“หาทางโน้นหรือยัง?”“ลองไปดู!”“เร็ว…”ตามถนนตรอกซอกซอย ทหารของจวนผู้ว่าการวิ่งซอกแซกค้นหากันให้ทั่ว บรรดาชาวบ้านดูไปพลาง วิพากษ์วิจารณ์อะไรบางอย่างไปพลาง“หนีไปแล้ว…”“ไม่ใช่กระมัง ผู้ว่าการคงไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงาน จะไม่รักษาคำพูดกระมัง?”“ผู้ว่าการเป็นขุนนางใหญ่เช่นนี้ หากกลับคำพูด ไม่รักษาสัจจะ…”“นี่มันเรื่องอะไรกัน…”ผู้คนสามคนห้าคนยืนจับกลุ่มคุยกัน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กำลังคุยกันอย่างสนุกปาก มีร่างเงาเพรียวบางสายหนึ่งวิ่งผ่านตรอกที่อยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครสังเกตเห็นเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างผอมบางนางสวมเสื้อคลุม ปิดบังใบหน้า ก้มศีรษะต่ำมากซอกแซกท่ามกลางฝูงชน ไม่ดึงดูดความสนใจใดๆทันใดนั้น…เพล้ง!!นางไม่ระวังเตะโดนขวดโหลเครื่องลายครามใบหนึ่งที่อยู่ข้างถนน มันกลิ้งไปกลางถนน เสียงแตกที่ชัดเจนทำให้ผู้คนไม่น้อยหันไปมอง“คุณหนูอยู่นั้น!”ทหารคนหนึ่งมองเห็นอย่างสายตาเฉียบคมหลังจากนั้น ทหารสิบกว่าคนวิ่งตามอย่างรวดเร็วผู้หญิงคนนั้นเห็นแล้ว หมุนกายก็วิ่งทันทีฝีเท้าโซเซ ทั้งสะดุดทั้งชน สะดุดชาวบ้านล้มไปหลายคน ชนแผงลอยคว่
ฉู่เชียนหลีฟังจบ พอจะเข้าใจสาเหตุของเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว ให้สี่คำขุนนางเอื้อกันและกันเพื่อสนองความชอบของตนเอง ผู้ตรวจการจะแต่งงานกับคุณหนูจวนผู้ว่าการเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง เพื่อเอาใจผู้ตรวจการ ผู้ว่าการไม่ลังเลที่จะผลักลูกสาวเพียงคนเดียวของตนเองออกไปแต่งงานคุณหนูจวนผู้ว่าการกลายเป็นเครื่องสังเวยของคำว่าขุนนางเอื้อกันและกันฉู่เชียนหลีกล่าว “หากเจ้าไม่เต็มใจ ไม่สู้ถึงโอกาสพูดเรื่องนี้ออกไป ในงานโยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าวในวันพรุ่งนี้ ถ่วงเวลาไปสักพัก ข้าได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วัน ราชสำนักจะส่งคนมาลาดตระเวนทางใต้ พวกเขาจะออกหน้าแทนเจ้าแน่นอน”นางร้องไห้จนตาแดงแล้ว“ก็เพราะอีกไม่กี่วัน จะมีคนจากราชสำนักมาลาดตระเวนทางใต้ พ่อของข้าจึงให้ข้าแต่งออกไปล่วงหน้า”เดิมทีวันโยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าวถูกกำหนดไว้ในวันที่เจ็ด แต่พรุ่งนี้เพิ่งจะวันที่สอง ก็จะดำเนินการแล้ว“ผู้ตรวจการท่านนั้นเป็นขุนนางคดโกงที่ทุกคนยอมรับ…ขอแค่ข้าแต่งแล้ว ทั้งชีวิตของข้าก็จบสิ้นแล้ว…ข้าหนีไม่พ้น ข้าไม่มีทางกลับไป…ข้าไม่เอา…”นางส่ายศีรษะอย่างเหม่อลอย ในแววตาเต็มไปด้วยความเงียบสงัดอันสิ้นหวัง“ข้ายอมตายเสียดีกว
หากผู้ตรวจการที่อายุน้อยมีความฮึกเหิมที่เปี่ยมล้นคนนี้เป็นขุนนางคดโกง และจะบังคับคุณหนูจวนผู้ว่าการแต่งงาน เช่นนั้นฉู่เชียนหลีไม่มีทางนั่งนิ่งดูดายแน่นอนนางเล่าเรื่องคืนนี้ให้เขาฟังคร่าวๆพูดจบก็สรุป“ข้าได้ตอบตกลงคุณหนูจวนผู้ว่าการแล้ว พรุ่งนี้จะลองยื่นมือเข้าไปยุ่ง หากผู้ตรวจการคนนั้นทุจริตจริงๆ ก็จับเขาไปสอบสวนในคราวเดียวเลย และยังสามารถช่วยผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งด้วย”เฟิงเย่เสวียนได้ยินแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย เพียงแค่ยิ้มอย่างลึกซึ้ง“เชียนหลีช่างไร้เดียงสายิ่งนัก”“?”หมายความว่าอย่างไร?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว เมื่อกำลังจะจี้ถาม เฟิงเย่เสวียนได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้ว“เช่นนั้นก็ทำตามความหมายของเชียนหลี”ฉู่เชียนหลียิ่งขมวดคิ้วแน่นทันที เหตุใดจึงมักจะรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความหมายอื่นแฝง? อะไรคือนางไร้เดียงสา? หรือคุณหนูจวนผู้ว่าการกำลังหลอกนาง?คุณหนูจวนผู้ว่าการหนีการแต่งงานเป็นเรื่องจริง อยากตายก็เป็นเรื่องจริงต่อให้หลอกนาง นางก็สามารถอาศัยโอกาสนี้ตรวจสอบเรื่องทุจริตของผู้ตรวจการ ระหว่างสองเรื่องไม่มีความขัดแย้งกัน“นอนแล้ว” เฟิงเย่เสวียนวางถ้วยชาลง ลุกขึ้นยืนพลันร่
“...”มือที่ถือชามข้าวต้มของเฟิงเย่เสวียนบีบรัดแน่นขึ้นฉับพลัน ชามกระเบื้องดินเผาส่งเสียงเบาๆ แทบจะแตกแล้วก้าวไปข้างหน้า จับไหล่ของนางฉู่เชียนหลีตาโต——อยู่ดีๆ นายดึงฉันทำไม? สัตว์เดรัจฉาน!“...”แตะต้องนาง ด่าเขาสัตว์เดรัจฉานไม่แตะต้องนาง ด่าเขาไร้ความสามารถผู้หญิง…ปรนนิบัติยากยิ่งนัก รอหลอกหัวใจนางมาอยู่ในมือก่อน คอยดูเขาจะ ‘จัดการ’ นางอย่างไร“กินข้าวต้ม” ตักขึ้นมาหนึ่งช้อน ยัดใส่ปากนาง“จืดเกินไป ข้าไม่ชอบ…อื้อ! เจ้าช่วยอ่อนโยนหน่อย…อื้อ!”เพิ่งอ้าปาก ก็โดนช้อนยัดเต็มปากแล้ว“อื้อๆๆ!”——ผู้ชายที่หยาบคายแบบนี้ ไม่มีเด็กผู้หญิงชอบหรอกเฟิงเย่เสวียนกำช้อนแน่น “ข้าป้อนเจ้าด้วยตัวเอง เชียนหลีไม่ควรมีความสุขหรอกหรือ?”ต้องบอกก่อน มีผู้หญิงมากเท่าไรที่ขอความรักส่วนนี้แต่ไม่เคยได้รับ“ข้าดีใจจนน้ำตาแทบไหลออกมาแล้ว” ฉู่เชียนหลีฝืนยิ้ม“...”ไม่รู้สึกถึงความจริงใจของนางเลยสักนิด และยังมีความรู้สึกอยากต่อยเขาเล็กน้อยหลายวันนี้ แสงแดดดีมาก ในเมืองเซียงหนาน บนถนนและตอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คน ตรงใจกลางสุดของเมือง ยิ่งมีการสร้างเวทีตั้งแต่เช้ามืด ด้านหลังเวทีเต็มไปด้วยผู้ค
ฉู่เชียนหลีหันไปมองหานเฟิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาสำเร็จ!บนเวที ภายใต้สายตาของทุกคน คุณหนูจวนผู้ว่าการที่สวมชุดกระโปรงสีชมพูและผ้าคลุมหน้าค่อยๆ เดินออกมา ร่างอันเพรียวบางและมีเสน่ห์สะท้อนสู่สายตาของบรรดาผู้ชาย ทำให้สายตาของพวกเขาฉายความเร่าร้อนและปรารถนาลูกเขยของท่านผู้ว่าการ ใครไม่อยากเป็นบ้าง?แต่งงานกับคุณหนู ช่วยลดความบุกบั่นสามสิบปี ใครไม่ต้องการบ้าง?ผู้ว่าการเซียงหนานเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบต้นๆ สวมเสื้อผ้าสีน้ำตาล ใบหน้าเหลี่ยม ดูเป็นคนสุขุม รอยยิ้มเป็นมิตร เป็นคนที่ค่อนข้างเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายเมื่อเขาออกมา ข้างล่างเวที ผู้คนไม่น้อยตะโกนโดยตรง“ท่านพ่อตา!”ผู้ว่าการหลี่ได้ยินแล้วร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ทันที เขายกมือขึ้นบ่งบอกให้ทุกคนช่วยเงียบหน่อยหลังจากบรรยากาศในที่เกิดเหตุเริ่มสงบลง จึงจะกล่าวเสียงดัง“พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน! ข้าหลี่กัง ผู้ว่าการเซียงหนาน รักษาการณ์เซียงหนานสิบกว่าปี หลายปีมานี้ ปฏิบัติต่อราษฎรเหมือนญาติ ขุนนางและราษฎรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในสายตาของข้า ไม่มีแบ่งชนชั้นวรรณะ…”เขาพูดตามบทพูดทางการคำพูดเหล่านี้ใกล้ชิดราษฎรเป็นพิเศษ ทำให้ชาวบ้า
แย่งซิ่วฉิวได้ เรื่องนี้ก็มีบทสรุปแล้วบางคนดีใจบางคนเศร้าใจผู้ว่าการหลี่ประสานมือคำนับให้ทุกคน “ขอบคุณที่ทุกท่านให้เกียรติลูกสาวของข้า ต่างพากันมาร่วมสนับสนุน เรื่องการแต่งงานกำหนดเรียบร้อยแล้ว และจะจัดขึ้นในวันนี้ หลังจากนี้สองชั่วยาม เชิญทุกท่านมาดื่มเหล้าและร่วมสังสรรค์ที่จวน ข้าจะต้อนรับทุกท่านอย่างดีแน่นอน!”ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ก็พากันประสานมือคำนับคืน ล้วนบอกว่าจะไปร่วมสนุกผู้ว่าการหลี่ไม่มีการวางมาดแม้แต่น้อยจริงๆ คนเข้าถึงง่าย บรรดาชาวบ้านอยู่กับเขา รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ ต่างก็ยินดีไปร่วมสนุกที่จวนหลี่อย่างยิ่ง แล้วไม่ใช่หรือ ยังไม่ทันถึงสองชั่วยาม จวนหลี่ก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนแล้วทั้งคนดื่มเหล้ามงคล ทั้งคนร่วมสนุก ทั้งคนยกอาหาร ทั้งคนสนทนา…ทั้งจวนหลี่เต็มไปด้วยผู้คน ทุกที่เต็มไปด้วยของตกแต่งงานรื่นเริงสีแดง คึกคักอย่างยิ่งเรือนส่วนหลังห้องส่วนตัวกระจกสัมฤทธิ์สะท้อนใบหน้าเล็กอันงดงาม เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสีแดง แต่งหน้าอย่างวิจิตรบรรจง เป็นโฉมที่งดงามที่สุดในชีวิต“คุณหนู ท่านงามยิ่งนัก ขบวนรับตัวเจ้าสาวของจวนผู้ตรวจการกำลังจะมาแล้ว ท่านผู้ตรวจการเจอท่าน เกรงว่า
จวนผู้ตรวจการแขกนั่งจนเต็ม มีทั้งคนมอบของขวัญ มีทั้งคนเอาอกเอาใจ มีทั้งคนประจบสอพลอ…เรือนส่วนหน้าคึกคักอย่างยิ่ง เรือนส่วนหลังเป็นที่ตั้งของเรือนหอ เงียบสงบกว่าอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากเป็นการโยนซิ่วฉิวเลือกเจ้าบ่าว การจัดงานแต่ง ดื่มเหล้ามงคลทั้งสองฝ่าย ทั้งหมดดำเนินการในวันเดียวกัน เมื่อเจ้าสาวถูกส่งเข้าเรือนหอ ยามราตรีก็มาเยือนแล้วภายในเรือนหอที่มีการตกแต่งอย่างรื่นเริงฉู่เชียนหลีเพิ่งนั่งลง กำลังเตรียมตัวลุกขึ้น นอกประตูก็มีคนมา“คำนับท่านผู้ตรวจการ”เสียงคำนับเสียงฝีเท้าเสียงเปิดประตูชายหนุ่มอายุเกือบสามสิบปีคนหนึ่งเดินเข้ามา สวมชุดมงคล ผิวพรรณสีข้าวสาลี่ที่อุดมสมบูรณ์ รูปร่างสูงใหญ่ เขาคือผู้ตรวจการเซียงหนาน เป็นขุนนางคดโกง โหดเหี้ยม และรุนแรงที่ราษฎรพูดถึงสองมือของเขาผลักขอบประตู สายตาที่แทบรอไม่ไหวจับจ้องร่างเพรียวบางบนเตียงก้าวออกไป ก็หยุดชะงักอยากเอ่ยปาก ก็อดกลั้นเอาไว้มือนั่นทำอะไรไม่ถูก ท่าทางระมัดระวังอย่างยิ่ง เหมือนเด็กน้อยที่มีรักครั้งแรก และไม่มีประสบการณ์อย่างยิ่ง“ใต้เท้า รีบเข้าไปสิเจ้าคะ” ตรงประตู แม่สื่อพูดเย้าแหย่ด้วยรอยยิ้ม “กว่าจะแต่งภรร
เมื่อสิ้นเสียงตะโกน สาวใช้หลายคนรีบวิ่งเข้ามาประคองเจ้าสาวไว้พ่อบ้านวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ใต้เท้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เกิดไฟไหม้รุนแรง ห้องหนังสือของท่าน…ห้องหนังสือ ไหม้หมดแล้ว!”ผู้ตรวจการถังกำหมัดแน่น มองไปทางแสงไฟที่อยู่ไม่ไกล กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ไม่ทันตรวจสอบแล้ว คืนนี้มีแขกมาพักค้างคืนเยอะมาก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คืออพยพฝูงชน แล้วค่อยช่วยกันดับไฟ รับประกันความปลอดภัยของทุกคน อย่าให้ถึงขั้นมีคนเสียชีวิตเด็ดขาด”“ขอรับ บ่าวไปเดี๋ยวนี้!”พ่อบ้านวิ่งออกไปข้างนอกพลาง ตะโกนเรียกคนมาดับไฟพลาง แขกที่พักค้างคืนก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบเช่นกัน ทุกคนไปรวมตัวที่ลานกว้างและปลอดภัยแต่ละคนงงงวย“อยู่ดีๆ เหตุใดจึงมีไฟไหม้ใหญ่เช่นนี้?”“ทุกคนวิ่งออกมาหมดแล้วกระมัง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บกระมัง?”“เถ้าแก่หวัง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”“พี่หญิงจาง…”ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายและร้อนรน ไม่รู้ว่าใครดึงผ้าคลุมศีรษะของฉู่เชียนหลีหลุด และในเวลาเดียวกัน ด้านนอก เงาคนสีดำกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว“ใต้เท้าผู้ตรวจการ ต่อให้เจ้าไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวข้า ก็ไม