ฉู่เชียนหลี “?”ครั้งแรกที่ได้พบพระชายาอ๋องเฟิง คือวันที่รัชทายาทเลือกพระชายารองในวังหลวง พระชายาอ๋องเฟิงด่านางอัปลักษณ์ ว่านางไม่ได้รับความโปรดปราน ดูถูกนาง นางก็โต้กลับไปอย่างไม่อ่อนข้อ ทั้งสองเผชิญหน้าตาต่อตา ฟันต่อฟันนี่ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน พระชายาอ๋องเฟิงก็อ่อนโยนกับนางเช่นนี้แล้ว?สายตาของทุกคนมองไปทางฉู่เชียนหลีขอแค่เด็กในท้องพระชายาอ๋องเฟิงเป็นผู้ชาย ก็จะเป็นพระราชนัดดาคนโต สถานะทะยานสู่จุดสูงสุด ไม่มีใครเทียบได้ นางให้ความสำคัญต่อฉู่เชียนหลีเช่นนี้ คือเกียรติของฉู่เชียนหลี“น้องหญิงสี่ พระชายาอ๋องเฟิงกำลังเรียกเจ้า” ในที่นั่ง ฉู่หงหลวนเอ่ยปากด้วยรอยยิ้มต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ หากฉู่เชียนหลีไม่ไป ก็ไม่เท่ากับไม่เห็นพระชายาอ๋องเฟิงอยู่ในสายตา?ฉู่เชียนหลีค่อยๆ ลุกขึ้น กวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง ยกเท้าเดินไปข้างหน้าพระชายาอ๋องเฟิงมองนางด้วยรอยยิ้มมือของนางวางอยู่บนท้อง ลูบอย่างอ่อนโยน เหมือนกับว่าหลังจากมีลูก นางก็เปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นมารดาที่จิตใจดีมีเมตตา แต่คำพูดที่พูดออกมา…“พระชายาอ๋องเฉินก็ต้องพยายามนะ เอาอกเอาใจอ๋องเฉินให้ดี ที่จริงเมื่อดับเทียน หน้าตาผู้หญิงก็เหม
เหล่าคนรับใช้ยกน้ำชาและขนมเข้ามา ทุกคนเริ่มสนทนากัน โดยส่วนใหญ่แล้วล้วนกำลังชมพระชายาอ๋องเฟิงด้านนี้ พระชายาอ๋องติ้งกับฉู่เชียนหลีก็เริ่มสนทนาเช่นกัน“ได้ยินมาว่าเจ้ามีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์?”“เรียนกับใคร?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองรักษาหน้าของตัวเอง? ทั่วหล้ามีผู้หญิงคนใดไม่รักงาม ต่อให้ไม่ทำเพื่อผู้ชาย ก็ต้องมีชีวิตเพื่อตัวเอง”เสียงพระชายาอ๋องติ้งอ่อนโยน น้ำเสียงก็นุ่มนวลมาก ให้ความรู้สึกน่าใกล้ชิดมากฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “มีคำคำหนึ่งพูดได้ดีไม่ใช่หรือ หมอไม่รักษาตัวเอง”“อืม มันก็จริง” พระชายาอ๋องติ้งพยักหน้าเงียบๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่เวลาเดียวกัน ฉู่เชียนหลีก็กำลังสังเกตสีหน้านางเช่นกันแม้โหงวเฮ้งของพระชายาอ๋องติ้งจะดี ใบหน้าอวบอิ่ม ร่างกายสมบูรณ์ ดวงตามีชีวิตชีวา แต่ตาโหลเล็กน้อย สีหน้าซีดไปทางเหลือง ขาดชีพจรสำคัญสองจุด อยากที่จะตั้งครรภ์เล่ากันว่านางแต่งงานกับอ๋องติ้งสี่ปีแล้ว ยังไม่มีลูกเสียทีเมื่อครู่พระชายาอ๋องติ้งช่วยนาง นางเกิดความหวังดี กล่าวเสนอแนะ“ข้าพอมีความรู้ทักษะการแพทย์จริง ค่อนข้างชำนาญเรื่องทั่วไปของผู้หญิง หากพระชายาอ๋องติ้งไม่ถือ
พระชายาอ๋องติ้งได้ยินแล้ว ก็เผลอหัวเราะออกมาก็จริง อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ไม่ให้ความสำคัญ ฮูหยินฉู่ไม่รัก นางอันมารดาผู้ให้กำเนิดก็ลำเอียง สถานการณ์เช่นนี้แตกต่างอะไรกับไม่มีพ่อไม่มีแม่ช่างเป็นเด็กที่มีชีวิตขมขื่นจริงๆ“ข้าน้อยหยางอันคำนับพระชายาอ๋องเฟิง รับบัญชาฝ่าบาท มาตรวจชีพจรให้ท่าน!”ระหว่างพูดคุย หมอหลวงคนหนึ่งถือกล่องยาเดินเข้ามาพระชายาอ๋องเฟิงกับฉู่หงหลวนสบตากันแวบหนึ่ง มองไปทางหมอหลวงหยางโดยไม่ได้นัดหมาย หมอหลวงหยางก้มหน้าโดยไม่รู้ตัว เหมือนตัวสั่นอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย… “มาเถอะ” พระชายาอ๋องเฟิงยื่นมือออกไปหมอหลวงก้มศีรษะต่ำมาก เดินออกไปข้างหน้า คุกเข่าหนึ่งข้าง หยิบผ้าโปร่งบางผืนหนึ่งออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วคลุมบนข้อมือที่ขาวเรียวของพระชายาอ๋องเฟิง จึงจะยื่นมือออกไปตรวจชีพจรทุกคนล้วนมองด้วยความเป็นห่วงหลังจากเวลาประมาณดื่มชาครึ่งถ้วย“หมอหลวงหยาง ท่านเป็นหมอหลวงที่มีทักษะการแพทย์ดีที่สุดในสำนักหมอหลวง ลูกของข้าเป็นอย่างไร?” พระชายาอ๋องเฟิงถามด้วยรอยยิ้มในใจหมอหลวงหยางกลับตื่นตระหนกมากก่อนหน้านี้เขาก็ได้วินิจฉัยชีพจรให้พระชายาอ๋องเฟิงแล้วนี่คือตายตอ
พระชายาอ๋องเฟิงถูกหามเข้าไปในห้อง บรรดาสาวใช้ยกกะละมังน้ำร้อน วิ่งเข้าวิ่งออกอย่างรีบร้อน ตอนเข้าไป น้ำยังสะอาดอยู่ ตอนออกมา เลือดเต็มกะละมัง...คำพูดเหล่านั้นของนางที่พูดเอาไว้สะท้อนอยู่ในหูของทุกคน ดวงตาหลายสิบคู่จ้องมองฉู่เชียนหลีอย่างงงงันเป็นฝีมือของพระชายาอ๋องเฉิน...ฆาตกรฆ่าคน...กลางวันแสก ๆ ในสายตาของทุกคน คิดไม่ถึงว่านางจะวางแผนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท!“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าจิตใจอำมหิตเหลือเกิน!”ฉู่เจียวเจียวเป็นคนแรกที่เอ่ยปากพูด นางกล่าวเสียงดัง เมื่อเปิดประเด็น ดึงดูดให้คนอื่นพากันพูดเสริม“นี่เป็นถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท!”“ท่านกังวลว่าพระชายาอ๋องเฟิงจะให้กำเนิดหลานชายคนโต ก็ไม่ควรจะใช้วิธีที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งมีชีวิต ท่านคือปีศาจร้ายที่เหี้ยมโหด!”เมื่อครู่นี้ ทุกคนได้เห็นทั้งหมดกับตาพระชายาอ๋องเฟิงหวังดีต่อพระชายาอ๋องเฉิน ให้แพทย์หลวงช่วยรักษาใบหน้าให้นาง พระชายาอ๋องเฉินไม่เพียงไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ ยังออกแรงผลักพระชายาอ๋องเฟิงจนล้มลงไปบนพื้นอีกเลือดออกมากขนาดนั้น เลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทจะต้องเป็นอันตรายแน่นอน“คิดไม่ถ
ในจวนอ๋องเฟิง เกิดกระแสนิยม ‘ตามหาพระชายาอ๋องเฉิน’ ขึ้นทันทีบรรดาแขก บรรดากุ้ยเฟย บรรดาคนใช้พากันกระจายตัว ตามหาไปทั่วทุกที่“เหตุใดพระชายาอ๋องเฉินจึงหายตัวไปแล้ว? นางหนีไปตอนไหน?”“ข้าว่านางจะต้องกินปูนร้อนท้อง จึงหนีไปเสียเลย? ล้อเล่นน่า! นี่เป็นถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท นางทำเรื่องแบบนี้ ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยนางไปเด็ดขาด!”“อำมหิตเหลือเกิน!”“นางจะต้องหนีกลับไปที่จวนอ๋องเฉินแล้วหรือ...”“พระชายา!”ด้านนอกจวน อ๋องเฟิงที่เพิ่งกลับมาจากประชุมราชสำนักได้รับข่าว วิ่งเข้าไปในจวนอย่างร้อนใจ ไม่สนใจแขกเหรื่อที่กำลังมุงดูเรื่องชาวบ้าน รีบตรงไปยังห้องหลักข้างห้องโถง“พระชายา!”โครม!ถีบประตูให้เปิดออกทุกคนที่กำลังรออ๋องเฟิงโมโห ทำเรื่องให้ใหญ่โต เมื่อเรื่องไปถึงพระกรรณของฝ่าบาท ดูเรื่องตลกของอ๋องเฟิงกับอ๋องเฉินสองพี่น้องสู้กัน แต่กลับเห็นพระชายาอ๋องเฉินที่ ‘หายตัวไป’ นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของพระชายาอ๋องเฟิงอย่างสุขสบายดี เกิดเรื่องอะไรขึ้น?ทุกคนตกตะลึงไปประเดี๋ยวหนึ่ง หลังจากได้สติ ก็รีบกล่าวเสียงดัง“ท่านอ๋องเฟิง พระชายาอ๋องเฉินเป็นฆาตกรวางแผนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบา
เมืองตงหนิง!โรคระบาดนั่นรุนแรงมาก!ไม่รู้ว่าโรคเริ่มมาจากที่ใด ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่เพียงสี่วัน ก็ระบาดไปทั่วทั้งหัวเมืองแล้ว คนเกือบหมื่นไม่ได้รับการรักษา มีคนล้มตายทุกวัน ฝ่าบาทได้ส่งคนไปสองชุด ต่างก็ไม่สามารถแก้ปัญหายากข้อนี้ได้รัชทายาทก็ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ส่งข่าวดีกลับมาถ้าหากไปที่เมืองตงหนิง มีความเป็นไปได้สูงที่จะตาย พระชายาอ๋องเฉินไม่กลัวงั้นหรือ?ทุกคนมองฉู่เชียนหลีอย่างตกตะลึงเมืองตงหนิงตอนนี้ก็เหมือนกับระเบิดเวลาลูกหนึ่ง ที่ทุกคนอยากจะหลีกหนี แต่คิดไม่ถึงว่านางอยากไป?บ้าไปแล้วกระมัง?พระชายาอ๋องติ้งขมวดคิ้ว กล่าวอย่างกังวลใจเป็นอย่างมาก “เสียวฉู่...”“วางใจเถอะพี่อวี๋ ข้ารู้ดีแก่ใจ ในเมื่อพวกท่านสงสัยข้า นี่คือโอกาสดีที่ข้าจะพิสูจน์ตนเอง” ฉู่เชียนหลีกล่าว“ดี!”อ๋องเฟิงลุกขึ้นยืน กล่าวตัดสิน“พระชายาอ๋องเฉิน ถ้าหากท่านสามารถจัดการปัญหาเรื่องโรคระบาดได้ กลับมาอย่างปลอดภัย ข้าจะเชื่อว่าเจ้าบริสุทธิ์ แต่ว่า เจ้าเป็นฝ่ายตัดสินใจไปที่เมืองตงหนิง ถ้าหากอ๋องเฉินเอาความขึ้นมา ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนอ๋องเฟิง”“ได้!”คำไหนคำนั้นบรรลุข้อตกลงร่วมกันเรื่องไม่อาจชักช้า
ท้องฟ้ามืดสลัว ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมฆดำปกคลุมไปทั่วทั้งหัวเมือง ไม่เห็นแสงแดด บรรยากาศอึมครึม ราวกับว่าทุกสรรพสิ่งล้วนตกอยู่ในกลิ่นอายของความสิ้นหวังเมืองนี้ก็คือ——เมืองตงหนิงทหารเฝ้าอารักขาอย่างเข้มงวด ประตูเมืองปิดมิดชิด ทุกคนไม่สามารถเข้าออกได้ในเมือง เต็มไปด้วยความสิ้นหวังโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วทั้งหัวเมือง บรรดาชาวบ้านแทบจะติดเชื้อกันหมด พวกเขาตัวร้อน ไอไม่หยุด ไม่ว่าจะกินยาอะไรก็ไม่สามารถรักษาได้ ไอไปไอมา ตอนที่ไอจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะรุนแรงขึ้นทันทีบรรดาชาวบ้านค่อนข้างหวาดกลัว อยู่อย่างหวาดกลัวทุกวัน ถูกขังอยู่ในเมืองแห่งนี้ราวกับสัตว์ หนีไม่ได้ ออกไปไม่ได้ ทำได้แค่เพียงรอความตายเท่านั้นรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งวันนี้ ใจกลางหัวเมือง ส่องประกายความหวังอันริบหรี่รัชทายาท!ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่บนแท่นสูง เหมือนกับว่าเป็นผู้กอบกู้โลกที่ลงมาจากสวรรค์ ประกาศข่าวดีให้แก่ชาวบ้านทั้งเมือง“พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย หลังจากผ่านการศึกษาของคณะหมอหลวง อดหลับอดนอนมาหลายคืน ในที่สุดก็ผลิตสูตรยาที่มีประสิทธิผลออกมาได้แล้ว! เพียงแค่กินลงไป ก็จะสามารถรักษาโรคได้!”“เย่!”ทันทีที่คำพูดป
องครักษ์หกนายคุ้มกันรัชทายาทล่าถอย กงเจิ้นหงก็รีบขึ้นไปบนรถม้าเช่นกัน ฝ่าฝูงชนออกไป“เร็ว! รีบออกจากเมือง! พวกเจ้าขวางชาวบ้านเอาไป คุ้มกันรัชทายาท!”กาฬโรคคร่าชีวิตคน ชาวบ้านตายไปก็ไม่สำคัญ ล้วนเป็นชีวิตที่ต่ำต้อย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับรัชทายาท เรื่องจะยุ่งยากมากทันทีที่ออกคำสั่ง องครักษ์ยี่สิบกว่านายก็พุ่งตัวไปข้างหน้า ตั้งรับป้องกัน กันบรรดาชาวบ้านออกไปรถม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วบรรดาชาวบ้านตื่นตระหนก วุ่นวาย หวาดกลัว“ไม่ใช่กล่าวว่ามียารักษางั้นหรือ? ทำไมถึง...”“องค์รัชทายาทจะทิ้งพวกเราไป ไม่สนใจความเป็นตายของพวกเราอย่างนั้นหรือ?”“อย่าไป...”“ช่วยด้วย...”ตอนที่รัชทายาทอยู่ พวกเขามองเห็นความหวังรัชทายาทไปแล้ว พวกเขาเหมือนกับถูกดึงกระดูกสันหลัง อวัยวะภายในทั้งหก[footnoteRef:1]ไป จนทำอะไรไม่ถูก รีบวิ่งตามรถม้าของรัชทายาทไปอย่างรีบร้อน [1: อวัยวะภายในทั้งหก ได้แก่ หัวใจ ปอด ตับ ไต ม้าม และถุงน้ำดี] “องค์รัชทายาท!”“ช่วยพวกเราด้วย! ช่วยด้วย!”ฝูงชนมืดฟ้ามัวดินราวกับกระแสน้ำขึ้นน้ำลง องครักษ์ยี่สิบกว่านายขวางเอาไว้ไม่อยู่เลยแม้แต่น้อย ในไม่ช้าก็ถูกฝ่าทะลุ บรรด