จวนอ๋องเฟิงพระชายาอ๋องเฟิงมีครรภ์ ทายาทผู้สืบทอดราชวงศ์ สิ่งสำคัญของบ้านเมือง ท่ามกลางสังคม เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ขุนนางบุ๋นบู๊นับร้อยและชนชั้นสูงของเมืองหลวงมาร่วมแสดงความยินดีคนที่มอบของขวัญก็มอบของขวัญ คนที่มาอวยพรก็มาอวยพรคึกคักมากภายในห้องโถงพ่อบ้านวิ่งเข้าวิ่งออกไม่หยุด ต้อนรับแขกสำคัญทุกท่าน ของขวัญที่ได้รับกองเต็มอยู่บนโต๊ะจนไม่มีที่วาง เหมือนกับภูเขาลูกเล็ก“สวรรค์มีตา อายุพระชายาอ๋องเฟิงใกล้ยี่สิบเจ็ดแล้ว ในที่สุดก็ตั้งครรภ์…”“นี่ต้องมาติดความโชคดีหน่อย”“ใช่แล้ว เฮ้อ ข้าคลอดลูกมาสามคน ล้วนเป็นผู้หญิง ท่านพี่ของข้าคาดหวังลูกชายทุกวัน คาดหวังจนผมขาวแล้ว…”บรรดาสตรีดื่มชาไปพลาง สนทนากันไปพลาง“พระชายาอ๋องเฉินมาถึงแล้ว…”นอกประตูห้องโถง เสียงรายงานของเด็กรับใช้ดังขึ้น ทุกคนหยุดชะงักพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างมองออกไปข้างนอกพร้อมกัน มองเห็นผู้หญิงร่างผอมบางสวมชุดสีขาว ถือกล่องของขวัญเดินมาแต่ไกลสิ่งแรกที่สังเกตเห็น หนีไม่พ้นใบหน้าที่อัปลักษณ์นั่นแต่ฉู่เชียนหลีถ่อมตนมาก ไม่มีท่าทีที่จะก่อปัญหา หลังจากวางของขวัญลง ก็เลือกที่นั่งตรงมุมนั่งลง ไม่ได้พูดอะไรมา
มีหรือที่ฉู่เชียนหลีจะไม่เข้าใจความหมายของนาง?นางนวดขมับเบาๆ เอียงศีรษะ แสร้งถามด้วยความสงสัย “ตัวตน? ตัวตนอะไร?”นางเหมือนไม่รู้อะไรเลย กล่าวถามอย่างอยากรู้อยากเห็น“หรือแม่ของท่านคบชู้กับผู้ชายข้างนอก ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ฝ่ายซ้าย?”“!”พลันสีหน้าฉู่เจียวเจียวเปลี่ยนสวรรค์!คำพูดเช่นนี้จะพูดส่งเดชไม่ได้!“อืม…ข้าเดาว่าท่านน่าจะอยากรู้เรื่องของอ๋องหลีกระมัง” ฉู่เชียนหลีเหมือนเข้าใจฉับพลัน “ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เมื่อวานอ๋องหลีบอกกับข้าว่า…”ความอยากรู้อยากเห็นของฉู่เจียวเจียวถูกกระชากออกมา ตอนที่กำลังเงี่ยหูฟัง พลันคำพูดฉู่เชียนหลีเปลี่ยนกะทันหัน“ไม่ได้พูดอะไร”“...”มองดูฉู่เชียนหลีที่คว้าเมล็ดแตงโมมาหนึ่งกำมือ เริ่มแทะอย่างสบายใจ สีหน้าฉู่เชียนหลีมืดจนน่าเกลียดจงใจ!นังแพศยาคนนี้จงใจแน่นอน!หรือนางไม่อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของนาง?ไม่อยากตามหามารดาผู้ใหญ่กำเนิดของตนเองหรือ?ตามที่คาดการณ์ : ฉู่เชียนหลีอยากรู้เบาะแสของมารดาผู้ให้กำเนิด จำเป็นต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งนางแต่โดยดี แต่เหตุใดท่าทางของฉู่เชียนหลีจึงเหมือนไม่ใส่ใจเล
ฉู่เชียนหลี “?”ครั้งแรกที่ได้พบพระชายาอ๋องเฟิง คือวันที่รัชทายาทเลือกพระชายารองในวังหลวง พระชายาอ๋องเฟิงด่านางอัปลักษณ์ ว่านางไม่ได้รับความโปรดปราน ดูถูกนาง นางก็โต้กลับไปอย่างไม่อ่อนข้อ ทั้งสองเผชิญหน้าตาต่อตา ฟันต่อฟันนี่ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน พระชายาอ๋องเฟิงก็อ่อนโยนกับนางเช่นนี้แล้ว?สายตาของทุกคนมองไปทางฉู่เชียนหลีขอแค่เด็กในท้องพระชายาอ๋องเฟิงเป็นผู้ชาย ก็จะเป็นพระราชนัดดาคนโต สถานะทะยานสู่จุดสูงสุด ไม่มีใครเทียบได้ นางให้ความสำคัญต่อฉู่เชียนหลีเช่นนี้ คือเกียรติของฉู่เชียนหลี“น้องหญิงสี่ พระชายาอ๋องเฟิงกำลังเรียกเจ้า” ในที่นั่ง ฉู่หงหลวนเอ่ยปากด้วยรอยยิ้มต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ หากฉู่เชียนหลีไม่ไป ก็ไม่เท่ากับไม่เห็นพระชายาอ๋องเฟิงอยู่ในสายตา?ฉู่เชียนหลีค่อยๆ ลุกขึ้น กวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง ยกเท้าเดินไปข้างหน้าพระชายาอ๋องเฟิงมองนางด้วยรอยยิ้มมือของนางวางอยู่บนท้อง ลูบอย่างอ่อนโยน เหมือนกับว่าหลังจากมีลูก นางก็เปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นมารดาที่จิตใจดีมีเมตตา แต่คำพูดที่พูดออกมา…“พระชายาอ๋องเฉินก็ต้องพยายามนะ เอาอกเอาใจอ๋องเฉินให้ดี ที่จริงเมื่อดับเทียน หน้าตาผู้หญิงก็เหม
เหล่าคนรับใช้ยกน้ำชาและขนมเข้ามา ทุกคนเริ่มสนทนากัน โดยส่วนใหญ่แล้วล้วนกำลังชมพระชายาอ๋องเฟิงด้านนี้ พระชายาอ๋องติ้งกับฉู่เชียนหลีก็เริ่มสนทนาเช่นกัน“ได้ยินมาว่าเจ้ามีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์?”“เรียนกับใคร?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองรักษาหน้าของตัวเอง? ทั่วหล้ามีผู้หญิงคนใดไม่รักงาม ต่อให้ไม่ทำเพื่อผู้ชาย ก็ต้องมีชีวิตเพื่อตัวเอง”เสียงพระชายาอ๋องติ้งอ่อนโยน น้ำเสียงก็นุ่มนวลมาก ให้ความรู้สึกน่าใกล้ชิดมากฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “มีคำคำหนึ่งพูดได้ดีไม่ใช่หรือ หมอไม่รักษาตัวเอง”“อืม มันก็จริง” พระชายาอ๋องติ้งพยักหน้าเงียบๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่เวลาเดียวกัน ฉู่เชียนหลีก็กำลังสังเกตสีหน้านางเช่นกันแม้โหงวเฮ้งของพระชายาอ๋องติ้งจะดี ใบหน้าอวบอิ่ม ร่างกายสมบูรณ์ ดวงตามีชีวิตชีวา แต่ตาโหลเล็กน้อย สีหน้าซีดไปทางเหลือง ขาดชีพจรสำคัญสองจุด อยากที่จะตั้งครรภ์เล่ากันว่านางแต่งงานกับอ๋องติ้งสี่ปีแล้ว ยังไม่มีลูกเสียทีเมื่อครู่พระชายาอ๋องติ้งช่วยนาง นางเกิดความหวังดี กล่าวเสนอแนะ“ข้าพอมีความรู้ทักษะการแพทย์จริง ค่อนข้างชำนาญเรื่องทั่วไปของผู้หญิง หากพระชายาอ๋องติ้งไม่ถือ
พระชายาอ๋องติ้งได้ยินแล้ว ก็เผลอหัวเราะออกมาก็จริง อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ไม่ให้ความสำคัญ ฮูหยินฉู่ไม่รัก นางอันมารดาผู้ให้กำเนิดก็ลำเอียง สถานการณ์เช่นนี้แตกต่างอะไรกับไม่มีพ่อไม่มีแม่ช่างเป็นเด็กที่มีชีวิตขมขื่นจริงๆ“ข้าน้อยหยางอันคำนับพระชายาอ๋องเฟิง รับบัญชาฝ่าบาท มาตรวจชีพจรให้ท่าน!”ระหว่างพูดคุย หมอหลวงคนหนึ่งถือกล่องยาเดินเข้ามาพระชายาอ๋องเฟิงกับฉู่หงหลวนสบตากันแวบหนึ่ง มองไปทางหมอหลวงหยางโดยไม่ได้นัดหมาย หมอหลวงหยางก้มหน้าโดยไม่รู้ตัว เหมือนตัวสั่นอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย… “มาเถอะ” พระชายาอ๋องเฟิงยื่นมือออกไปหมอหลวงก้มศีรษะต่ำมาก เดินออกไปข้างหน้า คุกเข่าหนึ่งข้าง หยิบผ้าโปร่งบางผืนหนึ่งออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วคลุมบนข้อมือที่ขาวเรียวของพระชายาอ๋องเฟิง จึงจะยื่นมือออกไปตรวจชีพจรทุกคนล้วนมองด้วยความเป็นห่วงหลังจากเวลาประมาณดื่มชาครึ่งถ้วย“หมอหลวงหยาง ท่านเป็นหมอหลวงที่มีทักษะการแพทย์ดีที่สุดในสำนักหมอหลวง ลูกของข้าเป็นอย่างไร?” พระชายาอ๋องเฟิงถามด้วยรอยยิ้มในใจหมอหลวงหยางกลับตื่นตระหนกมากก่อนหน้านี้เขาก็ได้วินิจฉัยชีพจรให้พระชายาอ๋องเฟิงแล้วนี่คือตายตอ
พระชายาอ๋องเฟิงถูกหามเข้าไปในห้อง บรรดาสาวใช้ยกกะละมังน้ำร้อน วิ่งเข้าวิ่งออกอย่างรีบร้อน ตอนเข้าไป น้ำยังสะอาดอยู่ ตอนออกมา เลือดเต็มกะละมัง...คำพูดเหล่านั้นของนางที่พูดเอาไว้สะท้อนอยู่ในหูของทุกคน ดวงตาหลายสิบคู่จ้องมองฉู่เชียนหลีอย่างงงงันเป็นฝีมือของพระชายาอ๋องเฉิน...ฆาตกรฆ่าคน...กลางวันแสก ๆ ในสายตาของทุกคน คิดไม่ถึงว่านางจะวางแผนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท!“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าจิตใจอำมหิตเหลือเกิน!”ฉู่เจียวเจียวเป็นคนแรกที่เอ่ยปากพูด นางกล่าวเสียงดัง เมื่อเปิดประเด็น ดึงดูดให้คนอื่นพากันพูดเสริม“นี่เป็นถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท!”“ท่านกังวลว่าพระชายาอ๋องเฟิงจะให้กำเนิดหลานชายคนโต ก็ไม่ควรจะใช้วิธีที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งมีชีวิต ท่านคือปีศาจร้ายที่เหี้ยมโหด!”เมื่อครู่นี้ ทุกคนได้เห็นทั้งหมดกับตาพระชายาอ๋องเฟิงหวังดีต่อพระชายาอ๋องเฉิน ให้แพทย์หลวงช่วยรักษาใบหน้าให้นาง พระชายาอ๋องเฉินไม่เพียงไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ ยังออกแรงผลักพระชายาอ๋องเฟิงจนล้มลงไปบนพื้นอีกเลือดออกมากขนาดนั้น เลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทจะต้องเป็นอันตรายแน่นอน“คิดไม่ถ
ในจวนอ๋องเฟิง เกิดกระแสนิยม ‘ตามหาพระชายาอ๋องเฉิน’ ขึ้นทันทีบรรดาแขก บรรดากุ้ยเฟย บรรดาคนใช้พากันกระจายตัว ตามหาไปทั่วทุกที่“เหตุใดพระชายาอ๋องเฉินจึงหายตัวไปแล้ว? นางหนีไปตอนไหน?”“ข้าว่านางจะต้องกินปูนร้อนท้อง จึงหนีไปเสียเลย? ล้อเล่นน่า! นี่เป็นถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท นางทำเรื่องแบบนี้ ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยนางไปเด็ดขาด!”“อำมหิตเหลือเกิน!”“นางจะต้องหนีกลับไปที่จวนอ๋องเฉินแล้วหรือ...”“พระชายา!”ด้านนอกจวน อ๋องเฟิงที่เพิ่งกลับมาจากประชุมราชสำนักได้รับข่าว วิ่งเข้าไปในจวนอย่างร้อนใจ ไม่สนใจแขกเหรื่อที่กำลังมุงดูเรื่องชาวบ้าน รีบตรงไปยังห้องหลักข้างห้องโถง“พระชายา!”โครม!ถีบประตูให้เปิดออกทุกคนที่กำลังรออ๋องเฟิงโมโห ทำเรื่องให้ใหญ่โต เมื่อเรื่องไปถึงพระกรรณของฝ่าบาท ดูเรื่องตลกของอ๋องเฟิงกับอ๋องเฉินสองพี่น้องสู้กัน แต่กลับเห็นพระชายาอ๋องเฉินที่ ‘หายตัวไป’ นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของพระชายาอ๋องเฟิงอย่างสุขสบายดี เกิดเรื่องอะไรขึ้น?ทุกคนตกตะลึงไปประเดี๋ยวหนึ่ง หลังจากได้สติ ก็รีบกล่าวเสียงดัง“ท่านอ๋องเฟิง พระชายาอ๋องเฉินเป็นฆาตกรวางแผนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบา
เมืองตงหนิง!โรคระบาดนั่นรุนแรงมาก!ไม่รู้ว่าโรคเริ่มมาจากที่ใด ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่เพียงสี่วัน ก็ระบาดไปทั่วทั้งหัวเมืองแล้ว คนเกือบหมื่นไม่ได้รับการรักษา มีคนล้มตายทุกวัน ฝ่าบาทได้ส่งคนไปสองชุด ต่างก็ไม่สามารถแก้ปัญหายากข้อนี้ได้รัชทายาทก็ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ส่งข่าวดีกลับมาถ้าหากไปที่เมืองตงหนิง มีความเป็นไปได้สูงที่จะตาย พระชายาอ๋องเฉินไม่กลัวงั้นหรือ?ทุกคนมองฉู่เชียนหลีอย่างตกตะลึงเมืองตงหนิงตอนนี้ก็เหมือนกับระเบิดเวลาลูกหนึ่ง ที่ทุกคนอยากจะหลีกหนี แต่คิดไม่ถึงว่านางอยากไป?บ้าไปแล้วกระมัง?พระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว กล่าวอย่างกังวลใจเป็นอย่างมาก “เสียวฉู่...”“วางใจเถอะพี่อวี๋ ข้ารู้ดีแก่ใจ ในเมื่อพวกท่านสงสัยข้า นี่คือโอกาสดีที่ข้าจะพิสูจน์ตนเอง” ฉู่เชียนหลีกล่าว“ดี!”อ๋องเฟิงลุกขึ้นยืน กล่าวตัดสิน“พระชายาอ๋องเฉิน ถ้าหากท่านสามารถจัดการปัญหาเรื่องโรคระบาดได้ กลับมาอย่างปลอดภัย ข้าจะเชื่อว่าเจ้าบริสุทธิ์ แต่ว่า เจ้าเป็นฝ่ายตัดสินใจไปที่เมืองตงหนิง ถ้าหากอ๋องเฉินเอาความขึ้นมา ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนอ๋องเฟิง”“ได้!”คำไหนคำนั้นบรรลุข้อตกลงร่วมกันเรื่องไม่อาจชักช้า
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู