูด ก็ไม่ใช่เป็นคำพูดที่น่าฟัง เต็มไปด้วยการเสียดสีบาดหูเป็นอย่างมาก แต่บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มที่พยายามทำเหมือน‘ห่วงใย’ ทำให้ฉู่เชียนหลียากที่จะตอบโต้พระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่พอใจ“ผู้ใดบอกว่าพระชายาอ๋องเฉินสุขภาพไม่ดี? คนที่ร่างกายไม่ดี น่าจะเป็นพวกที่แต่งงานมานานมาก ๆ แต่ยังไม่ทางกระมัง?”คำพูดประโยคนี้หมายถึงฉู่เจียวเจียวกับอ๋องหลีแต่งงานกันมาครึ่งปี แต่กลับยังไม่มีวี่แววเลยสักนิดฉู่เจียวเจียวเข้าใจความ
พระชายาอ๋องติ้งมองสำรวจพ่อค้าวัยกลางคน เมื่อเห็นท่าทางที่ร้อนใจ สีหน้าที่จริงใจของเขา ไม่มีตรงไหนที่น่าสงสัย แอบ จึงกำจัดการคาดเดาว่า ‘มีคนวางแผนทำร้าย’ในใจออกไปหรืออาจจะเป็นแค่เพียงอุบัติเหตุเท่านั้นกระมังเฟิงเจิ้งหลีน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าเป็นผู้ใด? จูงม้าอย่างไร?”พ่อค้าคนนั้นรีบกล่าวขอโทษ ด้วยคำขอโทษต่าง ๆ นานาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง จ้องมองเค้าโครงใบหน้าที่อ่อนโยนของอ๋องหลี เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่ใจลอย...แอบด่าตัวเองเมื่อครู่นี้สมองกระตุกเหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะคิดว่าเขาจะมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ดีกับนางเป็นพิเศษ ยังรู้ปลอดภัยอีกด้วยนางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?ฉู่เจียวเจียวยังนั่งอยู่กับพื้นนะ!นางถูกม้ากระแทก ตกใจมาก ไม่ง่ายเลยกว่าได้สติกลับคืนมา เมื่อคิดถึงตอนที่ม้าพุ่งเข้ามาเมื่อครู่นี้ อ๋องหลีผลักนางออก เพื่อปกป้องฉู่เชียนหลี...เพลิงโกรธกับความริษยาราวกับพวยพุ่ง พลุ่งพล่านเข้ามาในหัวใจ ตอนที่กำลังจะระบายออกมา ท้องก็กระตุกทีหนึ่ง“กรี๊ด!”หน้าถอดสี “ท้องข้า...”ปวดเหลือเกิน!เหมือนกับว่าโดนเข็มทิ่มแทงเสียงกรีดร้องดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนเฟิงเจิ้งหลีหันหน้าไป
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว
จวินลั่วยวนพูดโกหกหน้าตาย ฉวยโอกาสใส่ความฉู่เชียนหลีด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆ“อ๋องเฉินไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจหรือ?”“เจ้าเป็นแม่ที่มีลูกถึงสองคนแล้ว ไม่รู้จักคำว่า ‘ยางอาย’ เลยหรือ?”“เจ้าสำส่อนจัง!”สายตายฉู่เชียนหลีเย็นลง เดินไปที่ตรงหน้านางจู่ๆ ก็เข้าใกล้กลิ่นอายอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามากะทันหัน ทำเอาจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่สามารถควบคุม หลังจากตั้งสติได้ สีหน้าบูดบึ้งทันทีนางกลัวฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ไม่!เป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีจ้องนาง “เสด็จพี่สามของเจ้าป่วยหนัก เขาขอให้ข้าช่วย ข้าจึงแสดงความเมตตา ประคองเขาไปที่โรงหมอ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี ข้าไม่สนใจเขาก็สิ้นเรื่อง”เมื่อสิ้นเสียง เดินไปที่ข้างกาย คลายจุดชีพจรที่สกัดไว้เมื่อครู่“อ่า!”ทันใดนั้น ลมปราณของเขาไหลเวียน สีหน้าเปลี่ยนฉับ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างเจ็บปวด หอบหายใจอย่างทรมานเมื่อจวินลั่วยวนเห็นแล้วเลิกคิ้ว“เจ้าช่วยเขา? น่าขำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพิศวาสในความงามของเขา”นางสั่งให้ซวงซวงเขียนจดหมายให้เสด็จพี่สาม คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่สาม
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ
สงครามนำไปสู่ความวุ่นวายพริบตาเดี๋ยวก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว“รายงาน…”ทหารส่งสารวิ่งเข้าตำหนัก คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวรายงานด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “ทูล ทูลฝ่าบาท เมืองเจียหนาน…ถูกยึดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเหล่าขุนนางเปลี่ยนฉับพลันบนราชบัลลังก์ เฟิงเจิ้งหลีได้ยินข่าวนี้ สีหน้าสงบ เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงียบหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวอย่างเรียบเฉย“ฮืม”ทหารส่งสารหวาดกลัว กองทัพของอ๋องเฉินมาอย่างดุดัน และโจมตีกะทันหัน บุกโจมตีอย่างดุเดือด เมืองเจียหนานต้านไม่ไหว แค่คืนเดียวก็ถูกยึดแล้วเหล่าขุนศึกกล่าวอย่างร้อนใจ“เมืองเจียหนานขุดเหมืองมากมาย แร่เหล่าหลายหมื่นชั่งล้วนอยู่ที่นั่น หากไม่มีแร่เหล็ก อาวุธของเราก็จะลดลงอย่างมาก เมื่อเกิดการสู้รบ ก็เหมือนกับแม่ครัวไม่มีข้าวให้หุง…”ไม่มีอาวุธจะได้อย่างไร?“เหตุใดอ๋องเฉินโดดข้ามสองเมือง โจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน?”“ไม่มีเหตุผลเลย!”“ใช่”“เมืองมากมายไม่โจมตี ดันไปโจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน…”เหล่าขุนนางเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ถกเถียงเรื่องนี้กันเบาๆ คนละหนึ่งประโยค บรรยากาศวุ่นวายไปหมดเฟิงเจิ้งหลีหลุบตาเล็กน้อย
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข