หากผู้ตรวจการที่อายุน้อยมีความฮึกเหิมที่เปี่ยมล้นคนนี้เป็นขุนนางคดโกง และจะบังคับคุณหนูจวนผู้ว่าการแต่งงาน เช่นนั้นฉู่เชียนหลีไม่มีทางนั่งนิ่งดูดายแน่นอนนางเล่าเรื่องคืนนี้ให้เขาฟังคร่าวๆพูดจบก็สรุป“ข้าได้ตอบตกลงคุณหนูจวนผู้ว่าการแล้ว พรุ่งนี้จะลองยื่นมือเข้าไปยุ่ง หากผู้ตรวจการคนนั้นทุจริตจริงๆ ก็จับเขาไปสอบสวนในคราวเดียวเลย และยังสามารถช่วยผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งด้วย”เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย เพียงแค่ยิ้มอย่างลึกซึ้ง“เชียนหลีช่างไร้เดียงสายิ่งนัก”“?”หมายความว่าอย่างไร?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว เมื่อกำลังจะจี้ถาม เฟิงเย่เสวียนได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้ว“เช่นนั้นก็ทำตามความหมายของเชียนหลี”ฉู่เชียนหลียิ่งขมวดคิ้วแน่นทันที เหตุใดจึงมักจะรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความหมายอื่นแฝง? อะไรคือนางไร้เดียงสา? หรือคุณหนูจวนผู้ว่าการกำลังหลอกนาง?คุณหนูจวนผู้ว่าการหนีการแต่งงานเป็นเรื่องจริง อยากตายก็เป็นเรื่องจริงต่อให้หลอกนาง นางก็สามารถอาศัยโอกาสนี้ตรวจสอบเรื่องทุจริตของผู้ตรวจการ ระหว่างสองเรื่องไม่มีความขัดแย้งกัน“นอนแล้ว” เฟิงเย่เสวียนวางถ้วยชาลง ลุกขึ้นยืนพลันร่
“...”มือที่ถือชามข้าวต้มของเฟิงเย่เสวียนบีบรัดแน่นขึ้นฉับพลัน ชามกระเบื้องดินเผาส่งเสียงเบาๆ แทบจะแตกแล้วก้าวไปข้างหน้า จับไหล่ของนางฉู่เชียนหลีตาโต——อยู่ดีๆ นายดึงฉันทำไม? สัตว์เดรัจฉาน!“...”แตะต้องนาง ด่าเขาสัตว์เดรัจฉานไม่แตะต้องนาง ด่าเขาไร้ความสามารถผู้หญิง…ปรนนิบัติยากยิ่งนัก รอหลอกหัวใจนางมาอยู่ในมือก่อน คอยดูเขาจะ ‘จัดการ’ นางอย่างไร“กินข้าวต้ม” ตักขึ้นมาหนึ่งช้อน ยัดใส่ปากนาง“จืดเกินไป ข้าไม่ชอบ…อื้อ! เจ้าช่วยอ่อนโยนหน่อย…อื้อ!”เพิ่งอ้าปาก ก็โดนช้อนยัดเต็มปากแล้ว“อื้อๆๆ!”——ผู้ชายที่หยาบคายแบบนี้ ไม่มีเด็กผู้หญิงชอบหรอกเฟิงเย่เสวียนกำช้อนแน่น “ข้าป้อนเจ้าด้วยตัวเอง เชียนหลีไม่ควรมีความสุขหรอกหรือ?”ต้องบอกก่อน มีผู้หญิงมากเท่าไรที่ขอความรักส่วนนี้แต่ไม่เคยได้รับ“ข้าดีใจจนน้ำตาแทบไหลออกมาแล้ว” ฉู่เชียนหลีฝืนยิ้ม“...”ไม่รู้สึกถึงความจริงใจของนางเลยสักนิด และยังมีความรู้สึกอยากต่อยเขาเล็กน้อยหลายวันนี้ แสงแดดดีมาก ในเมืองเซียงหนาน บนถนนและตอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คน ตรงใจกลางสุดของเมือง ยิ่งมีการสร้างเวทีตั้งแต่เช้ามืด ด้านหลังเวทีเต็มไปด้วยผู้ค
ฉู่เชียนหลีหันไปมองหานเฟิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาสำเร็จ!บนเวที ภายใต้สายตาของทุกคน คุณหนูจวนผู้ว่าการที่สวมชุดกระโปรงสีชมพูและผ้าคลุมหน้าค่อยๆ เดินออกมา ร่างอันเพรียวบางและมีเสน่ห์สะท้อนสู่สายตาของบรรดาผู้ชาย ทำให้สายตาของพวกเขาฉายความเร่าร้อนและปรารถนาลูกเขยของท่านผู้ว่าการ ใครไม่อยากเป็นบ้าง?แต่งงานกับคุณหนู ช่วยลดความบุกบั่นสามสิบปี ใครไม่ต้องการบ้าง?ผู้ว่าการเซียงหนานเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบต้นๆ สวมเสื้อผ้าสีน้ำตาล ใบหน้าเหลี่ยม ดูเป็นคนสุขุม รอยยิ้มเป็นมิตร เป็นคนที่ค่อนข้างเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายเมื่อเขาออกมา ข้างล่างเวที ผู้คนไม่น้อยตะโกนโดยตรง“ท่านพ่อตา!”ผู้ว่าการหลี่ได้ยินแล้วร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ทันที เขายกมือขึ้นบ่งบอกให้ทุกคนช่วยเงียบหน่อยหลังจากบรรยากาศในที่เกิดเหตุเริ่มสงบลง จึงจะกล่าวเสียงดัง“พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน! ข้าหลี่กัง ผู้ว่าการเซียงหนาน รักษาการณ์เซียงหนานสิบกว่าปี หลายปีมานี้ ปฏิบัติต่อราษฎรเหมือนญาติ ขุนนางและราษฎรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในสายตาของข้า ไม่มีแบ่งชนชั้นวรรณะ…”เขาพูดตามบทพูดทางการคำพูดเหล่านี้ใกล้ชิดราษฎรเป็นพิเศษ ทำให้ชาวบ้า
แย่งซิ่วฉิวได้ เรื่องนี้ก็มีบทสรุปแล้วบางคนดีใจบางคนเศร้าใจผู้ว่าการหลี่ประสานมือคำนับให้ทุกคน “ขอบคุณที่ทุกท่านให้เกียรติลูกสาวของข้า ต่างพากันมาร่วมสนับสนุน เรื่องการแต่งงานกำหนดเรียบร้อยแล้ว และจะจัดขึ้นในวันนี้ หลังจากนี้สองชั่วยาม เชิญทุกท่านมาดื่มเหล้าและร่วมสังสรรค์ที่จวน ข้าจะต้อนรับทุกท่านอย่างดีแน่นอน!”ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ก็พากันประสานมือคำนับคืน ล้วนบอกว่าจะไปร่วมสนุกผู้ว่าการหลี่ไม่มีการวางมาดแม้แต่น้อยจริงๆ คนเข้าถึงง่าย บรรดาชาวบ้านอยู่กับเขา รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ ต่างก็ยินดีไปร่วมสนุกที่จวนหลี่อย่างยิ่ง แล้วไม่ใช่หรือ ยังไม่ทันถึงสองชั่วยาม จวนหลี่ก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนแล้วทั้งคนดื่มเหล้ามงคล ทั้งคนร่วมสนุก ทั้งคนยกอาหาร ทั้งคนสนทนา…ทั้งจวนหลี่เต็มไปด้วยผู้คน ทุกที่เต็มไปด้วยของตกแต่งงานรื่นเริงสีแดง คึกคักอย่างยิ่งเรือนส่วนหลังห้องส่วนตัวกระจกสัมฤทธิ์สะท้อนใบหน้าเล็กอันงดงาม เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสีแดง แต่งหน้าอย่างวิจิตรบรรจง เป็นโฉมที่งดงามที่สุดในชีวิต“คุณหนู ท่านงามยิ่งนัก ขบวนรับตัวเจ้าสาวของจวนผู้ตรวจการกำลังจะมาแล้ว ท่านผู้ตรวจการเจอท่าน เกรงว่า
จวนผู้ตรวจการแขกนั่งจนเต็ม มีทั้งคนมอบของขวัญ มีทั้งคนเอาอกเอาใจ มีทั้งคนประจบสอพลอ…เรือนส่วนหน้าคึกคักอย่างยิ่ง เรือนส่วนหลังเป็นที่ตั้งของเรือนหอ เงียบสงบกว่าอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากเป็นการโยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าว การจัดงานแต่ง ดื่มเหล้ามงคลทั้งสองฝ่าย ทั้งหมดดำเนินการในวันเดียวกัน เมื่อเจ้าสาวถูกส่งเข้าเรือนหอ ยามราตรีก็มาเยือนแล้วภายในเรือนหอที่มีการตกแต่งอย่างรื่นเริงฉู่เชียนหลีเพิ่งนั่งลง กำลังเตรียมตัวลุกขึ้น นอกประตูก็มีคนมา“คำนับท่านผู้ตรวจการ”เสียงคำนับเสียงฝีเท้าเสียงเปิดประตูชายหนุ่มอายุเกือบสามสิบปีคนหนึ่งเดินเข้ามา สวมชุดมงคล ผิวพรรณสีข้าวสาลี่ที่อุดมสมบูรณ์ รูปร่างสูงใหญ่ เขาคือผู้ตรวจการเซียงหนาน เป็นขุนนางคดโกง โหดเหี้ยม และรุนแรงที่ราษฎรพูดถึงสองมือของเขาผลักขอบประตู สายตาที่แทบรอไม่ไหวจับจ้องร่างเพรียวบางบนเตียงก้าวออกไป ก็หยุดชะงักอยากเอ่ยปาก ก็อดกลั้นเอาไว้มือนั่นทำอะไรไม่ถูก ท่าทางระมัดระวังอย่างยิ่ง เหมือนเด็กน้อยที่มีรักครั้งแรก และไม่มีประสบการณ์อย่างยิ่ง“ใต้เท้า รีบเข้าไปสิเจ้าคะ” ตรงประตู แม่สื่อพูดเย้าแหย่ด้วยรอยยิ้ม “กว่าจะแต่งภรร
เมื่อสิ้นเสียงตะโกน สาวใช้หลายคนรีบวิ่งเข้ามาประคองเจ้าสาวไว้พ่อบ้านวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ใต้เท้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เกิดไฟไหม้รุนแรง ห้องหนังสือของท่าน…ห้องหนังสือ ไหม้หมดแล้ว!”ผู้ตรวจการถังกำหมัดแน่น มองไปทางแสงไฟที่อยู่ไม่ไกล กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ไม่ทันตรวจสอบแล้ว คืนนี้มีแขกมาพักค้างคืนเยอะมาก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คืออพยพฝูงชน แล้วค่อยช่วยกันดับไฟ รับประกันความปลอดภัยของทุกคน อย่าให้ถึงขั้นมีคนเสียชีวิตเด็ดขาด”“ขอรับ บ่าวไปเดี๋ยวนี้!”พ่อบ้านวิ่งออกไปข้างนอกพลาง ตะโกนเรียกคนมาดับไฟพลาง แขกที่พักค้างคืนก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบเช่นกัน ทุกคนไปรวมตัวที่ลานกว้างและปลอดภัยแต่ละคนงงงวย“อยู่ดีๆ เหตุใดจึงมีไฟไหม้ใหญ่เช่นนี้?”“ทุกคนวิ่งออกมาหมดแล้วกระมัง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บกระมัง?”“เถ้าแก่หวัง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”“พี่หญิงจาง…”ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายและร้อนรน ไม่รู้ว่าใครดึงผ้าคลุมศีรษะของฉู่เชียนหลีหลุด และในเวลาเดียวกัน ด้านนอก เงาคนสีดำกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว“ใต้เท้าผู้ตรวจการ ต่อให้เจ้าไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวข้า ก็ไม
“ข้าไม่ได้…”เสียงของผู้ตรวจการถังถูกเสียงของทุกคนกลบ ผู้ว่าการหลี่ยิ่งตำหนิเสียงดังด้วยความโกรธ“ชื่อเสียงปิงเอ๋อร์ของข้าถูกเจ้าทำลายหมดแล้ว เด็กผู้หญิงที่ขาวบริสุทธิ์คนหนึ่ง เกรงว่าคงถูกเจ้าบีบคั้นจนต้องตายทั้งเป็น!”ในยุคโบราณ ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงก็คือชีวิตที่สองคำพูดนี้กระตุ้นเสียงสะท้อนของแขกผู้หญิงไม่น้อยเป็นผู้หญิงเหมือนกัน พวกนางปวดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหนูหลี่มาก“นี่คุณหนูหลี่ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้เจอกับเรื่องเช่นนี้…”“ผู้ชาย เฮอะ! เพื่อผลประโยชน์แล้ว ทำได้ทุกอย่างจริงๆ”“ผู้ตรวจการเซียงหนาน? ถุย! เซียงหนานของเราไม่ยอมรับขุนนางเช่นนี้!”“ใช่…”พวกนางถ่มน้ำลายอยากดูถูก สาปแช่งเขาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง มองดูภาพเหตุการณ์ที่วุ่นวาย มองดูท่าทางที่อธิบายอย่างร้อนรนของผู้ตรวจการถัง ท่าทางของเขาไม่เหมือนเสแสร้ง ตอนอยู่เรือนหอ ความจริงใจที่เขามีต่อคุณหนูหลี่ยิ่งไม่เหมือนของปลอมเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำเมื่อเทียบกับเอะอะโวยวาย ทำสงครามน้ำลายอยู่ที่นี่ ไม่สู้ตามหาคุณหนูหลี่ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนทันใดนั้น นางก้าวออกมาข้างนอก พลางกล่าวเสียงดัง“ใต้เท้
นอกฝูงชน ร่างเงาสีหมึกอันสูงศักดิ์ค่อยๆ เดินเข้ามา จ้องมองด้านหน้า ใบหน้าดั่งเทพเจ้า ริมฝีปากบางโค้งเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม สายตาจ้องผู้ว่าการหลี่ด้วยรอยยิ้มลึกเมื่อเฟิงเย่เสวียนปรากฏตัว กลิ่นอายราชันย์ที่มีมาแต่กำเนิด โดดเด่นท่ามกลางผู้คนทันทียังไม่ทันได้แจ้งสถานะ ก็ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกอยากคุกเข่า ราวกับว่าเขาเป็นผู้นำการมาตรวจตราดินแดน ส่วนพวกเขาล้วนเป็นขุนนางและราษฎรของเขา…ผู้ตรวจการถังเห็นเขา รีบคุกเข่าคำนับทันที“ข้าน้อยคำนับอ๋องเฉิน!”หกคำที่เคารพนอบน้อม ดังเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจนอ๋องเฉิน…เขาคืออ๋องเฉินแห่งราชสำนักจริงๆ…แขกทุกคนรีบคุกเข่าลงกับพื้น หัวใจแต่ละคนประหม่า รู้สึกเพียงแม้แต่อากาศก็หนักขึ้นเจ็ดส่วนผู้ว่าการหลี่ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ลำคอเหมือนถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งที่มองไม่เห็นบีบ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวอีกห้าวันจึงจะลาดตระเวนทางใต้ไม่ใช่หรือ?เหตุใดอ๋องเฉินจึงมาก่อนกำหนด…เหตุใด…ฉู่เชียนหลีกวาดมองเฟิงเย่เสวียนแวบหนึ่ง แล้วเหลือบมองทางผู้ว่าการหลี่อย่างยิ้มแย้ม“ข้าว่าใต้เท้าหลี่ หากท่านยังไม่เรียกหลี่ปิงออกมาคุย ข้าจะ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท