“ข้าไม่ได้…”เสียงของผู้ตรวจการถังถูกเสียงของทุกคนกลบ ผู้ว่าการหลี่ยิ่งตำหนิเสียงดังด้วยความโกรธ“ชื่อเสียงปิงเอ๋อร์ของข้าถูกเจ้าทำลายหมดแล้ว เด็กผู้หญิงที่ขาวบริสุทธิ์คนหนึ่ง เกรงว่าคงถูกเจ้าบีบคั้นจนต้องตายทั้งเป็น!”ในยุคโบราณ ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงก็คือชีวิตที่สองคำพูดนี้กระตุ้นเสียงสะท้อนของแขกผู้หญิงไม่น้อยเป็นผู้หญิงเหมือนกัน พวกนางปวดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหนูหลี่มาก“นี่คุณหนูหลี่ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้เจอกับเรื่องเช่นนี้…”“ผู้ชาย เฮอะ! เพื่อผลประโยชน์แล้ว ทำได้ทุกอย่างจริงๆ”“ผู้ตรวจการเซียงหนาน? ถุย! เซียงหนานของเราไม่ยอมรับขุนนางเช่นนี้!”“ใช่…”พวกนางถ่มน้ำลายอยากดูถูก สาปแช่งเขาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง มองดูภาพเหตุการณ์ที่วุ่นวาย มองดูท่าทางที่อธิบายอย่างร้อนรนของผู้ตรวจการถัง ท่าทางของเขาไม่เหมือนเสแสร้ง ตอนอยู่เรือนหอ ความจริงใจที่เขามีต่อคุณหนูหลี่ยิ่งไม่เหมือนของปลอมเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำเมื่อเทียบกับเอะอะโวยวาย ทำสงครามน้ำลายอยู่ที่นี่ ไม่สู้ตามหาคุณหนูหลี่ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนทันใดนั้น นางก้าวออกมาข้างนอก พลางกล่าวเสียงดัง“ใต้เท้
นอกฝูงชน ร่างเงาสีหมึกอันสูงศักดิ์ค่อยๆ เดินเข้ามา จ้องมองด้านหน้า ใบหน้าดั่งเทพเจ้า ริมฝีปากบางโค้งเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม สายตาจ้องผู้ว่าการหลี่ด้วยรอยยิ้มลึกเมื่อเฟิงเย่เสวียนปรากฏตัว กลิ่นอายราชันย์ที่มีมาแต่กำเนิด โดดเด่นท่ามกลางผู้คนทันทียังไม่ทันได้แจ้งสถานะ ก็ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกอยากคุกเข่า ราวกับว่าเขาเป็นผู้นำการมาตรวจตราดินแดน ส่วนพวกเขาล้วนเป็นขุนนางและราษฎรของเขา…ผู้ตรวจการถังเห็นเขา รีบคุกเข่าคำนับทันที“ข้าน้อยคำนับอ๋องเฉิน!”หกคำที่เคารพนอบน้อม ดังเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจนอ๋องเฉิน…เขาคืออ๋องเฉินแห่งราชสำนักจริงๆ…แขกทุกคนรีบคุกเข่าลงกับพื้น หัวใจแต่ละคนประหม่า รู้สึกเพียงแม้แต่อากาศก็หนักขึ้นเจ็ดส่วนผู้ว่าการหลี่ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ลำคอเหมือนถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งที่มองไม่เห็นบีบ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวอีกห้าวันจึงจะลาดตระเวนทางใต้ไม่ใช่หรือ?เหตุใดอ๋องเฉินจึงมาก่อนกำหนด…เหตุใด…ฉู่เชียนหลีกวาดมองเฟิงเย่เสวียนแวบหนึ่ง แล้วเหลือบมองทางผู้ว่าการหลี่อย่างยิ้มแย้ม“ข้าว่าใต้เท้าหลี่ หากท่านยังไม่เรียกหลี่ปิงออกมาคุย ข้าจะ
พลันผู้ว่าการหลี่หน้าซีด ร่างกายแข็งทื่อ ใบมีดที่แหลมคมได้แทงทะลุเสื้อไปแล้ว จ่ออยู่ตรงผิวหนังบนเอวของเขาความเจ็บอันแหลมคมมีความอุ่นสายหนึ่ง…เลือดไหลแล้ว…ความเจ็บยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีดกำลังแทงเข้าไปข้างในทีละนิ้ว มองไปทางใบหน้าของผู้หญิงที่ครึ่งหนึ่งงดงาม ครึ่งหนึ่งมารร้าย รู้สึกเพียงท่าทางที่ยิ้มของนางน่ากลัวเหมือนปีศาจ ทำให้หนังศีรษะเขาชาเขาไม่สงสัยเลยสักนิด นางจะแทงทะลุเขาด้วยมีดจริงๆนางกล้าลงมือจริงๆ“ข้า…ข้า…” เขาตื่นตระหนกแล้ว “ข้า…”ริมฝีปากสั่นเครือ “ข้า…”“ท่านพ่อ?”หลี่ปิงมองไปทางเขาเหมือนตั้งคำถาม ความเข้าใจที่มีต่อกันของพ่อลูกตลอดหลายปี ควบคู่นางก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ย่อมเข้าใจอะไรบางอย่างคร่าวๆ แล้วดูเหมือนเกิดเรื่องจริงๆ แล้วผู้ตรวจการถังเป็นขุนนางใหญ่ที่สุดของเมืองเซียงหนาน ขอแค่เกาะเขาไว้ให้แน่น ก็จะได้รับความคุ้มครอง!พลันกลอกตาหนึ่งรอบ ก็คว้าแขนเสื้อของผู้ตรวจการถังไว้ กล่าวอย่างเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง“ใต้เท้าถัง ที่จริงปิงเอ๋อร์ชอบท่านมากมาโดยตลอด ในใจมีแต่ท่านคนเดียว!”“เป็นอวี้หลิน…อวี้หลินของร้านค้าตงเฉิงคนนั้น เขาหลอกข้า เขาบอกว่าท่านเป็นค
หุบปาก!หุบปากนะ!โอ๊ย!ข้าแค่สูดลมเย็นเข้าปอด ไม่ได้สั่งให้เจ้าสารภาพละเอียดเช่นนั้น เจ้าลูกสาวดวงกินพ่อ! เจ้าลูกสาวทรพีที่ไม่เอาถ่าน!ข้าจะถูกเจ้าฆ่าตายแล้ว!หลี่ปิงพูดจบ ยกสายตาที่ขี้ขลาดแต่เป็นห่วงขึ้น มองไปทางบิดา กล่าวเสียงเบา“ท่านพ่อ ท่านให้ลูกพูด ลูกเชื่อฟังท่าน…”ผู้ว่าการหลี่ “...”ตั้งแต่สิบห้าปีก่อน ข้าไม่ควรให้เจ้าเกิดมา ถึงตอนนี้ ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว!ความจริงเกิดตาลปัตรร้อยแปดสิบองศาหลังจากบรรดาแขกเข้าใจสาเหตุของเรื่องนี้แล้ว ต่างพากันรุมตำหนิผู้ว่าการหลี่“เกือบเข้าใจผู้ตรวจการถังผิดแล้ว ที่แท้คนโฉดชั่วทะเยอทะยานคือเจ้า! และเจ้ายังคิดหวังตำแหน่งผู้ตรวจการอีก!”“คิดไม่ถึงว่าความมีคุณธรรม เมตตา และเป็นมิตรตลอดหลายปีมานี้ของเจ้า ล้วนเป็นการเสแสร้ง เจ้าจึงจะเป็นเพชฌฆาตที่ฆ่าคนไม่เห็นเลือด!”“เหตุใดเซียงหนานของเราจึงมีผู้ว่าการอย่างเจ้า!”“ถุย!”พวกเขารุมสาปแช่งผู้ว่าการหลี่ ผู้ว่าการหลี่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้น จบแล้ว และไม่อธิบายแล้ว สวรรค์ถล่มแล้ว จบสิ้นทั้งชีวิตแล้ว…สุดท้าย สองพ่อลูกผู้ว่าการหลี่ถูกคุมตัวลงไป บรรดาแขกถูกสั่งให้แยกย้าย จบงานตอนที่หลี
ฉู่เชียนหลีโกรธมาก และไม่อยากสนใจเฟิงเย่เสวียนเฟิงเย่เสวียนเคาะประตูอยู่ข้างนอกอย่างขันแข็ง“เชียนหลีอย่าโกรธเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจ แรกเริ่มข้าแค่สงสัยผู้ว่าการหลี่มีความเมตตามากเกินไป เมตตาจนไม่มีชื่อเสียงเสียๆ หายๆ เมตตาจนสมบูรณ์แบบจนน่าประหลาด จึงสั่งให้หานเฟิงแอบตรวจสอบ…”“ข้าไม่รู้อะไรล่วงหน้าเลย”“เชียนหลี เปิดประตู…”ฉู่เชียนหลีล้มลงบนเตียง กำผ้าห่ม สีหน้าบูดบึ้ง ท่าทางนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าโกรธมากแค่ไหนทั้งที่เขารู้อยู่แล้วว่าผู้ว่าการหลี่มีพิรุธ!แต่กลับไม่บอกนาง!เกินไปแล้ว!ปั่นหัวนางในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังจะเรียกนางมาลาดตระเวนทางใต้เพื่ออะไร เหตุใดจึงไม่มาคนเดียว?จริงๆ เลย!เฟิงเย่เสวียนตะโกนเรียกอย่างขันแข็งอยู่พักใหญ่ ประตูก็ไม่เปิดเสียที ทว่ากลับทำให้คนที่เดินผ่านข้างนอกมองด้วยสายตาแปลกๆก็ไหนบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉินดีมาก ทะเลาะกันเล็กน้อยไม่ส่งผลกระทบไม่ใช่หรือ?ผู้ชายที่เรียกเปิดประตูอย่างขันแข็งคนนั้นเป็นใคร?หานเฟิง “แค่ก!”เหล่าคนรับใช้ “...”ต่างก็ก้มศีรษะ เดินจากไปอย่างเร่งรีบ ไม่กล้าดูเยอะอีกหานเฟิงยืนอยู่นอกประตูเรือน
จวนผู้ตรวจการบนศาล ทหารยืนซ้ายและขวาสองฝั่ง ถืออาวุธในมือ ร่างกายตั้งตรง สายตามองไปข้างหน้า แผ่นป้ายที่แกะสลักตัวอักษรขนาดใหญ่ ‘ศาลเที่ยงธรรม’ สี่คำแขวนอยู่กลางศาลบนบัลลังก์ ตำแหน่งเก้าอี้หลักถูกเว้นว่าง ผู้ตรวจการถังสวมชุดขุนนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างใต้ศาล มีชาวบ้านหลายสิบคนยืนอยู่ตรงนั้นพวกเขามีทั้งชายและหญิง ถือหนังสือร้องเรียนไว้ในมือ เบ้าตาแดงก่ำ เม้มริมฝีปากแน่น แทบรอไม่ไหวที่จะได้ร้องเรียนแล้วพวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม!ตอนฉู่เชียนหลีมาถึง เห็นผู้ตรวจการถังนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เหล่าชาวบ้านกำลังรอ “เหตุใดจึงไม่เปิดศาล?”ผู้ตรวจการถังรีบลุกขึ้นยืน “คำนับพระชายาอ๋องเฉิน”ฉู่เชียนหลีเดินอ้อมโต๊ะ ไปนั่งลงบนเก้าอี้หลัก แล้วมองชาวบ้านที่อยู่ข้างล่าง พลันกล่าวเสียงดัง“ตอนนี้อ๋องเฉินมีงานอย่างอื่นต้องไปทำ พวกเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไร พูดมาทีละอย่าง ข้าแก้ปัญหาให้พวกเจ้าเอง ไม่ได้รับความเป็นธรรมคืนความเป็นธรรม มีความเกลียดชังกำจัดความเกลียดชัง”บรรดาแถวบ้านได้ยินคำพูดนี้ ต่างมองนางด้วยสายตาสับสน สงสัย และคาดคะเนให้ผู้หญิงมาตัดสินคดี ทำได้จริงหรือ?ตั้งแต่
“พระชายาอ๋องเฉินโปรดเมตตา ช่วยข้าน้อยตามหาเป่าเอ๋อร์กลับมา ข้าน้อยยินดีมอบข้าวโพดสองร้อยชั่งเป็นการตอบแทน!”ชายวัยกลางคนเบ้าตาแดงก่ำ ร้องขออย่างจริงใจครอบครัวของเขาเป็นชาวนาทุกชั่วอายุคน ทำนาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่มีควาย ก็ไม่สามารถปลูกข้าว เท่ากับเป็นการตัดทางรอดของพวกเขา เอาชีวิตของพวกเขาฉู่เชียนหลีรู้ถึงความลำบากและต่ำต้อยของราษฎรที่ใช้แรงงานของยุคโบราณเป็นอย่างดีแม้แต่ควายก็ขโมย ยังมีความเป็นมนุษย์หรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน หน้าตาเป่าเอ๋อร์ของเจ้าเป็นอย่างไร พันธุ์อะไร น้ำหนักส่วนสูงประมาณเท่าไร บอกรายละเอียดบางส่วนกับข้า ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ชายวัยกลางคนรีบกล่าว “เป่าเอ๋อร์เป็นควายแก่อายุแปดปีกว่า ขนของมันเป็นสีขาว…”เขาพูด ฉู่เชียนหลีจดหลังจากพูดจบ ผู้ตรวจการถังพาคนไปตรวจค้นทั่วเมืองทันทีเรื่องนี้ถูกพักไว้ชั่วคราว ถึงคราวคนที่สอง เป็นหญิงชราผมหงอกอายุหกสิบกว่า นางใช้ไม้เท้าพยุง เท้าขาเดินเหินไม่สะดวก หลังค่อม ดวงตาที่ขุ่นมัวทั้งคู่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายาโปรดคืนความยุติธรรม คืนความสงบสุขให้กับครอบครัวของเราด้วย…”ฉู่เชียนหลีเว้นพิธีรีตองของนาง สั่งคนไปยกเก้า
ตาย…สายตาของฉู่เชียนหลีขรึมลงทันที ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรที่นางไม่รู้…เหลือบมองผู้ว่าการหลี่ที่อยู่ในห้องขัง“หากเจ้าบอกข้าว่าเฟิงเย่เสวียนไปที่ไหน บางทีข้าอาจสามารถคิดวิธีลดโทษของเจ้าให้เบาลง”“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ!”ผู้ว่าการหลี่ราวกับได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลกลดโทษ?เขาคิดร้ายต่อผู้ตรวจการ ยักยอกทรัพย์มหาศาล เขากำลังจะเผชิญโทษเช่นไร เขารู้อยู่แก่ใจ มันใช่สิ่งที่คำพูดประโยคเดียวของฉู่เชียนหลีก็สามารถเว้นโทษได้หรือ?ว่าไปก็ต้องโทษฉู่เชียนหลี!หากไม่ใช่ฉู่เชียนหลีกระชากเขาออกมา เขาก็ไม่ถูกเปิดโปง และยิ่งไม่มีทางตกอับถึงขั้นนี้นางแพศยาน้อยคนนี้!เขาไม่มีความสุข นางก็อย่าคิดมีความสุข!“ในเมื่อเจ้าอยากรู้ ข้าบอกเจ้าก็ได้!” ผู้ว่าการหลี่แสยะยิ้ม กล่าวอย่างชั่วร้าย “เมื่อคืนอ๋องเฉินมาถามที่อยู่ของหมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อกับข้า”“หมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อ ขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้าในยุทธภพ เขามีทักษะการแพทย์ที่น่าตกใจ ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเหมือนดินปืน ทุกครั้งที่เขาช่วยคนหนึ่งคน ก็จะฆ่าคนหนึ่งคน มีชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยม!”ครั้งหนึ่ง มีพ่อค้าที่ร่ำรวยคนหนึ่งมาขอให้เขารักษา
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋