จูบเสร็จ สับขาก็ไปเลย ร่าเริงเหมือนกับนกน้อยที่บินออกจากกรง ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความสุขเพียงใดแล้วแม้สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนดูไม่ดีนัก แต่เห็นแก่จูบอันหอมหวนที่ส่งมาให้เองเหล่านี้ ไม่พอใจอย่างไรก็อดกลั้นไว้ กล่าวออกคำสั่งกับข้างนอก“หานเฟิง ติดตามให้ดี หากพระชายามีขนร่วงแม้แต่เส้นเดียว ข้าเอาเรื่องเจ้า!”“ขอรับ!”อวิ๋นอิงประคองฉู่เชียนหลี เดินไปที่ห้องโถงหน้า ยังเดินไปไม่ถึง เยว่เอ๋อร์ก็เดินเข้ามา“พระชายา คุณชายจิ่งส่งจดหมายลับมาเจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลีรับมา พลันเปิดอ่าน แววตาขรึมลงทันที“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” อวิ๋นอิงรู้สึกถึงความผิดปกติ กล่าวถามอย่างเป็นห่วงฉู่เชียนหลีถือจดหมายไว้ อ่านตัวอักษรสองแถวที่อยู่ข้างบน จากซ้ายไปขวา จากขวาไปซ้าย อย่างจริงจังห้ารอบเงยหน้า น้ำเสียงเคร่งขรึมเล็กน้อย“จิ่งอี้ตรวจพบว่าในวันงานเลี้ยง คนที่ช่วยเซียวจือฮว่าลักพาตัวข้าอาจจะเป็น…อ๋องติ้ง”“อะไรนะ?! อ๋อง…”เยว่เอ๋อร์อุทานเสียงดัง อวิ๋นอิงแม้ตกใจ แต่ปิดปากเยว่เอ๋อร์อย่างมีสติเรื่องนี้ไม่ควรเปิดเผย!อ๋องติ้งเป็นคนเปิดใจที่สุดในบรรดาองค์ชายเจ็ดคน กินดื่มทั้งวันทั้งคืน ไม่แย่งไม่ชิง ไม่มีเป้
เมืองหลวง บนถนน ผู้คนสัญจรไปมา เจริญรุ่งเรือง คึกคักครึกโครม เสียงต่างๆ มาบรรจบกัน กลายเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาต่างๆ นานา“เนื้อจ้า!”“ซาลาเปาจ้า!”“ซาลาเปาไส้เนื้อจ้า!”เสียงตะโกนขายของดังไปทั่ว บรรยากาศคึกคักฉู่เชียนหลีกับพระชายาอ๋องติ้งเคียงข้างกัน เดินไปตามถนน ดูตรงนี้ เข้าไปเบียดตรงนั้น พลางสนทนากันไปด้วย มีชีวิตชีวามากเดินผ่านแผงขายขนมร้านหนึ่ง“ปลาแห้งนั่นกลิ่นหอมใช้ได้ พี่อวี๋ ท่านคิดอย่างไร?”“อ๋องเฉินไม่อนุญาตให้เจ้ากินของเผ็ดไม่ใช่หรือ?”“ข้าไม่ลองชิมดู จะรู้ได้อย่างไรว่าเผ็ดหรือไม่เผ็ด? เถ้าแก่ เอาให้พวกเราหนึ่งห่อ”พระชายาอ๋องติ้ง “...”เหมือนมีเหตุผลมากเดินผ่านร้านค้าที่ขายเสื้อผ้าเด็กโดยเฉพาะแห่งหนึ่ง เดินดูหนึ่งรอบ ซื้อเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงสิบกว่าชุด“เหตุใดจึงเป็นของผู้หญิงทั้งหมด? หากเป็นผู้ชายล่ะ?”“ข้าชอบกินเผ็ด เปรี้ยวผู้ชายเผ็ดผู้หญิง”“นี่ล้วนเป็นข่าวลือในหมู่ชาวบ้าน เชื่อไม่ได้ ฮ่องเต้คาดหวังเด็กที่ออกมาจากท้องเจ้าเป็นองค์ชายคนโตของราชวงศ์นะ เจ้าไม่คลอด ใครจะคลอด?”“ท่านคลอด”“...”เดินมาตลอดทาง ในมือเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงหิ้วของเต็มไปหมด เด็กผ
ขอทานที่อยู่โดยรอบรีบรุมล้อมเข้ามา แต่ละคนมองฉู่เชียนหลีอย่างซาบซึ้ง ในดวงตาชุ่มไปด้วยน้ำตาพวกเขาบางคนป่วยหนัก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บางคนครอบครัวแตกแยก ไม่เหลืออะไร บางคนไร้ญาติไร้คนรู้จัก ถูกบีบให้เป็นขอทาน หรือบางคนพิการ…เร่ร่อนอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีบ้าน ได้กินข้าวมื้อนี้ มื้อต่อไปจะกินอย่างไรก็ยังไม่รู้อ๋องเฉินเป็นคนมอบความช่วยเหลือและเงินแก่พวกเขา ช่วยให้พวกเขามีบ้านอยู่ ช่วยให้พวกเขามีงานทำ ทำให้พวกเขามีที่อยู่อาศัยและที่ยืนบุญคุณเช่นนี้ เหมือนบิดามารดาอีกคน“พระชายาอ๋องเฉิน ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือพวกเรา พวกเราจะจดจำไปตลอดชีวิต!”“พระชายาอ๋องเฉิน ท่านกับอ๋องเฉินเป็นคนดีจริงๆ…”“ใช่แล้ว…”พวกเขาซาบซึ้งมากฉู่เชียนหลีไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และยังได้รับผลงานไปโดยไม่ต้องทำอะไร รู้สึกละอายใจเล็กน้อย“ทุกคนกล่าวหนักแล้ว” นางยกสองมือขึ้น ให้ทุกคนเงียบแล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นราษฎรของแคว้นตงหลิง พวกเจ้าสามารถเชื่อในบ้านเมือง เชื่อในฝ่าบาทเสมอ ฝ่าบาทรักราษฎรเหมือนรักลูก ไม่ว่ากับใครก็จะไม่นั่งนิ่งดูดายแน่นอน”ต่อหน้าทุกคน คำพูดที่ถ่อมตนของนางกล่าวได้ดีมาก ผลักผลงานทั้งห
เดิมทีก็ไม่ใช่สถานที่กว้างใหญ่อยู่แล้ว เจ้าเดินมา ข้าเบียดไป ไม่รู้ว่าใครไม่ระวังชนโดนประตู เสาบ้านที่ไม่มั่นคงล้มลงฉับพลันเอี๊ยด…“ระวัง!”เสาบ้านที่หนาใหญ่เป็นพิเศษบอกล้มก็ล้มเลย ยิ่งกว่านั้นล้มทับมาทางฉู่เชียนหลีเกิดเรื่องกะทันหัน ทุกคนต่างตกใจ แทบลืมตอบสนองในช่วงความเป็นความตาย ร่างเงาหลายสายพุ่งเข้ามาโดยไม่สนใจตนเอง“เสียวฉู่!”“พระชายา!”“พระชายา!”ปัง!เสาบ้านขนาดใหญ่ล้มทับลงมาตามแรงเฉื่อย น้ำหนักเกือบสองร้อยชั่ง กระแทกลงบนร่างกายคน เสียงที่อึกทึกดังขึ้นฉู่เชียนหลีเงยหน้ามอง เห็นคนที่ขวางอยู่ข้างหลังคือพระชายาอ๋องติ้งสองมือที่ชูสูงของนางยันเสาบ้านไว้ ฝ่ามือถูกกระแทกจนเลือดออก สีหน้าซีดเซียว และยังมีเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง พวกนางช่วยกันออกแรงยันเสาบ้านไว้คนที่ยิ่งคาดคิดไม่ถึงคืออ๋องหลี!เขาก็อยู่เช่นกัน!เสาที่หนักอึ้งไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงผู้หญิงสองสามคนสามารถรับไว้ เขายืนอยู่บนบันได ใช้แผ่นหลังของตนเองแบกน้ำหนักที่หนักอึ้งไว้ มือสองข้างที่กางออกปกป้องฉู่เชียนหลีไว้ใต้ร่าง เหมือนนกอินทรีที่กำลังปกป้องลูกมาก แบกรับความอันตรายไว้ทั้งหมด ภายใต้ปีกของเขา เพียงพอที่จ
ข่าวเสาบ้านล้ม เกือบทับโดนพระชายาอ๋องเฉินแพร่กระจายออกไป สร้างความฮือฮาไม่น้อย ใครไม่รู้บ้างว่าในท้องพระชายาอ๋องเฉินตั้งครรภ์ทายาทราชวงศ์?หากไม่มีทายาทราชวงศ์แล้ว ใครได้รับผลประโยชน์มากที่สุด?นี่คืออุบัติเหตุหรือวางแผนไว้ก่อน?ชั่วขณะ ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์…จวนอ๋องเฉินเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บในระดับที่ต่างกัน พักผ่อนอยู่ในห้อง แต่เนื่องจากปกป้องพระชายาได้ไม่ดี จึงโทษตัวเอง ไม่สบอารมณ์อย่างมากสองมืออวิ๋นอิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล รู้สึกลึกๆ ว่าตนเองนั้นไร้ประโยค“ครั้งก่อน ข้าถูกรัชทายาทจับตัว พระชายาเป็นคนช่วยข้า แต่ข้ากลับปกป้องความปลอดภัยของนางได้ไม่ดี…”นางกุมศีรษะอย่างรู้สึกผิด พึมพำเสียงเบา“ไม่ควรออกไป ไม่ควรตามพระชายาอ๋องติ้งออกไป…ตอนที่คุณชายจิ่งส่งจดหมายลับมา ข้าก็ควรระวังพระชายาอ๋องติ้งแล้ว…”“พระชายาอ๋องติ้งก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือนางเสมอไป ตอนนั้น นางก็วิ่งออกไปปกป้องพระชายา บางทีคนร้ายอาจเป็นคนอื่น” เยว่เอ๋อร์กล่าว มือของนางก็บาดเจ็บเช่นกัน ถูกพันด้วยผ้าพันแผลหนาๆในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พระชายาถูกท่านอ๋องปกป้องอย่างดี ประตูใหญ่ไม่อ
ตอนพูด เขาดึงอวิ๋นอิงเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เหมือนกำลังทำตามหน้าที่ แค่มาส่งยาเท่านั้นดวงตาอวิ๋นอิงกลับโค้งงอ พลันยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้นยืน“เยว่เอ๋อร์ ข้านึกขึ้นได้กะทันหันว่ายังมีเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้ทำ ข้ากลับห้องก่อนแล้ว”พูดจบก็ไปแล้ว ทิ้งให้เยว่เอ๋อร์กับหานเฟิงอยู่กันสองคนเยว่เอ๋อร์รับยาไว้ “ขอบคุณมาก”วางไว้บนโต๊ะ อีกเดี๋ยวค่อยใช้กล่าวขอบคุณ เก็บยาเสร็จ เงยหน้าเห็นหานเฟิงยังยืนอยู่ ไม่มีท่าทีที่จะไป จึงอดไม่ได้จะตะลึงงันครู่หนึ่ง“ใต้เท้าหานเฟิงยังมีเรื่องอะไรหรือ?”หานเฟิงชะงัก คำพูดห่วงใยหลายประโยคมาถึงปลายลิ้น ยึกยักไม่กล้าพูดออกมา กำหมัดแน่นอย่างเขินอายพักหนึ่ง หมุนกายก็จากไปด้วยความอัดอั้นอยากพูดแต่พูดไม่ออกไม่พูดก็อัดอั้นพูดก็ไม่ค่อยกล้าไม่พูดก็อัดอั้นอีกหงุดหงิด!เยว่เอ๋อร์ “?”เกาศีรษะ มองแผ่นหลังเขาแวบหนึ่ง แล้วมองยาบนโต๊ะ เยว่เอ๋อร์งงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!ทำตัวแปลกๆ!โรงหมอเป้าฟู่หลังจากเกิดเรื่องสองชั่วยาว เฟิ่งหรานบอกเรื่องที่ตรวจสอบพบออกมาทีละอย่าง เรื่องเสาบ้านล้มมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับอ๋องเฟิงและอ๋องเจวี๋ย เป็นหนึ่ง
จางเฟยโกรธมาก อยากฆ่าอ๋องเจวี๋ยโดยตรง จึงจะสามารถระบายความคับข้องใจนี้เป็นถึงลูกผู้ชายอกสามศอก กลับลงมือกับผู้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งโหดเหี้ยมเช่นนี้ มันใช่ลูกผู้ชายหรือ?เฟิ่งหรานเกลี้ยกล่อมให้เขาใจเย็นๆ ทำอะไรต้องพิจารณาถึงผลที่ตามมา ยิ่งกว่านั้นจางเฟยเป็นหมอจางเฟยบอกว่าก่อนที่จะรู้จักคุณหนู เขาคือมือเบญจพิษที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ ตั้งแต่รู้จักคุณหนู ถูกบังคับให้เป็นหมอ ธรรมชาติของเขานั้นอำมหิตมากเถียงกันไปเถียงกันมา ไม่ได้ผลสรุปเสียที จิ่งอี้ยกเท้าจากไปกะทันหันคนทั้งกลุ่มหันไปมอง “?”ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไปโดยไม่พูดสักคำทั้งเช่นนี้แล้ว?ทั้งคู่ก็ไม่เถียงกันแล้ว คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวาวิ่งไปข้างกายจางขาเป๋ “เหล่าจาง เจ้ามีความคิดเยอะ เจ้าลองพูดดูว่าควรจะแก้แค้นให้คุณหนูอย่างไร?”จางขาเป๋หลับตา พลางลูบเคราสีขาวไปด้วย พลางกล่าวอย่างลึกล้ำ“สำนักอู๋จี๋อยากยื่นมือเข้าไปยุ่ง แค่ต้องมีสถานะที่เหมาะสม เรื่องนี้ไม่ได้ยาก”“ฮืม?” ทั้งคู่เกิดความอยากรู้อยากเห็น“ควรจะทำอย่างไร จึงจะสามารถให้อิทธิพลของยุทธภพ แทรกแซงเรื่องของราชวงศ์อย่างทำนองคลองธรรม และยังจะไม่ถูกฝ่าบาทจงใจหาเรื่อง?”
เยว่เอ๋อร์ตะลึงงัน “อะไรคืออาศัยข้าเสพสุข?”เหตุใดนางจึงไม่ค่อยเข้าใจคำพูดนี้?อวิ๋นอิงยกสองมือของตนเองขึ้น “นี่ไง!”หานเฟิงตั้งใจมาส่งยาให้เยว่เอ๋อร์ นี่ก็พึ่งบารมีของเยว่เอ๋อร์ไม่ใช่หรือ จึงจะสามารถใช้ยาที่ดีเช่นนี้?เยว่เอ๋อร์เกาศีรษะ ยังคงไม่เข้าใจความหมายของอวิ๋นอิงอวิ๋นอิงเพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้พูดอะไรมากผู้เล่นมักอ่านเกมไม่ออก ผู้ชมมักอ่านเกมขาด ตนเองไม่เข้าใจ พูดมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์“นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบพักผ่อน ข้ากลับแล้ว” อวิ๋นอิงตบไหล่ของเยว่เอ๋อร์ ลุกขึ้นกลับห้องเพิ่งผลักประตูออก ก็ได้กลิ่นเย็นๆ สายหนึ่งเมื่อเงยหน้ามองไปภายในห้องที่เรียบง่ายและมืดสลัว ร่างเงาสีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาด ชายคนนั้นกลมกลืนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดสลัว แทบเห็นใบหน้าที่สุขุมและเย็นชาไม่ชัดเจนชายคนนั้นเงยหน้า ดวงตาสีเข้มเป็นประกาย เหมือนมีกลิ่นคาวเลือดที่มองไม่เห็นสายหนึ่งปะทะหน้าอวิ๋นอิงพลันอวิ๋นอิงแน่นหน้าอก จะถอยออกจากห้องโดยไม่รู้ตัวแต่ชายคนนั้นพุ่งเข้ามาคว้าแขนดึงนางเข้าห้อง พลิกมือปิดประตู นางเซไปชนเข้ากับกำแพง ถูกชายคนนั้นยืนขวางอยู่ตรงมุมแคบๆ ของกำแพง