จวนอ๋องเฉินตอนที่เซียวจือฮว่าฟื้น เห็นตนเองอยู่ในเรือนหมิงเยว่ อารมณ์ในตอนนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าดีใจมากแค่ไหนเอี้ยด…ทันใดนั้นประตูถูกเปิดออกจากข้างนอกเซียวจือฮว่าเห็นฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลงและแข็งกระด้างเล็กน้อย ชั่วขณะไม่ได้พูดอะไร แต่เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่าฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า หยุดอยู่หน้าเตียง ก้มมองนาง“ให้เจ้ากลับจวนอ๋องเฉินเป็นการตัดสินใจของข้า”อ๋องเฉินไม่ได้เอ่ยปากนางแค่ไม่อยากทำให้เฟิงเย่เสวียนลำบากใจประกายในแววตามืดลง ค่อยๆ ก้มหน้า กระชากโดนบาดแผลที่คอ ความเจ็บปวดบีบบังคับให้นางต้องเผชิญหน้ากับความจริงอย่างมีสติใช่แล้วความจริงนางสูญเสียอ๋องเฉินไปแล้ว…“เจ้าขโมยจี้หยก ร่วมมือกับรัชทายาทใส่ร้ายเขา เขาหาคนร้ายเจอ หลุดพ้นความผิด พ้นเคราะห์ครั้งนี้ แต่หากหาคนร้ายไม่เจอ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาจะมีจุดจบอย่างไร?” นางถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยยอมให้เซียวจือฮว่ากลับจวน ไม่ได้หมายความว่ารับนางเข้ามาแล้วครั้งนี้ เพราะเห็นแก่ถงเฟย เห็นแก่ตระกูลเซียว หากเซียวจือฮว่ายังหลงผิดงมงายทำเรื่องไม่ดีอีก นางจะไม่ปรานี“ข้ารู้…”เซียวจือฮว
หอบรรพชนที่นี่เป็นสถานที่เข้มงวดและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจวนอ๋อง บูชาป้ายวิญญาณของเซียวกุ้ยเฟยและคนทั้งตระกูลเซียว ป้ายวิญญาณทุกชิ้นบนโต๊ะได้รับการเช็ดอย่างสะอาดสะอ้าน ไม่มีฝุ่นแม้แต่นิดเดียว เครื่องสักการะที่สดใหม่เปื้อนหยดน้ำ ควันจางๆ ลอยออกมาจากธูปเทียนอย่างเชื่องช้าสงบ หนักแน่นเฟิงเย่เสวียนจุดธูปสามดอก ไหว้แล้วปักธูปลงในกระถางหันกลับไปมองเซียวจือฮว่าแล้วกล่าว“เจ้าสามารถอยู่ที่จวนอ๋องต่อ แต่เจ้าจำเป็นต้องสาบานต่อบรรพบุรุษของตระกูลเซียว จากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อตระกูลเซียว หักหลังข้า และเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อจวนอ๋องเฉิน ไม่เช่นนั้นห้าม้าแยกร่าง หมื่นกระบี่แทงใจ ไม่ได้ตายดี”เสียงที่เย็นชาและเด็ดขาดดังขึ้น คำสาบานที่โหดร้ายทำให้ร่างเซียวจือฮว่าสั่นสะท้านห้าม้าแยกร่าง…หมื่นกระบี่แทงใจ…เขาไม่เชื่อคำพูดของนาง จึงให้นางสาบานในใจเขา นางไม่น่าเชื่อใจสักนิดเลยหรือ?สีหน้านางซีดเล็กน้อย เม้มมุมปากแน่น หลังจากอึ้งอยู่สองสามวินาที จึงจะก้าวเท้าที่หนักอึ้งออกไปคุกเข่าลง ยกมือขวาขึ้น มองป้ายวิญญาณผู้อาวุโสของตระกูลเซียว กล่าวเสียงดัง“วันนี้ ข้าเซียวจือฮว่าข
นางเชื่อว่าทุกอย่างจะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า แต่โรคติดต่อนี่เพิ่งระบาดสามวัน ก็มีคนติดโรคหลายพันคนแล้วมันจะเร็วเกินไปหรือไม่?กะทันหันเกินไปหรือไม่?ทุกคนล้วนตั้งตัวไม่ทันแววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลง “เจ้าพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็กำลังจับตาดูอยู่เช่นกัน ได้สั่งให้รองแม่ทัพเจียงเดินทางไปตรวจสอบที่เมืองตงหนิงอย่างลับๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”โรคนี้มาแปลกๆ จริง“รัชทายาทเป็นคนขอไปเอง?” ฉู่เชียนหลีอยากรู้อยากเห็น “ได้ยินมาว่ายังไม่สามารถคิดค้นยารักษาโรคนี้ เขาไม่กลัวติดโรคหรือ?”รัชทายาทมีความชอบธรรมอย่างองอาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?หรือเกิดเรื่องลอบสังหารเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาอยากออกมาเอาหน้า แสดงผลงานต่อหน้าฮ่องเต้?เฟิงเย่เสวียนกล่าว “หานอิ๋งก็ไปเมืองตงหนิงแล้วเช่นกัน”หานอิ๋งกับหานเฟิงเป็นพี่น้องที่ติดตามเขาตั้งแต่เด็กหานเฟิงฝึกยุทธ์ วรยุทธ์สูงมาก ความมุ่งมั่นก็สูงมากเช่นกัน ส่วนหานอิ๋งมีทักษะการแพทย์ที่เหนือชั้น ทั้งสองล้วนเป็นผู้ช่วยที่พึ่งพาได้ของเขา“ข้าก็อยากไป”“?”เฟิงเย่เสวียนเงยหน้ากะทันหัน เหมือนหูฝาด แต่เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของฉู่เชียนหลี ข้าวในชามก็ไม่อร่อยทันทีตอน
“อดทนหน่อย ในไม่ช้าก็เร็วข้าจะมั่งคั่งในชั่วข้ามคืน!”“...”พึ่งนางคลอดลูกสิบคนทำมาให้ครอบครัวร่ำรวย?เลิกคิดไปได้เลยฉู่เชียนหลีรีบกินอาหารในชามให้หมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นไปเลือกของขวัญที่ค่อนข้างเหมาะสมหนึ่งชิ้นในห้องเก็บ หลังจากใส่เข้าไปในกล่องของขวัญ ก็ออกจากจวนแล้วเมืองหลวงบนถนน บรรดาชาวบ้านสัญจรไปมา คึกคักครึกโครม และหัวข้อสนทนาในหมู่ของพวกเขาไม่มีอะไรมากไปกว่า : โรคติดต่อ รัชทายาทพระมหากรุณาธิคุณ รัชทายาททรงมีความเมตตามาก…ต้องยอมรับว่า การกระทำนี้ของรัชทายาทได้ใจราษฎรจำนวนมากฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนเกี้ยว แบ่งเวลาว่างนำอุปกรณ์ตรวจสอบในกำไลเฉียนคุนออกมาพลันเมื่อดู สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยไวรัสกลายพันธุ์แล้ว!แต่ตอนนี้อยู่บนเกี้ยว ศึกษาอย่างละเอียดไม่ทัน ศึกษาขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาสองสามวัน จึงจำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน รอกลับจากจวนอ๋องเฟิงค่อยศึกษาโรคประหลาดนี้เพิ่งเก็บอุปกรณ์ตรวจสอบ หางตาเหลือบมองออกไปข้างนอกผ่านช่องว่างม่านหน้าต่างโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นคนกลุ่มใหญ่ล้อมวงส่งเสียงเอะอะโวยวาย หนวกหูมากและตำแหน่งที่พวกเขาล้อมไว้คือ…นั่นมันโรงหมอของนางไม่ใช่หรือ?“ห
คนทั้งกลุ่มเริ่มทะเลาะกัน เจ้าหนึ่งปาก ข้าหนึ่งปาก ส่วนชาวบ้านมุงดูเรื่องสนุกทะเลาะกันหนักมากในฝูงชน ฉู่เชียนหลีกวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง เดินไปยังตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง โผล่ศีรษะออกมาครึ่งหนึ่ง และกวักมือให้จิ่งอี้หน้าประตูโรงหมอ จิ่งอี้สังเกตเห็นอย่างตาดีพลันก้มหน้า จากไปอย่างเงียบๆหลังจากนั้นครู่หนึ่ง มารวมตัวกับฉู่เชียนหลีท่ามกลางเสียงเอะอะของฝูงชน“คุณหนู ท่านมาได้อย่างไร?”“เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่เชียนหลีใช้คางชี้ไปทางโรงหมอจิ่งอี้กล่าวอย่างกระชับได้ใจความ “หลายวันก่อน พวกเราทำตามที่ท่านบอก กว้านซื้ออ้ายเฉ่าหลายร้อยชั่งในราคาที่ต่ำมาก ตอนนี้เกิดโรคติดต่อ ชาวบ้านต้องการอ้ายเฉ่าอย่างเร่งด่วน กิจการโรงหมอของเราดีมาก”“หมอแก่พวกนั้นเลยอิจฉา”ภายใต้ความอิจฉา จึงมาใส่ความให้เสียชื่อเสียงอ้ายเฉ่าหลายร้อยชั่ง ขายจนหมด จำนวนเงินสองหมื่นตำลึง!ทั้งชีวิตของคนทั่วไปก็ไม่สามารถหาเงินได้มากเช่นนี้ พวกเขาย่อมอิจฉาเป็นเรื่องธรรมดาฉู่เชียนหลีจับคาง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง มีความคิด ‘คิดการใหญ่ต้องทำให้รากฐานมั่นคง แล้วค่อยสร้างความรุ่งโรจน์’เอ่ยปากกะทันหัน “แจกจ่ายอ้ายเฉ่าในโรงหมอให้ชาวบ้าน
“นี่…”หมอหลวงอ้าปาก ก็ตื่นตระหนกทันที มีเหงื่อเอ่อล้นออกมาจากหน้าผาก “นี่…”ร่างกายของเขาสั่นแล้ว ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร สายตาที่ปกปิดมองไปทางสาวใช้ที่ยืนอยู่ในห้อง อยากพูดแต่ก็ไม่พูดพระชายาอ๋องเฟิงรู้สึกขบขัน “ทำไม? มีอะไรที่ไม่สะดวกพูด หรือในท้องข้ามีเด็กสองคน?”“พระชายาอ๋องเฟิง…”หมอหลวงตกใจจนเกือบหัวใจวาย“พอแล้วๆ” พระชายาอ๋องเฟิงยกมือ “พวกเจ้าถอยออกไป”“เจ้าค่ะ” บรรดาสาวใช้ลุกขึ้นยืน หลังจากถอนสายบัวคำนับ ทุกคนถอยออกไป และปิดประตูห้อง เหลือเพียงพระชายาอ๋องเฟิงกับหมอหลวงสองคนหมอหลวงลดเสียงเบา จึงจะเอ่ยปาก“พระชายาอ๋องเฟิง ข้าน้อยตรวจชีพจรท่านอย่างละเอียดสี่รอบ…สี่รอบ…ชีพจรของท่านค่อนข้างเบา บางครั้งก็เหมือนไม่มี เกิดจากทารกในครรภ์ไม่มั่นคง ไม่…ไม่สามารถจับเส้นเลือดของทารก ตำแหน่งฝังตัวของทารกในท้องท่านผิดปกติ เกรงว่า…ไม่สามารถอยู่รอด…”คำพูดช่วงแรก พระชายาอ๋องเฟิงยังคงจับเล็บที่กลมมนอย่างยิ้มแย้มแต่เมื่อฟังถึงสี่คำสุดท้าย สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เสียงแสบแก้วหูเหมือนฟ้าผ่า“เจ้าพูดอะไรนะ!”ถึงขั้นกล้าแช่งนาง!“นี่เป็นครั้งแรกในรอบแปดปีที่ข้าตั้งครรภ์ จะคลอดไม
จวนอ๋องเฟิงพระชายาอ๋องเฟิงมีครรภ์ ทายาทผู้สืบทอดราชวงศ์ สิ่งสำคัญของบ้านเมือง ท่ามกลางสังคม เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ขุนนางบุ๋นบู๊นับร้อยและชนชั้นสูงของเมืองหลวงมาร่วมแสดงความยินดีคนที่มอบของขวัญก็มอบของขวัญ คนที่มาอวยพรก็มาอวยพรคึกคักมากภายในห้องโถงพ่อบ้านวิ่งเข้าวิ่งออกไม่หยุด ต้อนรับแขกสำคัญทุกท่าน ของขวัญที่ได้รับกองเต็มอยู่บนโต๊ะจนไม่มีที่วาง เหมือนกับภูเขาลูกเล็ก“สวรรค์มีตา อายุพระชายาอ๋องเฟิงใกล้ยี่สิบเจ็ดแล้ว ในที่สุดก็ตั้งครรภ์…”“นี่ต้องมาติดความโชคดีหน่อย”“ใช่แล้ว เฮ้อ ข้าคลอดลูกมาสามคน ล้วนเป็นผู้หญิง ท่านพี่ของข้าคาดหวังลูกชายทุกวัน คาดหวังจนผมขาวแล้ว…”บรรดาสตรีดื่มชาไปพลาง สนทนากันไปพลาง“พระชายาอ๋องเฉินมาถึงแล้ว…”นอกประตูห้องโถง เสียงรายงานของเด็กรับใช้ดังขึ้น ทุกคนหยุดชะงักพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างมองออกไปข้างนอกพร้อมกัน มองเห็นผู้หญิงร่างผอมบางสวมชุดสีขาว ถือกล่องของขวัญเดินมาแต่ไกลสิ่งแรกที่สังเกตเห็น หนีไม่พ้นใบหน้าที่อัปลักษณ์นั่นแต่ฉู่เชียนหลีถ่อมตนมาก ไม่มีท่าทีที่จะก่อปัญหา หลังจากวางของขวัญลง ก็เลือกที่นั่งตรงมุมนั่งลง ไม่ได้พูดอะไรมา
มีหรือที่ฉู่เชียนหลีจะไม่เข้าใจความหมายของนาง?นางนวดขมับเบาๆ เอียงศีรษะ แสร้งถามด้วยความสงสัย “ตัวตน? ตัวตนอะไร?”นางเหมือนไม่รู้อะไรเลย กล่าวถามอย่างอยากรู้อยากเห็น“หรือแม่ของท่านคบชู้กับผู้ชายข้างนอก ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ฝ่ายซ้าย?”“!”พลันสีหน้าฉู่เจียวเจียวเปลี่ยนสวรรค์!คำพูดเช่นนี้จะพูดส่งเดชไม่ได้!“อืม…ข้าเดาว่าท่านน่าจะอยากรู้เรื่องของอ๋องหลีกระมัง” ฉู่เชียนหลีเหมือนเข้าใจฉับพลัน “ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เมื่อวานอ๋องหลีบอกกับข้าว่า…”ความอยากรู้อยากเห็นของฉู่เจียวเจียวถูกกระชากออกมา ตอนที่กำลังเงี่ยหูฟัง พลันคำพูดฉู่เชียนหลีเปลี่ยนกะทันหัน“ไม่ได้พูดอะไร”“...”มองดูฉู่เชียนหลีที่คว้าเมล็ดแตงโมมาหนึ่งกำมือ เริ่มแทะอย่างสบายใจ สีหน้าฉู่เชียนหลีมืดจนน่าเกลียดจงใจ!นังแพศยาคนนี้จงใจแน่นอน!หรือนางไม่อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของนาง?ไม่อยากตามหามารดาผู้ใหญ่กำเนิดของตนเองหรือ?ตามที่คาดการณ์ : ฉู่เชียนหลีอยากรู้เบาะแสของมารดาผู้ให้กำเนิด จำเป็นต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งนางแต่โดยดี แต่เหตุใดท่าทางของฉู่เชียนหลีจึงเหมือนไม่ใส่ใจเล
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู