หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ห้องครัวส่งอาหารเช้ามา อาหารหกอย่างน้ำแกงหนึ่งถ้วยที่สั่งทำพิเศษ ผสมผสานระหว่างเนื้อสัตว์และผัก โภชนาการสมดุล พ่อครัวทำตามความชอบ ปริมาณอาหารระหว่างตั้งครรภ์ และด้านอื่นๆ ของฉู่เชียนหลี หนึ่งอาทิตย์เจ็ดวัน อาหารของทุกวันไม่ซ้ำกันฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่โต๊ะ ถือช้อนไว้ หลุบตาลง คนข้าวต้มไก่ดำพุทราในชามเป็นระยะเฟิงเย่เสวียนใส่ใจถึงเพียงใด แม้แต่ช้อนดินเผาที่ถืออยู่ในมือฉู่เชียนหลี ก็สั่งให้คนห่อด้วยผ้ากำมะหยี่หนึ่งชั้น ถืออยู่ในมืออุ่นตลอด จะไม่เย็นถึงมืออ๋องเฉินปฏิบัติต่อพระชายาดีมาก คนทั้งจวนล้วนสัมผัสได้ด้วยตนเองพวกเขากล้าพูดเลย ทั่วหล้าหาผู้ชายที่ใส่ใจและจริงใจอย่างท่านอ๋องไม่ได้อีกแล้วเฟิงเย่เสวียนถือตะเกียบ มองนางที่ไม่รู้ว่าโกรธหรือดีใจอย่างประหม่าเล็กน้อย กล่าวถามเสียงเบา“เชียนหลี ไม่อยากอาหารหรือ?”ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนถึงตอนนี้ นางเอาแต่นอน แม้แต่น้ำก็ไม่ดื่มฉู่เชียนหลีหลุบตา นิ่งเงียบ มองดูข้าวต้มที่เข้มข้นและเหนียวในชาม ไม่อยากอ้าปากด้วยซ้ำนางไม่หิวไม่หิวเลยสักนิดนางรู้สึกเหนื่อยมาก อยากนอนมากคนอยู่สองสามที โยนกลับไปในชาม
นอกประตู หมอหลี่แบกกล่องยาวิ่งมาอย่างเร่งรีบ ไม่ทันได้คำนับ ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนกระชากเข้ามา“เร็ว! รีบไปดูพระชายา!”ท่าทางที่ป่วยกระท่อนกระแท่นของนาง ราวกับจะตายแล้ว มันแทงใจเขาหมอหลี่รีบตรวจชีพจรเมื่อจับชีพจร สุขภาพของพระชายาแข็งแรง ลูกก็ค่อนข้างมั่นคง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก แค่สีหน้าแลดูซีดเซียว จึงกล่าว“ท่านอ๋อง สุขภาพของพระชายาไม่มีปัญหา เกรงว่าเป็นไข้ใจ!”มีปมในใจ หดหู่จมอยู่กับความทุกข์ เป็นโรคที่ไร้ยารักษาบางคนติดอยู่ในปมในใจของตนเอง ไม่สามารถเดินออกมาตลอดชีวิต เหมือนกับติดอยู่บนทางตัน ผอมลงทุกวัน เดินไปสู่ความตายอาการเจ็บไข้ได้ป่วยทรมานของร่างกาย สามารถรักษาแต่บาดแผลทางจิตใจและจิตวิญญาณ หากไม่สามารถปลอบประโลมทันท่วงที ผลที่ตามมาอาจจะร้ายแรงมาก“ท่านอ๋อง ช่วงนี้พระชายามีเรื่องในใจอะไรหรือ? ไข้ใจต้องรักษาด้วยยาใจ ขอแค่สามารถเปิดปมในใจ เดินออกมาได้ทันเวลา ก็ปลอดภัยไร้กังวลแล้วขอรับ”ดวงตาที่มืดมนของเฟิงเย่เสวียนมองไปทางฉู่เชียนหลีนางนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น อาเจียนจนสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ หนังตาหลุบลงเล็กน้อย ไม่มีชีวิตชีวา เหมือนกับสูญเสียจิตวิญญาณทั้งหมดเป็น
เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้ว เงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจฉับพลันในที่สุดก็เอ่ยปาก!“ได้ ได้! ออกไป พวกเราออกไปเดี๋ยวนี้!” เขารีบลุกขึ้นยืน กล่าวกำชับอย่างรวดเร็ว “ใครก็ได้ เอาเสื้อกันหนาวของพระชายามา เตรียมรถม้ากับขนมให้พร้อม ไปพักผ่อนแถบชานเมือง!”เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงขานรับอย่างมีความสุข รีบวิ่งออกไปแล้วเฟิงเย่เสวียนดีใจมาก วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น หยิบเสื้อกันหนาวหนาๆ มาสองตัวตอนที่หมอหลี่แบกกล่องยา เตรียมตัวจากไป ฉู่เชียนหลีเรียกเขากะทันหัน“ลูกของข้ามีโอกาสเป็นเด็กพิการหรือ?”เสียงที่มาอย่างกะทันหันของนาง ทำเอาร่างกายหมอหลี่แข็งทื่อ ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน คุกเข่าลงพื้นอย่างขาอ่อนนี่…เขาจะกล้าพูดได้อย่างไร?“พระ พระชายา ท่าน ท่านกำลังพูดอะไร? ข้าน้อยไม่ค่อยเข้าใจ…”ฉู่เชียนหลีอุ้มท้องไว้ เอียงศีรษะ มองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย“ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว เหตุใดเจ้ายังต้องปิดบังข้า?”“!”หมอหลี่ตกใจจนเกือบเป็นลมพระชายารู้คำพูดเช่นนี้ หากพระชายาไม่พอใจ เด็ดศีรษะของเขา ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว!ตกใจจนรีบกล่าวอธิบาย“พระชายาใจเย็นๆ พระชายาใจเย็นๆ! ท่านอ๋องไม่ให้ข้าบอกท่าน ท่าน
เนื่องจากฉู่เชียนหลีไม่พอใจ ทั้งจวนอ๋องเหมือนถูกเมฆดำปกคลุม บรรยากาศอึดอัด กดดันมาก เหล่าคนรับใช้ทำงานอย่างอกสั่นขวัญแขวน กลัวไม่ระวังจะตกเป็นคนซวยส่วนพระชายาอ๋องเฉินกับท้องของนาง ก็เป็นหัวข้อสนทนาที่คนในเมืองหลวงให้ความสนใจพลันนางไม่พอใจ ข่าวก็แพร่กระจายออกไปแล้วพระชายาอ๋องติ้งกับหลิงเชียนอี้ที่ได้ยินความผิดปกติรีบเดินทางมาทันที พวกเขาเจอกันหน้าประตู เข้าไปเยี่ยมฉู่เชียนหลีด้วยกันเข้าไปในเรือนหานเฟิง ฉู่เชียนหลียังนอนขดตัวหลับอยู่บนเตียง“น้าสะใภ้!”หลิงเชียนอี้วิ่งเข้าไป “น้าสะใภ้ ท่านเป็นอย่างไรบ้างน้าสะใภ้!”ได้ยินมาว่านางนอนมาสองวันหนึ่งคืน ไม่ดื่มแม้แต่น้ำหยดเดียว เขากังวลจนแทบเป็นบ้าถ้าหากน้าสะใภ้เป็นอะไรไป ทิ้งน้าของเขาให้อยู่คนเดียว น้าของเขาจะอยู่อย่างไร!“เสียวฉู่ เจ้าไม่สบายหรือ?” พระชายาอ๋องติ้งรีบใช้หลังมืออังหน้าผากฉู่เชียนหลี ทดสอบอุณหภูมิร่างกาย ทว่าอุณหภูมิร่างกายกลับปกติฉู่เชียนหลียกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างสะลึมสะลือ มองไปทางคนทั้งสองอย่างเกียจคร้าน พยายามฉีกยิ้มจางๆ ที่มุมปาก“ข้าไม่เป็นอะไร…”นอนนานเกินไป บวกกับไม่ได้กินอะไร เสียงจึงแหบมาก เบา
“ท่านอ๋อง อ๋องหลีมาขอรับ” พ่อบ้านเข้ามารายงาน จากนั้นเฟิงเจิ้งหลีที่สีหน้าร้อนใจ เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ“พระชายา!”เขาเดินอย่างรีบร้อน หอบหายใจเล็กน้อย สังเกตเห็นร่างเงาของฉู่เชียนหลีอย่างรวดเร็ว สายตาตกอยู่บนใบหน้าที่ซีดเซียวและเศร้าหมองของนาง ร้อนใจมาก แต่ก็อดกลั้นเอาไว้“อ๋องเฉิน ข้าได้ข่าวว่าพระชายาอ๋องเฉินไม่สบาย ตั้งใจมาเยี่ยม…” เขาลดฝีเท้าให้ช้าลงแล้วเดินเข้ามา สายตากลับมองไปที่ฉู่เชียนหลีตลอด ไม่ละสายตาแม้แต่น้อยทุกคนล้วนมองฉู่เชียนหลีด้วยความเป็นห่วง มีเพียงพระชายาอ๋องเฉินมองอ๋องหลีแวบหนึ่ง สายตาลึกซึ้งแล้วลึกซึ้งอีกครั้งก่อน ในเขตตั้งถิ่นฐานขอทาน อ๋องหลีปรากฏตัวกะทันหัน ช่วยนางแบบเสาบ้านที่ล้มทับลงมาครั้งนี้ ก็รีบร้อนเช่นนี้…นางมองอ๋องหลีด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วกวาดมองอ๋องเฉินแวบหนึ่ง เม้มปาก ไม่ได้พูดอะไรสักคำฉู่เชียนหลียกดวงตาที่ว่างเปล่าขึ้น มองดูคนมากมายที่อยู่ในห้องเฟิงเย่เสวียน อ๋องหลี พระชายาอ๋องติ้ง หลิงเชียนอี้ เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิง หานเฟิง…คนเยอะมากพวกเขาทุกคนมองนาง ระมัดระวังมาก มีทั้งอ้อนวอน มีทั้งร้อนใจ ราวกับนางสำคัญมาก แต่นางกลับรู้สึกว่าต
พระชายาอ๋องติ้งรีบประคองฉู่เชียนหลี แล้วรับแก้วน้ำ ป้อนให้ฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีจิบติดต่อกันสี่ห้าคำ ท่าทางที่ดูอ่อนแอนั่นจึงจะดูดีขึ้นเล็กน้อย“ลูกทรพี!”“เจ้าลูกทรพี!”เวลานี้ นอกประตู จู่ๆก็มีร่างเงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน และยังมีนางกำนัลสี่คนวิ่งตามอยู่ข้างหลังเมื่อถงเฟยเข้ามา เห็นสภาพที่น่าสังเวชของฉู่เชียนหลี ก็พุ่งเข้าไปคว้าแขนเฟิงเย่เสวียน และยกมือตบหลังเขาอย่างแรงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง“เจ้ามันลูกทรพี! แม้แต่เมียก็ดูแลไม่ดี ยังจะเก็บเจ้าไว้ทำอะไร!”เพียะๆ!เสียงฝ่ามือดังเพียะๆ ติดต่อกัน ทุกคนตกใจมาก“พระสนม ท่านใจเย็นๆ!” เหล่านางกำนัลตามเข้ามา ห้ามปรามอย่างประหม่า ทั้งสองท่านล้วนเป็นนาย กลัวทั้งสองจะเป็นอะไรไป“ใช่แล้วพระสนมถงเฟย! ท่าน ท่านใจเย็นๆ ท่านอ๋องเขาไม่ได้หลับตานอนสองวันแล้ว!” เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงรีบเกลี้ยกล่อมถงเฟยไม่ฟัง กระชากแขนของเฟิงเย่เสวียน ก็ทุบตีอีกรอบ“โตจนอายุยี่สิบกว่าแล้ว แม้แต่ผู้หญิงก็ดูแลได้ไม่ดี! บัดซบ! ลูกเวร! ถ้าหากเสียวฉู่กับลูกในท้องของนางเป็นอะไร ข้าจะไปกับนาง ข้าก็ไม่อยู่แล้ว!”นางกระชากเฟิงเย่เสวียนไว้ ทั้งตีทั้งด่า โกรธมาก
ถงเฟยหันหน้าไปค้อนเขาทีหนึ่งคนหยาบคาย พูดเรื่องการฆ่าคน แต่นางนับถือศาสนาพุทธ ให้ความสำคัญกับการได้ขึ้นสวรรค์ การกลับชาติมาเกิด ความหมายแบบเดียวกันได้อย่างนั้นหรือ?หลิงเชียนอี้หุบปาก “...”เป็นเขาที่ความรู้ตื้นเขินฉู่เชียนหลีจ้องมอง อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา“พระชายาหัวเราะแล้ว!” เยว่เอ๋อร์กุมปากร้องเสียงแหลม ทุกคนเบิกตากว้างหันไปมองฉู่เชียนหลี “...”รีบเก็บรอยยิ้มจาง ๆ นั้นลงไป การถูกคนหลายคนจับตามอง เหมือนกับว่าเสื้อผ้าถูกถอดออกไปหมด รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย มือทั้งสองข้างจับผ้าห่ม แล้วดึงขึ้น คลุมตัวเองไว้อย่างเอียงอาย“อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้วใช่หรือไม่?” ถงเฟยรีบเอียงศีรษะเข้าไปใกล้“คิดดีแล้วใช่หรือไม่?” พระชายาอ๋องติ้งเองก็รีบเอียงศีรษะเข้าไปใกล้เช่นกัน“ระบายความโมโหในใจออกมา หนทางในอนาคตยังอีกยาวไกล อย่าได้ถูกอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆทำให้ท้อใจสิท่านน้าสะใภ้!” หลิงเชียนอี้กำหมัดแน่น กล่าวให้กำลังใจ“พระชายา ท่านทำได้! เมื่อก่อนพวกเราใช้ชีวิตอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อย่างยากลำบาก ยังมีเรื่องอะไรที่ควรค่าแก่การกลัวอีก?” เยว่เอ๋อร์กล่าวออกมาจากใจจริง“พระชายา ในใ
ลูกชั่ว?ถงเฟยเป็นแม่บุญธรรมของเขา เรียกเขาว่า ‘ลูกชาย’ เป็นเรื่องที่สมควร แต่หลิงเชียนอี้เป็นลูกชายของพี่สาวเขา เป็นหลานชายคนเล็กของเขา อยู่ ๆ ก็ข้ามรุ่นมาสองรุ่น คิดจะดูหมิ่นเขา?เฟิงเย่เสวียนหรี่ดวงตาดำขลับที่อันตรายลงช่วงนี้เขาเข้าถึงได้ง่ายจนเกินไปแล้ว?“เจ้าไม่มีขื่อไม่มีแปลแล้วใช่หรือไม่!” ยกมือขึ้น ตบฉาดเข้าไปที่หลิงเชียนอี้ทีหนึ่ง จนหลิงเชียนอี้ตัวหมุนรอบหนึ่งหลิงเชียนอี้กุมหน้า เม้มปาก จ้องมองเขาด้วยความน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง“ท่านน้า...”เขาแค่ช่วยระบายความโมโหให้ท่านน้าสะใภ้เท่านั้นฉู่เชียนหลีหัวเราะจนหุบปากไม่ลง เจ้าหลิงเชียนอี้ทะเล้นเกินไปแล้ว ทำให้คนชอบมาก มีเขาคอยกวนใจอยู่ อยากจะเศร้าก็คงเศร้าไม่ได้เมื่อเห็นพวกเขาทะเลาะกัน นางก็หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบเต้าหู้ผัดเสฉวนชิ้นหนึ่ง ใส่เข้าไปในปาก แล้วกินข้าวตามไม่ได้กินข้าวมาสองวัน เจริญอาหารดีจริง ๆพวกเขาทะเลาะกันที่ด้านหน้าเตียงถงเฟยชี้ไปที่หลิงเชียนอี้ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าเด็กโง่ ยังกล้าแม้แต่ดูหมิ่นท่านน้าของเจ้า ท่านน้าเป็นใคร ในใจของตัวเองไม่ชัดเจนงั้นหรือ? อยากหาเรื่องให้โดนตีใช่หรือไม่?”พ
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู