ฉู่เชียนหลีฟังจบ พอจะเข้าใจสาเหตุของเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว ให้สี่คำขุนนางเอื้อกันและกันเพื่อสนองความชอบของตนเอง ผู้ตรวจการจะแต่งงานกับคุณหนูจวนผู้ว่าการเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง เพื่อเอาใจผู้ตรวจการ ผู้ว่าการไม่ลังเลที่จะผลักลูกสาวเพียงคนเดียวของตนเองออกไปแต่งงานคุณหนูจวนผู้ว่าการกลายเป็นเครื่องสังเวยของคำว่าขุนนางเอื้อกันและกันฉู่เชียนหลีกล่าว “หากเจ้าไม่เต็มใจ ไม่สู้ถึงโอกาสพูดเรื่องนี้ออกไป ในงานโยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าวในวันพรุ่งนี้ ถ่วงเวลาไปสักพัก ข้าได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วัน ราชสำนักจะส่งคนมาลาดตระเวนทางใต้ พวกเขาจะออกหน้าแทนเจ้าแน่นอน”นางร้องไห้จนตาแดงแล้ว“ก็เพราะอีกไม่กี่วัน จะมีคนจากราชสำนักมาลาดตระเวนทางใต้ พ่อของข้าจึงให้ข้าแต่งออกไปล่วงหน้า”เดิมทีวันโยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าวถูกกำหนดไว้ในวันที่เจ็ด แต่พรุ่งนี้เพิ่งจะวันที่สอง ก็จะดำเนินการแล้ว“ผู้ตรวจการท่านนั้นเป็นขุนนางคดโกงที่ทุกคนยอมรับ…ขอแค่ข้าแต่งแล้ว ทั้งชีวิตของข้าก็จบสิ้นแล้ว…ข้าหนีไม่พ้น ข้าไม่มีทางกลับไป…ข้าไม่เอา…”นางส่ายศีรษะอย่างเหม่อลอย ในแววตาเต็มไปด้วยความเงียบสงัดอันสิ้นหวัง“ข้ายอมตายเสียดีกว
หากผู้ตรวจการที่อายุน้อยมีความฮึกเหิมที่เปี่ยมล้นคนนี้เป็นขุนนางคดโกง และจะบังคับคุณหนูจวนผู้ว่าการแต่งงาน เช่นนั้นฉู่เชียนหลีไม่มีทางนั่งนิ่งดูดายแน่นอนนางเล่าเรื่องคืนนี้ให้เขาฟังคร่าวๆพูดจบก็สรุป“ข้าได้ตอบตกลงคุณหนูจวนผู้ว่าการแล้ว พรุ่งนี้จะลองยื่นมือเข้าไปยุ่ง หากผู้ตรวจการคนนั้นทุจริตจริงๆ ก็จับเขาไปสอบสวนในคราวเดียวเลย และยังสามารถช่วยผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งด้วย”เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย เพียงแค่ยิ้มอย่างลึกซึ้ง“เชียนหลีช่างไร้เดียงสายิ่งนัก”“?”หมายความว่าอย่างไร?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว เมื่อกำลังจะจี้ถาม เฟิงเย่เสวียนได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้ว“เช่นนั้นก็ทำตามความหมายของเชียนหลี”ฉู่เชียนหลียิ่งขมวดคิ้วแน่นทันที เหตุใดจึงมักจะรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความหมายอื่นแฝง? อะไรคือนางไร้เดียงสา? หรือคุณหนูจวนผู้ว่าการกำลังหลอกนาง?คุณหนูจวนผู้ว่าการหนีการแต่งงานเป็นเรื่องจริง อยากตายก็เป็นเรื่องจริงต่อให้หลอกนาง นางก็สามารถอาศัยโอกาสนี้ตรวจสอบเรื่องทุจริตของผู้ตรวจการ ระหว่างสองเรื่องไม่มีความขัดแย้งกัน“นอนแล้ว” เฟิงเย่เสวียนวางถ้วยชาลง ลุกขึ้นยืนพลันร่
“...”มือที่ถือชามข้าวต้มของเฟิงเย่เสวียนบีบรัดแน่นขึ้นฉับพลัน ชามกระเบื้องดินเผาส่งเสียงเบาๆ แทบจะแตกแล้วก้าวไปข้างหน้า จับไหล่ของนางฉู่เชียนหลีตาโต——อยู่ดีๆ นายดึงฉันทำไม? สัตว์เดรัจฉาน!“...”แตะต้องนาง ด่าเขาสัตว์เดรัจฉานไม่แตะต้องนาง ด่าเขาไร้ความสามารถผู้หญิง…ปรนนิบัติยากยิ่งนัก รอหลอกหัวใจนางมาอยู่ในมือก่อน คอยดูเขาจะ ‘จัดการ’ นางอย่างไร“กินข้าวต้ม” ตักขึ้นมาหนึ่งช้อน ยัดใส่ปากนาง“จืดเกินไป ข้าไม่ชอบ…อื้อ! เจ้าช่วยอ่อนโยนหน่อย…อื้อ!”เพิ่งอ้าปาก ก็โดนช้อนยัดเต็มปากแล้ว“อื้อๆๆ!”——ผู้ชายที่หยาบคายแบบนี้ ไม่มีเด็กผู้หญิงชอบหรอกเฟิงเย่เสวียนกำช้อนแน่น “ข้าป้อนเจ้าด้วยตัวเอง เชียนหลีไม่ควรมีความสุขหรอกหรือ?”ต้องบอกก่อน มีผู้หญิงมากเท่าไรที่ขอความรักส่วนนี้แต่ไม่เคยได้รับ“ข้าดีใจจนน้ำตาแทบไหลออกมาแล้ว” ฉู่เชียนหลีฝืนยิ้ม“...”ไม่รู้สึกถึงความจริงใจของนางเลยสักนิด และยังมีความรู้สึกอยากต่อยเขาเล็กน้อยหลายวันนี้ แสงแดดดีมาก ในเมืองเซียงหนาน บนถนนและตอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คน ตรงใจกลางสุดของเมือง ยิ่งมีการสร้างเวทีตั้งแต่เช้ามืด ด้านหลังเวทีเต็มไปด้วยผู้ค
ฉู่เชียนหลีหันไปมองหานเฟิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาสำเร็จ!บนเวที ภายใต้สายตาของทุกคน คุณหนูจวนผู้ว่าการที่สวมชุดกระโปรงสีชมพูและผ้าคลุมหน้าค่อยๆ เดินออกมา ร่างอันเพรียวบางและมีเสน่ห์สะท้อนสู่สายตาของบรรดาผู้ชาย ทำให้สายตาของพวกเขาฉายความเร่าร้อนและปรารถนาลูกเขยของท่านผู้ว่าการ ใครไม่อยากเป็นบ้าง?แต่งงานกับคุณหนู ช่วยลดความบุกบั่นสามสิบปี ใครไม่ต้องการบ้าง?ผู้ว่าการเซียงหนานเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบต้นๆ สวมเสื้อผ้าสีน้ำตาล ใบหน้าเหลี่ยม ดูเป็นคนสุขุม รอยยิ้มเป็นมิตร เป็นคนที่ค่อนข้างเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายเมื่อเขาออกมา ข้างล่างเวที ผู้คนไม่น้อยตะโกนโดยตรง“ท่านพ่อตา!”ผู้ว่าการหลี่ได้ยินแล้วร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ทันที เขายกมือขึ้นบ่งบอกให้ทุกคนช่วยเงียบหน่อยหลังจากบรรยากาศในที่เกิดเหตุเริ่มสงบลง จึงจะกล่าวเสียงดัง“พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน! ข้าหลี่กัง ผู้ว่าการเซียงหนาน รักษาการณ์เซียงหนานสิบกว่าปี หลายปีมานี้ ปฏิบัติต่อราษฎรเหมือนญาติ ขุนนางและราษฎรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในสายตาของข้า ไม่มีแบ่งชนชั้นวรรณะ…”เขาพูดตามบทพูดทางการคำพูดเหล่านี้ใกล้ชิดราษฎรเป็นพิเศษ ทำให้ชาวบ้า
แย่งซิ่วฉิวได้ เรื่องนี้ก็มีบทสรุปแล้วบางคนดีใจบางคนเศร้าใจผู้ว่าการหลี่ประสานมือคำนับให้ทุกคน “ขอบคุณที่ทุกท่านให้เกียรติลูกสาวของข้า ต่างพากันมาร่วมสนับสนุน เรื่องการแต่งงานกำหนดเรียบร้อยแล้ว และจะจัดขึ้นในวันนี้ หลังจากนี้สองชั่วยาม เชิญทุกท่านมาดื่มเหล้าและร่วมสังสรรค์ที่จวน ข้าจะต้อนรับทุกท่านอย่างดีแน่นอน!”ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ก็พากันประสานมือคำนับคืน ล้วนบอกว่าจะไปร่วมสนุกผู้ว่าการหลี่ไม่มีการวางมาดแม้แต่น้อยจริงๆ คนเข้าถึงง่าย บรรดาชาวบ้านอยู่กับเขา รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ ต่างก็ยินดีไปร่วมสนุกที่จวนหลี่อย่างยิ่ง แล้วไม่ใช่หรือ ยังไม่ทันถึงสองชั่วยาม จวนหลี่ก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนแล้วทั้งคนดื่มเหล้ามงคล ทั้งคนร่วมสนุก ทั้งคนยกอาหาร ทั้งคนสนทนา…ทั้งจวนหลี่เต็มไปด้วยผู้คน ทุกที่เต็มไปด้วยของตกแต่งงานรื่นเริงสีแดง คึกคักอย่างยิ่งเรือนส่วนหลังห้องส่วนตัวกระจกสัมฤทธิ์สะท้อนใบหน้าเล็กอันงดงาม เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสีแดง แต่งหน้าอย่างวิจิตรบรรจง เป็นโฉมที่งดงามที่สุดในชีวิต“คุณหนู ท่านงามยิ่งนัก ขบวนรับตัวเจ้าสาวของจวนผู้ตรวจการกำลังจะมาแล้ว ท่านผู้ตรวจการเจอท่าน เกรงว่า
จวนผู้ตรวจการแขกนั่งจนเต็ม มีทั้งคนมอบของขวัญ มีทั้งคนเอาอกเอาใจ มีทั้งคนประจบสอพลอ…เรือนส่วนหน้าคึกคักอย่างยิ่ง เรือนส่วนหลังเป็นที่ตั้งของเรือนหอ เงียบสงบกว่าอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากเป็นการโยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าว การจัดงานแต่ง ดื่มเหล้ามงคลทั้งสองฝ่าย ทั้งหมดดำเนินการในวันเดียวกัน เมื่อเจ้าสาวถูกส่งเข้าเรือนหอ ยามราตรีก็มาเยือนแล้วภายในเรือนหอที่มีการตกแต่งอย่างรื่นเริงฉู่เชียนหลีเพิ่งนั่งลง กำลังเตรียมตัวลุกขึ้น นอกประตูก็มีคนมา“คำนับท่านผู้ตรวจการ”เสียงคำนับเสียงฝีเท้าเสียงเปิดประตูชายหนุ่มอายุเกือบสามสิบปีคนหนึ่งเดินเข้ามา สวมชุดมงคล ผิวพรรณสีข้าวสาลี่ที่อุดมสมบูรณ์ รูปร่างสูงใหญ่ เขาคือผู้ตรวจการเซียงหนาน เป็นขุนนางคดโกง โหดเหี้ยม และรุนแรงที่ราษฎรพูดถึงสองมือของเขาผลักขอบประตู สายตาที่แทบรอไม่ไหวจับจ้องร่างเพรียวบางบนเตียงก้าวออกไป ก็หยุดชะงักอยากเอ่ยปาก ก็อดกลั้นเอาไว้มือนั่นทำอะไรไม่ถูก ท่าทางระมัดระวังอย่างยิ่ง เหมือนเด็กน้อยที่มีรักครั้งแรก และไม่มีประสบการณ์อย่างยิ่ง“ใต้เท้า รีบเข้าไปสิเจ้าคะ” ตรงประตู แม่สื่อพูดเย้าแหย่ด้วยรอยยิ้ม “กว่าจะแต่งภรร
เมื่อสิ้นเสียงตะโกน สาวใช้หลายคนรีบวิ่งเข้ามาประคองเจ้าสาวไว้พ่อบ้านวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ใต้เท้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เกิดไฟไหม้รุนแรง ห้องหนังสือของท่าน…ห้องหนังสือ ไหม้หมดแล้ว!”ผู้ตรวจการถังกำหมัดแน่น มองไปทางแสงไฟที่อยู่ไม่ไกล กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ไม่ทันตรวจสอบแล้ว คืนนี้มีแขกมาพักค้างคืนเยอะมาก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คืออพยพฝูงชน แล้วค่อยช่วยกันดับไฟ รับประกันความปลอดภัยของทุกคน อย่าให้ถึงขั้นมีคนเสียชีวิตเด็ดขาด”“ขอรับ บ่าวไปเดี๋ยวนี้!”พ่อบ้านวิ่งออกไปข้างนอกพลาง ตะโกนเรียกคนมาดับไฟพลาง แขกที่พักค้างคืนก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบเช่นกัน ทุกคนไปรวมตัวที่ลานกว้างและปลอดภัยแต่ละคนงงงวย“อยู่ดีๆ เหตุใดจึงมีไฟไหม้ใหญ่เช่นนี้?”“ทุกคนวิ่งออกมาหมดแล้วกระมัง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บกระมัง?”“เถ้าแก่หวัง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”“พี่หญิงจาง…”ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายและร้อนรน ไม่รู้ว่าใครดึงผ้าคลุมศีรษะของฉู่เชียนหลีหลุด และในเวลาเดียวกัน ด้านนอก เงาคนสีดำกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว“ใต้เท้าผู้ตรวจการ ต่อให้เจ้าไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวข้า ก็ไม
“ข้าไม่ได้…”เสียงของผู้ตรวจการถังถูกเสียงของทุกคนกลบ ผู้ว่าการหลี่ยิ่งตำหนิเสียงดังด้วยความโกรธ“ชื่อเสียงปิงเอ๋อร์ของข้าถูกเจ้าทำลายหมดแล้ว เด็กผู้หญิงที่ขาวบริสุทธิ์คนหนึ่ง เกรงว่าคงถูกเจ้าบีบคั้นจนต้องตายทั้งเป็น!”ในยุคโบราณ ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงก็คือชีวิตที่สองคำพูดนี้กระตุ้นเสียงสะท้อนของแขกผู้หญิงไม่น้อยเป็นผู้หญิงเหมือนกัน พวกนางปวดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหนูหลี่มาก“นี่คุณหนูหลี่ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้เจอกับเรื่องเช่นนี้…”“ผู้ชาย เฮอะ! เพื่อผลประโยชน์แล้ว ทำได้ทุกอย่างจริงๆ”“ผู้ตรวจการเซียงหนาน? ถุย! เซียงหนานของเราไม่ยอมรับขุนนางเช่นนี้!”“ใช่…”พวกนางถ่มน้ำลายอยากดูถูก สาปแช่งเขาฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านข้าง มองดูภาพเหตุการณ์ที่วุ่นวาย มองดูท่าทางที่อธิบายอย่างร้อนรนของผู้ตรวจการถัง ท่าทางของเขาไม่เหมือนเสแสร้ง ตอนอยู่เรือนหอ ความจริงใจที่เขามีต่อคุณหนูหลี่ยิ่งไม่เหมือนของปลอมเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำเมื่อเทียบกับเอะอะโวยวาย ทำสงครามน้ำลายอยู่ที่นี่ ไม่สู้ตามหาคุณหนูหลี่ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนทันใดนั้น นางก้าวออกมาข้างนอก พลางกล่าวเสียงดัง“ใต้เท้
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋