นอกประตู หมอหลี่แบกกล่องยาวิ่งมาอย่างเร่งรีบ ไม่ทันได้คำนับ ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนกระชากเข้ามา“เร็ว! รีบไปดูพระชายา!”ท่าทางที่ป่วยกระท่อนกระแท่นของนาง ราวกับจะตายแล้ว มันแทงใจเขาหมอหลี่รีบตรวจชีพจรเมื่อจับชีพจร สุขภาพของพระชายาแข็งแรง ลูกก็ค่อนข้างมั่นคง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก แค่สีหน้าแลดูซีดเซียว จึงกล่าว“ท่านอ๋อง สุขภาพของพระชายาไม่มีปัญหา เกรงว่าเป็นไข้ใจ!”มีปมในใจ หดหู่จมอยู่กับความทุกข์ เป็นโรคที่ไร้ยารักษาบางคนติดอยู่ในปมในใจของตนเอง ไม่สามารถเดินออกมาตลอดชีวิต เหมือนกับติดอยู่บนทางตัน ผอมลงทุกวัน เดินไปสู่ความตายอาการเจ็บไข้ได้ป่วยทรมานของร่างกาย สามารถรักษาแต่บาดแผลทางจิตใจและจิตวิญญาณ หากไม่สามารถปลอบประโลมทันท่วงที ผลที่ตามมาอาจจะร้ายแรงมาก“ท่านอ๋อง ช่วงนี้พระชายามีเรื่องในใจอะไรหรือ? ไข้ใจต้องรักษาด้วยยาใจ ขอแค่สามารถเปิดปมในใจ เดินออกมาได้ทันเวลา ก็ปลอดภัยไร้กังวลแล้วขอรับ”ดวงตาที่มืดมนของเฟิงเย่เสวียนมองไปทางฉู่เชียนหลีนางนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น อาเจียนจนสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ หนังตาหลุบลงเล็กน้อย ไม่มีชีวิตชีวา เหมือนกับสูญเสียจิตวิญญาณทั้งหมดเป็น
เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้ว เงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจฉับพลันในที่สุดก็เอ่ยปาก!“ได้ ได้! ออกไป พวกเราออกไปเดี๋ยวนี้!” เขารีบลุกขึ้นยืน กล่าวกำชับอย่างรวดเร็ว “ใครก็ได้ เอาเสื้อกันหนาวของพระชายามา เตรียมรถม้ากับขนมให้พร้อม ไปพักผ่อนแถบชานเมือง!”เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงขานรับอย่างมีความสุข รีบวิ่งออกไปแล้วเฟิงเย่เสวียนดีใจมาก วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น หยิบเสื้อกันหนาวหนาๆ มาสองตัวตอนที่หมอหลี่แบกกล่องยา เตรียมตัวจากไป ฉู่เชียนหลีเรียกเขากะทันหัน“ลูกของข้ามีโอกาสเป็นเด็กพิการหรือ?”เสียงที่มาอย่างกะทันหันของนาง ทำเอาร่างกายหมอหลี่แข็งทื่อ ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน คุกเข่าลงพื้นอย่างขาอ่อนนี่…เขาจะกล้าพูดได้อย่างไร?“พระ พระชายา ท่าน ท่านกำลังพูดอะไร? ข้าน้อยไม่ค่อยเข้าใจ…”ฉู่เชียนหลีอุ้มท้องไว้ เอียงศีรษะ มองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย“ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว เหตุใดเจ้ายังต้องปิดบังข้า?”“!”หมอหลี่ตกใจจนเกือบเป็นลมพระชายารู้คำพูดเช่นนี้ หากพระชายาไม่พอใจ เด็ดศีรษะของเขา ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว!ตกใจจนรีบกล่าวอธิบาย“พระชายาใจเย็นๆ พระชายาใจเย็นๆ! ท่านอ๋องไม่ให้ข้าบอกท่าน ท่าน
เนื่องจากฉู่เชียนหลีไม่พอใจ ทั้งจวนอ๋องเหมือนถูกเมฆดำปกคลุม บรรยากาศอึดอัด กดดันมาก เหล่าคนรับใช้ทำงานอย่างอกสั่นขวัญแขวน กลัวไม่ระวังจะตกเป็นคนซวยส่วนพระชายาอ๋องเฉินกับท้องของนาง ก็เป็นหัวข้อสนทนาที่คนในเมืองหลวงให้ความสนใจพลันนางไม่พอใจ ข่าวก็แพร่กระจายออกไปแล้วพระชายาอ๋องติ้งกับหลิงเชียนอี้ที่ได้ยินความผิดปกติรีบเดินทางมาทันที พวกเขาเจอกันหน้าประตู เข้าไปเยี่ยมฉู่เชียนหลีด้วยกันเข้าไปในเรือนหานเฟิง ฉู่เชียนหลียังนอนขดตัวหลับอยู่บนเตียง“น้าสะใภ้!”หลิงเชียนอี้วิ่งเข้าไป “น้าสะใภ้ ท่านเป็นอย่างไรบ้างน้าสะใภ้!”ได้ยินมาว่านางนอนมาสองวันหนึ่งคืน ไม่ดื่มแม้แต่น้ำหยดเดียว เขากังวลจนแทบเป็นบ้าถ้าหากน้าสะใภ้เป็นอะไรไป ทิ้งน้าของเขาให้อยู่คนเดียว น้าของเขาจะอยู่อย่างไร!“เสียวฉู่ เจ้าไม่สบายหรือ?” พระชายาอ๋องติ้งรีบใช้หลังมืออังหน้าผากฉู่เชียนหลี ทดสอบอุณหภูมิร่างกาย ทว่าอุณหภูมิร่างกายกลับปกติฉู่เชียนหลียกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างสะลึมสะลือ มองไปทางคนทั้งสองอย่างเกียจคร้าน พยายามฉีกยิ้มจางๆ ที่มุมปาก“ข้าไม่เป็นอะไร…”นอนนานเกินไป บวกกับไม่ได้กินอะไร เสียงจึงแหบมาก เบา
“ท่านอ๋อง อ๋องหลีมาขอรับ” พ่อบ้านเข้ามารายงาน จากนั้นเฟิงเจิ้งหลีที่สีหน้าร้อนใจ เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ“พระชายา!”เขาเดินอย่างรีบร้อน หอบหายใจเล็กน้อย สังเกตเห็นร่างเงาของฉู่เชียนหลีอย่างรวดเร็ว สายตาตกอยู่บนใบหน้าที่ซีดเซียวและเศร้าหมองของนาง ร้อนใจมาก แต่ก็อดกลั้นเอาไว้“อ๋องเฉิน ข้าได้ข่าวว่าพระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย ตั้งใจมาเยี่ยม…” เขาลดฝีเท้าให้ช้าลงแล้วเดินเข้ามา สายตากลับมองไปที่ฉู่เชียนหลีตลอด ไม่ละสายตาแม้แต่น้อยทุกคนล้วนมองฉู่เชียนหลีด้วยความเป็นห่วง มีเพียงพระชายาอ๋องเฉินมองอ๋องหลีแวบหนึ่ง สายตาลึกซึ้งแล้วลึกซึ้งอีกครั้งก่อน ในเขตตั้งถิ่นฐานขอทาน อ๋องหลีปรากฏตัวกะทันหัน ช่วยนางแบบเสาบ้านที่ล้มทับลงมาครั้งนี้ ก็รีบร้อนเช่นนี้…นางมองอ๋องหลีด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วกวาดมองอ๋องเฉินแวบหนึ่ง เม้มปาก ไม่ได้พูดอะไรสักคำฉู่เชียนหลียกดวงตาที่ว่างเปล่าขึ้น มองดูคนมากมายที่อยู่ในห้องเฟิงเย่เสวียน อ๋องหลี พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิง หานเฟิง…คนเยอะมากพวกเขาทุกคนมองนาง ระมัดระวังมาก มีทั้งอ้อนวอน มีทั้งร้อนใจ ราวกับนางสำคัญมาก แต่นางกลับรู้สึกว่าต
พระชายาอ๋องติ้งรีบประคองฉู่เชียนหลี แล้วรับแก้วน้ำ ป้อนให้ฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีจิบติดต่อกันสี่ห้าคำ ท่าทางที่ดูอ่อนแอนั่นจึงจะดูดีขึ้นเล็กน้อย“ลูกทรพี!”“เจ้าลูกทรพี!”เวลานี้ นอกประตู จู่ๆก็มีร่างเงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน และยังมีนางกำนัลสี่คนวิ่งตามอยู่ข้างหลังเมื่อถงเฟยเข้ามา เห็นสภาพที่น่าสังเวชของฉู่เชียนหลี ก็พุ่งเข้าไปคว้าแขนเฟิงเย่เสวียน และยกมือตบหลังเขาอย่างแรงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง“เจ้ามันลูกทรพี! แม้แต่เมียก็ดูแลไม่ดี ยังจะเก็บเจ้าไว้ทำอะไร!”เพียะๆ!เสียงฝ่ามือดังเพียะๆ ติดต่อกัน ทุกคนตกใจมาก“พระสนม ท่านใจเย็นๆ!” เหล่านางกำนัลตามเข้ามา ห้ามปรามอย่างประหม่า ทั้งสองท่านล้วนเป็นนาย กลัวทั้งสองจะเป็นอะไรไป“ใช่แล้วพระสนมถงเฟย! ท่าน ท่านใจเย็นๆ ท่านอ๋องเขาไม่ได้หลับตานอนสองวันแล้ว!” เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงรีบเกลี้ยกล่อมถงเฟยไม่ฟัง กระชากแขนของเฟิงเย่เสวียน ก็ทุบตีอีกรอบ“โตจนอายุยี่สิบกว่าแล้ว แม้แต่ผู้หญิงก็ดูแลได้ไม่ดี! บัดซบ! ลูกเวร! ถ้าหากเสียวฉู่กับลูกในท้องของนางเป็นอะไร ข้าจะไปกับนาง ข้าก็ไม่อยู่แล้ว!”นางกระชากเฟิงเย่เสวียนไว้ ทั้งตีทั้งด่า โกรธมาก
ถงเฟยหันหน้าไปค้อนเขาทีหนึ่งคนหยาบคาย พูดเรื่องการฆ่าคน แต่นางนับถือศาสนาพุทธ ให้ความสำคัญกับการได้ขึ้นสวรรค์ การกลับชาติมาเกิด ความหมายแบบเดียวกันได้อย่างนั้นหรือ?หลิงเชียนอี้หุบปาก “...”เป็นเขาที่ความรู้ตื้นเขินฉู่เชียนหลีจ้องมอง อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา“พระชายาหัวเราะแล้ว!” เยว่เอ๋อร์กุมปากร้องเสียงแหลม ทุกคนเบิกตากว้างหันไปมองฉู่เชียนหลี “...”รีบเก็บรอยยิ้มจาง ๆ นั้นลงไป การถูกคนหลายคนจับตามอง เหมือนกับว่าเสื้อผ้าถูกถอดออกไปหมด รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย มือทั้งสองข้างจับผ้าห่ม แล้วดึงขึ้น คลุมตัวเองไว้อย่างเอียงอาย“อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้วใช่หรือไม่?” ถงเฟยรีบเอียงศีรษะเข้าไปใกล้“คิดดีแล้วใช่หรือไม่?” พระชายาอ๋องติ้งเองก็รีบเอียงศีรษะเข้าไปใกล้เช่นกัน“ระบายความโมโหในใจออกมา หนทางในอนาคตยังอีกยาวไกล อย่าได้ถูกอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆทำให้ท้อใจสิท่านน้าสะใภ้!” หลิงเชียนอี้กำหมัดแน่น กล่าวให้กำลังใจ“พระชายา ท่านทำได้! เมื่อก่อนพวกเราใช้ชีวิตอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อย่างยากลำบาก ยังมีเรื่องอะไรที่ควรค่าแก่การกลัวอีก?” เยว่เอ๋อร์กล่าวออกมาจากใจจริง“พระชายา ในใ
ลูกชั่ว?ถงเฟยเป็นแม่บุญธรรมของเขา เรียกเขาว่า ‘ลูกชาย’ เป็นเรื่องที่สมควร แต่หลิงเชียนอี้เป็นลูกชายของพี่สาวเขา เป็นหลานชายคนเล็กของเขา อยู่ ๆ ก็ข้ามรุ่นมาสองรุ่น คิดจะดูหมิ่นเขา?เฟิงเย่เสวียนหรี่ดวงตาดำขลับที่อันตรายลงช่วงนี้เขาเข้าถึงได้ง่ายจนเกินไปแล้ว?“เจ้าไม่มีขื่อไม่มีแปลแล้วใช่หรือไม่!” ยกมือขึ้น ตบฉาดเข้าไปที่หลิงเชียนอี้ทีหนึ่ง จนหลิงเชียนอี้ตัวหมุนรอบหนึ่งหลิงเชียนอี้กุมหน้า เม้มปาก จ้องมองเขาด้วยความน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง“ท่านน้า...”เขาแค่ช่วยระบายความโมโหให้ท่านน้าสะใภ้เท่านั้นฉู่เชียนหลีหัวเราะจนหุบปากไม่ลง เจ้าหลิงเชียนอี้ทะเล้นเกินไปแล้ว ทำให้คนชอบมาก มีเขาคอยกวนใจอยู่ อยากจะเศร้าก็คงเศร้าไม่ได้เมื่อเห็นพวกเขาทะเลาะกัน นางก็หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบเต้าหู้ผัดเสฉวนชิ้นหนึ่ง ใส่เข้าไปในปาก แล้วกินข้าวตามไม่ได้กินข้าวมาสองวัน เจริญอาหารดีจริง ๆพวกเขาทะเลาะกันที่ด้านหน้าเตียงถงเฟยชี้ไปที่หลิงเชียนอี้ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าเด็กโง่ ยังกล้าแม้แต่ดูหมิ่นท่านน้าของเจ้า ท่านน้าเป็นใคร ในใจของตัวเองไม่ชัดเจนงั้นหรือ? อยากหาเรื่องให้โดนตีใช่หรือไม่?”พ
ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันดึงฉู่เชียนหลีให้ลุกขึ้นมาจากเตียง ฉู่เชียนหลีรู้สึกจนปัญญาเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริงนางเองก็ตั้งใจไว้ว่าจะลุกขึ้นมาเดินเสียหน่อยฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นดอกไม้บานสะพรั่ง ปีใหม่ แสงแดดเจิดจ้า ทุกทีเต็มไปด้วยภาพอันมีชีวิตชีวาฉู่เชียนหลีคลุมเสื้อคลุมเรียบร้อย เดินไปยังด้านในสวน ได้ออกจากเรือนแล้ว“พระชายา ที่อุ่นมือ” เยว่เอ๋อร์ยื่นที่อุ่นมือสิ่งประดิษฐ์ที่อบอุ่น ขนยาวมาให้ฉู่เชียนหลีกอดมันเอาไว้ นำมือทั้งสองข้างใส่เข้าไป อบอุ่นมาก ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด ลากร่างกายที่ปวดร้าว เดินไปตามทางนอนมานอน ออกมาเดินเล่น กลับรู้สึกสดชื่นมากเมืองหลวงยังไงก็ยังคงเป็นเมืองหลวงเหมือนเดิม ทั้งเจริญรุ่งเรือง ทั้งคึกคัก ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินทางสัญจรไปมา ยุ่งกับเรื่องของแต่ละคน ชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่มาบรรจบกันที่นี่นางเดินช้ามาก ๆ เดิน ๆ หยุด ๆ ด้านหลัง กลุ่มคนเดินตามติด ๆนางยืนอยู่ที่หัวถนน เห็นพ่อค้ากำลังเข็นรถเข็นเกวียน พลางเดินพลางตะโกนเรียกลูกค้า เห็นหญิงสาวคล้องตะกร้าเดินซื้อผักบนถนน มืออีกข้างหนึ่งจูงมือเด็ก เห็นเด็กผู้หญิงวัยแรกแย้มนัดกันเดินซื้อของ ยังเห็นผู้ชายคนหนึ่
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว
จวินลั่วยวนพูดโกหกหน้าตาย ฉวยโอกาสใส่ความฉู่เชียนหลีด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆ“อ๋องเฉินไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจหรือ?”“เจ้าเป็นแม่ที่มีลูกถึงสองคนแล้ว ไม่รู้จักคำว่า ‘ยางอาย’ เลยหรือ?”“เจ้าสำส่อนจัง!”สายตายฉู่เชียนหลีเย็นลง เดินไปที่ตรงหน้านางจู่ๆ ก็เข้าใกล้กลิ่นอายอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามากะทันหัน ทำเอาจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่สามารถควบคุม หลังจากตั้งสติได้ สีหน้าบูดบึ้งทันทีนางกลัวฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ไม่!เป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีจ้องนาง “เสด็จพี่สามของเจ้าป่วยหนัก เขาขอให้ข้าช่วย ข้าจึงแสดงความเมตตา ประคองเขาไปที่โรงหมอ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี ข้าไม่สนใจเขาก็สิ้นเรื่อง”เมื่อสิ้นเสียง เดินไปที่ข้างกาย คลายจุดชีพจรที่สกัดไว้เมื่อครู่“อ่า!”ทันใดนั้น ลมปราณของเขาไหลเวียน สีหน้าเปลี่ยนฉับ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างเจ็บปวด หอบหายใจอย่างทรมานเมื่อจวินลั่วยวนเห็นแล้วเลิกคิ้ว“เจ้าช่วยเขา? น่าขำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพิศวาสในความงามของเขา”นางสั่งให้ซวงซวงเขียนจดหมายให้เสด็จพี่สาม คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่สาม
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ
สงครามนำไปสู่ความวุ่นวายพริบตาเดี๋ยวก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว“รายงาน…”ทหารส่งสารวิ่งเข้าตำหนัก คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวรายงานด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “ทูล ทูลฝ่าบาท เมืองเจียหนาน…ถูกยึดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเหล่าขุนนางเปลี่ยนฉับพลันบนราชบัลลังก์ เฟิงเจิ้งหลีได้ยินข่าวนี้ สีหน้าสงบ เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงียบหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวอย่างเรียบเฉย“ฮืม”ทหารส่งสารหวาดกลัว กองทัพของอ๋องเฉินมาอย่างดุดัน และโจมตีกะทันหัน บุกโจมตีอย่างดุเดือด เมืองเจียหนานต้านไม่ไหว แค่คืนเดียวก็ถูกยึดแล้วเหล่าขุนศึกกล่าวอย่างร้อนใจ“เมืองเจียหนานขุดเหมืองมากมาย แร่เหล่าหลายหมื่นชั่งล้วนอยู่ที่นั่น หากไม่มีแร่เหล็ก อาวุธของเราก็จะลดลงอย่างมาก เมื่อเกิดการสู้รบ ก็เหมือนกับแม่ครัวไม่มีข้าวให้หุง…”ไม่มีอาวุธจะได้อย่างไร?“เหตุใดอ๋องเฉินโดดข้ามสองเมือง โจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน?”“ไม่มีเหตุผลเลย!”“ใช่”“เมืองมากมายไม่โจมตี ดันไปโจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน…”เหล่าขุนนางเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ถกเถียงเรื่องนี้กันเบาๆ คนละหนึ่งประโยค บรรยากาศวุ่นวายไปหมดเฟิงเจิ้งหลีหลุบตาเล็กน้อย
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข