ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันดึงฉู่เชียนหลีให้ลุกขึ้นมาจากเตียง ฉู่เชียนหลีรู้สึกจนปัญญาเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริงนางเองก็ตั้งใจไว้ว่าจะลุกขึ้นมาเดินเสียหน่อยฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นดอกไม้บานสะพรั่ง ปีใหม่ แสงแดดเจิดจ้า ทุกทีเต็มไปด้วยภาพอันมีชีวิตชีวาฉู่เชียนหลีคลุมเสื้อคลุมเรียบร้อย เดินไปยังด้านในสวน ได้ออกจากเรือนแล้ว“พระชายา ที่อุ่นมือ” เยว่เอ๋อร์ยื่นที่อุ่นมือสิ่งประดิษฐ์ที่อบอุ่น ขนยาวมาให้ฉู่เชียนหลีกอดมันเอาไว้ นำมือทั้งสองข้างใส่เข้าไป อบอุ่นมาก ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด ลากร่างกายที่ปวดร้าว เดินไปตามทางนอนมานอน ออกมาเดินเล่น กลับรู้สึกสดชื่นมากเมืองหลวงยังไงก็ยังคงเป็นเมืองหลวงเหมือนเดิม ทั้งเจริญรุ่งเรือง ทั้งคึกคัก ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินทางสัญจรไปมา ยุ่งกับเรื่องของแต่ละคน ชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่มาบรรจบกันที่นี่นางเดินช้ามาก ๆ เดิน ๆ หยุด ๆ ด้านหลัง กลุ่มคนเดินตามติด ๆนางยืนอยู่ที่หัวถนน เห็นพ่อค้ากำลังเข็นรถเข็นเกวียน พลางเดินพลางตะโกนเรียกลูกค้า เห็นหญิงสาวคล้องตะกร้าเดินซื้อผักบนถนน มืออีกข้างหนึ่งจูงมือเด็ก เห็นเด็กผู้หญิงวัยแรกแย้มนัดกันเดินซื้อของ ยังเห็นผู้ชายคนหนึ่
ฉู่เชียนหลีเดินเล่นต่ออีกครู่หนึ่ง เห็นบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งก็เท้าสะเอวอีกครั้ง เกิดการทะเลาะเสียงดังกันที่นั่น แต่ละคนทะเลาะกันหน้าแดงหน้าดำ สีหน้าดุร้าย ขาดแต่แค่เพียงหยิบก้อนอิฐขึ้นมาทุบกันเท่านั้นนางยืนอยู่ตรงนั้น มือประคองหลังเอว แบกท้องที่หนักเล็กน้อย ยืนดูอย่างเกียจคร้าน“ที่นาผืนนี้ท่านพ่อท่านแม่แบ่งให้ครอบครัวพี่รอง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาปลูกข้าวโพดบนนั้น!” หญิงสาวเท้าสะเอวชี้ด้วยความโกรธ แบกจอบกำลังจะไปขุดข้าวโพดหญิงสาวอีกคนดึงนางเอาไว้อย่างรุนแรง“แบ่งให้เจ้าอะไรกัน? ตอนที่ท่านพ่อกับท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็เคยพูดเอาไว้ว่า ที่นาผืนนี้เป็นของพี่คนโต เจ้าพูดว่าเป็นของเจ้า มีหลักฐานอะไร!”“ข้าปลูกผักกวางตุ้งไปแล้ว ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าปลูกข้าวโพด!”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าขุดต้นกล้าข้าวโพด!”“จะขุด!”ในขณะที่พูด เมื่อพูดจาไม่เข้าหูก็ลงมือทันที เจ้าดึงผมข้า ข้ากระชากเสื้อเจ้า พี่รองกับพี่คนโตที่เป็นผู้ชายสองคนเกิดการชกต่อยกันขึ้นมาเพราะหมั่นไส้กันและกันไม่สามารถสลัดตัวออกมาได้ ในทันทีฉู่เชียนหลีดูอยู่ครู่หนึ่ง นวดหว่างคิ้ว กล่าวถาม“พวกเขากำลังทะเลาะอะไรกัน?”อยู่ไกลเกินไป ฟ
“ท่านอ๋องหลีช่างใจกว้างเสียจริง กู่ที่ข้าให้ท่านไม่ทำร้ายร่างกายของพระชายาอ๋องเฉิน อีกทั้งเมื่อเจอกับยาสมุนไพรอื่น ๆ ก็จะตาย ความปลอดภัยสูงมาก”ตอนที่กู่อยู่ภายในร่างกาย จะควบคุมสติของร่างกายทั้งหมดเอาไว้เมื่อเจ้าของร่างกายสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ตอนที่อยากจะรักษา หรือว่าตรวจ ทันทีที่กู่นี้สัมผัสกับยาสมุนไพร ก็จะตายไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลยแม้แต่น้อย อยากจะสืบก็สืบไม่เจอกู่ เป็นวิชาของเหมียวเจียงน้อยคนบนโลกใบนี้ที่จะรู้จักนางเป็นชนเผ่าเหมียวเจียง ศึกษาวิชากู่มาตั้งแต่เด็ก มีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถแก้พิษกู่ที่มาจากนางได้เฟิงเจิ้งหลียืนอยู่กับที่ สายตาจ้องตรงไปยังดวงตาทั้งสองข้างของนาง ราวกับว่ากำลังประเมินความจริงจากคำพูดประโยคนี้อูหนูนอนอยู่บนเตียง ยิ้มบาง ๆ อย่างอ่อนแอ“ข้าอยู่ในสภาพนี้แล้ว ยังจะหลอกลวงท่านได้อีกอย่างนั้นหรือ?”ยิ่งไปกว่านั้น นางกับอ๋องเฉินยังมีความแค้นที่ลึกซึ้งต่อกัน!นางช่วยอ๋องเฉินให้ได้ฉู่เชียนหลี นางก็จะแยกอ๋องเฉินสองสามีภรรยาออกจากกัน แก้แค้นอ๋องหลี เพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเองพวกเขาต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตนต้องการพวกเขาเป็นเพื
ในเวลานี้ ฝ่าบาทที่กำลังเล่นไพ่กับบรรดาสนมที่วังหลัง หลังจากเล่นเสร็จไปหนึ่งตา จู่ ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เรียกตัวเต๋อฝูเข้ามา“ช่วงสองวันมานี้เหตุใดอ๋องเฉินถึงไม่มาประชุมราชสำนัก?”ที่จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาตอนดึกดื่นเนื่องจากเขาวัน ๆ เอาแต่ยุ่ง งานรัดตัว เรื่องที่เกิดขึ้นตลอดสองวันมานี้ที่จวนอ๋องเฉินเขายังไม่รู้เต๋อฝูพอได้ยินมาอยู่บ้าง กล่าวตอบอย่างครุ่นคิด“ฝ่าบาท ได้ข่าวว่าพระชายาอ๋องเฉินสุขภาพไม่แข็งแรง อ๋องเฉินจึงขอลาพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่ฝ่าบาทได้ยินประโยคนี้ ก็เบิกตากว้างทันทีพระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!พระชายาอ๋องเฉินไม่มีมีความสุข เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!พระชายาอ๋องเฉินเป็นทุกข์ เช่นนั้นจะต้องเป็นความผิดของอ๋องเฉิน!ในครรภ์ของพระชายาอ๋องเฉินกำลังตั้งครรภ์พระนัดดาของเขา หากพระนัดดาเป็นอะไรไปแม้เพียงนิด เขาจะต้องบิดหูเฟิงเย่เสวียนทิ้งแน่“โตขนาดนี้แล้ว แม้แต่ภรรยาของตนเองก็ยังดูแลได้ไม่ดี ใช้ได้ที่ไหนกัน! เกิดเรื่องนี้หลุดออกไปไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นหัวเราะหรือ!” เขาตบโต๊ะด้วยความโมโห ตบจนเกิดเสียงดังปัง ๆพระ
รู้สึกว่าเขากำลังเริ่มทำตัวไม่ชอบธรรมกับฉู่เชียนหลีแล้ว ยกมือขึ้นกำลังจะตบหน้าชายหนุ่มเลิกคิ้ว ยกมือขึ้นจับเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ แขนยาวกระตุก ก็ดึงนางลากเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “ข้าจริงจัง”จับที่เอวอวบอิ่มของนางเอาไว้ ให้นางนั่งบนต้นขาของเขา จ้องมองนาง กล่าวชัดถ้อยชัดคำ“ตอนที่เจ้าเป็นทุกข์ โลกของข้าเหมือนกับถล่มทลายไปแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจไปทำเรื่องอื่นใด รู้สึกหดหู่ไปกับเจ้าด้วย ตอนนี้ถึงพบว่า เจ้าสำหรับข้าแล้ว มีความสำคัญมากมาย”เมื่ออารมณ์ของตนได้รับผลกระทบจากทุกการกระทำของอีกฝ่าย ก็แสดงให้เห็นว่ามีความสำคัญกับคนนี้ มากเพียงใดฉู่เชียนหลีหลุบตาลง หรี่ดวงตาหนทางในอนาคตยังอีกยาวไกลมาก สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ยังมีอุปสรรคและความเปลี่ยนแปลงอีกมากมายขอเพียงแค่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีอะไรที่ผ่านไปไม่ได้นางเลียริมฝีปากทีหนึ่ง “ง่วงแล้ว”“ข้ากำลังคุยกับเจ้านะ” ชายหนุ่มที่พูดไม่เก่งมาโดยตลอด จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนละเอียดอ่อนขึ้นมา ทำให้ฉู่เชียนหลีตั้งท่ารับมือไม่ถูกนางเองก็ไม่ใช่คนที่อ่อนไหวพ่นลมหายใจอย่างเฉยเมย “รู้แล้ว”“รู้ก็จบแล้วหรือ?” ชายหนุ่มจ้องมองนางอย่างตกตะลึงฉู่เชียนหลีเหล
มือทั้งสองข้างของฉู่เจียวเจียวโอบแขนของชายหนุ่ม เบียดตัวเข้าไปใกล้เล็กน้อย ท่าทางที่เหมือนกับนกน้อยติดคนน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองคนยืนด้วยกัน ช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ เหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่งถึงแม้ว่าฉู่เชียนหลีจะไม่ชอบฉู่เจียวเจียว แต่ค่อนข้างสนิทกับอ๋องหลี จึงระบายรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา“อ๋องหลี พระชายาอ๋องหลี บังเอิญเหลือเกิน”“เดินซื้ออะไรน่ะ?” ฉู่เจียวเจียวเอียงคอถาม “ได้ข่าวว่าช่วงนี้ร่างกายของเจ้าไม่ค่อยดี เกิดปัญหาอะไรขึ้นใช่หรือไม่? เหตุใดจึงไม่รักษาตัวอยู่ที่เรือนล่ะ? ถ้าหากแท้งลูกขึ้นมาละก็ คงน่าเสียดายมาก”ฉู่เชียนหลี “...”ทันทีที่เอ่ยปากพูด ก็ไม่ใช่เป็นคำพูดที่น่าฟัง เต็มไปด้วยการเสียดสีบาดหูเป็นอย่างมาก แต่บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มที่พยายามทำเหมือน‘ห่วงใย’ ทำให้ฉู่เชียนหลียากที่จะตอบโต้พระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่พอใจ“ผู้ใดบอกว่าพระชายาอ๋องเฉินสุขภาพไม่ดี? คนที่ร่างกายไม่ดี น่าจะเป็นพวกที่แต่งงานมานานมาก ๆ แต่ยังไม่ทางกระมัง?”คำพูดประโยคนี้หมายถึงฉู่เจียวเจียวกับอ๋องหลีแต่งงานกันมาครึ่งปี แต่กลับยังไม่มีวี่แววเลยสักนิดฉู่เจียวเจียวเข้าใจความ
พระชายาอ๋องติ้งมองสำรวจพ่อค้าวัยกลางคน เมื่อเห็นท่าทางที่ร้อนใจ สีหน้าที่จริงใจของเขา ไม่มีตรงไหนที่น่าสงสัย แอบ จึงกำจัดการคาดเดาว่า ‘มีคนวางแผนทำร้าย’ในใจออกไปหรืออาจจะเป็นแค่เพียงอุบัติเหตุเท่านั้นกระมังเฟิงเจิ้งหลีน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าเป็นผู้ใด? จูงม้าอย่างไร?”พ่อค้าคนนั้นรีบกล่าวขอโทษ ด้วยคำขอโทษต่าง ๆ นานาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง จ้องมองเค้าโครงใบหน้าที่อ่อนโยนของอ๋องหลี เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่ใจลอย...แอบด่าตัวเองเมื่อครู่นี้สมองกระตุกเหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะคิดว่าเขาจะมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ดีกับนางเป็นพิเศษ ยังรู้ปลอดภัยอีกด้วยนางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?ฉู่เจียวเจียวยังนั่งอยู่กับพื้นนะ!นางถูกม้ากระแทก ตกใจมาก ไม่ง่ายเลยกว่าได้สติกลับคืนมา เมื่อคิดถึงตอนที่ม้าพุ่งเข้ามาเมื่อครู่นี้ อ๋องหลีผลักนางออก เพื่อปกป้องฉู่เชียนหลี...เพลิงโกรธกับความริษยาราวกับพวยพุ่ง พลุ่งพล่านเข้ามาในหัวใจ ตอนที่กำลังจะระบายออกมา ท้องก็กระตุกทีหนึ่ง“กรี๊ด!”หน้าถอดสี “ท้องข้า...”ปวดเหลือเกิน!เหมือนกับว่าโดนเข็มทิ่มแทงเสียงกรีดร้องดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนเฟิงเจิ้งหลีหันหน้าไป
“อะไรนะ!?”ฉู่เจียวเจียวเบิกดวงตาทั้งสองข้างด้วยความตกใจ ตกตะลึงไปสามวินาทีเต็ม ๆ จากนั้นถึงได้ก้มหน้าลงไป จ้องมองหน้าท้องที่แบนราบของตนเองนางท้องแล้ว?คิดไม่ถึงว่านางจะตั้งท้องแล้ว?คืนนั้น ภายใต้การบังคับและชักจูงของนาง ในที่สุดท่านอ๋องก็ยอมแตะต้องนาง แค่คืนนั้นก็ท้องแล้ว!นางลูบท้องด้วยความปีติยินดี “ลูก...ท่านอ๋อง พวกเรามีลูกแล้ว!”“ลูกของพวกเรา!”นางจับมือของเฟิงเจิ้งหลีด้วยความตื่นเต้น อารมณ์ที่ปีติยินดีในเวลานี้ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เฟิงเจิ้งหลีหลุบตาลง ขมวดคิ้วเล็กน้อย นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากไปกว่านี้พระชายาอ๋องติ้งเขยิบเข้าใกล้ฉู่เชียนหลี ถามเสียงเบา “ไม่ได้ตรวจผิดใช่หรือไม่?”ฉู่เชียนหลีส่ายหน้า “เพิ่งจะท้องได้ไม่นาน ครรภ์ยังไม่มั่นคง เมื่อครู่ได้รับความตกใจ ครรภ์ได้รับความกระทบกระเทือน ทำให้ปวดท้อง แต่ว่าไม่เป็นอะไร พักผ่อนสองวันก็ดีขึ้นแล้ว”“ข้าฟังน้ำเสียงของเจ้า เหตุใดจึงได้ใจเย็นมากขนาดนี้?”“?” ฉู่เชียนหลีงุนงง “นางตั้งครรภ์เกี่ยวอะไรกับข้า ทำไมข้าถึงต้องไม่ใจเย็น?”พระชายาอ๋องติ้ง “...”เหมือนจะว่าจะเป็นเหตุผลข้อนี้ถ้าหากพ
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู