“พระชายาอ๋องเฉินโปรดเมตตา ช่วยข้าน้อยตามหาเป่าเอ๋อร์กลับมา ข้าน้อยยินดีมอบข้าวโพดสองร้อยชั่งเป็นการตอบแทน!”ชายวัยกลางคนเบ้าตาแดงก่ำ ร้องขออย่างจริงใจครอบครัวของเขาเป็นชาวนาทุกชั่วอายุคน ทำนาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่มีควาย ก็ไม่สามารถปลูกข้าว เท่ากับเป็นการตัดทางรอดของพวกเขา เอาชีวิตของพวกเขาฉู่เชียนหลีรู้ถึงความลำบากและต่ำต้อยของราษฎรที่ใช้แรงงานของยุคโบราณเป็นอย่างดีแม้แต่ควายก็ขโมย ยังมีความเป็นมนุษย์หรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน หน้าตาเป่าเอ๋อร์ของเจ้าเป็นอย่างไร พันธุ์อะไร น้ำหนักส่วนสูงประมาณเท่าไร บอกรายละเอียดบางส่วนกับข้า ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ชายวัยกลางคนรีบกล่าว “เป่าเอ๋อร์เป็นควายแก่อายุแปดปีกว่า ขนของมันเป็นสีขาว…”เขาพูด ฉู่เชียนหลีจดหลังจากพูดจบ ผู้ตรวจการถังพาคนไปตรวจค้นทั่วเมืองทันทีเรื่องนี้ถูกพักไว้ชั่วคราว ถึงคราวคนที่สอง เป็นหญิงชราผมหงอกอายุหกสิบกว่า นางใช้ไม้เท้าพยุง เท้าขาเดินเหินไม่สะดวก หลังค่อม ดวงตาที่ขุ่นมัวทั้งคู่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายาโปรดคืนความยุติธรรม คืนความสงบสุขให้กับครอบครัวของเราด้วย…”ฉู่เชียนหลีเว้นพิธีรีตองของนาง สั่งคนไปยกเก้า
ตาย…สายตาของฉู่เชียนหลีขรึมลงทันที ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรที่นางไม่รู้…เหลือบมองผู้ว่าการหลี่ที่อยู่ในห้องขัง“หากเจ้าบอกข้าว่าเฟิงเย่เสวียนไปที่ไหน บางทีข้าอาจสามารถคิดวิธีลดโทษของเจ้าให้เบาลง”“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ!”ผู้ว่าการหลี่ราวกับได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลกลดโทษ?เขาคิดร้ายต่อผู้ตรวจการ ยักยอกทรัพย์มหาศาล เขากำลังจะเผชิญโทษเช่นไร เขารู้อยู่แก่ใจ มันใช่สิ่งที่คำพูดประโยคเดียวของฉู่เชียนหลีก็สามารถเว้นโทษได้หรือ?ว่าไปก็ต้องโทษฉู่เชียนหลี!หากไม่ใช่ฉู่เชียนหลีกระชากเขาออกมา เขาก็ไม่ถูกเปิดโปง และยิ่งไม่มีทางตกอับถึงขั้นนี้นางแพศยาน้อยคนนี้!เขาไม่มีความสุข นางก็อย่าคิดมีความสุข!“ในเมื่อเจ้าอยากรู้ ข้าบอกเจ้าก็ได้!” ผู้ว่าการหลี่แสยะยิ้ม กล่าวอย่างชั่วร้าย “เมื่อคืนอ๋องเฉินมาถามที่อยู่ของหมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อกับข้า”“หมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อ ขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้าในยุทธภพ เขามีทักษะการแพทย์ที่น่าตกใจ ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเหมือนดินปืน ทุกครั้งที่เขาช่วยคนหนึ่งคน ก็จะฆ่าคนหนึ่งคน มีชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยม!”ครั้งหนึ่ง มีพ่อค้าที่ร่ำรวยคนหนึ่งมาขอให้เขารักษา
อ๋องหลี?!พลันฉู่เชียนหลีอึ้ง มองผู้ชายตรงหน้า ตะลึงงันไปชั่วขณะที่แท้เขาก็คือองค์ชายห้าผู้ถูกทอดทิ้งที่ชาวบ้านพูดถึง มารดาผู้ให้กำเนิดเป็นนางกำนัลที่มีสถานะต่ำต้อย ไม่เป็นที่ต้อนรับของฮ่องเต้ และยังมีสัญญาหมั้นหมายกับฉู่เจียวเจียว——เฟิงเจิ้งหลีที่แท้เป็นเขา!ก่อนหน้านี้ฟังชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ และเยว่เอ๋อร์ก็พูดถึง นางยังคาดเดาว่าตกลงอ๋องหลีคนนี้เป็นคนอย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะเคยเจอกันนานแล้ว“พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”เสียงถามด้วยความเป็นห่วงของหานเฟิงดึงความคิดฉู่เชียนหลีกลับมา นางรีบถอยออกจากอ้อมแขนของอ๋องหลี“ข้าไม่…ซี้ด!”เจ็บข้อเท้ามาก“อย่าขยับ!” อ๋องหลีกดไหล่ของนางให้นั่งลงบนพื้นหญ้า แล้วเลิกกระโปรงนางขึ้นข้อเท้าขวาแดงก่ำ“น่าจะโดนเชือกป่านของกับดักเมื่อครู่บาด”นางถูกเลี้ยงดูในเรือนส่วนหลังตั้งแต่เด็ก ผิวพรรณขาวละเอียดอ่อน เชือกถูกับหนังก็ถลอกแล้ว มีรอยเลือดจางๆ ผุดออกมาอ๋องหลีรีบหยิบเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกจากหน้าอก พันข้อเท้าของนางไว้ เขาพันสองรอบ แล้วเงื่อนอย่างเบามือผ้าเช็ดหน้าผืนนี้…ฉู่เชียนหลีจำได้ในปราดเดียวตอนนั้น ในคืนวันงานเลี้ยงฉลองชัย ครั้งแรก
ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปครู่หนึ่ง พริบตานั้นเข้าใจอะไรบางอย่าง หันไปจ้องตาเฟิงเย่เสวียนฉับพลัน“เจ้า…”หากเดาไม่ผิด ชายชราท่านนี้ก็คือหมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อที่มีชื่อเลื่องลือในยุทธภพเมื่ออ่อนโยน เป็นพระโพธิสัตว์เดินดินที่ช่วยชีวิตคน แม้เป็นยมบาลก็อย่าคิดแย่งคนไปจากมือเขา ทักษะการแพทย์อยู่เหนือฮัวถลอตอนยังมีชีวิตเมื่อฉุนเฉียว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายผู้หญิง หรือคนดีคนชั่ว บอกฆ่าก็ฆ่า ไม่แม้แต่จะกะพริบตา ยิ่งไม่มีทางปรานีแม้แต่น้อยครึ่งคนครึ่งผี ผู้คนได้ยินแล้วเกิดความหวาดกลัวที่แท้เฟิงเย่เสวียนมาหาหมอผีเพื่อนาง?“เฟิงเย่เสวียน เจ้า…”เขากลับไม่ยอมบอกนาง!“เชียนหลี ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถมีชีวิตที่ดีกว่านี้” เฟิงเย่เสวียนจ้องนาง “หลายปีมานี้ เพราะปานบนใบหน้าของเจ้า เจ้าถูกต่อว่าและเยาะเย้ยไม่รู้เท่าไร”“แม้ปากของเจ้าไม่พูด แต่ผู้หญิงทั่วหล้ามีใครบ้างที่ไม่ชอบรูปโฉมอันสมบูรณ์แบบ?”เกือบสองเดือนที่ผ่านมา เขาตามหาที่อยู่ของหมอผีมาโดยตลอดสวรรค์เมตตาผู้ที่มีความมุ่งมั่นเสมอ ภายใต้การสืบหาห้าสิบกว่าวันโดยไม่หยุดพักขององครักษ์ลับ ในที่สุดก็เจอเบาะแสของหมอผีเดิมทีเขาตั้งใจเดินทางมาขอยากับห
ท้ายที่สุด ฉู่เชียยนหลีก็เดินตามเข้าไปแล้วภายในกระท่อมไม้เรียบง่ายมาก เตียง โต๊ะเก้าอี้ ตู้ล้วนทำด้วยมือ มีขวดยาและขวดโหลสมุนไพรวางเต็มไปหมด กลิ่นหอมของยานั้นฉุนมากชายชราที่ผอมจนรูปร่างบิดเบี้ยวนั่งอยู่บนเก้าอี้ แผ่นหลังที่เล็กมากก็โค้งงอลงไป เหมือนคนแคระมากตั้งแต่ฉู่เชียนหลีเข้ามา สายตาที่แปลกประหลาดนั่นก็เอาแต่จ้องอยู่บนร่างกายฉู่เชียนหลีปิดประตูปิดหน้าต่างนั่งลงสายตาของเขาไม่ยอมละจากนางแม้แต่ปราดเดียว แปลกประหลาดจนทำให้รู้สึกหนังศีรษะชา อยากหนีออกไปทว่าฉู่เชียนหลีเพียงแค่ขมวดคิ้ว นางนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้มองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างใจกว้างจ้องไปจ้องมา…พักใหญ่ไม้เท้าของชายชรายันอยู่บนพื้น สองมือจับไม้เท้า เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“นังหนูน้อย เจ้าไม่กลัวข้า?”เสียงนั่นฟังแล้วเหมือนนำมีดที่ขึ้นสนิมไปลับกับเสา เสียงที่แหลมมากนั่นทำให้แสบแก้วหูฉู่เชียนหลียิ้มอย่างสุขุม“คนโบราณพูดได้ดี ตัดสินคนจากรูปลักษณ์เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์”“สวรรค์นั้นยุติธรรมเสมอ มอบความฉลาดที่เกินคนให้ ก็จะไม่มอบเงื่อนไขที่ได้เปรียบ มอบสถานะอันสูงศักดิ์ให้ ก็จะไม่มอบครอบครัวที่อบอุ่น ก็อย่าง
“อวี๋เจวี๋ยจื่อ!”เสียงกรีดร้องดังลั่นกระท่อมไม้หลังเล็ก เฟิงเย่เสวียนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกรู้สึกถึงความผิดปกติ รีบพุ่งพรวดเข้าไปทันที“เชียนหลี!”ผลักประตูออก เห็นอวี๋เจวี๋ยจื่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ ศีรษะห้อยตกลงข้างล่างอย่างไร้เรี่ยวแรงยกขึ้น ฉู่เชียนหลีคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ข้างกายเขา เสียงสั่นเครือเล็กน้อย“เขาไปแล้ว…”แต่ว่าพวกคำพูดที่เขาพูดก่อนไป เหมือนกับเป็นคำสาป ฝังลึกอยู่ในสมองของนาง ดังซ้ำๆ ไม่หยุด‘รากเหง้าของเจ้าไม่ได้อยู่ที่ตระกูลฉู่’‘อยู่ให้ห่างจากราชวงศ์ ไม่เช่นนั้น วันนี้ของข้าก็คือพรุ่งนี้ของเจ้า…’เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว ก้าวเท้ายาวเดินเข้ามา จับมือของฉู่เชียนหลีเบาๆ “ความเป็นความตายของมนุษย์มีเวลาของมัน บางที นี่ก็คือชะตาของเขา”เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องปกติของมนุษย์แต่มีเพียงฉู่เชียนหลีที่รู้ เขาตายเพราะพิษกำเริบ และยังมีคำพูดพวกนั้นของเขา…ฉู่เชียนหลีมองดูฝ่ามือใหญ่ที่จับใบหน้าของตนเอง สายตาค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปตามแขน มองไปที่ใบหน้าอันอบอุ่นและมีความอดทนของเฟิงเย่เสวียน สายตามีความลึกซึ้งที่คลุมเครือเพิ่มขึ้นหลายส่วนเหตุใดอวี๋เจวี๋ยจื่อต้องให้นางอยู่ห่างจากราชวงศ
ฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะ เขาได้ทำเพื่อนางเยอะมากแล้ว และทำได้ดีมากนางก้าวเท้าเข้าไป “ทั้งที่เจ้ารู้ชื่อเสียงของอวี๋เจวี๋ยจื่อ ก็ยังเดินทางไปหาเขาเพียงลำพัง ไม่เคยคิดเลยหรือว่าหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้น…”เฟิงเย่เสวียนกล่าว “เดิมทีข้าก็มาเพราะเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นการลาดตระเวนทางใต้ครั้งนี้ก็ไร้ความหมาย”ลาดตระเวนทางใต้ สามารถตรวจตราได้ทุกเมื่อแต่ปานบนใบหน้านาง เขาหวังให้นางอยู่ในรูปลักษณ์ที่งดงามที่สุดฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นลูบรอยบนใบหน้าอย่างเบามือเลือดของเจ้าดำน้อยได้แก้พิษของนางแล้ว นางแค่ไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของผู้อื่น จึงปลอมตัวเป็นรูปลักษณ์ที่อัปลักษณ์ต่อไป“ข้าคิดว่าข้าอยู่ต่างโลกใบนี้ โดดเดี่ยวเพียงลำพัง ไม่เป็นที่ต้อนรับของท่านพ่อ ท่านแม่ลำเอียง พี่สาวแท้ๆ เฉยชา ไม่มีเพื่อน ไม่เข้าใจตัวเอง…คิดไม่ถึงว่า เจ้ากลับเป็นคนแรกที่สนใจข้า…”พึมพำเสียงเบา ราวกับกำลังคุยกับตนเองเฟิงเย่เสวียนได้ยินไม่ชัด “หืม?”ฉู่เชียนหลีเงยหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องพิจารณาคดีให้ชาวบ้านอีก รีบพักผ่อนเถอะ”พูดจบก็หมุนกายไปแล้ว“เจ้าไม่นอ
ด้วยเหตุนี้ ฉู่เชียนหลีปล่อยมือ “ในเมื่อเจ้าเองก็บอกว่าไม่เป็นอะไร เช่นนั้นก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”“?”เมื่อเห็นว่าฉู่เชียนหลีจะกลับห้องแล้ว เฟิงเย่เสวียนไม่กล้าเล่นตัวอีก รีบจับข้อมือของนางไว้ ร่างกายอันสูงใหญ่ขยับเข้าใกล้“ข้ามีงานมากมายติดตัว ใต้มือยังมีคนมากมายเช่นนั้นต้องเลี้ยงดู และยังมีเรื่องสำคัญอีกมากมายต้องทำ จะเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ไม่ได้เด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย รบกวนเชียนหลีลองตรวจให้ข้าจะดีกว่า”พูดจบ ก็เป็นฝ่ายจูงมือฉู่เชียนหลี ก้าวเท้ายาวเดินเข้าห้องก่อนเข้าห้อง ยังจะเล่นตัว ขับร้องทำเพลง วางมาดอุตส่าห์ไว้หน้าแล้วยังไม่ยอมหยุด?ตกลงผู้ชายคนนี้ไปเรียนนิสัยขี้งอนมาจากใครกันแน่?เซียวจือฮว่า?ภายในห้อง แสงเทียนสั่นไหวเบาๆ ข้างโต๊ะหนังสือ ร่างเงาสองสายถูกแสงเทียนปกคลุม ทำให้เค้าโครงของทั้งสองมีแสงที่นุ่มนวลเคลือบหนึ่งชั้น ภาพนี้ดูอบอุ่นมีความสุขเฟิงเย่เสวียนกำลังนั่ง ฉู่เชียนหลีตรวจชีพจรให้เขาจับข้างซ้ายเสร็จก็จับข้างขวา จับข้างขวาเสร็จก็หันมาจับข้างซ้าย ลองมือทั้งสองข้างอยู่สามสี่รอบ คิ้วบางของฉู่เชียนหลีขมวดจนกลายเป็นภูเขาลูกเล็กชีพจรของเขามั่นคงมีกำลัง ร่างกา
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋