พระชายาอ๋องเฟิงถูกหามเข้าไปในห้อง บรรดาสาวใช้ยกกะละมังน้ำร้อน วิ่งเข้าวิ่งออกอย่างรีบร้อน ตอนเข้าไป น้ำยังสะอาดอยู่ ตอนออกมา เลือดเต็มกะละมัง...คำพูดเหล่านั้นของนางที่พูดเอาไว้สะท้อนอยู่ในหูของทุกคน ดวงตาหลายสิบคู่จ้องมองฉู่เชียนหลีอย่างงงงันเป็นฝีมือของพระชายาอ๋องเฉิน...ฆาตกรฆ่าคน...กลางวันแสก ๆ ในสายตาของทุกคน คิดไม่ถึงว่านางจะวางแผนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท!“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าจิตใจอำมหิตเหลือเกิน!”ฉู่เจียวเจียวเป็นคนแรกที่เอ่ยปากพูด นางกล่าวเสียงดัง เมื่อเปิดประเด็น ดึงดูดให้คนอื่นพากันพูดเสริม“นี่เป็นถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท!”“ท่านกังวลว่าพระชายาอ๋องเฟิงจะให้กำเนิดหลานชายคนโต ก็ไม่ควรจะใช้วิธีที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งมีชีวิต ท่านคือปีศาจร้ายที่เหี้ยมโหด!”เมื่อครู่นี้ ทุกคนได้เห็นทั้งหมดกับตาพระชายาอ๋องเฟิงหวังดีต่อพระชายาอ๋องเฉิน ให้แพทย์หลวงช่วยรักษาใบหน้าให้นาง พระชายาอ๋องเฉินไม่เพียงไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ ยังออกแรงผลักพระชายาอ๋องเฟิงจนล้มลงไปบนพื้นอีกเลือดออกมากขนาดนั้น เลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทจะต้องเป็นอันตรายแน่นอน“คิดไม่ถ
ในจวนอ๋องเฟิง เกิดกระแสนิยม ‘ตามหาพระชายาอ๋องเฉิน’ ขึ้นทันทีบรรดาแขก บรรดากุ้ยเฟย บรรดาคนใช้พากันกระจายตัว ตามหาไปทั่วทุกที่“เหตุใดพระชายาอ๋องเฉินจึงหายตัวไปแล้ว? นางหนีไปตอนไหน?”“ข้าว่านางจะต้องกินปูนร้อนท้อง จึงหนีไปเสียเลย? ล้อเล่นน่า! นี่เป็นถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท นางทำเรื่องแบบนี้ ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยนางไปเด็ดขาด!”“อำมหิตเหลือเกิน!”“นางจะต้องหนีกลับไปที่จวนอ๋องเฉินแล้วหรือ...”“พระชายา!”ด้านนอกจวน อ๋องเฟิงที่เพิ่งกลับมาจากประชุมราชสำนักได้รับข่าว วิ่งเข้าไปในจวนอย่างร้อนใจ ไม่สนใจแขกเหรื่อที่กำลังมุงดูเรื่องชาวบ้าน รีบตรงไปยังห้องหลักข้างห้องโถง“พระชายา!”โครม!ถีบประตูให้เปิดออกทุกคนที่กำลังรออ๋องเฟิงโมโห ทำเรื่องให้ใหญ่โต เมื่อเรื่องไปถึงพระกรรณของฝ่าบาท ดูเรื่องตลกของอ๋องเฟิงกับอ๋องเฉินสองพี่น้องสู้กัน แต่กลับเห็นพระชายาอ๋องเฉินที่ ‘หายตัวไป’ นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของพระชายาอ๋องเฟิงอย่างสุขสบายดี เกิดเรื่องอะไรขึ้น?ทุกคนตกตะลึงไปประเดี๋ยวหนึ่ง หลังจากได้สติ ก็รีบกล่าวเสียงดัง“ท่านอ๋องเฟิง พระชายาอ๋องเฉินเป็นฆาตกรวางแผนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบา
เมืองตงหนิง!โรคระบาดนั่นรุนแรงมาก!ไม่รู้ว่าโรคเริ่มมาจากที่ใด ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่เพียงสี่วัน ก็ระบาดไปทั่วทั้งหัวเมืองแล้ว คนเกือบหมื่นไม่ได้รับการรักษา มีคนล้มตายทุกวัน ฝ่าบาทได้ส่งคนไปสองชุด ต่างก็ไม่สามารถแก้ปัญหายากข้อนี้ได้รัชทายาทก็ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ส่งข่าวดีกลับมาถ้าหากไปที่เมืองตงหนิง มีความเป็นไปได้สูงที่จะตาย พระชายาอ๋องเฉินไม่กลัวงั้นหรือ?ทุกคนมองฉู่เชียนหลีอย่างตกตะลึงเมืองตงหนิงตอนนี้ก็เหมือนกับระเบิดเวลาลูกหนึ่ง ที่ทุกคนอยากจะหลีกหนี แต่คิดไม่ถึงว่านางอยากไป?บ้าไปแล้วกระมัง?พระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว กล่าวอย่างกังวลใจเป็นอย่างมาก “เสียวฉู่...”“วางใจเถอะพี่อวี๋ ข้ารู้ดีแก่ใจ ในเมื่อพวกท่านสงสัยข้า นี่คือโอกาสดีที่ข้าจะพิสูจน์ตนเอง” ฉู่เชียนหลีกล่าว“ดี!”อ๋องเฟิงลุกขึ้นยืน กล่าวตัดสิน“พระชายาอ๋องเฉิน ถ้าหากท่านสามารถจัดการปัญหาเรื่องโรคระบาดได้ กลับมาอย่างปลอดภัย ข้าจะเชื่อว่าเจ้าบริสุทธิ์ แต่ว่า เจ้าเป็นฝ่ายตัดสินใจไปที่เมืองตงหนิง ถ้าหากอ๋องเฉินเอาความขึ้นมา ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนอ๋องเฟิง”“ได้!”คำไหนคำนั้นบรรลุข้อตกลงร่วมกันเรื่องไม่อาจชักช้า
ท้องฟ้ามืดสลัว ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมฆดำปกคลุมไปทั่วทั้งหัวเมือง ไม่เห็นแสงแดด บรรยากาศอึมครึม ราวกับว่าทุกสรรพสิ่งล้วนตกอยู่ในกลิ่นอายของความสิ้นหวังเมืองนี้ก็คือ——เมืองตงหนิงทหารเฝ้าอารักขาอย่างเข้มงวด ประตูเมืองปิดมิดชิด ทุกคนไม่สามารถเข้าออกได้ในเมือง เต็มไปด้วยความสิ้นหวังโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วทั้งหัวเมือง บรรดาชาวบ้านแทบจะติดเชื้อกันหมด พวกเขาตัวร้อน ไอไม่หยุด ไม่ว่าจะกินยาอะไรก็ไม่สามารถรักษาได้ ไอไปไอมา ตอนที่ไอจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะรุนแรงขึ้นทันทีบรรดาชาวบ้านค่อนข้างหวาดกลัว อยู่อย่างหวาดกลัวทุกวัน ถูกขังอยู่ในเมืองแห่งนี้ราวกับสัตว์ หนีไม่ได้ ออกไปไม่ได้ ทำได้แค่เพียงรอความตายเท่านั้นรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งวันนี้ ใจกลางหัวเมือง ส่องประกายความหวังอันริบหรี่รัชทายาท!ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่บนแท่นสูง เหมือนกับว่าเป็นผู้กอบกู้โลกที่ลงมาจากสวรรค์ ประกาศข่าวดีให้แก่ชาวบ้านทั้งเมือง“พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย หลังจากผ่านการศึกษาของคณะหมอหลวง อดหลับอดนอนมาหลายคืน ในที่สุดก็ผลิตสูตรยาที่มีประสิทธิผลออกมาได้แล้ว! เพียงแค่กินลงไป ก็จะสามารถรักษาโรคได้!”“เย่!”ทันทีที่คำพูดป
องครักษ์หกนายคุ้มกันรัชทายาทล่าถอย กงเจิ้นหงก็รีบขึ้นไปบนรถม้าเช่นกัน ฝ่าฝูงชนออกไป“เร็ว! รีบออกจากเมือง! พวกเจ้าขวางชาวบ้านเอาไป คุ้มกันรัชทายาท!”กาฬโรคคร่าชีวิตคน ชาวบ้านตายไปก็ไม่สำคัญ ล้วนเป็นชีวิตที่ต่ำต้อย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับรัชทายาท เรื่องจะยุ่งยากมากทันทีที่ออกคำสั่ง องครักษ์ยี่สิบกว่านายก็พุ่งตัวไปข้างหน้า ตั้งรับป้องกัน กันบรรดาชาวบ้านออกไปรถม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วบรรดาชาวบ้านตื่นตระหนก วุ่นวาย หวาดกลัว“ไม่ใช่กล่าวว่ามียารักษางั้นหรือ? ทำไมถึง...”“องค์รัชทายาทจะทิ้งพวกเราไป ไม่สนใจความเป็นตายของพวกเราอย่างนั้นหรือ?”“อย่าไป...”“ช่วยด้วย...”ตอนที่รัชทายาทอยู่ พวกเขามองเห็นความหวังรัชทายาทไปแล้ว พวกเขาเหมือนกับถูกดึงกระดูกสันหลัง อวัยวะภายในทั้งหก[footnoteRef:1]ไป จนทำอะไรไม่ถูก รีบวิ่งตามรถม้าของรัชทายาทไปอย่างรีบร้อน [1: อวัยวะภายในทั้งหก ได้แก่ หัวใจ ปอด ตับ ไต ม้าม และถุงน้ำดี] “องค์รัชทายาท!”“ช่วยพวกเราด้วย! ช่วยด้วย!”ฝูงชนมืดฟ้ามัวดินราวกับกระแสน้ำขึ้นน้ำลง องครักษ์ยี่สิบกว่านายขวางเอาไว้ไม่อยู่เลยแม้แต่น้อย ในไม่ช้าก็ถูกฝ่าทะลุ บรรด
“พระชายา!”ทันทีที่หลิงเชียนอี้ออกไป ชายวัยกลางคนที่คุ้นตาคนหนึ่งก็เดินออกมาจากที่ไหนสักแห่งเมื่อมองอย่างชัดเจน“รองแม่ทัพเจียง?”รองแม่ทัพเจียงรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว โค้งตัวคำนับเขาได้รับคำสั่งของอ๋องเฉิน แอบซุ่มอยู่ในเมืองตงหนิง สืบเรื่องโรคระบาด กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับพระชายาไม่เห็นอ๋องเฉิน มีเพียงพระชายา ใช้หัวแม่โป้งเท้าคิดก็รู้ว่า พระชายาแอบหนีมาเขารีบแสดงตัว คุ้มกันความปลอดภัยของพระชายาเขากำลังคิดว่าจะคุ้มกันพระชายาออกนอกเมือง แต่พระชายากลับเอ่ยปากกล่าว“เจ้ามาได้เวลาพอดี รองแม่ทัพเจียง ข้ากำลังขาดลูกมือ เจ้าช่วยข้าจัดลำดับชาวบ้านให้หน่อย แยกตามการติดเชื้อ อาการหนัก ธรรมดา เพิ่งติดเชื้อ แข็งแรงให้ที”“สิ่งของที่พวกเขาเคยสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า บ้าน ต้องฆ่าเชื้อทั้งหมด!”รองแม่ทัพเจียง “?”ไม่ออกนอกเมือง ยังวิ่งเข้าไปในเมือง ถ้าท่านอ๋องทราบจะต้องถลกหนังเขาเป็นแน่เขากดเสียงให้เบาลง กล่าวเสนอแนะเสียงเบา“พระชายา สถานการณ์การระบาดในเมืองรุนแรงกว่าที่คิด แม้แต่รัชทายาทยังหนี ไม่สู้ท่านออกจากเมืองไปก่อน เรื่องนี้พักไว้ก่อนค่อยคุยกัน?”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้
กลุก ๆ...ร่างของคนคนหนึ่งกลิ้งเข้ามาด้านในกระโจมอย่างไม่ทันตั้งตัว“ท่านโหวน้อย!?” กงเจิ้นหงเบิกตาโตอย่างตกใจบทสนทนาของเขากับรัชทายาท ไม่คิดเลยว่าท่านโหวน้อยจะแอบฟังอยู่ด้านนอก แล้วก็ไม่รู้ว่าได้ยินไปเท่าไหร่...หลิงเชียนอี้กลิ้งอยู่สองตลบ โดนจับได้ก็ไม่สะทกสะท้าน เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มร่า“โอ๊ะ ท่านลุงรัชทายาท!”เขาตบหน้าขา รีบลุกขึ้นมา“ท่านลุงรัชทายาท ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? ข้าได้ยินว่าท่านมาที่เมืองตงหนิง ข้าเป็นห่วงแทบแย่ ตอนนี้ รีบเดินทางมาที่นี่ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ลี้ เพื่อมาดูว่าท่านปลอดภัยดี ข้าก็วางใจมากแล้ว!”เขาโบกมือด้วยใบหน้ายินดี“พวกท่านคุยกันไปเถอะ ไม่มีธุระแล้วละก็ข้าขอตัวไปก่อน ฮี่ ๆ!”หัวเราะจบ กำลังตั้งท่า จะวิ่งถอยออกไปทันใดนั้น ด้านหลัง เสียงเย็นชาดังขึ้น“หยุดก่อน!”น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับมีฝ่ามือที่ไร้รู้ร่างมือหนึ่ง จับเข้าที่ต้นคอของหลิงเชียนอี้ ทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาหยุดชะงักอยู่กับที่ราวกับมีอะไรมาถ่วงเอาไว้ ก้าวขาไม่ออกอีกชะงักไปครู่หนึ่งเขาค่อย ๆ หันหลังกลับมา จ้องมองไปยังชายหนุ่มชุดดำ นัยน์ตาดำขลับเคร่งขรึม ที่จ้องเขาเ
“ห้ามแตะต้อง!”“ข้าขอเตือนพวกเจ้า...”เสียงเย็นชาของหญิงสาว เสียงจ้อกแจ้กจอแจผสมปนเปกัน ราวกับว่ามีคนจำนวนมากกำลังก่อเรื่องขึ้นด้านนอกการเคลื่อนไหวในมือของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นจิ่งอี้กล่าว “ท่านศึกษาอย่างสบายใจเถอะ ข้าไปจัดการเอง”เขาสาวเท้าเดินออกไปฉู่เชียนหลีนวดคลึงหว่างคิ้ว เดิมทีเชื้อโรคประเภทนี้สามารถทดสอบออกมาได้แล้ว แต่เนื่องจากเวลาล่าช้า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จำต้องค้นคว้าสูตรยาขึ้นใหม่อีกครั้งวิจัยนานแล้ว ประกอบกับขี่ม้าเป็นเวลานาน นางเหนื่อยจนเวียนหัว จึงออกไปสูดอากาศเมื่อเปิดประตู ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมเป็นกลุ่ม ทะเลาะกัน หนึ่งในนั้น มีเด็กหญิงตัวน้อยสวมชุดทะมัดทะแมงสีแดง ถักเปียกผมสั้นคนหนึ่งถือหอกสีแดง ใบหน้าเยาว์วัยที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยความโมโห จ้องมองชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งคนตรงหน้าด้วยสายตาอาฆาต“ท่านพ่อของข้าตายเพราะคุ้มกันเมือง ท่านแม่ของข้าจากไปด้วยโรคติดต่อ ถ้าหากพวกเจ้ากล้าแย่งสมบัติที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ข้า ข้าจะส่งไปเจ้าไปเจอยมบาลเดี๋ยวนี้เลย!”น้ำเสียงของนางดุดันชัดแจ๋ว ใบหน้าองอาจห้าวหาญ สะบัดผมเปียสั้นอย่างด