“...”มือที่ถือชามข้าวต้มของเฟิงเย่เสวียนบีบรัดแน่นขึ้นฉับพลัน ชามกระเบื้องดินเผาส่งเสียงเบาๆ แทบจะแตกแล้วก้าวไปข้างหน้า จับไหล่ของนางฉู่เชียนหลีตาโต——อยู่ดีๆ นายดึงฉันทำไม? สัตว์เดรัจฉาน!“...”แตะต้องนาง ด่าเขาสัตว์เดรัจฉานไม่แตะต้องนาง ด่าเขาไร้ความสามารถผู้หญิง…ปรนนิบัติยากยิ่งนัก รอหลอกหัวใจนางมาอยู่ในมือก่อน คอยดูเขาจะ ‘จัดการ’ นางอย่างไร“กินข้าวต้ม” ตักขึ้นมาหนึ่งช้อน ยัดใส่ปากนาง“จืดเกินไป ข้าไม่ชอบ…อื้อ! เจ้าช่วยอ่อนโยนหน่อย…อื้อ!”เพิ่งอ้าปาก ก็โดนช้อนยัดเต็มปากแล้ว“อื้อๆๆ!”——ผู้ชายที่หยาบคายแบบนี้ ไม่มีเด็กผู้หญิงชอบหรอกเฟิงเย่เสวียนกำช้อนแน่น “ข้าป้อนเจ้าด้วยตัวเอง เชียนหลีไม่ควรมีความสุขหรอกหรือ?”ต้องบอกก่อน มีผู้หญิงมากเท่าไรที่ขอความรักส่วนนี้แต่ไม่เคยได้รับ“ข้าดีใจจนน้ำตาแทบไหลออกมาแล้ว” ฉู่เชียนหลีฝืนยิ้ม“...”ไม่รู้สึกถึงความจริงใจของนางเลยสักนิด และยังมีความรู้สึกอยากต่อยเขาเล็กน้อยหลายวันนี้ แสงแดดดีมาก ในเมืองเซียงหนาน บนถนนและตอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คน ตรงใจกลางสุดของเมือง ยิ่งมีการสร้างเวทีตั้งแต่เช้ามืด ด้านหลังเวทีเต็มไปด้วยผู้ค
ฉู่เชียนหลีหันไปมองหานเฟิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาสำเร็จ!บนเวที ภายใต้สายตาของทุกคน คุณหนูจวนผู้ว่าการที่สวมชุดกระโปรงสีชมพูและผ้าคลุมหน้าค่อยๆ เดินออกมา ร่างอันเพรียวบางและมีเสน่ห์สะท้อนสู่สายตาของบรรดาผู้ชาย ทำให้สายตาของพวกเขาฉายความเร่าร้อนและปรารถนาลูกเขยของท่านผู้ว่าการ ใครไม่อยากเป็นบ้าง?แต่งงานกับคุณหนู ช่วยลดความบุกบั่นสามสิบปี ใครไม่ต้องการบ้าง?ผู้ว่าการเซียงหนานเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบต้นๆ สวมเสื้อผ้าสีน้ำตาล ใบหน้าเหลี่ยม ดูเป็นคนสุขุม รอยยิ้มเป็นมิตร เป็นคนที่ค่อนข้างเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายเมื่อเขาออกมา ข้างล่างเวที ผู้คนไม่น้อยตะโกนโดยตรง“ท่านพ่อตา!”ผู้ว่าการหลี่ได้ยินแล้วร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ทันที เขายกมือขึ้นบ่งบอกให้ทุกคนช่วยเงียบหน่อยหลังจากบรรยากาศในที่เกิดเหตุเริ่มสงบลง จึงจะกล่าวเสียงดัง“พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน! ข้าหลี่กัง ผู้ว่าการเซียงหนาน รักษาการณ์เซียงหนานสิบกว่าปี หลายปีมานี้ ปฏิบัติต่อราษฎรเหมือนญาติ ขุนนางและราษฎรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในสายตาของข้า ไม่มีแบ่งชนชั้นวรรณะ…”เขาพูดตามบทพูดทางการคำพูดเหล่านี้ใกล้ชิดราษฎรเป็นพิเศษ ทำให้ชาวบ้า
แย่งซิ่วฉิวได้ เรื่องนี้ก็มีบทสรุปแล้วบางคนดีใจบางคนเศร้าใจผู้ว่าการหลี่ประสานมือคำนับให้ทุกคน “ขอบคุณที่ทุกท่านให้เกียรติลูกสาวของข้า ต่างพากันมาร่วมสนับสนุน เรื่องการแต่งงานกำหนดเรียบร้อยแล้ว และจะจัดขึ้นในวันนี้ หลังจากนี้สองชั่วยาม เชิญทุกท่านมาดื่มเหล้าและร่วมสังสรรค์ที่จวน ข้าจะต้อนรับทุกท่านอย่างดีแน่นอน!”ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ก็พากันประสานมือคำนับคืน ล้วนบอกว่าจะไปร่วมสนุกผู้ว่าการหลี่ไม่มีการวางมาดแม้แต่น้อยจริงๆ คนเข้าถึงง่าย บรรดาชาวบ้านอยู่กับเขา รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ ต่างก็ยินดีไปร่วมสนุกที่จวนหลี่อย่างยิ่ง แล้วไม่ใช่หรือ ยังไม่ทันถึงสองชั่วยาม จวนหลี่ก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนแล้วทั้งคนดื่มเหล้ามงคล ทั้งคนร่วมสนุก ทั้งคนยกอาหาร ทั้งคนสนทนา…ทั้งจวนหลี่เต็มไปด้วยผู้คน ทุกที่เต็มไปด้วยของตกแต่งงานรื่นเริงสีแดง คึกคักอย่างยิ่งเรือนส่วนหลังห้องส่วนตัวกระจกสัมฤทธิ์สะท้อนใบหน้าเล็กอันงดงาม เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสีแดง แต่งหน้าอย่างวิจิตรบรรจง เป็นโฉมที่งดงามที่สุดในชีวิต“คุณหนู ท่านงามยิ่งนัก ขบวนรับตัวเจ้าสาวของจวนผู้ตรวจการกำลังจะมาแล้ว ท่านผู้ตรวจการเจอท่าน เกรงว่า
จวนผู้ตรวจการแขกนั่งจนเต็ม มีทั้งคนมอบของขวัญ มีทั้งคนเอาอกเอาใจ มีทั้งคนประจบสอพลอ…เรือนส่วนหน้าคึกคักอย่างยิ่ง เรือนส่วนหลังเป็นที่ตั้งของเรือนหอ เงียบสงบกว่าอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากเป็นการโยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าว การจัดงานแต่ง ดื่มเหล้ามงคลทั้งสองฝ่าย ทั้งหมดดำเนินการในวันเดียวกัน เมื่อเจ้าสาวถูกส่งเข้าเรือนหอ ยามราตรีก็มาเยือนแล้วภายในเรือนหอที่มีการตกแต่งอย่างรื่นเริงฉู่เชียนหลีเพิ่งนั่งลง กำลังเตรียมตัวลุกขึ้น นอกประตูก็มีคนมา“คำนับท่านผู้ตรวจการ”เสียงคำนับเสียงฝีเท้าเสียงเปิดประตูชายหนุ่มอายุเกือบสามสิบปีคนหนึ่งเดินเข้ามา สวมชุดมงคล ผิวพรรณสีข้าวสาลี่ที่อุดมสมบูรณ์ รูปร่างสูงใหญ่ เขาคือผู้ตรวจการเซียงหนาน เป็นขุนนางคดโกง โหดเหี้ยม และรุนแรงที่ราษฎรพูดถึงสองมือของเขาผลักขอบประตู สายตาที่แทบรอไม่ไหวจับจ้องร่างเพรียวบางบนเตียงก้าวออกไป ก็หยุดชะงักอยากเอ่ยปาก ก็อดกลั้นเอาไว้มือนั่นทำอะไรไม่ถูก ท่าทางระมัดระวังอย่างยิ่ง เหมือนเด็กน้อยที่มีรักครั้งแรก และไม่มีประสบการณ์อย่างยิ่ง“ใต้เท้า รีบเข้าไปสิเจ้าคะ” ตรงประตู แม่สื่อพูดเย้าแหย่ด้วยรอยยิ้ม “กว่าจะแต่งภรร
เมื่อสิ้นเสียงตะโกน สาวใช้หลายคนรีบวิ่งเข้ามาประคองเจ้าสาวไว้พ่อบ้านวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ใต้เท้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เกิดไฟไหม้รุนแรง ห้องหนังสือของท่าน…ห้องหนังสือ ไหม้หมดแล้ว!”ผู้ตรวจการถังกำหมัดแน่น มองไปทางแสงไฟที่อยู่ไม่ไกล กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ไม่ทันตรวจสอบแล้ว คืนนี้มีแขกมาพักค้างคืนเยอะมาก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คืออพยพฝูงชน แล้วค่อยช่วยกันดับไฟ รับประกันความปลอดภัยของทุกคน อย่าให้ถึงขั้นมีคนเสียชีวิตเด็ดขาด”“ขอรับ บ่าวไปเดี๋ยวนี้!”พ่อบ้านวิ่งออกไปข้างนอกพลาง ตะโกนเรียกคนมาดับไฟพลาง แขกที่พักค้างคืนก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบเช่นกัน ทุกคนไปรวมตัวที่ลานกว้างและปลอดภัยแต่ละคนงงงวย“อยู่ดีๆ เหตุใดจึงมีไฟไหม้ใหญ่เช่นนี้?”“ทุกคนวิ่งออกมาหมดแล้วกระมัง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บกระมัง?”“เถ้าแก่หวัง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”“พี่หญิงจาง…”ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายและร้อนรน ไม่รู้ว่าใครดึงผ้าคลุมศีรษะของฉู่เชียนหลีหลุด และในเวลาเดียวกัน ด้านนอก เงาคนสีดำกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว“ใต้เท้าผู้ตรวจการ ต่อให้เจ้าไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวข้า ก็ไม
“ข้าไม่ได้…”เสียงของผู้ตรวจการถังถูกเสียงของทุกคนกลบ ผู้ว่าการหลี่ยิ่งตำหนิเสียงดังด้วยความโกรธ“ชื่อเสียงปิงเอ๋อร์ของข้าถูกเจ้าทำลายหมดแล้ว เด็กผู้หญิงที่ขาวบริสุทธิ์คนหนึ่ง เกรงว่าคงถูกเจ้าบีบคั้นจนต้องตายทั้งเป็น!”ในยุคโบราณ ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงก็คือชีวิตที่สองคำพูดนี้กระตุ้นเสียงสะท้อนของแขกผู้หญิงไม่น้อยเป็นผู้หญิงเหมือนกัน พวกนางปวดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหนูหลี่มาก“นี่คุณหนูหลี่ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้เจอกับเรื่องเช่นนี้…”“ผู้ชาย เฮอะ! เพื่อผลประโยชน์แล้ว ทำได้ทุกอย่างจริงๆ”“ผู้ตรวจการเซียงหนาน? ถุย! เซียงหนานของเราไม่ยอมรับขุนนางเช่นนี้!”“ใช่…”พวกนางถ่มน้ำลายอยากดูถูก สาปแช่งเขาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง มองดูภาพเหตุการณ์ที่วุ่นวาย มองดูท่าทางที่อธิบายอย่างร้อนรนของผู้ตรวจการถัง ท่าทางของเขาไม่เหมือนเสแสร้ง ตอนอยู่เรือนหอ ความจริงใจที่เขามีต่อคุณหนูหลี่ยิ่งไม่เหมือนของปลอมเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำเมื่อเทียบกับเอะอะโวยวาย ทำสงครามน้ำลายอยู่ที่นี่ ไม่สู้ตามหาคุณหนูหลี่ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนทันใดนั้น นางก้าวออกมาข้างนอก พลางกล่าวเสียงดัง“ใต้เท้
นอกฝูงชน ร่างเงาสีหมึกอันสูงศักดิ์ค่อยๆ เดินเข้ามา จ้องมองด้านหน้า ใบหน้าดั่งเทพเจ้า ริมฝีปากบางโค้งเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม สายตาจ้องผู้ว่าการหลี่ด้วยรอยยิ้มลึกเมื่อเฟิงเย่เสวียนปรากฏตัว กลิ่นอายราชันย์ที่มีมาแต่กำเนิด โดดเด่นท่ามกลางผู้คนทันทียังไม่ทันได้แจ้งสถานะ ก็ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกอยากคุกเข่า ราวกับว่าเขาเป็นผู้นำการมาตรวจตราดินแดน ส่วนพวกเขาล้วนเป็นขุนนางและราษฎรของเขา…ผู้ตรวจการถังเห็นเขา รีบคุกเข่าคำนับทันที“ข้าน้อยคำนับอ๋องเฉิน!”หกคำที่เคารพนอบน้อม ดังเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจนอ๋องเฉิน…เขาคืออ๋องเฉินแห่งราชสำนักจริงๆ…แขกทุกคนรีบคุกเข่าลงกับพื้น หัวใจแต่ละคนประหม่า รู้สึกเพียงแม้แต่อากาศก็หนักขึ้นเจ็ดส่วนผู้ว่าการหลี่ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ลำคอเหมือนถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งที่มองไม่เห็นบีบ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวอีกห้าวันจึงจะลาดตระเวนทางใต้ไม่ใช่หรือ?เหตุใดอ๋องเฉินจึงมาก่อนกำหนด…เหตุใด…ฉู่เชียนหลีกวาดมองเฟิงเย่เสวียนแวบหนึ่ง แล้วเหลือบมองทางผู้ว่าการหลี่อย่างยิ้มแย้ม“ข้าว่าใต้เท้าหลี่ หากท่านยังไม่เรียกหลี่ปิงออกมาคุย ข้าจะ
พลันผู้ว่าการหลี่หน้าซีด ร่างกายแข็งทื่อ ใบมีดที่แหลมคมได้แทงทะลุเสื้อไปแล้ว จ่ออยู่ตรงผิวหนังบนเอวของเขาความเจ็บอันแหลมคมมีความอุ่นสายหนึ่ง…เลือดไหลแล้ว…ความเจ็บยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีดกำลังแทงเข้าไปข้างในทีละนิ้ว มองไปทางใบหน้าของผู้หญิงที่ครึ่งหนึ่งงดงาม ครึ่งหนึ่งมารร้าย รู้สึกเพียงท่าทางที่ยิ้มของนางน่ากลัวเหมือนปีศาจ ทำให้หนังศีรษะเขาชาเขาไม่สงสัยเลยสักนิด นางจะแทงทะลุเขาด้วยมีดจริงๆนางกล้าลงมือจริงๆ“ข้า…ข้า…” เขาตื่นตระหนกแล้ว “ข้า…”ริมฝีปากสั่นเครือ “ข้า…”“ท่านพ่อ?”หลี่ปิงมองไปทางเขาเหมือนตั้งคำถาม ความเข้าใจที่มีต่อกันของพ่อลูกตลอดหลายปี ควบคู่นางก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ย่อมเข้าใจอะไรบางอย่างคร่าวๆ แล้วดูเหมือนเกิดเรื่องจริงๆ แล้วผู้ตรวจการถังเป็นขุนนางใหญ่ที่สุดของเมืองเซียงหนาน ขอแค่เกาะเขาไว้ให้แน่น ก็จะได้รับความคุ้มครอง!พลันกลอกตาหนึ่งรอบ ก็คว้าแขนเสื้อของผู้ตรวจการถังไว้ กล่าวอย่างเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง“ใต้เท้าถัง ที่จริงปิงเอ๋อร์ชอบท่านมากมาโดยตลอด ในใจมีแต่ท่านคนเดียว!”“เป็นอวี้หลิน…อวี้หลินของร้านค้าตงเฉิงคนนั้น เขาหลอกข้า เขาบอกว่าท่านเป็นค