เมื่อสิ้นเสียงตะโกน สาวใช้หลายคนรีบวิ่งเข้ามาประคองเจ้าสาวไว้พ่อบ้านวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ใต้เท้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เกิดไฟไหม้รุนแรง ห้องหนังสือของท่าน…ห้องหนังสือ ไหม้หมดแล้ว!”ผู้ตรวจการถังกำหมัดแน่น มองไปทางแสงไฟที่อยู่ไม่ไกล กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ไม่ทันตรวจสอบแล้ว คืนนี้มีแขกมาพักค้างคืนเยอะมาก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คืออพยพฝูงชน แล้วค่อยช่วยกันดับไฟ รับประกันความปลอดภัยของทุกคน อย่าให้ถึงขั้นมีคนเสียชีวิตเด็ดขาด”“ขอรับ บ่าวไปเดี๋ยวนี้!”พ่อบ้านวิ่งออกไปข้างนอกพลาง ตะโกนเรียกคนมาดับไฟพลาง แขกที่พักค้างคืนก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบเช่นกัน ทุกคนไปรวมตัวที่ลานกว้างและปลอดภัยแต่ละคนงงงวย“อยู่ดีๆ เหตุใดจึงมีไฟไหม้ใหญ่เช่นนี้?”“ทุกคนวิ่งออกมาหมดแล้วกระมัง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บกระมัง?”“เถ้าแก่หวัง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”“พี่หญิงจาง…”ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายและร้อนรน ไม่รู้ว่าใครดึงผ้าคลุมศีรษะของฉู่เชียนหลีหลุด และในเวลาเดียวกัน ด้านนอก เงาคนสีดำกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว“ใต้เท้าผู้ตรวจการ ต่อให้เจ้าไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวข้า ก็ไม
“ข้าไม่ได้…”เสียงของผู้ตรวจการถังถูกเสียงของทุกคนกลบ ผู้ว่าการหลี่ยิ่งตำหนิเสียงดังด้วยความโกรธ“ชื่อเสียงปิงเอ๋อร์ของข้าถูกเจ้าทำลายหมดแล้ว เด็กผู้หญิงที่ขาวบริสุทธิ์คนหนึ่ง เกรงว่าคงถูกเจ้าบีบคั้นจนต้องตายทั้งเป็น!”ในยุคโบราณ ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงก็คือชีวิตที่สองคำพูดนี้กระตุ้นเสียงสะท้อนของแขกผู้หญิงไม่น้อยเป็นผู้หญิงเหมือนกัน พวกนางปวดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหนูหลี่มาก“นี่คุณหนูหลี่ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้เจอกับเรื่องเช่นนี้…”“ผู้ชาย เฮอะ! เพื่อผลประโยชน์แล้ว ทำได้ทุกอย่างจริงๆ”“ผู้ตรวจการเซียงหนาน? ถุย! เซียงหนานของเราไม่ยอมรับขุนนางเช่นนี้!”“ใช่…”พวกนางถ่มน้ำลายอยากดูถูก สาปแช่งเขาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง มองดูภาพเหตุการณ์ที่วุ่นวาย มองดูท่าทางที่อธิบายอย่างร้อนรนของผู้ตรวจการถัง ท่าทางของเขาไม่เหมือนเสแสร้ง ตอนอยู่เรือนหอ ความจริงใจที่เขามีต่อคุณหนูหลี่ยิ่งไม่เหมือนของปลอมเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำเมื่อเทียบกับเอะอะโวยวาย ทำสงครามน้ำลายอยู่ที่นี่ ไม่สู้ตามหาคุณหนูหลี่ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนทันใดนั้น นางก้าวออกมาข้างนอก พลางกล่าวเสียงดัง“ใต้เท้
นอกฝูงชน ร่างเงาสีหมึกอันสูงศักดิ์ค่อยๆ เดินเข้ามา จ้องมองด้านหน้า ใบหน้าดั่งเทพเจ้า ริมฝีปากบางโค้งเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม สายตาจ้องผู้ว่าการหลี่ด้วยรอยยิ้มลึกเมื่อเฟิงเย่เสวียนปรากฏตัว กลิ่นอายราชันย์ที่มีมาแต่กำเนิด โดดเด่นท่ามกลางผู้คนทันทียังไม่ทันได้แจ้งสถานะ ก็ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกอยากคุกเข่า ราวกับว่าเขาเป็นผู้นำการมาตรวจตราดินแดน ส่วนพวกเขาล้วนเป็นขุนนางและราษฎรของเขา…ผู้ตรวจการถังเห็นเขา รีบคุกเข่าคำนับทันที“ข้าน้อยคำนับอ๋องเฉิน!”หกคำที่เคารพนอบน้อม ดังเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจนอ๋องเฉิน…เขาคืออ๋องเฉินแห่งราชสำนักจริงๆ…แขกทุกคนรีบคุกเข่าลงกับพื้น หัวใจแต่ละคนประหม่า รู้สึกเพียงแม้แต่อากาศก็หนักขึ้นเจ็ดส่วนผู้ว่าการหลี่ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ลำคอเหมือนถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งที่มองไม่เห็นบีบ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวอีกห้าวันจึงจะลาดตระเวนทางใต้ไม่ใช่หรือ?เหตุใดอ๋องเฉินจึงมาก่อนกำหนด…เหตุใด…ฉู่เชียนหลีกวาดมองเฟิงเย่เสวียนแวบหนึ่ง แล้วเหลือบมองทางผู้ว่าการหลี่อย่างยิ้มแย้ม“ข้าว่าใต้เท้าหลี่ หากท่านยังไม่เรียกหลี่ปิงออกมาคุย ข้าจะ
พลันผู้ว่าการหลี่หน้าซีด ร่างกายแข็งทื่อ ใบมีดที่แหลมคมได้แทงทะลุเสื้อไปแล้ว จ่ออยู่ตรงผิวหนังบนเอวของเขาความเจ็บอันแหลมคมมีความอุ่นสายหนึ่ง…เลือดไหลแล้ว…ความเจ็บยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีดกำลังแทงเข้าไปข้างในทีละนิ้ว มองไปทางใบหน้าของผู้หญิงที่ครึ่งหนึ่งงดงาม ครึ่งหนึ่งมารร้าย รู้สึกเพียงท่าทางที่ยิ้มของนางน่ากลัวเหมือนปีศาจ ทำให้หนังศีรษะเขาชาเขาไม่สงสัยเลยสักนิด นางจะแทงทะลุเขาด้วยมีดจริงๆนางกล้าลงมือจริงๆ“ข้า…ข้า…” เขาตื่นตระหนกแล้ว “ข้า…”ริมฝีปากสั่นเครือ “ข้า…”“ท่านพ่อ?”หลี่ปิงมองไปทางเขาเหมือนตั้งคำถาม ความเข้าใจที่มีต่อกันของพ่อลูกตลอดหลายปี ควบคู่นางก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ย่อมเข้าใจอะไรบางอย่างคร่าวๆ แล้วดูเหมือนเกิดเรื่องจริงๆ แล้วผู้ตรวจการถังเป็นขุนนางใหญ่ที่สุดของเมืองเซียงหนาน ขอแค่เกาะเขาไว้ให้แน่น ก็จะได้รับความคุ้มครอง!พลันกลอกตาหนึ่งรอบ ก็คว้าแขนเสื้อของผู้ตรวจการถังไว้ กล่าวอย่างเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง“ใต้เท้าถัง ที่จริงปิงเอ๋อร์ชอบท่านมากมาโดยตลอด ในใจมีแต่ท่านคนเดียว!”“เป็นอวี้หลิน…อวี้หลินของร้านค้าตงเฉิงคนนั้น เขาหลอกข้า เขาบอกว่าท่านเป็นค
หุบปาก!หุบปากนะ!โอ๊ย!ข้าแค่สูดลมเย็นเข้าปอด ไม่ได้สั่งให้เจ้าสารภาพละเอียดเช่นนั้น เจ้าลูกสาวดวงกินพ่อ! เจ้าลูกสาวทรพีที่ไม่เอาถ่าน!ข้าจะถูกเจ้าฆ่าตายแล้ว!หลี่ปิงพูดจบ ยกสายตาที่ขี้ขลาดแต่เป็นห่วงขึ้น มองไปทางบิดา กล่าวเสียงเบา“ท่านพ่อ ท่านให้ลูกพูด ลูกเชื่อฟังท่าน…”ผู้ว่าการหลี่ “...”ตั้งแต่สิบห้าปีก่อน ข้าไม่ควรให้เจ้าเกิดมา ถึงตอนนี้ ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว!ความจริงเกิดตาลปัตรร้อยแปดสิบองศาหลังจากบรรดาแขกเข้าใจสาเหตุของเรื่องนี้แล้ว ต่างพากันรุมตำหนิผู้ว่าการหลี่“เกือบเข้าใจผู้ตรวจการถังผิดแล้ว ที่แท้คนโฉดชั่วทะเยอทะยานคือเจ้า! และเจ้ายังคิดหวังตำแหน่งผู้ตรวจการอีก!”“คิดไม่ถึงว่าความมีคุณธรรม เมตตา และเป็นมิตรตลอดหลายปีมานี้ของเจ้า ล้วนเป็นการเสแสร้ง เจ้าจึงจะเป็นเพชฌฆาตที่ฆ่าคนไม่เห็นเลือด!”“เหตุใดเซียงหนานของเราจึงมีผู้ว่าการอย่างเจ้า!”“ถุย!”พวกเขารุมสาปแช่งผู้ว่าการหลี่ ผู้ว่าการหลี่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้น จบแล้ว และไม่อธิบายแล้ว สวรรค์ถล่มแล้ว จบสิ้นทั้งชีวิตแล้ว…สุดท้าย สองพ่อลูกผู้ว่าการหลี่ถูกคุมตัวลงไป บรรดาแขกถูกสั่งให้แยกย้าย จบงานตอนที่หลี
ฉู่เชียนหลีโกรธมาก และไม่อยากสนใจเฟิงเย่เสวียนเฟิงเย่เสวียนเคาะประตูอยู่ข้างนอกอย่างขันแข็ง“เชียนหลีอย่าโกรธเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจ แรกเริ่มข้าแค่สงสัยผู้ว่าการหลี่มีความเมตตามากเกินไป เมตตาจนไม่มีชื่อเสียงเสียๆ หายๆ เมตตาจนสมบูรณ์แบบจนน่าประหลาด จึงสั่งให้หานเฟิงแอบตรวจสอบ…”“ข้าไม่รู้อะไรล่วงหน้าเลย”“เชียนหลี เปิดประตู…”ฉู่เชียนหลีล้มลงบนเตียง กำผ้าห่ม สีหน้าบูดบึ้ง ท่าทางนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าโกรธมากแค่ไหนทั้งที่เขารู้อยู่แล้วว่าผู้ว่าการหลี่มีพิรุธ!แต่กลับไม่บอกนาง!เกินไปแล้ว!ปั่นหัวนางในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังจะเรียกนางมาลาดตระเวนทางใต้เพื่ออะไร เหตุใดจึงไม่มาคนเดียว?จริงๆ เลย!เฟิงเย่เสวียนตะโกนเรียกอย่างขันแข็งอยู่พักใหญ่ ประตูก็ไม่เปิดเสียที ทว่ากลับทำให้คนที่เดินผ่านข้างนอกมองด้วยสายตาแปลกๆก็ไหนบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉินดีมาก ทะเลาะกันเล็กน้อยไม่ส่งผลกระทบไม่ใช่หรือ?ผู้ชายที่เรียกเปิดประตูอย่างขันแข็งคนนั้นเป็นใคร?หานเฟิง “แค่ก!”เหล่าคนรับใช้ “...”ต่างก็ก้มศีรษะ เดินจากไปอย่างเร่งรีบ ไม่กล้าดูเยอะอีกหานเฟิงยืนอยู่นอกประตูเรือน
จวนผู้ตรวจการบนศาล ทหารยืนซ้ายและขวาสองฝั่ง ถืออาวุธในมือ ร่างกายตั้งตรง สายตามองไปข้างหน้า แผ่นป้ายที่แกะสลักตัวอักษรขนาดใหญ่ ‘ศาลเที่ยงธรรม’ สี่คำแขวนอยู่กลางศาลบนบัลลังก์ ตำแหน่งเก้าอี้หลักถูกเว้นว่าง ผู้ตรวจการถังสวมชุดขุนนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างใต้ศาล มีชาวบ้านหลายสิบคนยืนอยู่ตรงนั้นพวกเขามีทั้งชายและหญิง ถือหนังสือร้องเรียนไว้ในมือ เบ้าตาแดงก่ำ เม้มริมฝีปากแน่น แทบรอไม่ไหวที่จะได้ร้องเรียนแล้วพวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม!ตอนฉู่เชียนหลีมาถึง เห็นผู้ตรวจการถังนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เหล่าชาวบ้านกำลังรอ “เหตุใดจึงไม่เปิดศาล?”ผู้ตรวจการถังรีบลุกขึ้นยืน “คำนับพระชายาอ๋องเฉิน”ฉู่เชียนหลีเดินอ้อมโต๊ะ ไปนั่งลงบนเก้าอี้หลัก แล้วมองชาวบ้านที่อยู่ข้างล่าง พลันกล่าวเสียงดัง“ตอนนี้อ๋องเฉินมีงานอย่างอื่นต้องไปทำ พวกเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไร พูดมาทีละอย่าง ข้าแก้ปัญหาให้พวกเจ้าเอง ไม่ได้รับความเป็นธรรมคืนความเป็นธรรม มีความเกลียดชังกำจัดความเกลียดชัง”บรรดาแถวบ้านได้ยินคำพูดนี้ ต่างมองนางด้วยสายตาสับสน สงสัย และคาดคะเนให้ผู้หญิงมาตัดสินคดี ทำได้จริงหรือ?ตั้งแต่
“พระชายาอ๋องเฉินโปรดเมตตา ช่วยข้าน้อยตามหาเป่าเอ๋อร์กลับมา ข้าน้อยยินดีมอบข้าวโพดสองร้อยชั่งเป็นการตอบแทน!”ชายวัยกลางคนเบ้าตาแดงก่ำ ร้องขออย่างจริงใจครอบครัวของเขาเป็นชาวนาทุกชั่วอายุคน ทำนาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่มีควาย ก็ไม่สามารถปลูกข้าว เท่ากับเป็นการตัดทางรอดของพวกเขา เอาชีวิตของพวกเขาฉู่เชียนหลีรู้ถึงความลำบากและต่ำต้อยของราษฎรที่ใช้แรงงานของยุคโบราณเป็นอย่างดีแม้แต่ควายก็ขโมย ยังมีความเป็นมนุษย์หรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน หน้าตาเป่าเอ๋อร์ของเจ้าเป็นอย่างไร พันธุ์อะไร น้ำหนักส่วนสูงประมาณเท่าไร บอกรายละเอียดบางส่วนกับข้า ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ชายวัยกลางคนรีบกล่าว “เป่าเอ๋อร์เป็นควายแก่อายุแปดปีกว่า ขนของมันเป็นสีขาว…”เขาพูด ฉู่เชียนหลีจดหลังจากพูดจบ ผู้ตรวจการถังพาคนไปตรวจค้นทั่วเมืองทันทีเรื่องนี้ถูกพักไว้ชั่วคราว ถึงคราวคนที่สอง เป็นหญิงชราผมหงอกอายุหกสิบกว่า นางใช้ไม้เท้าพยุง เท้าขาเดินเหินไม่สะดวก หลังค่อม ดวงตาที่ขุ่นมัวทั้งคู่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายาโปรดคืนความยุติธรรม คืนความสงบสุขให้กับครอบครัวของเราด้วย…”ฉู่เชียนหลีเว้นพิธีรีตองของนาง สั่งคนไปยกเก้า