เหล่าคนรับใช้ยกน้ำชาและขนมเข้ามา ทุกคนเริ่มสนทนากัน โดยส่วนใหญ่แล้วล้วนกำลังชมพระชายาอ๋องเฟิงด้านนี้ พระชายาอ๋องติ้งกับฉู่เชียนหลีก็เริ่มสนทนาเช่นกัน“ได้ยินมาว่าเจ้ามีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์?”“เรียนกับใคร?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองรักษาหน้าของตัวเอง? ทั่วหล้ามีผู้หญิงคนใดไม่รักงาม ต่อให้ไม่ทำเพื่อผู้ชาย ก็ต้องมีชีวิตเพื่อตัวเอง”เสียงพระชายาอ๋องติ้งอ่อนโยน น้ำเสียงก็นุ่มนวลมาก ให้ความรู้สึกน่าใกล้ชิดมากฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “มีคำคำหนึ่งพูดได้ดีไม่ใช่หรือ หมอไม่รักษาตัวเอง”“อืม มันก็จริง” พระชายาอ๋องติ้งพยักหน้าเงียบๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่เวลาเดียวกัน ฉู่เชียนหลีก็กำลังสังเกตสีหน้านางเช่นกันแม้โหงวเฮ้งของพระชายาอ๋องติ้งจะดี ใบหน้าอวบอิ่ม ร่างกายสมบูรณ์ ดวงตามีชีวิตชีวา แต่ตาโหลเล็กน้อย สีหน้าซีดไปทางเหลือง ขาดชีพจรสำคัญสองจุด อยากที่จะตั้งครรภ์เล่ากันว่านางแต่งงานกับอ๋องติ้งสี่ปีแล้ว ยังไม่มีลูกเสียทีเมื่อครู่พระชายาอ๋องติ้งช่วยนาง นางเกิดความหวังดี กล่าวเสนอแนะ“ข้าพอมีความรู้ทักษะการแพทย์จริง ค่อนข้างชำนาญเรื่องทั่วไปของผู้หญิง หากพระชายาอ๋องติ้งไม่ถือ
พระชายาอ๋องติ้งได้ยินแล้ว ก็เผลอหัวเราะออกมาก็จริง อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ไม่ให้ความสำคัญ ฮูหยินฉู่ไม่รัก นางอันมารดาผู้ให้กำเนิดก็ลำเอียง สถานการณ์เช่นนี้แตกต่างอะไรกับไม่มีพ่อไม่มีแม่ช่างเป็นเด็กที่มีชีวิตขมขื่นจริงๆ“ข้าน้อยหยางอันคำนับพระชายาอ๋องเฟิง รับบัญชาฝ่าบาท มาตรวจชีพจรให้ท่าน!”ระหว่างพูดคุย หมอหลวงคนหนึ่งถือกล่องยาเดินเข้ามาพระชายาอ๋องเฟิงกับฉู่หงหลวนสบตากันแวบหนึ่ง มองไปทางหมอหลวงหยางโดยไม่ได้นัดหมาย หมอหลวงหยางก้มหน้าโดยไม่รู้ตัว เหมือนตัวสั่นอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย… “มาเถอะ” พระชายาอ๋องเฟิงยื่นมือออกไปหมอหลวงก้มศีรษะต่ำมาก เดินออกไปข้างหน้า คุกเข่าหนึ่งข้าง หยิบผ้าโปร่งบางผืนหนึ่งออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วคลุมบนข้อมือที่ขาวเรียวของพระชายาอ๋องเฟิง จึงจะยื่นมือออกไปตรวจชีพจรทุกคนล้วนมองด้วยความเป็นห่วงหลังจากเวลาประมาณดื่มชาครึ่งถ้วย“หมอหลวงหยาง ท่านเป็นหมอหลวงที่มีทักษะการแพทย์ดีที่สุดในสำนักหมอหลวง ลูกของข้าเป็นอย่างไร?” พระชายาอ๋องเฟิงถามด้วยรอยยิ้มในใจหมอหลวงหยางกลับตื่นตระหนกมากก่อนหน้านี้เขาก็ได้วินิจฉัยชีพจรให้พระชายาอ๋องเฟิงแล้วนี่คือตายตอ
พระชายาอ๋องเฟิงถูกหามเข้าไปในห้อง บรรดาสาวใช้ยกกะละมังน้ำร้อน วิ่งเข้าวิ่งออกอย่างรีบร้อน ตอนเข้าไป น้ำยังสะอาดอยู่ ตอนออกมา เลือดเต็มกะละมัง...คำพูดเหล่านั้นของนางที่พูดเอาไว้สะท้อนอยู่ในหูของทุกคน ดวงตาหลายสิบคู่จ้องมองฉู่เชียนหลีอย่างงงงันเป็นฝีมือของพระชายาอ๋องเฉิน...ฆาตกรฆ่าคน...กลางวันแสก ๆ ในสายตาของทุกคน คิดไม่ถึงว่านางจะวางแผนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท!“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าจิตใจอำมหิตเหลือเกิน!”ฉู่เจียวเจียวเป็นคนแรกที่เอ่ยปากพูด นางกล่าวเสียงดัง เมื่อเปิดประเด็น ดึงดูดให้คนอื่นพากันพูดเสริม“นี่เป็นถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท!”“ท่านกังวลว่าพระชายาอ๋องเฟิงจะให้กำเนิดหลานชายคนโต ก็ไม่ควรจะใช้วิธีที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งมีชีวิต ท่านคือปีศาจร้ายที่เหี้ยมโหด!”เมื่อครู่นี้ ทุกคนได้เห็นทั้งหมดกับตาพระชายาอ๋องเฟิงหวังดีต่อพระชายาอ๋องเฉิน ให้แพทย์หลวงช่วยรักษาใบหน้าให้นาง พระชายาอ๋องเฉินไม่เพียงไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ ยังออกแรงผลักพระชายาอ๋องเฟิงจนล้มลงไปบนพื้นอีกเลือดออกมากขนาดนั้น เลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทจะต้องเป็นอันตรายแน่นอน“คิดไม่ถ
ในจวนอ๋องเฟิง เกิดกระแสนิยม ‘ตามหาพระชายาอ๋องเฉิน’ ขึ้นทันทีบรรดาแขก บรรดากุ้ยเฟย บรรดาคนใช้พากันกระจายตัว ตามหาไปทั่วทุกที่“เหตุใดพระชายาอ๋องเฉินจึงหายตัวไปแล้ว? นางหนีไปตอนไหน?”“ข้าว่านางจะต้องกินปูนร้อนท้อง จึงหนีไปเสียเลย? ล้อเล่นน่า! นี่เป็นถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท นางทำเรื่องแบบนี้ ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยนางไปเด็ดขาด!”“อำมหิตเหลือเกิน!”“นางจะต้องหนีกลับไปที่จวนอ๋องเฉินแล้วหรือ...”“พระชายา!”ด้านนอกจวน อ๋องเฟิงที่เพิ่งกลับมาจากประชุมราชสำนักได้รับข่าว วิ่งเข้าไปในจวนอย่างร้อนใจ ไม่สนใจแขกเหรื่อที่กำลังมุงดูเรื่องชาวบ้าน รีบตรงไปยังห้องหลักข้างห้องโถง“พระชายา!”โครม!ถีบประตูให้เปิดออกทุกคนที่กำลังรออ๋องเฟิงโมโห ทำเรื่องให้ใหญ่โต เมื่อเรื่องไปถึงพระกรรณของฝ่าบาท ดูเรื่องตลกของอ๋องเฟิงกับอ๋องเฉินสองพี่น้องสู้กัน แต่กลับเห็นพระชายาอ๋องเฉินที่ ‘หายตัวไป’ นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของพระชายาอ๋องเฟิงอย่างสุขสบายดี เกิดเรื่องอะไรขึ้น?ทุกคนตกตะลึงไปประเดี๋ยวหนึ่ง หลังจากได้สติ ก็รีบกล่าวเสียงดัง“ท่านอ๋องเฟิง พระชายาอ๋องเฉินเป็นฆาตกรวางแผนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบา
เมืองตงหนิง!โรคระบาดนั่นรุนแรงมาก!ไม่รู้ว่าโรคเริ่มมาจากที่ใด ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่เพียงสี่วัน ก็ระบาดไปทั่วทั้งหัวเมืองแล้ว คนเกือบหมื่นไม่ได้รับการรักษา มีคนล้มตายทุกวัน ฝ่าบาทได้ส่งคนไปสองชุด ต่างก็ไม่สามารถแก้ปัญหายากข้อนี้ได้รัชทายาทก็ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ส่งข่าวดีกลับมาถ้าหากไปที่เมืองตงหนิง มีความเป็นไปได้สูงที่จะตาย พระชายาอ๋องเฉินไม่กลัวงั้นหรือ?ทุกคนมองฉู่เชียนหลีอย่างตกตะลึงเมืองตงหนิงตอนนี้ก็เหมือนกับระเบิดเวลาลูกหนึ่ง ที่ทุกคนอยากจะหลีกหนี แต่คิดไม่ถึงว่านางอยากไป?บ้าไปแล้วกระมัง?พระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว กล่าวอย่างกังวลใจเป็นอย่างมาก “เสียวฉู่...”“วางใจเถอะพี่อวี๋ ข้ารู้ดีแก่ใจ ในเมื่อพวกท่านสงสัยข้า นี่คือโอกาสดีที่ข้าจะพิสูจน์ตนเอง” ฉู่เชียนหลีกล่าว“ดี!”อ๋องเฟิงลุกขึ้นยืน กล่าวตัดสิน“พระชายาอ๋องเฉิน ถ้าหากท่านสามารถจัดการปัญหาเรื่องโรคระบาดได้ กลับมาอย่างปลอดภัย ข้าจะเชื่อว่าเจ้าบริสุทธิ์ แต่ว่า เจ้าเป็นฝ่ายตัดสินใจไปที่เมืองตงหนิง ถ้าหากอ๋องเฉินเอาความขึ้นมา ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนอ๋องเฟิง”“ได้!”คำไหนคำนั้นบรรลุข้อตกลงร่วมกันเรื่องไม่อาจชักช้า
ท้องฟ้ามืดสลัว ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมฆดำปกคลุมไปทั่วทั้งหัวเมือง ไม่เห็นแสงแดด บรรยากาศอึมครึม ราวกับว่าทุกสรรพสิ่งล้วนตกอยู่ในกลิ่นอายของความสิ้นหวังเมืองนี้ก็คือ——เมืองตงหนิงทหารเฝ้าอารักขาอย่างเข้มงวด ประตูเมืองปิดมิดชิด ทุกคนไม่สามารถเข้าออกได้ในเมือง เต็มไปด้วยความสิ้นหวังโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วทั้งหัวเมือง บรรดาชาวบ้านแทบจะติดเชื้อกันหมด พวกเขาตัวร้อน ไอไม่หยุด ไม่ว่าจะกินยาอะไรก็ไม่สามารถรักษาได้ ไอไปไอมา ตอนที่ไอจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะรุนแรงขึ้นทันทีบรรดาชาวบ้านค่อนข้างหวาดกลัว อยู่อย่างหวาดกลัวทุกวัน ถูกขังอยู่ในเมืองแห่งนี้ราวกับสัตว์ หนีไม่ได้ ออกไปไม่ได้ ทำได้แค่เพียงรอความตายเท่านั้นรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งวันนี้ ใจกลางหัวเมือง ส่องประกายความหวังอันริบหรี่รัชทายาท!ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่บนแท่นสูง เหมือนกับว่าเป็นผู้กอบกู้โลกที่ลงมาจากสวรรค์ ประกาศข่าวดีให้แก่ชาวบ้านทั้งเมือง“พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย หลังจากผ่านการศึกษาของคณะหมอหลวง อดหลับอดนอนมาหลายคืน ในที่สุดก็ผลิตสูตรยาที่มีประสิทธิผลออกมาได้แล้ว! เพียงแค่กินลงไป ก็จะสามารถรักษาโรคได้!”“เย่!”ทันทีที่คำพูดป
องครักษ์หกนายคุ้มกันรัชทายาทล่าถอย กงเจิ้นหงก็รีบขึ้นไปบนรถม้าเช่นกัน ฝ่าฝูงชนออกไป“เร็ว! รีบออกจากเมือง! พวกเจ้าขวางชาวบ้านเอาไป คุ้มกันรัชทายาท!”กาฬโรคคร่าชีวิตคน ชาวบ้านตายไปก็ไม่สำคัญ ล้วนเป็นชีวิตที่ต่ำต้อย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับรัชทายาท เรื่องจะยุ่งยากมากทันทีที่ออกคำสั่ง องครักษ์ยี่สิบกว่านายก็พุ่งตัวไปข้างหน้า ตั้งรับป้องกัน กันบรรดาชาวบ้านออกไปรถม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วบรรดาชาวบ้านตื่นตระหนก วุ่นวาย หวาดกลัว“ไม่ใช่กล่าวว่ามียารักษางั้นหรือ? ทำไมถึง...”“องค์รัชทายาทจะทิ้งพวกเราไป ไม่สนใจความเป็นตายของพวกเราอย่างนั้นหรือ?”“อย่าไป...”“ช่วยด้วย...”ตอนที่รัชทายาทอยู่ พวกเขามองเห็นความหวังรัชทายาทไปแล้ว พวกเขาเหมือนกับถูกดึงกระดูกสันหลัง อวัยวะภายในทั้งหก[footnoteRef:1]ไป จนทำอะไรไม่ถูก รีบวิ่งตามรถม้าของรัชทายาทไปอย่างรีบร้อน [1: อวัยวะภายในทั้งหก ได้แก่ หัวใจ ปอด ตับ ไต ม้าม และถุงน้ำดี] “องค์รัชทายาท!”“ช่วยพวกเราด้วย! ช่วยด้วย!”ฝูงชนมืดฟ้ามัวดินราวกับกระแสน้ำขึ้นน้ำลง องครักษ์ยี่สิบกว่านายขวางเอาไว้ไม่อยู่เลยแม้แต่น้อย ในไม่ช้าก็ถูกฝ่าทะลุ บรรด
“พระชายา!”ทันทีที่หลิงเชียนอี้ออกไป ชายวัยกลางคนที่คุ้นตาคนหนึ่งก็เดินออกมาจากที่ไหนสักแห่งเมื่อมองอย่างชัดเจน“รองแม่ทัพเจียง?”รองแม่ทัพเจียงรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว โค้งตัวคำนับเขาได้รับคำสั่งของอ๋องเฉิน แอบซุ่มอยู่ในเมืองตงหนิง สืบเรื่องโรคระบาด กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับพระชายาไม่เห็นอ๋องเฉิน มีเพียงพระชายา ใช้หัวแม่โป้งเท้าคิดก็รู้ว่า พระชายาแอบหนีมาเขารีบแสดงตัว คุ้มกันความปลอดภัยของพระชายาเขากำลังคิดว่าจะคุ้มกันพระชายาออกนอกเมือง แต่พระชายากลับเอ่ยปากกล่าว“เจ้ามาได้เวลาพอดี รองแม่ทัพเจียง ข้ากำลังขาดลูกมือ เจ้าช่วยข้าจัดลำดับชาวบ้านให้หน่อย แยกตามการติดเชื้อ อาการหนัก ธรรมดา เพิ่งติดเชื้อ แข็งแรงให้ที”“สิ่งของที่พวกเขาเคยสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า บ้าน ต้องฆ่าเชื้อทั้งหมด!”รองแม่ทัพเจียง “?”ไม่ออกนอกเมือง ยังวิ่งเข้าไปในเมือง ถ้าท่านอ๋องทราบจะต้องถลกหนังเขาเป็นแน่เขากดเสียงให้เบาลง กล่าวเสนอแนะเสียงเบา“พระชายา สถานการณ์การระบาดในเมืองรุนแรงกว่าที่คิด แม้แต่รัชทายาทยังหนี ไม่สู้ท่านออกจากเมืองไปก่อน เรื่องนี้พักไว้ก่อนค่อยคุยกัน?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม
ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ความสุขจากการได้คืนมา ความรู้สึกสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วนี้ นางไม่อยากรู้สึกอีกถ้าหากต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกครั้ง นางตายแน่!“พระชายา เด็กคนนี้คือชีวิตของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาแย่งนางไป! ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงขอบเตียง กล่าวปลอบใจ“ข้ารู้”เด็กทุกคนล้วนเป็นจุดอ่อนของมารดา“ไม่มีใครสามารถแย่งลูกของเจ้าไปได้”“แต่ว่า อวิ๋นอิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจิ่งอี้ เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว” นางเงยหน้า ส่งสัญญาณให้ข้างนอกทหารสองคนคุมตัวจ้านหู่เข้ามาจ้านหู่กล่าว“ช่วงเช้าของวันนี้ ข้าเป็นคนแย่งเด็กในโรงหมอเอง”“ข้าคิดว่าเจ้าคลอดลูกชาย กลัวมีปัญหามากมายตามมา ก็เลยเข้าไปแย่งเด็ก ใครจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ในเมื่อเป็นเด็กผู้หญิง เช่นนั้นก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อฮองเฮา”ดังนั้นเขาก็เลยคืนเด็กแล้วอวิ๋นอิงรู้จักจ้านหู่ เขาคือคนที่บีบบังคับให้จิ่งอี้ดื่มยาพิษ แต่หลายวันนี้นางต้องผ่านเหตุการณ์มากมาย เดิมทีสภาพจิตใจก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงได้สร้างแนวป้องกันขึ้นในใจนางต้องการแค่ลูกสาว!ใครพูดนางก็ไม่อยากฟัง!และไม่เชื่อใครด้วย!กอดลูกสาวแน่น ปก
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า
ไม่นาน น้ำอุ่นก็มา ตอนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำ ไม่ชอบให้คนมาปรนนิบัติ หลังจากคนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและยาเสร็จ ก็ถอยออกไปหมดแล้วภายในห้องหลังฉากบังลมไอน้ำร้อนพวยพุ่ง อบอวลกลางอากาศ หลังจากเสียงน้ำดังขึ้น เงาจางๆ ของเฟิงเย่เสวียนสะท้อนลงบนฉากบังลมคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัดแต่เงาด้านข้างนั่น เค้าโครงนั่น แม้แต่ตรงตำแหน่งลูกกระเดือกที่นูนขึ้น ก็สะท้อนออกมา ทำให้เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย จินตนาการไม่รู้จบ เลือดในกายพลุ่งพล่านจวินลั่วยวนมองเห็นอย่างชัดเจนจากช่องว่างของประตูคอแห้ง กลืนน้ำลาย…จริงนะนางชอบผู้ชายคนนี้มาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบมาก่อนหลายปีมานี้ คนที่ไปสู่ขอถึงวังหลวง ธรณีประตูแทบถูกเหยียบจนพัง นางเคยเห็นผู้ชายมามากมาย ชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีรู้จักคนมากมาย กลับมีเพียงตอนที่เจออ๋องเฉิน หัวใจปั่นป่วนนางจำได้ตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรก อ๋องเฉินจับมือของนาง มองฐานะของนางออกในปราดเดียว เขาพูดว่า‘การปรากฏตัวขององค์หญิงช่างพิเศษจริงๆ’หวั่นไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซ่า…เสียงน้ำหลังฉากบังลม เหมือนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำเสร็จแล้ว แขนข้างหนึ่งที่มีหยดน้ำติดยื่นออกมาหยิบเสื้
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ
ต้องเป็นฝีมือเขาแน่!อวิ๋นอิงฝืนยันร่างกายที่อ่อนแรงขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซสองสามก้าว เกือบหมดสติล้มลง“ฮูหยินน้อย!” หมอตำแยรีบเข้าไปประคองนาง “เลือดของเจ้ายังไม่หยุดไหลเลย ลงจากเตียงไม่ได้…”พูดไม่ทันจบ อวิ๋นอิงปัดมือหมอตำแยทิ้ง วิ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดชีวิตไม่มีใครสามารถแย่งลูกสาวที่นางต้องแลกมาด้วยชีวิต!นางไม่มีพ่อแม่แล้ว สูญเสียคนที่รักที่สุด นางไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกสาวเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่นางจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปใครกล้าแย่งความหวังของนาง นางก็สู้ตายกับคนคนนั้น!หมอตำแยงไล่ตามไปถึงหน้าประตู มองดูนางวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซ รู้สึกงงงวยไปหมด“เด็ก เด็ก…เด็กคนนี้มันอะไรกันแน่…แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? รอก่อน! ยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาเลยนะ!”“...”บนถนนชาวบ้านเห็นผู้หญิงที่มีเลือดเปื้อนตามร่างกายวิ่งล้มลุกคลุกคลาน คิดว่าเป็นคนบ้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนตกใจจนพากันหลบ กลัวตัวเองจะติดความโชคร้ายอวิ๋นอิงเหนื่อยมาก ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว ศีรษะหนักราวกับพันชั่ง ขาทั้งสองข้างล้าจนอ่อนไปหมดแล้ว อาศัยแค่ความแน่วแน่ ต่อให้คลานอย่างสุดชีวิตก็ต้องคลานไปให้ถึงทำเนีย
อวิ๋นอิงรีบปิดปากวิ่งหนี ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ทุกวินาทีที่อยู่ในทำเนียบ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะท้องเด็กคนนี้ยังไม่ทันเกิด ก็ตกไปอยู่ในแผนของผู้อื่นแล้วนางนอนไม่หลับทั้งคืนรอจนรุ่งสาง นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าหากฝืนยื้อ นางยื้อจิ่งอี้ไม่ไหว หลังจากคิดซ้ำๆ ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากไปเงียบๆ แล้วนางอยากไปจากเจียงหนานหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีใครรู้จักนาง คลอดเด็กคนนี้ออกมา และเลี้ยงดูเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางโลก ไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้น ไปอยู่สถานที่ใหม่ เริ่มต้นใหม่จากไปอย่างเร่งด่วน พกเพียงเงินมือข้างหนึ่งจับท้อง ฝีเท้าเร่งรีบ เตรียมไปเช่ารถม้าหนึ่งคัน แต่ตอนเดินไปถึงตรงหัวมุม ไม่ระวังถูกเด็กที่เล่นอยู่ตรงนั้นชนท้อง“ซี้ด!”ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างมีกระแสอุ่นๆ สายหนึ่งไหลออกจากร่างกายช่วงล่างสีหน้าอวิ๋นอิงเปลี่ยนฉับพลัน มือจับเสื้อผ้าตรงท้องตามสัญชาตญาณ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ตกวูบ เจ็บจนจับกำแพง ทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างเข่าอ่อนชาวบ้านที่เดินผ่านมาเห็น กล่าวด้วยความตกใจ“แม่นาง เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ข้างล
เสียงของเขาทุ้มและเหนื่อยมาก ทั้งที่เพิ่งอายุยี่สิบหกปี แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความผันผวน เหมือนชายชราใกล้ตายที่ผ่านอะไรมามากมาย นั่งอยู่บนบันได มองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้า รอคอยความตายที่จะมาถึงเฟิ่งหรานรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งความรัก เป็นสิ่งที่อันตรายจริงๆชาตินี้เขายอมไม่แตะต้องผู้หญิงเลย“เช่นนั้นก็ไปเถอะ” เขากล่าว “อวิ๋นอิงเกลียดเจ้า เจ้าฝืนอยู่ข้างกายนาง มีแต่จะคอยย้ำเตือนความเจ็บปวดที่นางเคยได้หลับ เกรงว่ามีแต่จะยิ่งเกลียดเจ้า”“พวกเรากลับแคว้นกันเถอะ”กลับแคว้นซีอวี้กลับไปในที่ที่ควรกลับ กลับไปทำสิ่งที่ควรทำ ลืม…คนที่ควรลืมเฟิ่งหรานกล่าว “บางทีไปจากนาง จึงจะสามารถทำให้นางสบายใจจริงๆ ชีวิตจึงจะนับว่าดีขึ้นจริงๆ เจ้าก็ควรกลับแคว้น ทวงคืนสิ่งที่เป็นของเจ้าคืนแล้ว”“ข้าไปหาพระชายา ขอให้นางช่วยรักษากล่องเสียงของเจ้า”“ไม่ต้องแล้ว” จิ่งอี้ปฏิเสธอย่างเรียบเฉยกล่องเสียงที่พังแล้ว เขาไม่อยากรักษายาพิษที่อวิ๋นอิงป้อนเองกับมือ มันหวานเหมือนน้ำผึ้ง ชาตินี้เขาจะไม่รักษา“อวิ๋นอิงเกลียดข้า ก็ให้พิษนี่อยู่ในร่างกายข้า ให้ความเกลียดของนางมีที่ระบาย เช่นนี้จึงจะสามารถทำใ
จิ่งอี้ค่อยๆ หลุบตาลง ความดีใจเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงความเศร้าในแววตาของเขา…เขากล้าขอให้อวิ๋นอิงให้อภัยได้อย่างไร?เขาทำกับอวิ๋นอิงเช่นนั้น ทำร้ายนางเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นเขา ก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเองอวิ๋นอิงเกลียดเขา มันก็สมควรแล้วอวิ๋นอิงวางยาเขา ทำลายกล่องเสียงของเขา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเขาแค่สูญเสียกล่องเสียงแต่ความเจ็บปวดทางจิตใจและจิตวิญญาณที่อวิ๋นอิงได้รับ ไม่สามารถลบเลือนได้ทั้งชีวิต“เป็นความผิดของข้า ล้วนเป็นความผิดของข้า…”ไม่ว่าอวิ๋นอิงทำอะไร เขาก็พร้อมรับทุกอย่างนี่คือผลลัพธ์ที่เขาควรได้รับ“ไม่เป็นไร…สมควรแล้ว…อวิ๋นอิงทำถูก…ข้าไม่โทษนาง นางรังเกียจข้า นางเกลียดข้า นางอยากเอาชีวิตข้า ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง…เฟิ่งหราน ข้าไม่เกลียดนาง จริงนะ…ข้า…”เสียงของเขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ เบ้าตาก็แดงอย่างรวดเร็วมีหมอกปกคลุมพร่ามัวน้ำตาไหลออกมาพลันเฟิ่งหรานแน่นหน้าอกรู้จักกันนานเช่นนี้ เคยเห็นจิ่งอี้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวตั้งแต่เมื่อไร? ถูกพ่อแท้ๆ ทิ้ง เขาไม่ร้องไห้ จางเฟยตา เขาก็ไม่ร้องไห้ตอนนี้ เวลานี้ น้ำตาตกเหมือนสายฝน!ผู้ชา