ใจกลางเมืองหลวง ภายในห้องส่วนตัวของโรงน้ำชาชั้นเลิศแห่งหนึ่ง ปลอดภัย เงียบ สงบ เป็นสถานที่พูดคุยหารือชั้นเยี่ยมทั้งสองด้านของโต๊ะ ร่างเงาอันสูงส่งสองสายนั่งหันหน้าเข้าหากัน เสียงสนทนาระหว่างพวกเขาเบามาก และมีเจตนาที่เยือกเย็นแฝง“คิดไม่ถึงว่าฉู่เชียนหลีจะดวงแข็งและโชคดีเช่นนี้ เสาบ้านที่ใหญ่เช่นนั้นล้มทับลงมา มีคนมากมายเช่นนั้นรีบวิ่งเข้าไปช่วยรับ!”คนพูดคืออ๋องเฟิงเขากำถ้วยชาแน่น สีหน้าโมโหและเกลียดชังเขาไม่เข้าใจ เหตุใดสวรรค์จึงเข้าข้างฉู่เชียนหลีเช่นนี้ แม้แต่พระชายาอ๋องติ้ง อ๋องหลี ก็ไปเป็นพวกเดียวกับฉู่เชียนหลีคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามคืออ๋องเจวี๋ย“พี่รองไม่ต้องรีบร้อน” อ๋องเจวี๋ยหัวเราะเบาๆ อย่างสงบ ยกกาน้ำชาขึ้น เติมชาร้อนที่หอมกลมกล่อมให้เขาอย่างสง่างามฮวาๆ…เสียงน้ำใสชัดเจน เสียงของเขากลับแผ่ไปด้วยความหนาวเหน็บอย่างน่าประหลาด“ท้องของนางเพิ่งจะสามเดือน เหลือเวลาอีกเยอะ ยังมีโอกาสมากมาย อ๋องเฉินระวังพันหนหมื่นหน ก็ต้องมีสักหนที่พลาด”คำพูดนี้ทำให้อ๋องเฟิงสบายใจขึ้นเล็กน้อยมันก็จริงผู้ชายคนหนึ่งลงมือกับผู้หญิง นี่จะโทษเขาเหี้ยมโหดก็ไม่ได้ เรื่องใหญ่เกี่ยวข้องกับร
จวนอ๋องติ้งหลังจากขออนุญาตเฟิงเย่เสวียน ฉู่เชียนหลีมาถึงจวนอ๋องติ้ง ได้รับการต้อนรับจากพ่อบ้านอย่างกระตือรือร้น อ๋องติ้งมีความสุขในการต้อนรับแขก เหล่าบ่าวไพร่ยกชาส่งน้ำ ปรนนิบัติอย่างพิถีพิถันฉู่เชียนหลีรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย จึงรีบไปดูบาดแผลของพระชายาอ๋องติ้งแล้วพระชายาอ๋องติ้งจูงมือฉู่เชียนหลีมานั่งลง “มือของข้าแค่ผิวหนังถลอก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ยังต้องรบกวนเจ้ามาอีก จริงๆ เลย หากน้องเจ็ดกล่าวโทษ ข้ารับไม่ไหวนะ”ฉู่เชียนหลีจับมือทั้งสองข้างของนางแล้วแบออกเมื่อวาน มือของนางถูกเสาบ้านล้มทับ แรงเฉื่อยอันมหาศาลขุดผิวหนังหลุดไปเป็นแผ่น เผยให้เห็นเลือดเนื้อที่อยู่ข้างใน ต่อให้ทายา เห็นแล้วก็ยังน่าตกใจมากฉู่เชียนหลีมองดู รู้สึกสับสนอย่างมากถ้าหากคู่สามีภรรยาอ๋องติ้งอยากทำร้ายนาง แล้วจะยอมสละชีวิตเพื่อช่วยนางได้อย่างไร?แอบถอนหายใจหนึ่งที เงยหน้าขึ้นกล่าว “อวิ๋นอิง ว่างของขวัญลงเถอะ”“เจ้าค่ะ” อวิ๋นอิงตอบรับ นำกล่องของขวัญอันประณีตสองกล่องวางลงบนโต๊ะ หลังจากกวาดมองพระชายาแวบหนึ่ง มีเจตนาอันลึกซึ้งแลบผ่านแววตา แล้วเดินออกจากห้องโถงหน้าอย่างเงียบๆพระชายาอ๋องต
พระชายาอ๋องติ้ง “...”เสียวฉู่ยังนั่งอยู่ข้างๆ มีคนนอกอยู่ เขากลับพูดคำพูดยั่วยวนเช่นนี้อย่างโจ่งแจ้ง ทำให้พระชายาอ๋องติ้งเขินอายจนหน้าแดงทันทีทั้งอายทั้งโมโหทั้งเก็บอารมณ์ ตั้งสติสองวินาที เขม่นเขาโดยตรง “ส่ายหัวไป!”พลันอ๋องติ้งหดคอ ตบก้น หอบร่างกายที่กลมป่องเหมือนลูกบอลวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วแล้วฉู่เชียนหลี : คนนั่งอยู่ในห้องโถง จู่ๆ ก็รู้สึกเลี่ยนมากคาดคิดไม่ถึงว่ารูปแบบการใช้ชีวิตร่วมกันของคู่สามีภรรยาอ๋องติ้งจะกลมกลืนเช่นนี้ ร่าเริงเช่นนี้ สามีภรรยาคู่นี้มองข้ามชื่อเสียงและผลประโยชน์ ร่าเริงอัธยาศัยดี โหงวเฮ้งของใบหน้านั้นแลดูมีบุญวาสนาโดยธรรมชาตินางเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม “พี่สี่เก่งจริงๆ”“เก่งอะไร?”หยอกล้อเก่งอยู่กับผู้ชายที่อารมณ์ขันเช่นนี้ ชีวิตเต็มไปด้วยความสุข เป็นวันแห่งความรักทุกวัน“เจ้าไม่รู้หรอกว่าเขาหน้าด้านแค่ไหน แค่วันนี้เจ้าอยู่ ตอนที่เจ้าไม่อยู่ เขาไร้ยางอายยิ่งกว่านี้อีก” พระชายาอ๋องติ้งกล่าวอย่างรังเกียจ “จริงๆ แล้วเขามีความรู้เต็มหัว เพียงแต่ไม่ได้ใช้ให้ถูกที่ แต่พอจัดการข้ามาเป็นชุดเป็นชุดเลย”พูดถึงตรงนี้ ดวงตาของนางเป็นประกายอย่างอยากรู้อยากเห็น
ท้ายที่สุด หัวข้อสนทนานี้จบลงด้วย ‘การตำหนิพฤติกรรมที่รุนแรงของอ๋องเฉิน’ ส่วนเฟิงเย่เสวียนที่กำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือจามอย่างแรงไปหนึ่งทีคนนั่งอยู่ในบ้าน มีเรื่องมาหาถึงที่หลังจากนั้นสองชั่วยามทั้งสองเล่นก็เล่นแล้ว คุยก็คุยแล้ว กินก็กินแล้ว ว่าก็ว่าแล้ว เมื่อเริ่มสายแล้ว จึงจะบอกลากันออกจากจวนอ๋องติ้ง ขึ้นรถม้าที่กลับจวน“พระชายา” อวิ๋นอิงก้มหน้าเดินตามออกมาตลอดทาง นางเดินไปที่ข้างหน้าต่างของรถม้า ลดเสียงเบาเป็นพิเศษ“เมื่อครู่ข้าฉวยโอกาสแอบเข้าไปในห้องหนังสือ ห้องหนังสือของอ๋องติ้งมีแต่วัตถุโบราณ ภาพอักษรและตำราอาหาร ไม่มีอะไรน่าสงสัยเจ้าค่ะ”ห้องหนังสือเป็นสถานที่ทำงานส่วนบุคคล เป็นสถานที่ที่มีความลับมากที่สุดถ้าหากที่นี่ไม่มีความน่าสงสัย เว้นแต่จะซ่อนได้ดีมากๆ หรือไม่มีความน่าสงสัยจริงๆสำหรับเรื่องนี้ ฉู่เชียนหลีเชื่ออย่างหลัง อ๋องติ้งบริสุทธิ์“กลับเถอะ” นางพิงอยู่บนเบาะนุ่ม หลับตาลง “ให้จิ่งอี้ไปตรวจสอบใหม่”“เจ้าค่ะ”สาวใช้ทั้งสองคนขานรับ คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวา เดินตามอยู่ข้างรถม้าทันใดนั้น ภายในรถม้า เสียงสูดอากาศสายหนึ่งดังขึ้น“ซี้ด…”“พระชายา ท่านเป็นอ
ช่วงบ่ายฉู่เชียนหลีกลับถึงจวน เอายาให้อวิ๋นอิงหนึ่งขวด ให้อวิ๋นส่งไปที่จวนอ๋องหลี หลังจากนั้นบิดขี้เกียจ เดินไปที่เรือนหานเฟิงอย่างเกียจคร้านพร้อมกับลูบท้องเพิ่งจะสามเดือนกว่า ท้องกลับใหญ่มาก และหนักมากนางลูบหนังท้องพร้อมกับครุ่นคิดในใจ : หนึ่งวันกินข้าวหกชาม หนึ่งมื้อกินสามชาม กินตามนี้ต่อไป ท้องจะไม่ใหญ่จนระเบิดหรือ?ดูเหมือนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้องลดอาหารให้เหมาะสมจึงจะถูกไม่เช่นนั้นรอคลอดลูกแล้ว นางก็อ้วนเป็นหมูที่หนักสองร้อยชั่งแล้วกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นได้ยินเสียงที่รีบร้อนเล็กน้อยสายหนึ่ง“พระชายา!”ฉู่เชียนหลีเงยหน้า เห็นเป็นหานอิ๋งเพียงแต่นางยืนอยู่หลังภูเขาจำลอง กระบี่ที่ถืออยู่ในมือกำแน่นแล้วคลายออก แล้วกำแน่นไม่หยุด ริมฝีปากก็เม้มสี่ห้าครั้งไม่หยุด ท่าทางเหมือนอยากพูดแต่ก็ลังเล“มีอะไรหรือ?” ฉู่เชียนหลีถามด้วยความสงสัยมีเรื่องอะไรไม่ไปหาเฟิงเย่เสวียน ต้องมาหานาง?“พระชายา ข้า…ข้ามีคำพูดหลายคำไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด…ข้า…” หานอิ๋งหันมองโดยรอบเป็นระยะ เหมือนกังวลมากฉู่เชียนหลีเห็นท่าทางนี้ของนาง คิดแล้วคิดอีก อุ้มท้องแล้วเดินไปที่ด้านหลังภูเขาจำลอ
ลูกไม่มีแล้ว สามารถตั้งครรภ์ใหม่และคลอดใหม่แต่เมื่อไรที่คลอดเด็กพิการ ถูกคนมีใจใช้ประโยชน์ เสียชื่อแล้ว เช่นนั้นราชบัลลังก์ก็ไม่มีแล้วเมื่อไม่มีราชบัลลังก์แล้ว ก็แสดงว่าแพ้แล้วเมื่อไรที่นายท่านแพ้แล้ว ก็ไม่สามารถแก้แค้นให้เซียวกุ้ยเฟย ยังจะถูกพี่น้องคนอื่นกีดกันและหาเรื่อง ถึงเวลา นายท่านที่ไม่มีอำนาจที่เพียงพอในมือจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยิ่งอันตรายถึงชีวิตผิดหนึ่งก้าว ผิดทุกก้าวความแตกต่างและรายละเอียดในนี้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!ฉู่เชียนหลีฟังมาถึงตรงนี้ ถอยหลังอย่างตะลึงงันเล็กน้อยหนึ่งก้าวถ้าหากนี่คือเหตุผล มันก็เพียงพอจริงๆ แต่นางไม่กล้าเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ นางไม่เชื่อว่าเฟิงเย่เสวียนจะทำเช่นนี้“หากเด็กไม่แข็งแรง วันข้างหน้าข้าพาเขาไปจากจวนอ๋องเฉินก็สิ้นเรื่อง”“เรื่องมันไม่ได้ง่ายเช่นนั้นน่ะสิ พระชายา!” หานอิ๋งเม้มปากที่ขมขื่น “นายท่านชอบท่าน ไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่นอน”“ท่านยังจำช่วงที่เพิ่งกลับมาจากเมืองตงหนิง เรื่องที่ข้าอาศัยช่วงที่ท่านนอนหลับ แอบเข้าห้องเพื่อตรวจชีพจรให้ท่านได้หรือไม่? ตั้งแต่ตอนนั้น นายท่านก็ได้วางแผนเรื่องเอาเด็กออกแ
เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้วขมวดคิ้ว แม้ไม่รู้ว่านางเอาคำพูดนี้มาจากที่ใด แต่เขาถามใจตนเอง แต่งงานกันเกือบหนึ่งปีแล้ว เขาปฏิบัติต่อนางอย่างไร นางจะไม่รู้หรือ?“วันๆ ในสมองคิดอะไรอยู่กันแน่?” ตำหนิเสียงเบา “ต่อไปพูดเช่นนี้อีก ข้าจะโกรธแล้ว”อุ้มนางขึ้น วางลงบนเตียง“นอนเสริม!”“ข้าไม่ง่วง”ตอนนี้ในใจฉู่เชียนหลีเต็มไปด้วยเรื่องที่ยุ่งเหยิง ไม่มีกะจิตกะใจนอน“ไม่ง่วงก็กินยาเสีย”เฟิงเย่เสวียนเดินไปที่ข้างโต๊ะ เทน้ำหนึ่งแก้ว นำกล่องไม้สี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือออกมา แล้วหยิบลูกกลอนสีน้ำตาลเข้มหนึ่งเม็ดส่งให้นางยานี่…ฉู่เชียนหลีหลุบตามอง คำพูดที่หานอิ๋งพูดลอยเข้ามาในสมองทันทีแม้ยานี้มีส่วนผสมของสมุนไพรล้ำค่ามากมาย มูลค่าไม่สามารถประเมิน แต่เมื่อนางดม ก็ได้กลิ่นที่พิเศษสายหนึ่งหญ้าฝรั่นสมุนไพรกระตุ้นเลือด แม้เป็นยาบำรุง แต่คนมีครรภ์กินแล้ว กลับสามารถส่งผลให้แท้งบุตรได้“นี่คือยาอะไร?” นางรับมา กล่าวถามอย่างสงบ“บำรุงครรภ์” เฟิงเย่เสวียนส่งแก้วน้ำให้นางฉู่เชียนหลีได้ยินคำว่าบำรุงครรภ์ นางหัวเราะแล้ว “ราชบัลลังก์กับข้า ใครสำคัญกว่ากัน?”คำถามที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้เฟิงเย่
ทันใดนั้น เฟิงเย่เสวียนเหมือนถูกบีบคอ มองดูเม็ดน้ำตาตรงหางตาของฉู่เชียนหลี เหมือนมีอะไรบางอย่างหายไปจากหัวใจกะทันหันเป็นสิ่งของที่เลื่อนลอย สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเขา เขาอยากรีบคว้าเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถคว้าอะไรได้เลยไม่…พริบตานั้น ราวกับหยุดนิ่งเหมือนว่าวินาทีต่อมาก็จะหายไปตลอดกาลไม่!มองดูยาเม็ดนั้นกำลังจะเข้าปาก เฟิงเย่เสวียนคว้าข้อมือนางกะทันหัน แล้วตบยาเม็ดนั้นทิ้ง “มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”เขารู้สึกได้แล้ว“ฉู่เชียนหลี มีบางอย่างไม่ถูกต้องใช่หรือไม่!” เขาถามเสียงดังอย่างร้อนรนเมื่อก่อนนางไม่เคยถามคำถามอย่าง ‘ราชบัลลังก์กับข้า ใครสำคัญกว่ากัน’ ไม่เคยใช้สายตาที่หัวเราะจนน้ำตาเล็ดเช่นนี้มองเขา และไม่เคยพูดคำพูดที่เด็ดขาดเช่นนี้กับเขาต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่นอนยา!ยานี่!เฟิงเย่เสวียนเก็บยาสีน้ำตาลเข้มเม็ดนั้นขึ้นมา กำอยู่ในฝ่ามือ กดไหล่ของฉู่เชียนหลีอย่างร้อนรน“บอกข้ามา! มีคำพูดอะไร เรื่องอะไร บอกข้าทั้งหมด!”เกิดเรื่องอะไร หรือเขาไม่รู้?ยานี้เขานำมาเองกับมือ ส่วนผสมที่อยู่ในยาเม็ดนี้ เขาจะไม่รู้หรือ?น่าขำน่าขำจริงๆฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นอย
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว
จวินลั่วยวนพูดโกหกหน้าตาย ฉวยโอกาสใส่ความฉู่เชียนหลีด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆ“อ๋องเฉินไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจหรือ?”“เจ้าเป็นแม่ที่มีลูกถึงสองคนแล้ว ไม่รู้จักคำว่า ‘ยางอาย’ เลยหรือ?”“เจ้าสำส่อนจัง!”สายตายฉู่เชียนหลีเย็นลง เดินไปที่ตรงหน้านางจู่ๆ ก็เข้าใกล้กลิ่นอายอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามากะทันหัน ทำเอาจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่สามารถควบคุม หลังจากตั้งสติได้ สีหน้าบูดบึ้งทันทีนางกลัวฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ไม่!เป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีจ้องนาง “เสด็จพี่สามของเจ้าป่วยหนัก เขาขอให้ข้าช่วย ข้าจึงแสดงความเมตตา ประคองเขาไปที่โรงหมอ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี ข้าไม่สนใจเขาก็สิ้นเรื่อง”เมื่อสิ้นเสียง เดินไปที่ข้างกาย คลายจุดชีพจรที่สกัดไว้เมื่อครู่“อ่า!”ทันใดนั้น ลมปราณของเขาไหลเวียน สีหน้าเปลี่ยนฉับ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างเจ็บปวด หอบหายใจอย่างทรมานเมื่อจวินลั่วยวนเห็นแล้วเลิกคิ้ว“เจ้าช่วยเขา? น่าขำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพิศวาสในความงามของเขา”นางสั่งให้ซวงซวงเขียนจดหมายให้เสด็จพี่สาม คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่สาม
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ
สงครามนำไปสู่ความวุ่นวายพริบตาเดี๋ยวก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว“รายงาน…”ทหารส่งสารวิ่งเข้าตำหนัก คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวรายงานด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “ทูล ทูลฝ่าบาท เมืองเจียหนาน…ถูกยึดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเหล่าขุนนางเปลี่ยนฉับพลันบนราชบัลลังก์ เฟิงเจิ้งหลีได้ยินข่าวนี้ สีหน้าสงบ เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงียบหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวอย่างเรียบเฉย“ฮืม”ทหารส่งสารหวาดกลัว กองทัพของอ๋องเฉินมาอย่างดุดัน และโจมตีกะทันหัน บุกโจมตีอย่างดุเดือด เมืองเจียหนานต้านไม่ไหว แค่คืนเดียวก็ถูกยึดแล้วเหล่าขุนศึกกล่าวอย่างร้อนใจ“เมืองเจียหนานขุดเหมืองมากมาย แร่เหล่าหลายหมื่นชั่งล้วนอยู่ที่นั่น หากไม่มีแร่เหล็ก อาวุธของเราก็จะลดลงอย่างมาก เมื่อเกิดการสู้รบ ก็เหมือนกับแม่ครัวไม่มีข้าวให้หุง…”ไม่มีอาวุธจะได้อย่างไร?“เหตุใดอ๋องเฉินโดดข้ามสองเมือง โจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน?”“ไม่มีเหตุผลเลย!”“ใช่”“เมืองมากมายไม่โจมตี ดันไปโจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน…”เหล่าขุนนางเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ถกเถียงเรื่องนี้กันเบาๆ คนละหนึ่งประโยค บรรยากาศวุ่นวายไปหมดเฟิงเจิ้งหลีหลุบตาเล็กน้อย
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข