เมืองหลวง บนถนน ผู้คนสัญจรไปมา เจริญรุ่งเรือง คึกคักครึกโครม เสียงต่างๆ มาบรรจบกัน กลายเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาต่างๆ นานา“เนื้อจ้า!”“ซาลาเปาจ้า!”“ซาลาเปาไส้เนื้อจ้า!”เสียงตะโกนขายของดังไปทั่ว บรรยากาศคึกคักฉู่เชียนหลีกับพระชายาอ๋องติ้งเคียงข้างกัน เดินไปตามถนน ดูตรงนี้ เข้าไปเบียดตรงนั้น พลางสนทนากันไปด้วย มีชีวิตชีวามากเดินผ่านแผงขายขนมร้านหนึ่ง“ปลาแห้งนั่นกลิ่นหอมใช้ได้ พี่อวี๋ ท่านคิดอย่างไร?”“อ๋องเฉินไม่อนุญาตให้เจ้ากินของเผ็ดไม่ใช่หรือ?”“ข้าไม่ลองชิมดู จะรู้ได้อย่างไรว่าเผ็ดหรือไม่เผ็ด? เถ้าแก่ เอาให้พวกเราหนึ่งห่อ”พระชายาอ๋องติ้ง “...”เหมือนมีเหตุผลมากเดินผ่านร้านค้าที่ขายเสื้อผ้าเด็กโดยเฉพาะแห่งหนึ่ง เดินดูหนึ่งรอบ ซื้อเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงสิบกว่าชุด“เหตุใดจึงเป็นของผู้หญิงทั้งหมด? หากเป็นผู้ชายล่ะ?”“ข้าชอบกินเผ็ด เปรี้ยวผู้ชายเผ็ดผู้หญิง”“นี่ล้วนเป็นข่าวลือในหมู่ชาวบ้าน เชื่อไม่ได้ ฮ่องเต้คาดหวังเด็กที่ออกมาจากท้องเจ้าเป็นองค์ชายคนโตของราชวงศ์นะ เจ้าไม่คลอด ใครจะคลอด?”“ท่านคลอด”“...”เดินมาตลอดทาง ในมือเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงหิ้วของเต็มไปหมด เด็กผ
ขอทานที่อยู่โดยรอบรีบรุมล้อมเข้ามา แต่ละคนมองฉู่เชียนหลีอย่างซาบซึ้ง ในดวงตาชุ่มไปด้วยน้ำตาพวกเขาบางคนป่วยหนัก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บางคนครอบครัวแตกแยก ไม่เหลืออะไร บางคนไร้ญาติไร้คนรู้จัก ถูกบีบให้เป็นขอทาน หรือบางคนพิการ…เร่ร่อนอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีบ้าน ได้กินข้าวมื้อนี้ มื้อต่อไปจะกินอย่างไรก็ยังไม่รู้อ๋องเฉินเป็นคนมอบความช่วยเหลือและเงินแก่พวกเขา ช่วยให้พวกเขามีบ้านอยู่ ช่วยให้พวกเขามีงานทำ ทำให้พวกเขามีที่อยู่อาศัยและที่ยืนบุญคุณเช่นนี้ เหมือนบิดามารดาอีกคน“พระชายาอ๋องเฉิน ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือพวกเรา พวกเราจะจดจำไปตลอดชีวิต!”“พระชายาอ๋องเฉิน ท่านกับอ๋องเฉินเป็นคนดีจริงๆ…”“ใช่แล้ว…”พวกเขาซาบซึ้งมากฉู่เชียนหลีไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และยังได้รับผลงานไปโดยไม่ต้องทำอะไร รู้สึกละอายใจเล็กน้อย“ทุกคนกล่าวหนักแล้ว” นางยกสองมือขึ้น ให้ทุกคนเงียบแล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นราษฎรของแคว้นตงหลิง พวกเจ้าสามารถเชื่อในบ้านเมือง เชื่อในฝ่าบาทเสมอ ฝ่าบาทรักราษฎรเหมือนรักลูก ไม่ว่ากับใครก็จะไม่นั่งนิ่งดูดายแน่นอน”ต่อหน้าทุกคน คำพูดที่ถ่อมตนของนางกล่าวได้ดีมาก ผลักผลงานทั้งห
เดิมทีก็ไม่ใช่สถานที่กว้างใหญ่อยู่แล้ว เจ้าเดินมา ข้าเบียดไป ไม่รู้ว่าใครไม่ระวังชนโดนประตู เสาบ้านที่ไม่มั่นคงล้มลงฉับพลันเอี๊ยด…“ระวัง!”เสาบ้านที่หนาใหญ่เป็นพิเศษบอกล้มก็ล้มเลย ยิ่งกว่านั้นล้มทับมาทางฉู่เชียนหลีเกิดเรื่องกะทันหัน ทุกคนต่างตกใจ แทบลืมตอบสนองในช่วงความเป็นความตาย ร่างเงาหลายสายพุ่งเข้ามาโดยไม่สนใจตนเอง“เสียวฉู่!”“พระชายา!”“พระชายา!”ปัง!เสาบ้านขนาดใหญ่ล้มทับลงมาตามแรงเฉื่อย น้ำหนักเกือบสองร้อยชั่ง กระแทกลงบนร่างกายคน เสียงที่อึกทึกดังขึ้นฉู่เชียนหลีเงยหน้ามอง เห็นคนที่ขวางอยู่ข้างหลังคือพระชายาอ๋องติ้งสองมือที่ชูสูงของนางยันเสาบ้านไว้ ฝ่ามือถูกกระแทกจนเลือดออก สีหน้าซีดเซียว และยังมีเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง พวกนางช่วยกันออกแรงยันเสาบ้านไว้คนที่ยิ่งคาดคิดไม่ถึงคืออ๋องหลี!เขาก็อยู่เช่นกัน!เสาที่หนักอึ้งไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงผู้หญิงสองสามคนสามารถรับไว้ เขายืนอยู่บนบันได ใช้แผ่นหลังของตนเองแบกน้ำหนักที่หนักอึ้งไว้ มือสองข้างที่กางออกปกป้องฉู่เชียนหลีไว้ใต้ร่าง เหมือนนกอินทรีที่กำลังปกป้องลูกมาก แบกรับความอันตรายไว้ทั้งหมด ภายใต้ปีกของเขา เพียงพอที่จ
ข่าวเสาบ้านล้ม เกือบทับโดนพระชายาอ๋องเฉินแพร่กระจายออกไป สร้างความฮือฮาไม่น้อย ใครไม่รู้บ้างว่าในท้องพระชายาอ๋องเฉินตั้งครรภ์ทายาทราชวงศ์?หากไม่มีทายาทราชวงศ์แล้ว ใครได้รับผลประโยชน์มากที่สุด?นี่คืออุบัติเหตุหรือวางแผนไว้ก่อน?ชั่วขณะ ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์…จวนอ๋องเฉินเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บในระดับที่ต่างกัน พักผ่อนอยู่ในห้อง แต่เนื่องจากปกป้องพระชายาได้ไม่ดี จึงโทษตัวเอง ไม่สบอารมณ์อย่างมากสองมืออวิ๋นอิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล รู้สึกลึกๆ ว่าตนเองนั้นไร้ประโยค“ครั้งก่อน ข้าถูกรัชทายาทจับตัว พระชายาเป็นคนช่วยข้า แต่ข้ากลับปกป้องความปลอดภัยของนางได้ไม่ดี…”นางกุมศีรษะอย่างรู้สึกผิด พึมพำเสียงเบา“ไม่ควรออกไป ไม่ควรตามพระชายาอ๋องติ้งออกไป…ตอนที่คุณชายจิ่งส่งจดหมายลับมา ข้าก็ควรระวังพระชายาอ๋องติ้งแล้ว…”“พระชายาอ๋องติ้งก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือนางเสมอไป ตอนนั้น นางก็วิ่งออกไปปกป้องพระชายา บางทีคนร้ายอาจเป็นคนอื่น” เยว่เอ๋อร์กล่าว มือของนางก็บาดเจ็บเช่นกัน ถูกพันด้วยผ้าพันแผลหนาๆในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พระชายาถูกท่านอ๋องปกป้องอย่างดี ประตูใหญ่ไม่อ
ตอนพูด เขาดึงอวิ๋นอิงเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เหมือนกำลังทำตามหน้าที่ แค่มาส่งยาเท่านั้นดวงตาอวิ๋นอิงกลับโค้งงอ พลันยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้นยืน“เยว่เอ๋อร์ ข้านึกขึ้นได้กะทันหันว่ายังมีเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้ทำ ข้ากลับห้องก่อนแล้ว”พูดจบก็ไปแล้ว ทิ้งให้เยว่เอ๋อร์กับหานเฟิงอยู่กันสองคนเยว่เอ๋อร์รับยาไว้ “ขอบคุณมาก”วางไว้บนโต๊ะ อีกเดี๋ยวค่อยใช้กล่าวขอบคุณ เก็บยาเสร็จ เงยหน้าเห็นหานเฟิงยังยืนอยู่ ไม่มีท่าทีที่จะไป จึงอดไม่ได้จะตะลึงงันครู่หนึ่ง“ใต้เท้าหานเฟิงยังมีเรื่องอะไรหรือ?”หานเฟิงชะงัก คำพูดห่วงใยหลายประโยคมาถึงปลายลิ้น ยึกยักไม่กล้าพูดออกมา กำหมัดแน่นอย่างเขินอายพักหนึ่ง หมุนกายก็จากไปด้วยความอัดอั้นอยากพูดแต่พูดไม่ออกไม่พูดก็อัดอั้นพูดก็ไม่ค่อยกล้าไม่พูดก็อัดอั้นอีกหงุดหงิด!เยว่เอ๋อร์ “?”เกาศีรษะ มองแผ่นหลังเขาแวบหนึ่ง แล้วมองยาบนโต๊ะ เยว่เอ๋อร์งงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!ทำตัวแปลกๆ!โรงหมอเป้าฟู่หลังจากเกิดเรื่องสองชั่วยาว เฟิ่งหรานบอกเรื่องที่ตรวจสอบพบออกมาทีละอย่าง เรื่องเสาบ้านล้มมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับอ๋องเฟิงและอ๋องเจวี๋ย เป็นหนึ่ง
จางเฟยโกรธมาก อยากฆ่าอ๋องเจวี๋ยโดยตรง จึงจะสามารถระบายความคับข้องใจนี้เป็นถึงลูกผู้ชายอกสามศอก กลับลงมือกับผู้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งโหดเหี้ยมเช่นนี้ มันใช่ลูกผู้ชายหรือ?เฟิ่งหรานเกลี้ยกล่อมให้เขาใจเย็นๆ ทำอะไรต้องพิจารณาถึงผลที่ตามมา ยิ่งกว่านั้นจางเฟยเป็นหมอจางเฟยบอกว่าก่อนที่จะรู้จักคุณหนู เขาคือมือเบญจพิษที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ ตั้งแต่รู้จักคุณหนู ถูกบังคับให้เป็นหมอ ธรรมชาติของเขานั้นอำมหิตมากเถียงกันไปเถียงกันมา ไม่ได้ผลสรุปเสียที จิ่งอี้ยกเท้าจากไปกะทันหันคนทั้งกลุ่มหันไปมอง “?”ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไปโดยไม่พูดสักคำทั้งเช่นนี้แล้ว?ทั้งคู่ก็ไม่เถียงกันแล้ว คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวาวิ่งไปข้างกายจางขาเป๋ “เหล่าจาง เจ้ามีความคิดเยอะ เจ้าลองพูดดูว่าควรจะแก้แค้นให้คุณหนูอย่างไร?”จางขาเป๋หลับตา พลางลูบเคราสีขาวไปด้วย พลางกล่าวอย่างลึกล้ำ“สำนักอู๋จี๋อยากยื่นมือเข้าไปยุ่ง แค่ต้องมีสถานะที่เหมาะสม เรื่องนี้ไม่ได้ยาก”“ฮืม?” ทั้งคู่เกิดความอยากรู้อยากเห็น“ควรจะทำอย่างไร จึงจะสามารถให้อิทธิพลของยุทธภพ แทรกแซงเรื่องของราชวงศ์อย่างทำนองคลองธรรม และยังจะไม่ถูกฝ่าบาทจงใจหาเรื่อง?”
เยว่เอ๋อร์ตะลึงงัน “อะไรคืออาศัยข้าเสพสุข?”เหตุใดนางจึงไม่ค่อยเข้าใจคำพูดนี้?อวิ๋นอิงยกสองมือของตนเองขึ้น “นี่ไง!”หานเฟิงตั้งใจมาส่งยาให้เยว่เอ๋อร์ นี่ก็พึ่งบารมีของเยว่เอ๋อร์ไม่ใช่หรือ จึงจะสามารถใช้ยาที่ดีเช่นนี้?เยว่เอ๋อร์เกาศีรษะ ยังคงไม่เข้าใจความหมายของอวิ๋นอิงอวิ๋นอิงเพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้พูดอะไรมากผู้เล่นมักอ่านเกมไม่ออก ผู้ชมมักอ่านเกมขาด ตนเองไม่เข้าใจ พูดมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์“นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบพักผ่อน ข้ากลับแล้ว” อวิ๋นอิงตบไหล่ของเยว่เอ๋อร์ ลุกขึ้นกลับห้องเพิ่งผลักประตูออก ก็ได้กลิ่นเย็นๆ สายหนึ่งเมื่อเงยหน้ามองไปภายในห้องที่เรียบง่ายและมืดสลัว ร่างเงาสีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาด ชายคนนั้นกลมกลืนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดสลัว แทบเห็นใบหน้าที่สุขุมและเย็นชาไม่ชัดเจนชายคนนั้นเงยหน้า ดวงตาสีเข้มเป็นประกาย เหมือนมีกลิ่นคาวเลือดที่มองไม่เห็นสายหนึ่งปะทะหน้าอวิ๋นอิงพลันอวิ๋นอิงแน่นหน้าอก จะถอยออกจากห้องโดยไม่รู้ตัวแต่ชายคนนั้นพุ่งเข้ามาคว้าแขนดึงนางเข้าห้อง พลิกมือปิดประตู นางเซไปชนเข้ากับกำแพง ถูกชายคนนั้นยืนขวางอยู่ตรงมุมแคบๆ ของกำแพง
นิ้วมือที่เย็นเล็กน้อยของจิ่งอี้ค่อยๆ เลื่อนลงมา จากคางของนาง คอ ผ่านลูกกระเดือก แล้วค่อยๆ บีบคอที่ผอมแห้งราวกับแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็สามารถบีบจนหักโดยตรงเป็นหรือตายแค่พริบตาเดียว ร่างกายอวิ๋นอิงหดเกร็ง แผ่นหลังแข็งเหมือนกระดานไม้ แม้แต่หายใจก็ลำบากนางคลุกคลีอยู่ในสำนักยุทธ์ของบ้านตนเองตั้งแต่เด็ก นิสัยร่าเริง ตีต่อยกับเด็กผู้ชายมาโดยตลอด เคยเห็นคนมาทุกประเภทคนดี คนชั่ว ชอบเสแสร้ง ชอบเปรียบเทียบ ต้องการเป็นที่หนึ่งตลอด…แต่ไม่เคยใกล้ชิดกับคนที่อันตรายอย่างเขา บางทีอาจเพราะอยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคย สัญชาตญาณของนางต้องการหนี…“อวิ๋น…”ข้างนอก เยว่เอ๋อร์มาแล้วหลังจากทายาเสร็จ มีเรื่องหนึ่งที่นางลืมบอกอวิ๋นอิง จึงตั้งใจแวะมา แต่เดินมาถึงหน้าประตู จากช่องของประตูกลับเห็น…คุณชายจิ่ง?!เป็นเขาจริงๆ!เขากับอวิ๋นอิง…สีหน้าเยว่เอ๋อร์เปลี่ยนไปทันที ขาทั้งสองข้างยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมฉับพลัน…ในเวลาเดียวกัน เรือนหานเฟิง ภายในห้อง กำลังแสดงฉากที่ประจันหน้ากันเฟิงเย่เสวียนกางขาทั้งสองข้างออก นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสุขุม ดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยราวกับนกอินทรีจ้องฉู่เชียนหลี เหมือนกับกำลั
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว
จวินลั่วยวนพูดโกหกหน้าตาย ฉวยโอกาสใส่ความฉู่เชียนหลีด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆ“อ๋องเฉินไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจหรือ?”“เจ้าเป็นแม่ที่มีลูกถึงสองคนแล้ว ไม่รู้จักคำว่า ‘ยางอาย’ เลยหรือ?”“เจ้าสำส่อนจัง!”สายตายฉู่เชียนหลีเย็นลง เดินไปที่ตรงหน้านางจู่ๆ ก็เข้าใกล้กลิ่นอายอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามากะทันหัน ทำเอาจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่สามารถควบคุม หลังจากตั้งสติได้ สีหน้าบูดบึ้งทันทีนางกลัวฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ไม่!เป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีจ้องนาง “เสด็จพี่สามของเจ้าป่วยหนัก เขาขอให้ข้าช่วย ข้าจึงแสดงความเมตตา ประคองเขาไปที่โรงหมอ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี ข้าไม่สนใจเขาก็สิ้นเรื่อง”เมื่อสิ้นเสียง เดินไปที่ข้างกาย คลายจุดชีพจรที่สกัดไว้เมื่อครู่“อ่า!”ทันใดนั้น ลมปราณของเขาไหลเวียน สีหน้าเปลี่ยนฉับ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างเจ็บปวด หอบหายใจอย่างทรมานเมื่อจวินลั่วยวนเห็นแล้วเลิกคิ้ว“เจ้าช่วยเขา? น่าขำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพิศวาสในความงามของเขา”นางสั่งให้ซวงซวงเขียนจดหมายให้เสด็จพี่สาม คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่สาม
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ
สงครามนำไปสู่ความวุ่นวายพริบตาเดี๋ยวก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว“รายงาน…”ทหารส่งสารวิ่งเข้าตำหนัก คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวรายงานด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “ทูล ทูลฝ่าบาท เมืองเจียหนาน…ถูกยึดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเหล่าขุนนางเปลี่ยนฉับพลันบนราชบัลลังก์ เฟิงเจิ้งหลีได้ยินข่าวนี้ สีหน้าสงบ เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงียบหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวอย่างเรียบเฉย“ฮืม”ทหารส่งสารหวาดกลัว กองทัพของอ๋องเฉินมาอย่างดุดัน และโจมตีกะทันหัน บุกโจมตีอย่างดุเดือด เมืองเจียหนานต้านไม่ไหว แค่คืนเดียวก็ถูกยึดแล้วเหล่าขุนศึกกล่าวอย่างร้อนใจ“เมืองเจียหนานขุดเหมืองมากมาย แร่เหล่าหลายหมื่นชั่งล้วนอยู่ที่นั่น หากไม่มีแร่เหล็ก อาวุธของเราก็จะลดลงอย่างมาก เมื่อเกิดการสู้รบ ก็เหมือนกับแม่ครัวไม่มีข้าวให้หุง…”ไม่มีอาวุธจะได้อย่างไร?“เหตุใดอ๋องเฉินโดดข้ามสองเมือง โจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน?”“ไม่มีเหตุผลเลย!”“ใช่”“เมืองมากมายไม่โจมตี ดันไปโจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน…”เหล่าขุนนางเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ถกเถียงเรื่องนี้กันเบาๆ คนละหนึ่งประโยค บรรยากาศวุ่นวายไปหมดเฟิงเจิ้งหลีหลุบตาเล็กน้อย
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข
จะไม่ขอพบอีก…อวิ๋นอิงกล่าวอย่างเด็ดขาดเด็ดเดี่ยว เฉียบขาดไร้ความรู้สึกใดๆ ในแววตาชีวิตที่เหลือ นางและเจี๋ยวเจี๋ยวพึ่งพากันและกัน ไม่คิดไม่ต้องการสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ถูกหรือผิดล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวชีวิตที่เหลือ อยู่เพื่อเจี๋ยวเจี๋ยวเท่านั้นฉู่เชียนหลีอ้าปาก ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่อวิ๋นอิงตัดสินใจไปแล้ว พูดมากมีแต่จะยิ่งทำให้นางรู้สึกต่อต้านถอนหายใจเบาๆช่างเถอะ!ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้กับเรื่องไม่คาดคิด อันไหนจะมาก่อนกัน“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าช่วยเจ้าอุ้มลูกออกไปก่อน แม่นมก็เตรียมไว้แล้ว เจ้าผอมเกินไป อย่าป้อนนมแม่เอง”น้ำนมหนึ่งหยด ก็คือเลือดหนึ่งหยดฉู่เชียนหลียุ่งเรื่องทางนี้เสร็จ เมื่อกลับถึงห้องก็ดึกแล้วหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายสิ้นสุดลง ไม่ง่ายเลยที่จะมีเวลาได้นอนกับเว่ยซีและจื่อเยี่ย ยังไม่ทันนอนลงไป ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนที่กลับมาไล่ออกไป เปลี่ยนเป็นเขามานอนกับนางแทนตั้งแต่กลับมา ยังไม่เคยได้นอนกับลูกชายและลูกสาวเพียงลำพังเลยถูกเขาไล่ออกไปทุกครั้งเขากล่าว“นี่เป็นเตียงของข้า”ค
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม