นอกฝูงชน ร่างเงาสีหมึกอันสูงศักดิ์ค่อยๆ เดินเข้ามา จ้องมองด้านหน้า ใบหน้าดั่งเทพเจ้า ริมฝีปากบางโค้งเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม สายตาจ้องผู้ว่าการหลี่ด้วยรอยยิ้มลึกเมื่อเฟิงเย่เสวียนปรากฏตัว กลิ่นอายราชันย์ที่มีมาแต่กำเนิด โดดเด่นท่ามกลางผู้คนทันทียังไม่ทันได้แจ้งสถานะ ก็ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกอยากคุกเข่า ราวกับว่าเขาเป็นผู้นำการมาตรวจตราดินแดน ส่วนพวกเขาล้วนเป็นขุนนางและราษฎรของเขา…ผู้ตรวจการถังเห็นเขา รีบคุกเข่าคำนับทันที“ข้าน้อยคำนับอ๋องเฉิน!”หกคำที่เคารพนอบน้อม ดังเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจนอ๋องเฉิน…เขาคืออ๋องเฉินแห่งราชสำนักจริงๆ…แขกทุกคนรีบคุกเข่าลงกับพื้น หัวใจแต่ละคนประหม่า รู้สึกเพียงแม้แต่อากาศก็หนักขึ้นเจ็ดส่วนผู้ว่าการหลี่ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ลำคอเหมือนถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งที่มองไม่เห็นบีบ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวอีกห้าวันจึงจะลาดตระเวนทางใต้ไม่ใช่หรือ?เหตุใดอ๋องเฉินจึงมาก่อนกำหนด…เหตุใด…ฉู่เชียนหลีกวาดมองเฟิงเย่เสวียนแวบหนึ่ง แล้วเหลือบมองทางผู้ว่าการหลี่อย่างยิ้มแย้ม“ข้าว่าใต้เท้าหลี่ หากท่านยังไม่เรียกหลี่ปิงออกมาคุย ข้าจะ
พลันผู้ว่าการหลี่หน้าซีด ร่างกายแข็งทื่อ ใบมีดที่แหลมคมได้แทงทะลุเสื้อไปแล้ว จ่ออยู่ตรงผิวหนังบนเอวของเขาความเจ็บอันแหลมคมมีความอุ่นสายหนึ่ง…เลือดไหลแล้ว…ความเจ็บยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีดกำลังแทงเข้าไปข้างในทีละนิ้ว มองไปทางใบหน้าของผู้หญิงที่ครึ่งหนึ่งงดงาม ครึ่งหนึ่งมารร้าย รู้สึกเพียงท่าทางที่ยิ้มของนางน่ากลัวเหมือนปีศาจ ทำให้หนังศีรษะเขาชาเขาไม่สงสัยเลยสักนิด นางจะแทงทะลุเขาด้วยมีดจริงๆนางกล้าลงมือจริงๆ“ข้า…ข้า…” เขาตื่นตระหนกแล้ว “ข้า…”ริมฝีปากสั่นเครือ “ข้า…”“ท่านพ่อ?”หลี่ปิงมองไปทางเขาเหมือนตั้งคำถาม ความเข้าใจที่มีต่อกันของพ่อลูกตลอดหลายปี ควบคู่นางก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ย่อมเข้าใจอะไรบางอย่างคร่าวๆ แล้วดูเหมือนเกิดเรื่องจริงๆ แล้วผู้ตรวจการถังเป็นขุนนางใหญ่ที่สุดของเมืองเซียงหนาน ขอแค่เกาะเขาไว้ให้แน่น ก็จะได้รับความคุ้มครอง!พลันกลอกตาหนึ่งรอบ ก็คว้าแขนเสื้อของผู้ตรวจการถังไว้ กล่าวอย่างเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง“ใต้เท้าถัง ที่จริงปิงเอ๋อร์ชอบท่านมากมาโดยตลอด ในใจมีแต่ท่านคนเดียว!”“เป็นอวี้หลิน…อวี้หลินของร้านค้าตงเฉิงคนนั้น เขาหลอกข้า เขาบอกว่าท่านเป็นค
หุบปาก!หุบปากนะ!โอ๊ย!ข้าแค่สูดลมเย็นเข้าปอด ไม่ได้สั่งให้เจ้าสารภาพละเอียดเช่นนั้น เจ้าลูกสาวดวงกินพ่อ! เจ้าลูกสาวทรพีที่ไม่เอาถ่าน!ข้าจะถูกเจ้าฆ่าตายแล้ว!หลี่ปิงพูดจบ ยกสายตาที่ขี้ขลาดแต่เป็นห่วงขึ้น มองไปทางบิดา กล่าวเสียงเบา“ท่านพ่อ ท่านให้ลูกพูด ลูกเชื่อฟังท่าน…”ผู้ว่าการหลี่ “...”ตั้งแต่สิบห้าปีก่อน ข้าไม่ควรให้เจ้าเกิดมา ถึงตอนนี้ ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว!ความจริงเกิดตาลปัตรร้อยแปดสิบองศาหลังจากบรรดาแขกเข้าใจสาเหตุของเรื่องนี้แล้ว ต่างพากันรุมตำหนิผู้ว่าการหลี่“เกือบเข้าใจผู้ตรวจการถังผิดแล้ว ที่แท้คนโฉดชั่วทะเยอทะยานคือเจ้า! และเจ้ายังคิดหวังตำแหน่งผู้ตรวจการอีก!”“คิดไม่ถึงว่าความมีคุณธรรม เมตตา และเป็นมิตรตลอดหลายปีมานี้ของเจ้า ล้วนเป็นการเสแสร้ง เจ้าจึงจะเป็นเพชฌฆาตที่ฆ่าคนไม่เห็นเลือด!”“เหตุใดเซียงหนานของเราจึงมีผู้ว่าการอย่างเจ้า!”“ถุย!”พวกเขารุมสาปแช่งผู้ว่าการหลี่ ผู้ว่าการหลี่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้น จบแล้ว และไม่อธิบายแล้ว สวรรค์ถล่มแล้ว จบสิ้นทั้งชีวิตแล้ว…สุดท้าย สองพ่อลูกผู้ว่าการหลี่ถูกคุมตัวลงไป บรรดาแขกถูกสั่งให้แยกย้าย จบงานตอนที่หลี
ฉู่เชียนหลีโกรธมาก และไม่อยากสนใจเฟิงเย่เสวียนเฟิงเย่เสวียนเคาะประตูอยู่ข้างนอกอย่างขันแข็ง“เชียนหลีอย่าโกรธเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจ แรกเริ่มข้าแค่สงสัยผู้ว่าการหลี่มีความเมตตามากเกินไป เมตตาจนไม่มีชื่อเสียงเสียๆ หายๆ เมตตาจนสมบูรณ์แบบจนน่าประหลาด จึงสั่งให้หานเฟิงแอบตรวจสอบ…”“ข้าไม่รู้อะไรล่วงหน้าเลย”“เชียนหลี เปิดประตู…”ฉู่เชียนหลีล้มลงบนเตียง กำผ้าห่ม สีหน้าบูดบึ้ง ท่าทางนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าโกรธมากแค่ไหนทั้งที่เขารู้อยู่แล้วว่าผู้ว่าการหลี่มีพิรุธ!แต่กลับไม่บอกนาง!เกินไปแล้ว!ปั่นหัวนางในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังจะเรียกนางมาลาดตระเวนทางใต้เพื่ออะไร เหตุใดจึงไม่มาคนเดียว?จริงๆ เลย!เฟิงเย่เสวียนตะโกนเรียกอย่างขันแข็งอยู่พักใหญ่ ประตูก็ไม่เปิดเสียที ทว่ากลับทำให้คนที่เดินผ่านข้างนอกมองด้วยสายตาแปลกๆก็ไหนบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉินดีมาก ทะเลาะกันเล็กน้อยไม่ส่งผลกระทบไม่ใช่หรือ?ผู้ชายที่เรียกเปิดประตูอย่างขันแข็งคนนั้นเป็นใคร?หานเฟิง “แค่ก!”เหล่าคนรับใช้ “...”ต่างก็ก้มศีรษะ เดินจากไปอย่างเร่งรีบ ไม่กล้าดูเยอะอีกหานเฟิงยืนอยู่นอกประตูเรือน
จวนผู้ตรวจการบนศาล ทหารยืนซ้ายและขวาสองฝั่ง ถืออาวุธในมือ ร่างกายตั้งตรง สายตามองไปข้างหน้า แผ่นป้ายที่แกะสลักตัวอักษรขนาดใหญ่ ‘ศาลเที่ยงธรรม’ สี่คำแขวนอยู่กลางศาลบนบัลลังก์ ตำแหน่งเก้าอี้หลักถูกเว้นว่าง ผู้ตรวจการถังสวมชุดขุนนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างใต้ศาล มีชาวบ้านหลายสิบคนยืนอยู่ตรงนั้นพวกเขามีทั้งชายและหญิง ถือหนังสือร้องเรียนไว้ในมือ เบ้าตาแดงก่ำ เม้มริมฝีปากแน่น แทบรอไม่ไหวที่จะได้ร้องเรียนแล้วพวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม!ตอนฉู่เชียนหลีมาถึง เห็นผู้ตรวจการถังนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เหล่าชาวบ้านกำลังรอ “เหตุใดจึงไม่เปิดศาล?”ผู้ตรวจการถังรีบลุกขึ้นยืน “คำนับพระชายาอ๋องเฉิน”ฉู่เชียนหลีเดินอ้อมโต๊ะ ไปนั่งลงบนเก้าอี้หลัก แล้วมองชาวบ้านที่อยู่ข้างล่าง พลันกล่าวเสียงดัง“ตอนนี้อ๋องเฉินมีงานอย่างอื่นต้องไปทำ พวกเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไร พูดมาทีละอย่าง ข้าแก้ปัญหาให้พวกเจ้าเอง ไม่ได้รับความเป็นธรรมคืนความเป็นธรรม มีความเกลียดชังกำจัดความเกลียดชัง”บรรดาแถวบ้านได้ยินคำพูดนี้ ต่างมองนางด้วยสายตาสับสน สงสัย และคาดคะเนให้ผู้หญิงมาตัดสินคดี ทำได้จริงหรือ?ตั้งแต่
“พระชายาอ๋องเฉินโปรดเมตตา ช่วยข้าน้อยตามหาเป่าเอ๋อร์กลับมา ข้าน้อยยินดีมอบข้าวโพดสองร้อยชั่งเป็นการตอบแทน!”ชายวัยกลางคนเบ้าตาแดงก่ำ ร้องขออย่างจริงใจครอบครัวของเขาเป็นชาวนาทุกชั่วอายุคน ทำนาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่มีควาย ก็ไม่สามารถปลูกข้าว เท่ากับเป็นการตัดทางรอดของพวกเขา เอาชีวิตของพวกเขาฉู่เชียนหลีรู้ถึงความลำบากและต่ำต้อยของราษฎรที่ใช้แรงงานของยุคโบราณเป็นอย่างดีแม้แต่ควายก็ขโมย ยังมีความเป็นมนุษย์หรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน หน้าตาเป่าเอ๋อร์ของเจ้าเป็นอย่างไร พันธุ์อะไร น้ำหนักส่วนสูงประมาณเท่าไร บอกรายละเอียดบางส่วนกับข้า ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ชายวัยกลางคนรีบกล่าว “เป่าเอ๋อร์เป็นควายแก่อายุแปดปีกว่า ขนของมันเป็นสีขาว…”เขาพูด ฉู่เชียนหลีจดหลังจากพูดจบ ผู้ตรวจการถังพาคนไปตรวจค้นทั่วเมืองทันทีเรื่องนี้ถูกพักไว้ชั่วคราว ถึงคราวคนที่สอง เป็นหญิงชราผมหงอกอายุหกสิบกว่า นางใช้ไม้เท้าพยุง เท้าขาเดินเหินไม่สะดวก หลังค่อม ดวงตาที่ขุ่นมัวทั้งคู่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายาโปรดคืนความยุติธรรม คืนความสงบสุขให้กับครอบครัวของเราด้วย…”ฉู่เชียนหลีเว้นพิธีรีตองของนาง สั่งคนไปยกเก้า
ตาย…สายตาของฉู่เชียนหลีขรึมลงทันที ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรที่นางไม่รู้…เหลือบมองผู้ว่าการหลี่ที่อยู่ในห้องขัง“หากเจ้าบอกข้าว่าเฟิงเย่เสวียนไปที่ไหน บางทีข้าอาจสามารถคิดวิธีลดโทษของเจ้าให้เบาลง”“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ!”ผู้ว่าการหลี่ราวกับได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลกลดโทษ?เขาคิดร้ายต่อผู้ตรวจการ ยักยอกทรัพย์มหาศาล เขากำลังจะเผชิญโทษเช่นไร เขารู้อยู่แก่ใจ มันใช่สิ่งที่คำพูดประโยคเดียวของฉู่เชียนหลีก็สามารถเว้นโทษได้หรือ?ว่าไปก็ต้องโทษฉู่เชียนหลี!หากไม่ใช่ฉู่เชียนหลีกระชากเขาออกมา เขาก็ไม่ถูกเปิดโปง และยิ่งไม่มีทางตกอับถึงขั้นนี้นางแพศยาน้อยคนนี้!เขาไม่มีความสุข นางก็อย่าคิดมีความสุข!“ในเมื่อเจ้าอยากรู้ ข้าบอกเจ้าก็ได้!” ผู้ว่าการหลี่แสยะยิ้ม กล่าวอย่างชั่วร้าย “เมื่อคืนอ๋องเฉินมาถามที่อยู่ของหมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อกับข้า”“หมอผีอวี๋เจวี๋ยจื่อ ขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้าในยุทธภพ เขามีทักษะการแพทย์ที่น่าตกใจ ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเหมือนดินปืน ทุกครั้งที่เขาช่วยคนหนึ่งคน ก็จะฆ่าคนหนึ่งคน มีชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยม!”ครั้งหนึ่ง มีพ่อค้าที่ร่ำรวยคนหนึ่งมาขอให้เขารักษา
อ๋องหลี?!พลันฉู่เชียนหลีอึ้ง มองผู้ชายตรงหน้า ตะลึงงันไปชั่วขณะที่แท้เขาก็คือองค์ชายห้าผู้ถูกทอดทิ้งที่ชาวบ้านพูดถึง มารดาผู้ให้กำเนิดเป็นนางกำนัลที่มีสถานะต่ำต้อย ไม่เป็นที่ต้อนรับของฮ่องเต้ และยังมีสัญญาหมั้นหมายกับฉู่เจียวเจียว——เฟิงเจิ้งหลีที่แท้เป็นเขา!ก่อนหน้านี้ฟังชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ และเยว่เอ๋อร์ก็พูดถึง นางยังคาดเดาว่าตกลงอ๋องหลีคนนี้เป็นคนอย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะเคยเจอกันนานแล้ว“พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”เสียงถามด้วยความเป็นห่วงของหานเฟิงดึงความคิดฉู่เชียนหลีกลับมา นางรีบถอยออกจากอ้อมแขนของอ๋องหลี“ข้าไม่…ซี้ด!”เจ็บข้อเท้ามาก“อย่าขยับ!” อ๋องหลีกดไหล่ของนางให้นั่งลงบนพื้นหญ้า แล้วเลิกกระโปรงนางขึ้นข้อเท้าขวาแดงก่ำ“น่าจะโดนเชือกป่านของกับดักเมื่อครู่บาด”นางถูกเลี้ยงดูในเรือนส่วนหลังตั้งแต่เด็ก ผิวพรรณขาวละเอียดอ่อน เชือกถูกับหนังก็ถลอกแล้ว มีรอยเลือดจางๆ ผุดออกมาอ๋องหลีรีบหยิบเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกจากหน้าอก พันข้อเท้าของนางไว้ เขาพันสองรอบ แล้วเงื่อนอย่างเบามือผ้าเช็ดหน้าผืนนี้…ฉู่เชียนหลีจำได้ในปราดเดียวตอนนั้น ในคืนวันงานเลี้ยงฉลองชัย ครั้งแรก