“อดทนหน่อย ในไม่ช้าก็เร็วข้าจะมั่งคั่งในชั่วข้ามคืน!”“...”พึ่งนางคลอดลูกสิบคนทำมาให้ครอบครัวร่ำรวย?เลิกคิดไปได้เลยฉู่เชียนหลีรีบกินอาหารในชามให้หมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นไปเลือกของขวัญที่ค่อนข้างเหมาะสมหนึ่งชิ้นในห้องเก็บ หลังจากใส่เข้าไปในกล่องของขวัญ ก็ออกจากจวนแล้วเมืองหลวงบนถนน บรรดาชาวบ้านสัญจรไปมา คึกคักครึกโครม และหัวข้อสนทนาในหมู่ของพวกเขาไม่มีอะไรมากไปกว่า : โรคติดต่อ รัชทายาทพระมหากรุณาธิคุณ รัชทายาททรงมีความเมตตามาก…ต้องยอมรับว่า การกระทำนี้ของรัชทายาทได้ใจราษฎรจำนวนมากฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนเกี้ยว แบ่งเวลาว่างนำอุปกรณ์ตรวจสอบในกำไลเฉียนคุนออกมาพลันเมื่อดู สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยไวรัสกลายพันธุ์แล้ว!แต่ตอนนี้อยู่บนเกี้ยว ศึกษาอย่างละเอียดไม่ทัน ศึกษาขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาสองสามวัน จึงจำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน รอกลับจากจวนอ๋องเฟิงค่อยศึกษาโรคประหลาดนี้เพิ่งเก็บอุปกรณ์ตรวจสอบ หางตาเหลือบมองออกไปข้างนอกผ่านช่องว่างม่านหน้าต่างโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นคนกลุ่มใหญ่ล้อมวงส่งเสียงเอะอะโวยวาย หนวกหูมากและตำแหน่งที่พวกเขาล้อมไว้คือ…นั่นมันโรงหมอของนางไม่ใช่หรือ?“ห
คนทั้งกลุ่มเริ่มทะเลาะกัน เจ้าหนึ่งปาก ข้าหนึ่งปาก ส่วนชาวบ้านมุงดูเรื่องสนุกทะเลาะกันหนักมากในฝูงชน ฉู่เชียนหลีกวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง เดินไปยังตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง โผล่ศีรษะออกมาครึ่งหนึ่ง และกวักมือให้จิ่งอี้หน้าประตูโรงหมอ จิ่งอี้สังเกตเห็นอย่างตาดีพลันก้มหน้า จากไปอย่างเงียบๆหลังจากนั้นครู่หนึ่ง มารวมตัวกับฉู่เชียนหลีท่ามกลางเสียงเอะอะของฝูงชน“คุณหนู ท่านมาได้อย่างไร?”“เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่เชียนหลีใช้คางชี้ไปทางโรงหมอจิ่งอี้กล่าวอย่างกระชับได้ใจความ “หลายวันก่อน พวกเราทำตามที่ท่านบอก กว้านซื้ออ้ายเฉ่าหลายร้อยชั่งในราคาที่ต่ำมาก ตอนนี้เกิดโรคติดต่อ ชาวบ้านต้องการอ้ายเฉ่าอย่างเร่งด่วน กิจการโรงหมอของเราดีมาก”“หมอแก่พวกนั้นเลยอิจฉา”ภายใต้ความอิจฉา จึงมาใส่ความให้เสียชื่อเสียงอ้ายเฉ่าหลายร้อยชั่ง ขายจนหมด จำนวนเงินสองหมื่นตำลึง!ทั้งชีวิตของคนทั่วไปก็ไม่สามารถหาเงินได้มากเช่นนี้ พวกเขาย่อมอิจฉาเป็นเรื่องธรรมดาฉู่เชียนหลีจับคาง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง มีความคิด ‘คิดการใหญ่ต้องทำให้รากฐานมั่นคง แล้วค่อยสร้างความรุ่งโรจน์’เอ่ยปากกะทันหัน “แจกจ่ายอ้ายเฉ่าในโรงหมอให้ชาวบ้าน
“นี่…”หมอหลวงอ้าปาก ก็ตื่นตระหนกทันที มีเหงื่อเอ่อล้นออกมาจากหน้าผาก “นี่…”ร่างกายของเขาสั่นแล้ว ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร สายตาที่ปกปิดมองไปทางสาวใช้ที่ยืนอยู่ในห้อง อยากพูดแต่ก็ไม่พูดพระชายาอ๋องเฟิงรู้สึกขบขัน “ทำไม? มีอะไรที่ไม่สะดวกพูด หรือในท้องข้ามีเด็กสองคน?”“พระชายาอ๋องเฟิง…”หมอหลวงตกใจจนเกือบหัวใจวาย“พอแล้วๆ” พระชายาอ๋องเฟิงยกมือ “พวกเจ้าถอยออกไป”“เจ้าค่ะ” บรรดาสาวใช้ลุกขึ้นยืน หลังจากถอนสายบัวคำนับ ทุกคนถอยออกไป และปิดประตูห้อง เหลือเพียงพระชายาอ๋องเฟิงกับหมอหลวงสองคนหมอหลวงลดเสียงเบา จึงจะเอ่ยปาก“พระชายาอ๋องเฟิง ข้าน้อยตรวจชีพจรท่านอย่างละเอียดสี่รอบ…สี่รอบ…ชีพจรของท่านค่อนข้างเบา บางครั้งก็เหมือนไม่มี เกิดจากทารกในครรภ์ไม่มั่นคง ไม่…ไม่สามารถจับเส้นเลือดของทารก ตำแหน่งฝังตัวของทารกในท้องท่านผิดปกติ เกรงว่า…ไม่สามารถอยู่รอด…”คำพูดช่วงแรก พระชายาอ๋องเฟิงยังคงจับเล็บที่กลมมนอย่างยิ้มแย้มแต่เมื่อฟังถึงสี่คำสุดท้าย สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เสียงแสบแก้วหูเหมือนฟ้าผ่า“เจ้าพูดอะไรนะ!”ถึงขั้นกล้าแช่งนาง!“นี่เป็นครั้งแรกในรอบแปดปีที่ข้าตั้งครรภ์ จะคลอดไม
จวนอ๋องเฟิงพระชายาอ๋องเฟิงมีครรภ์ ทายาทผู้สืบทอดราชวงศ์ สิ่งสำคัญของบ้านเมือง ท่ามกลางสังคม เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ขุนนางบุ๋นบู๊นับร้อยและชนชั้นสูงของเมืองหลวงมาร่วมแสดงความยินดีคนที่มอบของขวัญก็มอบของขวัญ คนที่มาอวยพรก็มาอวยพรคึกคักมากภายในห้องโถงพ่อบ้านวิ่งเข้าวิ่งออกไม่หยุด ต้อนรับแขกสำคัญทุกท่าน ของขวัญที่ได้รับกองเต็มอยู่บนโต๊ะจนไม่มีที่วาง เหมือนกับภูเขาลูกเล็ก“สวรรค์มีตา อายุพระชายาอ๋องเฟิงใกล้ยี่สิบเจ็ดแล้ว ในที่สุดก็ตั้งครรภ์…”“นี่ต้องมาติดความโชคดีหน่อย”“ใช่แล้ว เฮ้อ ข้าคลอดลูกมาสามคน ล้วนเป็นผู้หญิง ท่านพี่ของข้าคาดหวังลูกชายทุกวัน คาดหวังจนผมขาวแล้ว…”บรรดาสตรีดื่มชาไปพลาง สนทนากันไปพลาง“พระชายาอ๋องเฉินมาถึงแล้ว…”นอกประตูห้องโถง เสียงรายงานของเด็กรับใช้ดังขึ้น ทุกคนหยุดชะงักพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างมองออกไปข้างนอกพร้อมกัน มองเห็นผู้หญิงร่างผอมบางสวมชุดสีขาว ถือกล่องของขวัญเดินมาแต่ไกลสิ่งแรกที่สังเกตเห็น หนีไม่พ้นใบหน้าที่อัปลักษณ์นั่นแต่ฉู่เชียนหลีถ่อมตนมาก ไม่มีท่าทีที่จะก่อปัญหา หลังจากวางของขวัญลง ก็เลือกที่นั่งตรงมุมนั่งลง ไม่ได้พูดอะไรมา
มีหรือที่ฉู่เชียนหลีจะไม่เข้าใจความหมายของนาง?นางนวดขมับเบาๆ เอียงศีรษะ แสร้งถามด้วยความสงสัย “ตัวตน? ตัวตนอะไร?”นางเหมือนไม่รู้อะไรเลย กล่าวถามอย่างอยากรู้อยากเห็น“หรือแม่ของท่านคบชู้กับผู้ชายข้างนอก ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ฝ่ายซ้าย?”“!”พลันสีหน้าฉู่เจียวเจียวเปลี่ยนสวรรค์!คำพูดเช่นนี้จะพูดส่งเดชไม่ได้!“อืม…ข้าเดาว่าท่านน่าจะอยากรู้เรื่องของอ๋องหลีกระมัง” ฉู่เชียนหลีเหมือนเข้าใจฉับพลัน “ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เมื่อวานอ๋องหลีบอกกับข้าว่า…”ความอยากรู้อยากเห็นของฉู่เจียวเจียวถูกกระชากออกมา ตอนที่กำลังเงี่ยหูฟัง พลันคำพูดฉู่เชียนหลีเปลี่ยนกะทันหัน“ไม่ได้พูดอะไร”“...”มองดูฉู่เชียนหลีที่คว้าเมล็ดแตงโมมาหนึ่งกำมือ เริ่มแทะอย่างสบายใจ สีหน้าฉู่เชียนหลีมืดจนน่าเกลียดจงใจ!นังแพศยาคนนี้จงใจแน่นอน!หรือนางไม่อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของนาง?ไม่อยากตามหามารดาผู้ใหญ่กำเนิดของตนเองหรือ?ตามที่คาดการณ์ : ฉู่เชียนหลีอยากรู้เบาะแสของมารดาผู้ให้กำเนิด จำเป็นต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งนางแต่โดยดี แต่เหตุใดท่าทางของฉู่เชียนหลีจึงเหมือนไม่ใส่ใจเล
ฉู่เชียนหลี “?”ครั้งแรกที่ได้พบพระชายาอ๋องเฟิง คือวันที่รัชทายาทเลือกพระชายารองในวังหลวง พระชายาอ๋องเฟิงด่านางอัปลักษณ์ ว่านางไม่ได้รับความโปรดปราน ดูถูกนาง นางก็โต้กลับไปอย่างไม่อ่อนข้อ ทั้งสองเผชิญหน้าตาต่อตา ฟันต่อฟันนี่ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน พระชายาอ๋องเฟิงก็อ่อนโยนกับนางเช่นนี้แล้ว?สายตาของทุกคนมองไปทางฉู่เชียนหลีขอแค่เด็กในท้องพระชายาอ๋องเฟิงเป็นผู้ชาย ก็จะเป็นพระราชนัดดาคนโต สถานะทะยานสู่จุดสูงสุด ไม่มีใครเทียบได้ นางให้ความสำคัญต่อฉู่เชียนหลีเช่นนี้ คือเกียรติของฉู่เชียนหลี“น้องหญิงสี่ พระชายาอ๋องเฟิงกำลังเรียกเจ้า” ในที่นั่ง ฉู่หงหลวนเอ่ยปากด้วยรอยยิ้มต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ หากฉู่เชียนหลีไม่ไป ก็ไม่เท่ากับไม่เห็นพระชายาอ๋องเฟิงอยู่ในสายตา?ฉู่เชียนหลีค่อยๆ ลุกขึ้น กวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง ยกเท้าเดินไปข้างหน้าพระชายาอ๋องเฟิงมองนางด้วยรอยยิ้มมือของนางวางอยู่บนท้อง ลูบอย่างอ่อนโยน เหมือนกับว่าหลังจากมีลูก นางก็เปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นมารดาที่จิตใจดีมีเมตตา แต่คำพูดที่พูดออกมา…“พระชายาอ๋องเฉินก็ต้องพยายามนะ เอาอกเอาใจอ๋องเฉินให้ดี ที่จริงเมื่อดับเทียน หน้าตาผู้หญิงก็เหม
เหล่าคนรับใช้ยกน้ำชาและขนมเข้ามา ทุกคนเริ่มสนทนากัน โดยส่วนใหญ่แล้วล้วนกำลังชมพระชายาอ๋องเฟิงด้านนี้ พระชายาอ๋องติ้งกับฉู่เชียนหลีก็เริ่มสนทนาเช่นกัน“ได้ยินมาว่าเจ้ามีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์?”“เรียนกับใคร?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองรักษาหน้าของตัวเอง? ทั่วหล้ามีผู้หญิงคนใดไม่รักงาม ต่อให้ไม่ทำเพื่อผู้ชาย ก็ต้องมีชีวิตเพื่อตัวเอง”เสียงพระชายาอ๋องติ้งอ่อนโยน น้ำเสียงก็นุ่มนวลมาก ให้ความรู้สึกน่าใกล้ชิดมากฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “มีคำคำหนึ่งพูดได้ดีไม่ใช่หรือ หมอไม่รักษาตัวเอง”“อืม มันก็จริง” พระชายาอ๋องติ้งพยักหน้าเงียบๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่เวลาเดียวกัน ฉู่เชียนหลีก็กำลังสังเกตสีหน้านางเช่นกันแม้โหงวเฮ้งของพระชายาอ๋องติ้งจะดี ใบหน้าอวบอิ่ม ร่างกายสมบูรณ์ ดวงตามีชีวิตชีวา แต่ตาโหลเล็กน้อย สีหน้าซีดไปทางเหลือง ขาดชีพจรสำคัญสองจุด อยากที่จะตั้งครรภ์เล่ากันว่านางแต่งงานกับอ๋องติ้งสี่ปีแล้ว ยังไม่มีลูกเสียทีเมื่อครู่พระชายาอ๋องติ้งช่วยนาง นางเกิดความหวังดี กล่าวเสนอแนะ“ข้าพอมีความรู้ทักษะการแพทย์จริง ค่อนข้างชำนาญเรื่องทั่วไปของผู้หญิง หากพระชายาอ๋องติ้งไม่ถือ
พระชายาอ๋องติ้งได้ยินแล้ว ก็เผลอหัวเราะออกมาก็จริง อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ไม่ให้ความสำคัญ ฮูหยินฉู่ไม่รัก นางอันมารดาผู้ให้กำเนิดก็ลำเอียง สถานการณ์เช่นนี้แตกต่างอะไรกับไม่มีพ่อไม่มีแม่ช่างเป็นเด็กที่มีชีวิตขมขื่นจริงๆ“ข้าน้อยหยางอันคำนับพระชายาอ๋องเฟิง รับบัญชาฝ่าบาท มาตรวจชีพจรให้ท่าน!”ระหว่างพูดคุย หมอหลวงคนหนึ่งถือกล่องยาเดินเข้ามาพระชายาอ๋องเฟิงกับฉู่หงหลวนสบตากันแวบหนึ่ง มองไปทางหมอหลวงหยางโดยไม่ได้นัดหมาย หมอหลวงหยางก้มหน้าโดยไม่รู้ตัว เหมือนตัวสั่นอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย… “มาเถอะ” พระชายาอ๋องเฟิงยื่นมือออกไปหมอหลวงก้มศีรษะต่ำมาก เดินออกไปข้างหน้า คุกเข่าหนึ่งข้าง หยิบผ้าโปร่งบางผืนหนึ่งออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วคลุมบนข้อมือที่ขาวเรียวของพระชายาอ๋องเฟิง จึงจะยื่นมือออกไปตรวจชีพจรทุกคนล้วนมองด้วยความเป็นห่วงหลังจากเวลาประมาณดื่มชาครึ่งถ้วย“หมอหลวงหยาง ท่านเป็นหมอหลวงที่มีทักษะการแพทย์ดีที่สุดในสำนักหมอหลวง ลูกของข้าเป็นอย่างไร?” พระชายาอ๋องเฟิงถามด้วยรอยยิ้มในใจหมอหลวงหยางกลับตื่นตระหนกมากก่อนหน้านี้เขาก็ได้วินิจฉัยชีพจรให้พระชายาอ๋องเฟิงแล้วนี่คือตายตอ
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม
ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ความสุขจากการได้คืนมา ความรู้สึกสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วนี้ นางไม่อยากรู้สึกอีกถ้าหากต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกครั้ง นางตายแน่!“พระชายา เด็กคนนี้คือชีวิตของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาแย่งนางไป! ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงขอบเตียง กล่าวปลอบใจ“ข้ารู้”เด็กทุกคนล้วนเป็นจุดอ่อนของมารดา“ไม่มีใครสามารถแย่งลูกของเจ้าไปได้”“แต่ว่า อวิ๋นอิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจิ่งอี้ เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว” นางเงยหน้า ส่งสัญญาณให้ข้างนอกทหารสองคนคุมตัวจ้านหู่เข้ามาจ้านหู่กล่าว“ช่วงเช้าของวันนี้ ข้าเป็นคนแย่งเด็กในโรงหมอเอง”“ข้าคิดว่าเจ้าคลอดลูกชาย กลัวมีปัญหามากมายตามมา ก็เลยเข้าไปแย่งเด็ก ใครจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ในเมื่อเป็นเด็กผู้หญิง เช่นนั้นก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อฮองเฮา”ดังนั้นเขาก็เลยคืนเด็กแล้วอวิ๋นอิงรู้จักจ้านหู่ เขาคือคนที่บีบบังคับให้จิ่งอี้ดื่มยาพิษ แต่หลายวันนี้นางต้องผ่านเหตุการณ์มากมาย เดิมทีสภาพจิตใจก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงได้สร้างแนวป้องกันขึ้นในใจนางต้องการแค่ลูกสาว!ใครพูดนางก็ไม่อยากฟัง!และไม่เชื่อใครด้วย!กอดลูกสาวแน่น ปก
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า
ไม่นาน น้ำอุ่นก็มา ตอนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำ ไม่ชอบให้คนมาปรนนิบัติ หลังจากคนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและยาเสร็จ ก็ถอยออกไปหมดแล้วภายในห้องหลังฉากบังลมไอน้ำร้อนพวยพุ่ง อบอวลกลางอากาศ หลังจากเสียงน้ำดังขึ้น เงาจางๆ ของเฟิงเย่เสวียนสะท้อนลงบนฉากบังลมคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัดแต่เงาด้านข้างนั่น เค้าโครงนั่น แม้แต่ตรงตำแหน่งลูกกระเดือกที่นูนขึ้น ก็สะท้อนออกมา ทำให้เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย จินตนาการไม่รู้จบ เลือดในกายพลุ่งพล่านจวินลั่วยวนมองเห็นอย่างชัดเจนจากช่องว่างของประตูคอแห้ง กลืนน้ำลาย…จริงนะนางชอบผู้ชายคนนี้มาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบมาก่อนหลายปีมานี้ คนที่ไปสู่ขอถึงวังหลวง ธรณีประตูแทบถูกเหยียบจนพัง นางเคยเห็นผู้ชายมามากมาย ชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีรู้จักคนมากมาย กลับมีเพียงตอนที่เจออ๋องเฉิน หัวใจปั่นป่วนนางจำได้ตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรก อ๋องเฉินจับมือของนาง มองฐานะของนางออกในปราดเดียว เขาพูดว่า‘การปรากฏตัวขององค์หญิงช่างพิเศษจริงๆ’หวั่นไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซ่า…เสียงน้ำหลังฉากบังลม เหมือนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำเสร็จแล้ว แขนข้างหนึ่งที่มีหยดน้ำติดยื่นออกมาหยิบเสื้
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ
ต้องเป็นฝีมือเขาแน่!อวิ๋นอิงฝืนยันร่างกายที่อ่อนแรงขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซสองสามก้าว เกือบหมดสติล้มลง“ฮูหยินน้อย!” หมอตำแยรีบเข้าไปประคองนาง “เลือดของเจ้ายังไม่หยุดไหลเลย ลงจากเตียงไม่ได้…”พูดไม่ทันจบ อวิ๋นอิงปัดมือหมอตำแยทิ้ง วิ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดชีวิตไม่มีใครสามารถแย่งลูกสาวที่นางต้องแลกมาด้วยชีวิต!นางไม่มีพ่อแม่แล้ว สูญเสียคนที่รักที่สุด นางไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกสาวเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่นางจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปใครกล้าแย่งความหวังของนาง นางก็สู้ตายกับคนคนนั้น!หมอตำแยงไล่ตามไปถึงหน้าประตู มองดูนางวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซ รู้สึกงงงวยไปหมด“เด็ก เด็ก…เด็กคนนี้มันอะไรกันแน่…แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? รอก่อน! ยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาเลยนะ!”“...”บนถนนชาวบ้านเห็นผู้หญิงที่มีเลือดเปื้อนตามร่างกายวิ่งล้มลุกคลุกคลาน คิดว่าเป็นคนบ้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนตกใจจนพากันหลบ กลัวตัวเองจะติดความโชคร้ายอวิ๋นอิงเหนื่อยมาก ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว ศีรษะหนักราวกับพันชั่ง ขาทั้งสองข้างล้าจนอ่อนไปหมดแล้ว อาศัยแค่ความแน่วแน่ ต่อให้คลานอย่างสุดชีวิตก็ต้องคลานไปให้ถึงทำเนีย
อวิ๋นอิงรีบปิดปากวิ่งหนี ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ทุกวินาทีที่อยู่ในทำเนียบ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะท้องเด็กคนนี้ยังไม่ทันเกิด ก็ตกไปอยู่ในแผนของผู้อื่นแล้วนางนอนไม่หลับทั้งคืนรอจนรุ่งสาง นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าหากฝืนยื้อ นางยื้อจิ่งอี้ไม่ไหว หลังจากคิดซ้ำๆ ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากไปเงียบๆ แล้วนางอยากไปจากเจียงหนานหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีใครรู้จักนาง คลอดเด็กคนนี้ออกมา และเลี้ยงดูเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางโลก ไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้น ไปอยู่สถานที่ใหม่ เริ่มต้นใหม่จากไปอย่างเร่งด่วน พกเพียงเงินมือข้างหนึ่งจับท้อง ฝีเท้าเร่งรีบ เตรียมไปเช่ารถม้าหนึ่งคัน แต่ตอนเดินไปถึงตรงหัวมุม ไม่ระวังถูกเด็กที่เล่นอยู่ตรงนั้นชนท้อง“ซี้ด!”ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างมีกระแสอุ่นๆ สายหนึ่งไหลออกจากร่างกายช่วงล่างสีหน้าอวิ๋นอิงเปลี่ยนฉับพลัน มือจับเสื้อผ้าตรงท้องตามสัญชาตญาณ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ตกวูบ เจ็บจนจับกำแพง ทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างเข่าอ่อนชาวบ้านที่เดินผ่านมาเห็น กล่าวด้วยความตกใจ“แม่นาง เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ข้างล
เสียงของเขาทุ้มและเหนื่อยมาก ทั้งที่เพิ่งอายุยี่สิบหกปี แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความผันผวน เหมือนชายชราใกล้ตายที่ผ่านอะไรมามากมาย นั่งอยู่บนบันได มองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้า รอคอยความตายที่จะมาถึงเฟิ่งหรานรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งความรัก เป็นสิ่งที่อันตรายจริงๆชาตินี้เขายอมไม่แตะต้องผู้หญิงเลย“เช่นนั้นก็ไปเถอะ” เขากล่าว “อวิ๋นอิงเกลียดเจ้า เจ้าฝืนอยู่ข้างกายนาง มีแต่จะคอยย้ำเตือนความเจ็บปวดที่นางเคยได้หลับ เกรงว่ามีแต่จะยิ่งเกลียดเจ้า”“พวกเรากลับแคว้นกันเถอะ”กลับแคว้นซีอวี้กลับไปในที่ที่ควรกลับ กลับไปทำสิ่งที่ควรทำ ลืม…คนที่ควรลืมเฟิ่งหรานกล่าว “บางทีไปจากนาง จึงจะสามารถทำให้นางสบายใจจริงๆ ชีวิตจึงจะนับว่าดีขึ้นจริงๆ เจ้าก็ควรกลับแคว้น ทวงคืนสิ่งที่เป็นของเจ้าคืนแล้ว”“ข้าไปหาพระชายา ขอให้นางช่วยรักษากล่องเสียงของเจ้า”“ไม่ต้องแล้ว” จิ่งอี้ปฏิเสธอย่างเรียบเฉยกล่องเสียงที่พังแล้ว เขาไม่อยากรักษายาพิษที่อวิ๋นอิงป้อนเองกับมือ มันหวานเหมือนน้ำผึ้ง ชาตินี้เขาจะไม่รักษา“อวิ๋นอิงเกลียดข้า ก็ให้พิษนี่อยู่ในร่างกายข้า ให้ความเกลียดของนางมีที่ระบาย เช่นนี้จึงจะสามารถทำใ
จิ่งอี้ค่อยๆ หลุบตาลง ความดีใจเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงความเศร้าในแววตาของเขา…เขากล้าขอให้อวิ๋นอิงให้อภัยได้อย่างไร?เขาทำกับอวิ๋นอิงเช่นนั้น ทำร้ายนางเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นเขา ก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเองอวิ๋นอิงเกลียดเขา มันก็สมควรแล้วอวิ๋นอิงวางยาเขา ทำลายกล่องเสียงของเขา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเขาแค่สูญเสียกล่องเสียงแต่ความเจ็บปวดทางจิตใจและจิตวิญญาณที่อวิ๋นอิงได้รับ ไม่สามารถลบเลือนได้ทั้งชีวิต“เป็นความผิดของข้า ล้วนเป็นความผิดของข้า…”ไม่ว่าอวิ๋นอิงทำอะไร เขาก็พร้อมรับทุกอย่างนี่คือผลลัพธ์ที่เขาควรได้รับ“ไม่เป็นไร…สมควรแล้ว…อวิ๋นอิงทำถูก…ข้าไม่โทษนาง นางรังเกียจข้า นางเกลียดข้า นางอยากเอาชีวิตข้า ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง…เฟิ่งหราน ข้าไม่เกลียดนาง จริงนะ…ข้า…”เสียงของเขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ เบ้าตาก็แดงอย่างรวดเร็วมีหมอกปกคลุมพร่ามัวน้ำตาไหลออกมาพลันเฟิ่งหรานแน่นหน้าอกรู้จักกันนานเช่นนี้ เคยเห็นจิ่งอี้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวตั้งแต่เมื่อไร? ถูกพ่อแท้ๆ ทิ้ง เขาไม่ร้องไห้ จางเฟยตา เขาก็ไม่ร้องไห้ตอนนี้ เวลานี้ น้ำตาตกเหมือนสายฝน!ผู้ชา