เมื่อสิ้นเสียงตะโกน สาวใช้หลายคนรีบวิ่งเข้ามาประคองเจ้าสาวไว้พ่อบ้านวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ใต้เท้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เกิดไฟไหม้รุนแรง ห้องหนังสือของท่าน…ห้องหนังสือ ไหม้หมดแล้ว!”ผู้ตรวจการถังกำหมัดแน่น มองไปทางแสงไฟที่อยู่ไม่ไกล กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ไม่ทันตรวจสอบแล้ว คืนนี้มีแขกมาพักค้างคืนเยอะมาก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คืออพยพฝูงชน แล้วค่อยช่วยกันดับไฟ รับประกันความปลอดภัยของทุกคน อย่าให้ถึงขั้นมีคนเสียชีวิตเด็ดขาด”“ขอรับ บ่าวไปเดี๋ยวนี้!”พ่อบ้านวิ่งออกไปข้างนอกพลาง ตะโกนเรียกคนมาดับไฟพลาง แขกที่พักค้างคืนก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบเช่นกัน ทุกคนไปรวมตัวที่ลานกว้างและปลอดภัยแต่ละคนงงงวย“อยู่ดีๆ เหตุใดจึงมีไฟไหม้ใหญ่เช่นนี้?”“ทุกคนวิ่งออกมาหมดแล้วกระมัง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บกระมัง?”“เถ้าแก่หวัง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”“พี่หญิงจาง…”ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายและร้อนรน ไม่รู้ว่าใครดึงผ้าคลุมศีรษะของฉู่เชียนหลีหลุด และในเวลาเดียวกัน ด้านนอก เงาคนสีดำกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว“ใต้เท้าผู้ตรวจการ ต่อให้เจ้าไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวข้า ก็ไม
“ข้าไม่ได้…”เสียงของผู้ตรวจการถังถูกเสียงของทุกคนกลบ ผู้ว่าการหลี่ยิ่งตำหนิเสียงดังด้วยความโกรธ“ชื่อเสียงปิงเอ๋อร์ของข้าถูกเจ้าทำลายหมดแล้ว เด็กผู้หญิงที่ขาวบริสุทธิ์คนหนึ่ง เกรงว่าคงถูกเจ้าบีบคั้นจนต้องตายทั้งเป็น!”ในยุคโบราณ ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงก็คือชีวิตที่สองคำพูดนี้กระตุ้นเสียงสะท้อนของแขกผู้หญิงไม่น้อยเป็นผู้หญิงเหมือนกัน พวกนางปวดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหนูหลี่มาก“นี่คุณหนูหลี่ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้เจอกับเรื่องเช่นนี้…”“ผู้ชาย เฮอะ! เพื่อผลประโยชน์แล้ว ทำได้ทุกอย่างจริงๆ”“ผู้ตรวจการเซียงหนาน? ถุย! เซียงหนานของเราไม่ยอมรับขุนนางเช่นนี้!”“ใช่…”พวกนางถ่มน้ำลายอยากดูถูก สาปแช่งเขาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง มองดูภาพเหตุการณ์ที่วุ่นวาย มองดูท่าทางที่อธิบายอย่างร้อนรนของผู้ตรวจการถัง ท่าทางของเขาไม่เหมือนเสแสร้ง ตอนอยู่เรือนหอ ความจริงใจที่เขามีต่อคุณหนูหลี่ยิ่งไม่เหมือนของปลอมเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำเมื่อเทียบกับเอะอะโวยวาย ทำสงครามน้ำลายอยู่ที่นี่ ไม่สู้ตามหาคุณหนูหลี่ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนทันใดนั้น นางก้าวออกมาข้างนอก พลางกล่าวเสียงดัง“ใต้เท้
นอกฝูงชน ร่างเงาสีหมึกอันสูงศักดิ์ค่อยๆ เดินเข้ามา จ้องมองด้านหน้า ใบหน้าดั่งเทพเจ้า ริมฝีปากบางโค้งเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม สายตาจ้องผู้ว่าการหลี่ด้วยรอยยิ้มลึกเมื่อเฟิงเย่เสวียนปรากฏตัว กลิ่นอายราชันย์ที่มีมาแต่กำเนิด โดดเด่นท่ามกลางผู้คนทันทียังไม่ทันได้แจ้งสถานะ ก็ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกอยากคุกเข่า ราวกับว่าเขาเป็นผู้นำการมาตรวจตราดินแดน ส่วนพวกเขาล้วนเป็นขุนนางและราษฎรของเขา…ผู้ตรวจการถังเห็นเขา รีบคุกเข่าคำนับทันที“ข้าน้อยคำนับอ๋องเฉิน!”หกคำที่เคารพนอบน้อม ดังเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจนอ๋องเฉิน…เขาคืออ๋องเฉินแห่งราชสำนักจริงๆ…แขกทุกคนรีบคุกเข่าลงกับพื้น หัวใจแต่ละคนประหม่า รู้สึกเพียงแม้แต่อากาศก็หนักขึ้นเจ็ดส่วนผู้ว่าการหลี่ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ลำคอเหมือนถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งที่มองไม่เห็นบีบ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวอีกห้าวันจึงจะลาดตระเวนทางใต้ไม่ใช่หรือ?เหตุใดอ๋องเฉินจึงมาก่อนกำหนด…เหตุใด…ฉู่เชียนหลีกวาดมองเฟิงเย่เสวียนแวบหนึ่ง แล้วเหลือบมองทางผู้ว่าการหลี่อย่างยิ้มแย้ม“ข้าว่าใต้เท้าหลี่ หากท่านยังไม่เรียกหลี่ปิงออกมาคุย ข้าจะ
พลันผู้ว่าการหลี่หน้าซีด ร่างกายแข็งทื่อ ใบมีดที่แหลมคมได้แทงทะลุเสื้อไปแล้ว จ่ออยู่ตรงผิวหนังบนเอวของเขาความเจ็บอันแหลมคมมีความอุ่นสายหนึ่ง…เลือดไหลแล้ว…ความเจ็บยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีดกำลังแทงเข้าไปข้างในทีละนิ้ว มองไปทางใบหน้าของผู้หญิงที่ครึ่งหนึ่งงดงาม ครึ่งหนึ่งมารร้าย รู้สึกเพียงท่าทางที่ยิ้มของนางน่ากลัวเหมือนปีศาจ ทำให้หนังศีรษะเขาชาเขาไม่สงสัยเลยสักนิด นางจะแทงทะลุเขาด้วยมีดจริงๆนางกล้าลงมือจริงๆ“ข้า…ข้า…” เขาตื่นตระหนกแล้ว “ข้า…”ริมฝีปากสั่นเครือ “ข้า…”“ท่านพ่อ?”หลี่ปิงมองไปทางเขาเหมือนตั้งคำถาม ความเข้าใจที่มีต่อกันของพ่อลูกตลอดหลายปี ควบคู่นางก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ย่อมเข้าใจอะไรบางอย่างคร่าวๆ แล้วดูเหมือนเกิดเรื่องจริงๆ แล้วผู้ตรวจการถังเป็นขุนนางใหญ่ที่สุดของเมืองเซียงหนาน ขอแค่เกาะเขาไว้ให้แน่น ก็จะได้รับความคุ้มครอง!พลันกลอกตาหนึ่งรอบ ก็คว้าแขนเสื้อของผู้ตรวจการถังไว้ กล่าวอย่างเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง“ใต้เท้าถัง ที่จริงปิงเอ๋อร์ชอบท่านมากมาโดยตลอด ในใจมีแต่ท่านคนเดียว!”“เป็นอวี้หลิน…อวี้หลินของร้านค้าตงเฉิงคนนั้น เขาหลอกข้า เขาบอกว่าท่านเป็นค
หุบปาก!หุบปากนะ!โอ๊ย!ข้าแค่สูดลมเย็นเข้าปอด ไม่ได้สั่งให้เจ้าสารภาพละเอียดเช่นนั้น เจ้าลูกสาวดวงกินพ่อ! เจ้าลูกสาวทรพีที่ไม่เอาถ่าน!ข้าจะถูกเจ้าฆ่าตายแล้ว!หลี่ปิงพูดจบ ยกสายตาที่ขี้ขลาดแต่เป็นห่วงขึ้น มองไปทางบิดา กล่าวเสียงเบา“ท่านพ่อ ท่านให้ลูกพูด ลูกเชื่อฟังท่าน…”ผู้ว่าการหลี่ “...”ตั้งแต่สิบห้าปีก่อน ข้าไม่ควรให้เจ้าเกิดมา ถึงตอนนี้ ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว!ความจริงเกิดตาลปัตรร้อยแปดสิบองศาหลังจากบรรดาแขกเข้าใจสาเหตุของเรื่องนี้แล้ว ต่างพากันรุมตำหนิผู้ว่าการหลี่“เกือบเข้าใจผู้ตรวจการถังผิดแล้ว ที่แท้คนโฉดชั่วทะเยอทะยานคือเจ้า! และเจ้ายังคิดหวังตำแหน่งผู้ตรวจการอีก!”“คิดไม่ถึงว่าความมีคุณธรรม เมตตา และเป็นมิตรตลอดหลายปีมานี้ของเจ้า ล้วนเป็นการเสแสร้ง เจ้าจึงจะเป็นเพชฌฆาตที่ฆ่าคนไม่เห็นเลือด!”“เหตุใดเซียงหนานของเราจึงมีผู้ว่าการอย่างเจ้า!”“ถุย!”พวกเขารุมสาปแช่งผู้ว่าการหลี่ ผู้ว่าการหลี่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้น จบแล้ว และไม่อธิบายแล้ว สวรรค์ถล่มแล้ว จบสิ้นทั้งชีวิตแล้ว…สุดท้าย สองพ่อลูกผู้ว่าการหลี่ถูกคุมตัวลงไป บรรดาแขกถูกสั่งให้แยกย้าย จบงานตอนที่หลี
ฉู่เชียนหลีโกรธมาก และไม่อยากสนใจเฟิงเย่เสวียนเฟิงเย่เสวียนเคาะประตูอยู่ข้างนอกอย่างขันแข็ง“เชียนหลีอย่าโกรธเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจ แรกเริ่มข้าแค่สงสัยผู้ว่าการหลี่มีความเมตตามากเกินไป เมตตาจนไม่มีชื่อเสียงเสียๆ หายๆ เมตตาจนสมบูรณ์แบบจนน่าประหลาด จึงสั่งให้หานเฟิงแอบตรวจสอบ…”“ข้าไม่รู้อะไรล่วงหน้าเลย”“เชียนหลี เปิดประตู…”ฉู่เชียนหลีล้มลงบนเตียง กำผ้าห่ม สีหน้าบูดบึ้ง ท่าทางนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าโกรธมากแค่ไหนทั้งที่เขารู้อยู่แล้วว่าผู้ว่าการหลี่มีพิรุธ!แต่กลับไม่บอกนาง!เกินไปแล้ว!ปั่นหัวนางในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังจะเรียกนางมาลาดตระเวนทางใต้เพื่ออะไร เหตุใดจึงไม่มาคนเดียว?จริงๆ เลย!เฟิงเย่เสวียนตะโกนเรียกอย่างขันแข็งอยู่พักใหญ่ ประตูก็ไม่เปิดเสียที ทว่ากลับทำให้คนที่เดินผ่านข้างนอกมองด้วยสายตาแปลกๆก็ไหนบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉินดีมาก ทะเลาะกันเล็กน้อยไม่ส่งผลกระทบไม่ใช่หรือ?ผู้ชายที่เรียกเปิดประตูอย่างขันแข็งคนนั้นเป็นใคร?หานเฟิง “แค่ก!”เหล่าคนรับใช้ “...”ต่างก็ก้มศีรษะ เดินจากไปอย่างเร่งรีบ ไม่กล้าดูเยอะอีกหานเฟิงยืนอยู่นอกประตูเรือน
จวนผู้ตรวจการบนศาล ทหารยืนซ้ายและขวาสองฝั่ง ถืออาวุธในมือ ร่างกายตั้งตรง สายตามองไปข้างหน้า แผ่นป้ายที่แกะสลักตัวอักษรขนาดใหญ่ ‘ศาลเที่ยงธรรม’ สี่คำแขวนอยู่กลางศาลบนบัลลังก์ ตำแหน่งเก้าอี้หลักถูกเว้นว่าง ผู้ตรวจการถังสวมชุดขุนนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างใต้ศาล มีชาวบ้านหลายสิบคนยืนอยู่ตรงนั้นพวกเขามีทั้งชายและหญิง ถือหนังสือร้องเรียนไว้ในมือ เบ้าตาแดงก่ำ เม้มริมฝีปากแน่น แทบรอไม่ไหวที่จะได้ร้องเรียนแล้วพวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม!ตอนฉู่เชียนหลีมาถึง เห็นผู้ตรวจการถังนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เหล่าชาวบ้านกำลังรอ “เหตุใดจึงไม่เปิดศาล?”ผู้ตรวจการถังรีบลุกขึ้นยืน “คำนับพระชายาอ๋องเฉิน”ฉู่เชียนหลีเดินอ้อมโต๊ะ ไปนั่งลงบนเก้าอี้หลัก แล้วมองชาวบ้านที่อยู่ข้างล่าง พลันกล่าวเสียงดัง“ตอนนี้อ๋องเฉินมีงานอย่างอื่นต้องไปทำ พวกเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไร พูดมาทีละอย่าง ข้าแก้ปัญหาให้พวกเจ้าเอง ไม่ได้รับความเป็นธรรมคืนความเป็นธรรม มีความเกลียดชังกำจัดความเกลียดชัง”บรรดาแถวบ้านได้ยินคำพูดนี้ ต่างมองนางด้วยสายตาสับสน สงสัย และคาดคะเนให้ผู้หญิงมาตัดสินคดี ทำได้จริงหรือ?ตั้งแต่
“พระชายาอ๋องเฉินโปรดเมตตา ช่วยข้าน้อยตามหาเป่าเอ๋อร์กลับมา ข้าน้อยยินดีมอบข้าวโพดสองร้อยชั่งเป็นการตอบแทน!”ชายวัยกลางคนเบ้าตาแดงก่ำ ร้องขออย่างจริงใจครอบครัวของเขาเป็นชาวนาทุกชั่วอายุคน ทำนาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่มีควาย ก็ไม่สามารถปลูกข้าว เท่ากับเป็นการตัดทางรอดของพวกเขา เอาชีวิตของพวกเขาฉู่เชียนหลีรู้ถึงความลำบากและต่ำต้อยของราษฎรที่ใช้แรงงานของยุคโบราณเป็นอย่างดีแม้แต่ควายก็ขโมย ยังมีความเป็นมนุษย์หรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน หน้าตาเป่าเอ๋อร์ของเจ้าเป็นอย่างไร พันธุ์อะไร น้ำหนักส่วนสูงประมาณเท่าไร บอกรายละเอียดบางส่วนกับข้า ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ชายวัยกลางคนรีบกล่าว “เป่าเอ๋อร์เป็นควายแก่อายุแปดปีกว่า ขนของมันเป็นสีขาว…”เขาพูด ฉู่เชียนหลีจดหลังจากพูดจบ ผู้ตรวจการถังพาคนไปตรวจค้นทั่วเมืองทันทีเรื่องนี้ถูกพักไว้ชั่วคราว ถึงคราวคนที่สอง เป็นหญิงชราผมหงอกอายุหกสิบกว่า นางใช้ไม้เท้าพยุง เท้าขาเดินเหินไม่สะดวก หลังค่อม ดวงตาที่ขุ่นมัวทั้งคู่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายาโปรดคืนความยุติธรรม คืนความสงบสุขให้กับครอบครัวของเราด้วย…”ฉู่เชียนหลีเว้นพิธีรีตองของนาง สั่งคนไปยกเก้า
“เสด็จแม่!”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน จับเอวที่ล้มจนเจ็บ ไม่ต้องพูดถึงว่าโกรธเคืองเพียงใดเดินเข้าไป จับแขนของมารดา กล่าวอย่างโมโห“นางผลักหม่อมฉัน!”“เมื่อครู่นางจงใจผลักหม่อมฉัน!”ทุกคนเจอนาง ล้วนนอกน้อม เชื่อฟัง สรรเสริญเยินยอ ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ไม่เคยตีนางเลยถูกพระชายาอ๋องเฉินที่ตัวเล็กๆ คนหนึ่งรังแก จะให้นางกล้ำกลืนลงไปได้อย่างไร?น่าโมโห!นางเดินเข้าไปจะผลักฉู่เชียนหลีโดยไม่ปล่อยให้มีโอกาสได้อธิบาย “ยวนเอ๋อร์!”ฮองเฮาหนานยวนจับข้อมือของลูกสาว หยุดนางไว้แล้วกล่าวเสียงเบา “เมื่อครู่พระชายาอ๋องเฉินไม่ได้ตั้งใจ พวกเจ้าแค่โต้เถียงกันเล็กน้อย ไม่ควรจริงจัง”องค์หญิงจิตใจกว้างขวาง ไม่จำเป็นต้องถือสาเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้จวินลั่วยวนเบิกตากว้างเสด็จแม่ไม่ช่วยนาง?“เสด็จแม่ ท่านเลอะเลือนแล้วหรือ?” นางถามอย่างไม่กล้าเชื่อ “หม่อมฉันถูกรังแกใต้จมูกท่าน ท่านยังพูดแทนคนร้ายอีก?”ตกลงใครจึงจะเป็นลูกสาวของนางกันแน่?ฮองเฮาหนานยวนเม้มปาก มองไปทางฉู่เชียนหลีที่ยืนอยู่ข้างๆไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กคนนี้ มีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด แค่เห็นห
สีหน้าฉู่เชียนหลีสงบ ดูสบายๆ“องค์หญิงมีเรื่องให้กังวลมากมายจริงๆ” นางกล่าวอย่างเรียบเฉย “เจ้าไม่รู้เรื่องภายในของแคว้นตงหลิง อย่ายุ่งให้มากจะดีกว่า”การต่อสู้ระหว่างเฟิงเจิ้งหลีกับเฟิงเย่เสวียน จะไม่หยุดหลงเพียงเพราะคืนเฟิงเจิ้งลู่ฉินเฟิงเจิ้งลู่ฉินมีแต่จะกลายเป็นเครื่องสังเวยที่ไม่รู้อะไรจวิ้นลั่วยวนขมวดคิ้ว“เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่มีเหตุผล กลับพูดเหมือนตัวเองมีเหตุผล”“แล้วแต่เจ้าจะพูดอย่างไร”นางจะไม่คืนเฟิงเจิ้งลู่ฉินจวิ้นลั่วยวนยิ่งขมวดคิ้วแน่นแล้ว “ถ้าหากเกิดสงครามจริง คนที่ทำให้เกิดการต่อสู้คือเจ้า คนที่ทำให้ราษฎรต้องพลัดถิ่นก็คือเจ้า เพราะเจ้าคนเดียว จะทำให้ผู้บริสุทธิ์มากมายต้องตาย”สายตาฉู่เชียนหลีขรึมลงมือที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เจ้าตั้งใจมาเจียงหนาน ก็เพื่อทำสงครามไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงตั้งตนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว?”“เจ้า!”“เจ้ายืนตำหนิข้าบนบรรทัดฐานของศีลธรรม แต่ขณะเดียวกันก็คอยยุแหยง พลางห้ามปรามสงคราม พลางเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ไม่รู้สึกว่ามันน่าอายหรือ?”“...”จวินลั่วยวนพูดไม่ออกแล้วนางพบว่าฉู่เชียนหลีคนนี้ปากร้ายจริงๆ โ
ฉู่เชียนหลีจากไปห้าที่หก เจียงเป่ยประกาศหนังสือสงครามต่อเจียงหนาน เนื้อหามีอยู่ว่า คืนองค์หญิงเฟิงเจิ้งลู่ฉินภายในสามวัน ไม่คืนยกทัพบุกโจมตีเหตุผลเห็นสมควรอย่างยิ่งขอลูกสาวของตัวเองคืนหลังจากฉู่เชียนหลีรู้ อารมณ์สับสนอย่างบอกไม่ถูก เพราะนางรู้ว่าเฟิงเจิ้งหลีไม่ได้รักเฟิงเจิ้งลู่ฉิน เขาแค่ต้องการใช้ข้ออ้างขอลูกสาวคืน เพื่อบุกโจมตีเจียงหนาน“พระชายา ทำอย่างไรดี?”อวิ๋นอิงถามพื้นห้องถูกปูด้วยพรมหนาๆ เด็กทั้งสามคนวิ่งเล่นบนนั้น สะดุดล้ม ชนกัน กระแทกกัน ถูกพรมปกป้องอย่างดี ไม่ได้รับบาดเจ็บหลายวันที่อยู่ด้วยกัน เด็กทั้งสามคนคุ้นเคยกันแล้ว และเล่นด้วยกันอย่างมีความสุขเจ้าไล่ข้า ข้าไล่เจ้าคลานไป คลานมาเจ้าแย่งขวดนมของข้า ข้าหยิกหน้าของเจ้า พูดอีอาๆ แม้ไม่มีใครฟังเข้าใจฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ มองไปทางลู่ฉินลู่ฉินคลอดก่อนกำหนด รูปร่างผอมและยังมีโรคหัวใจ เหมือนกับตุ๊กตาที่อ่อนแอตัวหนึ่งเฟิงเจิ้งหลีไม่รักนาง ฉู่เจียวเจียวไม่ชอบนาง ถ้าหากนางกลับเจียงเป่ย ยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร…ขณะที่นางกำลังกังวล ลู่ฉินที่กำลังคลานเล่นเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง คลานไปที่ตรงหน้า
เฟิงเจิ้งหลีมาถึงตำหนักของไท่ซ่างหวงเหมือนไท่ซ่างหวงคาดการณ์ไว้นานแล้ว กำลังนั่งพิงบนหัวเตียงรอเขา สายตาของสองพ่อลูกบรรจบกันกลางอากาศเกิดความเงียบขึ้นชั่วพริบตาผ่านไปครู้หนึ่ง เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้าไปอย่างเหนื่อยล้า “เหตุใดไม่ไป?”เขาทิ้งร่างกายที่หนักอึ้งนั่งลงไป ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แม้แต่เสียงพูดก็แหบ โดยรวมแล้วดูโทรมมากราวกับบาดเจ็บสาหัสสำหรับเขานั่น ถูกคนที่ชอบและเชื่อใจที่สุดหักหลังและทิ้ง ก็คือการทำร้าย ทิ้ง…เขาเกลียดคำนี้ที่สุดในชีวิตไท่ซ่างหวงมองดูลูกชายที่คล้ายเขาห้าส่วนตรงหน้า และคล้ายมารดาของเขาห้าส่วน พริบตาเดียว ลูกชายก็โตเช่นนี้แล้ว และเขาก็ขาดความรักมากมายเหลือเกินในดวงตาที่ขุ่นมัว เผยให้เห็นความรู้สึกผิดหลายส่วน“ถ้าหากข้าไปแล้ว เจ้าจะไม่เหลือญาติแม้แต่คนเดียว”“!”ร่างกายเฟิงเจิ้งหลีสั่นสะท้าน แผ่นหลังแข็งฉับพลันญาติ…ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพ่อใช้คำนี้เรียกความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา“หลีเอ๋อร์ ข้ารู้ หลายปีมานี้ พ่อติดค้างเจ้าเยอะมาก พ่อให้ความสำคัญกับบ้านเมืองจนมองข้ามเจ้า ในใจพ่อรู้สึกผิดนัก” ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่า
คืนแรกที่ออกจากเมืองหลวงฉู่เชียนหลีนอนไม่หลับ…เมืองหลวงอันไกลโพ้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำอูหลาน วังหลวงจุดเทียนสว่างไสวในยามค่ำคืนที่มืดมิด เหล่านางกำนัลถือโคมไฟ ก้มหน้าเดินผ่านยังเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดมากตำหนักเจาหยางทุกที่มืดมิด ไร้ผู้คน และไม่มีเทียนแม้แต่เล่มเดียว เหมือนกับถูกความมืดกลืนกิน เงียบราวกับดินแดนไร้ผู้คนแต่ท่ามกลางความมืดนั่น กลับมีเสียงหายใจเย็นๆ สายหนึ่งเบาจนแทบไม่ได้ยิน เฟิงเจิ้งหลีนั่งอยู่บนบันได ร่างกายของเขากลมกลืนกับความมืดจนมองเห็นแทบไม่ชัด ดวงตาคู่นั้นฉายแสงในความมืด ราวกับจมอยู่ในเหวลึกอันไร้ที่สิ้นสุดในอดีตที่นี่เคยมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ เคยมีรอยยิ้มของนาง ท่าทางที่อ่อนโยนของนาง และเสียงอันนุ่มนวลที่พูดคุยกับเขา ภาพเหล่านั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดยังคงอยู่ในสมองของเขา ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาชัดเจนมากตราตรึงมากนางเคยพูด อยู่ข้างกายเขา รู้สึกสบายใจมากนางเคยพูด จื่อเยี่ยชอบเขา นางก็จะดีกับเขานางเคยพูด…คำพูดไพเราะนางเป็นคนพูด เรื่องใจร้ายก็นางเป็นคนทำล้วนเป็นนาง!ฉู่เชียนหลี!โกหกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเชื่อครั้งแล้วครั้
“คุณหนูอย่าคิดมาก แม้องค์หญิงแคว้นหนานยวนท่านนี้น่ารังเกียจไปบ้าง แต่นางทำงานเสร็จ ก็น่าจะกลับแคว้นแล้ว ก็แค่เจอกันชั่วคราว ทำอะไรไม่ได้หรอก” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เชียนหลีไม่ได้คิดมากอย่างไรก็ตามผู้ชายอย่างเฟิงเย่เสวียนที่อายุยังน้อย รูปร่างหน้าตาโดดเด่น มีฐานะมีอิทธิพล สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มีผู้หญิงมากมายชอบก็เป็นเรื่องปกติถ้านางจะถือสา คนมากมายเช่นนั้น จะถือสาไหวได้อย่างไร?นางนึกถึงเรื่องของกู่แพทย์ มองจิ่งอี้อย่างจริงจัง เห็นสีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเหมือนคนป่วย ก็รู้แล้วว่าเขากำลังใช้ร่างกายตัวเองเลี้ยงกู้แพทย์“เลี้ยงรอดหรือไม่?” นางถามเบาๆมีการบันทึกในตำราโบราณ กู่แพทย์ชนิดนี้อ่อนแอเลี้ยงยาก เผลอไม่ระวังนิดเดียวก็จะตาย สิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็เปล่าประโยชน์จิ่งอี้หลุบตา เสียงเบามาก“เลี้ยงแล้วสามสิบกว่าตัว ในที่สุดก็เลี้ยงรอดสองตัว…”กู่แพทย์สองตัวนี้ ตอนนี้ถูกเขาเก็บไว้ในหน้าอก พกติดตัวไปทุกที่ ต่อให้เป็นเวลานอน ก็จะนำออกมาดูเป็นระยะกลัวว่าพลั้งเผลอนิดเดียว พวกมันก็จะตายฉู่เชียนหลีเหลือบมอง “อวิ๋นอิงรู้หรือไม่?”“นางไม่รู้ขอรับ คุณหนู อย่าพูดถ
เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีใบหน้างดงาม การแต่งกายดูขี้เล่นแต่ยังคงสูงศักดิ์ มัดมวยผมและถักเปียหางม้า ซึ่งบ่งบอกว่านางยังไม่แต่งงาน กระโดดออกมาปรากฏตัว ท่าทางที่สดใสร่าเริงนั่น ทำให้ดูเข้าถึงได้ง่ายมากฉู่เชียนหลีเหลือบมอง“เจ้าคือ…”“ข้าชื่อจวินลั่วยวน เป็นองค์หญิงแคว้นหนานยวน”นางแนะนำตัวเอง เสียงนั่นเหมือนนกขมิ้นที่บินออกจากหุบเขา สดใสไพเราะ“อ๋องเฉินกับฮ่องเต้ตงหลิงสู้กัน เสด็จพ่อให้ข้ามาช่วยอ๋องเฉินที่เจียงหนาน ก็เพราะข้าแทรกแซง ฮ่องเต้ตงหลิงจึงให้ความสำคัญกับศึกเมืองเทียนสู่เป็นพิเศษ และลงสนามรบด้วยตัวเอง”ไม่เช่นนั้น ยังไม่สามารถล่อฮ่องเต้ตงหลิงออกมาได้ล่อเสือออกจากถ้ำ พระชายาอ๋องเฉินจึงสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยพูดถึงก็ล้วนเป็นผลงานของนางฉู่เชียนหลีเข้าใจแล้วองค์หญิงของแคว้นหนานยวนท่านนี้ ได้ยินมานานแล้วว่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฮ่องเต้หนานยวน เป็นแก้วตาดวงใจที่เหมือนไข่มุกงามบนฝ่ามือ ถูกเอาใจใส่อย่างดีตั้งแต่เด็ก“รบกวนองค์หญิงแล้ว” นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถือเป็นมารยาทจวินลั่วยวนประหลาดใจเล็กน้อย “?”แค่นี้?ไม่มีแล้ว?พูดแค่สี่คำก็แสดงความขอบค
เด็กน้อยที่ดูกลัวๆ ในตอนแรก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมือนกับเจอที่พึ่งพิง เบ้าตาแดงก่ำ มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง“อุแว้!”ร้องไห้เสียงดังนางกลัวมากแม่ของนางไม่อยู่ นางถูกคนรับใช้โยนไปโยนมา กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ และยังไม่กล้าร้องไห้ เพราะไม่มีใครกล่อมนางอย่างอ่อนโยนและอดทนเหมือนท่านแม่ในที่สุดก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยแล้วไม่สามารถควบคุมความน้อยใจที่กดเอาไว้ได้อีกต่อไป ปล่อยโฮร้องไห้“ฮือๆ…”สองมือจับเสื้อฉู่เชียนหลี มุดเข้าไปในอกของนางก็ร้องไห้อวิ๋นอิงยกมือขวาขึ้น รีบรับรองทันที “พระชายาวางใจได้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ พวกเราดูแลลู่ฉินอย่างดี ไม่มีใครรังแกนางแน่นอน นางน่าจะคิดถึงท่านมาก จึงร้องไห้เช่นนี้”“ท่านไม่รู้หรอก แม้ลู่ฉินยังเล็ก แต่นางรู้ว่าใครเป็นใคร นางจะเอาท่านคนเดียว พึ่งพาท่าน คิดถึงท่าน”หัวใจฉู่เชียนหลีละลายตั้งแต่เด็กคนนี้เกิดมา นางเลี้ยงเองกับมือมาโดยตลอด และความเชื่อใจและการพึ่งพาที่เด็กมีต่อนาง ก็คือการตอบแทนที่ดีที่สุด“ไม่ร้องนะ”นางเช็ดน้ำตาเบาๆ “แม่กลับมาแล้ว ต่อไปจะไม่ไปอีกแล้ว”ในเมื่อเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวไม่เอาเด็กคนนี้ นางเลี้ยงเอง“แม่…”เสียง
ท้ายที่สุดเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้ลงมือกองทัพทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันในระยะไกลทั้งเช่นนี้เฟิงเย่เสวียนกอดฉู่เชียนหลีไว้ จับเชือกบังเหียนม้าแน่น ขี่ม้าจากไปเฟิงเจิ้งหลียืนอยู่ที่ข้างแม่น้ำ ร่างกายที่บอบบางถูกลมเย็นพัดจนเสื้อคลุมพลิ้วไหว สีหน้าซีดเผือด แววตาอ่อนล้า มุมปากยังมีคราบเลือด ยืนมองนิ่งๆ ทั้งเช่นนี้…มอง…รอหลังจากขบวนของอ๋องเฉินหายลับตา เขายังคงยืนอยู่ข้างแม่น้ำ เนิ่นนานก็ไม่ขยับสองเท้าหนักเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว สายตามองตรงไปข้างหน้ากลิ่นอายรอบตัวขรึมมาก สีหน้าแยกไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือเข้าไป…เจียงหนาน เมืองน้ำ[1] อากาศเย็นสบาย สภาพแวดล้อมดีมากขบวนตรงไปที่ทำเนียบ“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”“พระชายา?!”เมื่อคนที่เข้ามาต้อนรับเห็นฉู่เชียนหลี แต่ละคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อน แต่หลังจากนั้นก็ดีใจ“พระชายากลับมาแล้ว!”“พระชายากลับมาแล้ว!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วอวิ๋นอิง จิ่งอี้ เฟิ่งหราน คนมากมายรีบมาไม่เจอครึ่งปี มิตรภาพยังคงอยู่“พระชายา ในที่สุ