เรือนกายนางอุ่นอยู่สักหน่อย ส่วนกายแกร่งนี้ให้ความเย็นสบาย ผิดแต่ส่วนที่พองขยายของเขามันส่งไอร้อนให้นางต้องหน้าแดงซ่าน และ ใจนั้นนึกมันเขี้ยวเหลือเกินมือเรียวสวยลูบไล้กล้ามหน้าอกแน่น และบั้นท้ายงอนงามขยับไปทาบกับความอุ่นจัดในร่มผ้าจ้าวเล่อซีแท่งหยกเขาแข็งขัน แสดงความกราดเกรี้ยว หากมันเป็นอสรพิษร้าย ป่านนี้คงฉกนางและฝังเขี้ยวไปแล้ว “ข้าปรารถนาท่านตลอดมา” นางไม่ได้เพ้อ หากอยากบอกความต้องการของตน“ฝันสูงเกินตัวแล้ว สาวรับใช้ต่ำต้อย” เขาว่าและหัวเราะหึๆม่านซือซือได้ยินเข้าจึงอยากหยิกเนื้อหยิกตัวจ้าวเล่อซีนัก ทว่านางกลับคิดวิธีเอาคืนเขาใหม่ หญิงสาวเคลื่อนตัวลงไปด้านล่างช้าๆ พร้อมใช้สายตายั่วยวนบุรุษที่นางรักหมดใจจากนั้นสองเต้าอวบอิ่มก็นาบแก่นกายร้อนฉ่าเอาไว้ นางใช้สองมือบีบเต้างามเข้าเบียดชิดกัน โดยให้แท่งหยกลำอวบที่เส้นเลือดปูดพองอยู่ด้านใน จากนั้นก็ถูไถความนิ่มนุ่มที่เด้งไหวสะท้านยามนางขยับร่างอรชรความอวบอิ่มจากสองถันที่ขาวและนุ่มนิ่มดั่งเนื้อเต้าหู้อ่อนบีบรัดแก่นกายเขา ยิ่งนางขยับตัวมากเท่าใด จ้าวเล่อซียิ่งพึงใจหายใจถี่กระชั้นมากเท่านั้น“ตำราเล่มใดสอนเจ้าเช่นนี้”ม่านซือซือหัวเรา
ดังนั้น หลายครั้งพวกนางต้องพบความผิดหวัง บุรุษผู้นี้มีความซับซ้อนและน่าเกรงขาม สาวใช้ที่ใจกล้าหลายคนจึงถูกลงโทษอย่างรุนแรง มีบางคนหายตัวไปอย่างลึกลับ!“โอ้ คะ คุณ ชะ ชาย!” เสียงนางสั่นพร่า น้ำหวานก็ฉ่ำเยิ้มพรมกลีบงาม“ซือซือ แค่ร่วมรักกับข้า เจ้าคงไม่ถึงตายหรอก”“มิใช่ ข้ากลัวจะหยุดรักคุณชายไม่ได้ต่างหาก”“หึๆๆ ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าเป็นสตรีปัญญาทึบจริงๆ”เมื่อเขาเอ่ยจบจึงจับนางเปลี่ยนท่า อึดใจต่อมาร่างนางจึงลอยเหนือพื้น สองขาพาดบนไหล่กว้าง กลีบบุปผางามถูกแทรกด้วยความใหญ่โตที่อุ่นร้อนราวกับแท่งเหล็กนาบไฟ!ดวงตากลมโตมองคนหล่อเหลาสง่างามของนาง มองอย่างหลงใหลไม่เปลี่ยน“แล้วสตรีเช่นข้านี้ นอกจากรับใช้คุณชาย ข้าสามารถตั้งครรภ์ให้บุตรมังกรได้หรือไม่”ม่านซือซือกำลังเพ้อฝันด้วยแรงรักแรงพิศวาส อีกทั้งมีอาการไข้ รุมเร้าจึงหลุดปากในเรื่องที่ไม่สมควรออกไปริมฝีปากบางยกยิ้ม ดวงตาเขามีประกายวาบขึ้น กิริยาเขายากเหลือเกินที่นางจะคาดเดาความนัยแขนกำยำของเขาขยับไหวไปมา ยิ่งออกแรงมาก ม่านซือซือก็เหมือนตกเป็นทาสบำเรอความสุขแก่ชายหนุ่ม“เหตุใดจึงอยากทำหน้าที่นั้น ไม่กลัวอันตรายหรืออย่างไร เป็นผู้หญิงของข้า
ความลับของสาวใช้มะ ไม่นะ พี่สาว!” ม่านซือซือนั่งนิ่งๆ นางไม่ได้กล่าวอะไร กระทั่งฝูเอ๋อร์เอามือป้อมๆ ออกจากริมฝีปากนาง“เรียกชื่อนายท่านเช่นนั้นไม่ได้ หากใครได้ยิน พี่สาวต้องนั่งคุกเข่าที่เรือนบรรพชนหลายวัน และต้องอดข้าว อดน้ำ ข้างในนั้นมีแต่กลิ่นธูปน่าเวียนหัวจะตาย เคยมีคนสลบแล้วถูกอุ้มหายตัวไปด้วยนะ!”“ร้ายแรงเพียงนั้น”แม่นางน้อยพยักหน้าเร็วไว สีหน้าที่แย้มยิ้มเมื่อครู่ซีดสลดลงไปถึงสามส่วน“มีสิ่งใดทำให้เจ้ากลัว”ฝูเอ๋อร์ก้มหน้างุด อาการเช่นนี้หากม่านซือซือเดาไม่ผิดย่อมมีผลมาจากจ้าวเล่อซี ทว่าหญิงสาวยังคาดคะเนสิ่งใดไม่ได้ กระทั่งได้ยินเสียงท้องเด็กหญิงร้องเบาๆ นางจึงหัวเราะพรืดใหญ่“เจ้าหิวรึ”เมื่อทำเรื่องขายหน้า ฝูเอ๋อร์จึงรีบเอามือกุมท้องอวบๆ ของตนไว้“เปล่าเสียหน่อย ข้ากินอิ่มแล้ว” ฝูเอ๋อร์ปฏิเสธ ซึ่งมันไม่แนบเนียนเอาเสียเลย“จะว่าไปแล้ว ของกินเล่นพวกนี้คงไม่ถูกปากข้าสักเท่าไหร่ และคงน่าเสียดายหากต้องทิ้งไว้”ฝูเอ๋อร์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง รีบกล่าวว่า“หือ พี่สาวทำไมพูดเช่นนี้ ของดีๆ ล้วนมีไว้ต้อนรับแขก ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยกินด้วยซ้ำ ได้แต่สูดเอากลิ่นหอมๆ และก็กลืนน้ำลายลงคอ”ม
มนุษย์โอสถ จ้าวเล่อซีได้รับรายงานหลายฉบับ ส่วนมากไขความกระจ่างให้เขาเกี่ยวกับสิ่งที่ค้างคาใจมาหลายสิบปี ยามนี้เขาจำต้องเลือกข้างเพื่อให้ตนได้มีความมั่นคงกว่าเดิม ซึ่งการตัดสินใจเช่นนี้อาจทำให้เกิดการนองเลือดในภายภาคหน้า‘ข้าสมควรต้องเป็นหุ่นเชิดของพวกเขาต่อไปหรือไม่’ “คุณชาย ยามนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป อีกทั้งจักรพรรดิเทียนฉางกำลังเดินหมากของเขา แน่นอนว่ามันเอื้อประโยชน์ให้เราอย่างมหาศาล”‘เจ้าเชื่อน้ำคำเขารึ...’“มิได้ ข้ายังเชื่อคมดาบและสิ่งที่เห็นด้วยสองตามากกว่าคำโป้ปดของคน”‘ตั้งแต่เด็ก หลังจากท่านแม่จากไป ข้าก็มีแม่นมหลานและเจ้าที่ไว้ใจได้’จ้าวเล่อซีกล่าวจบจึงถอนหายใจเบาๆ ชะตาชีวิตเขาขีดไว้เช่นนี้ ให้เป็นองค์ชายใบ้และตกเป็นเครื่องมือของแม่ทัพถานปิง เพื่อใช้ต่อรองอำนาจจากจักรพรรดิเทียนฉาง“ตอนนี้กำลังของเราพร้อมแล้ว คนในวังก็ทำงานรอบคอบ รอเพียงคุณชายพร้อมที่จะเดินทางกลับเมืองหลวง”‘ดังนั้นจงคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้พาไปกับเราเพื่อใช้งาน พวกที่ไม่ใช้งานจงปล่อยให้เป็นอิสระ แต่ถ้าใครทรยศก็ทำให้มันต้องหลาบจำเสีย’อาเฟยน้อมรับคำสั่งของจ้าวเล่อซี แต่เขายังมีสิ่งหนึ่งที่ต้องถามบุรุษรูปงามเพื
กระทั่งเห็นร่างอวบเจ้าเนื้อโผล่ออกมาจากประตู ม่านซือซือจึงเอ่ยเรียกอีกฝ่าย“เสี่ยวฝู!”เด็กหญิงยกนิ้วชี้ขึ้นทาบริมฝีปากเล็กๆ ส่งสัญญาณให้ม่านซือซือเงียบ“เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร”“ข้าคิดถึงคำที่พี่สาวพูดตลอดวันเลย”“เจ้าหมายถึงสิ่งใด”“พี่สาวอยากเป็นแม่ของข้าใช่หรือไม่”“เป็นเช่นนั้น เจ้าเป็นคนน่ารักท่าทางฉลาดเฉลียว” ฝูเอ๋อร์ยิ้มดีใจเมื่อได้ยินม่านซือซือชมตน“ท่านกอดและเล่านิทานให้ข้าฟังก่อนนอนได้ไหม”“ย่อมได้ เรื่องเช่นนี้ข้าทำอยู่ประจำ มีเด็กข้างบ้านที่มักงอแงข้าจะทำขนมให้เขากินแล้วกล่อมนอน”“เยี่ยงนั้น ข้าอยากให้พี่สาวทำเช่นนั้นกับข้าบ้าง พรุ่งนี้เป็นวันเกิดข้า”“โอ้ ดีจริง แต่เจ้ารู้วันเกิดตัวเองด้วยหรือ เจ้าเคยบอกว่าไม่มีแม่”เด็กหญิงก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองก่อนเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม “ป้าหวังเป็นคนบอกข้าเอง”ม่านซือซือไม่ได้ซักต่อ นางคิดว่าสำหรับเด็กเล็กๆ การฉลองวันเกิดคงสำคัญยิ่งนัก“ตอนนี้ป้าหวังคงไม่ได้กลับเรือนง่ายๆ พี่หลินท้องโตมาก ข้าได้ยินว่านางต้องคลอดลูกยากแน่ๆ อีกทั้งก่อนหน้านี้นางถูกคนวางยาด้วย”ม่านซือซือพยายามจับต้นชนปลายสิ่งต่างๆ ที่ฝูเอ๋อร์เล่า ทว่าเด็กหญิง
ข้าน่ะหรืออุ้มท้องให้บุตรมังกรด้วยม่านซือซือไม่ทันระวังตัว จึงถูกมือเย็นๆ ที่ผอมแห้งจับหมับที่ข้อมือบางจากด้านหลังหญิงสาวตัวแข็งทื่อ หัวใจหล่นอยู่ตรงปลายเท้า พอหมุนตัวหันไปมองร่างที่โผล่มาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง ม่านซือซือก็ร้องขึ้นว่า“ซู่ซิน!”อีกฝ่ายยิ้มให้ม่านซือซือราวกับดีใจเมื่อได้พบคนรู้จัก และยามนี้ไม่ได้มีแต่ซู่ซิน ผู้ที่ก้าวมาอุ้มร่างของฝูเอ๋อร์ก็คือหญิงรับใช้หูหนวก!“ปล่อยเสี่ยวฝู...”“เจ้าไม่เข้าใจ ออกมากลางค่ำกลางคืนเดี๋ยวก็ไม่สบาย เจ้าอยู่คฤหาสน์สัตตบงกช เหตุใดถึงไม่เข้าใจกฎยามวิกาล”“ขะ ข้า...” ม่านซือซือจับต้นชนปลายสิ่งใดไม่ได้เมื่อพยายามสลัดมือออกจากการจับกุมของซู่ซิน นางก็รู้สึกปวดหนึบๆ ที่ขมับทันที ยามนั้นกลิ่นฉุนจัดลอยเข้าจมูก มันมาจากถุงผ้าที่ซู่ซินเตรียมโปะเข้าหน้าของม่านซือซือ“เจ้าควรรออยู่ในเรือนเพื่อรับใช้นายท่าน”คำพูดซู่ซินทำให้ม่านซือซือเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ“ปล่อยข้า ที่นี่มีแต่คนบ้า”ซู่ซินส่ายหน้า และเอ่ยเสียงเข้มสักหน่อย“เจ้าโดนเด็กน้อยหลอกแล้วซือซือ กลับเรือนเสียดีๆ อย่าให้พวกข้าต้องเดือดร้อน”ม่านซือซือใช้กำลังอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งอึดใจ แข้งขาน
ฝูเอ๋อร์มองจ้าวเล่อซีสลับกับม่านซือซือ ซึ่งแม่นางน้อยก็อมยิ้มอย่างมีเลศนัย“ขบขันสิ่งใดหรือเสี่ยวฝู” หวังกวงดุเด็กหญิง“ไม่เสียหน่อย ข้าแค่ประหลาดใจที่นายท่านเรียกหา”“แล้วเมื่อก่อนชายผู้นี้ดีต่อเจ้าหรือไม่” ม่านซือซือถาม‘ตอบให้มันดีๆ นะเสี่ยวฝู’ ใครบางคนกำลังแสดงท่าทางข่มขู่เด็ก“คุณชายทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ตอนนี้เสี่ยวฝูอยู่ในความดูแลของข้าแล้ว” ม่านซือซือกางปีกป้องฝูเอ๋อร์เต็มที่‘ข้าให้นางมารับใช้เจ้า ไม่ได้ให้เจ้าคอยโอ๋หรือดูแลนางเสียหน่อย’ม่านซือซือขยับปากจะต่อล้อต่อเถียงเขา แต่สุดท้ายนางก็เลือกสงบปากสงบคำลง ด้วยฝูเอ๋อร์ดึงชายเสื้อนางไว้ แล้วเอ่ยว่า“นายท่านดีต่อข้ามาก พี่สาว...เอ๊ย...ท่านแม่ และท่านแม่ไม่ต้องห่วงสิ่งใด”เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วเรียกตน ม่านซือซือก็ตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก“ข้าเป็นแม่เจ้ารึ...”“ใช่ ท่านย่อมเป็นท่านแม่ของฝูเอ๋อร์!”แม่นางน้อยว่า แล้วจึงโผเข้ากอดม่านซือซือเพื่อขอความรักและความเมตตาจากอีกฝ่ายจ้าวเล่อซีมองภาพตรงหน้า จะว่าไปเขาทั้งขำทั้งยินดี ในที่สุดฝูเอ๋อร์ก็พบคนที่นางอยากให้เป็นแม่บุญธรรมของตนเสียที ‘แล้วข้าเล่า นางมารน้อยอยากให้เป็นอะไร’ คนตั
ม่านซือซือร้อนวูบวาบที่ท้องน้อย มีเหงื่อซึมกลางหน้า ผากแต่เหนืออื่นใดคือในร่มผ้าของนางมันซาบซ่านจนต้องหนีบขาเบียดชิดกันจ้าวเล่อซีเห็นแล้วทั้งสงสารทั้งนึกขำ วันนี้เขาอยากให้นาง ผ่อนคลายกับธรรมชาติโดยแท้ หากสุดท้ายกลายเป็นว่านางคงต้องเหนื่อยหนักท่ามกลางป่าเขาชายหนุ่มอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นแล้วพาเข้าไปในป่า“คุณชาย...”เสียงเรียกเขาเย้ายวน ร่างกายนางก็เหมือนต้องการขจัดไอร้อนให้สลายลงเมื่อจ้าวเล่อซีพานางไปถึงต้นไม้ที่หมายตาไว้ เขาก็ให้นางยืนกอดต้นไม้สูง ม่านซือซือแปลกใจแต่ก็ยอมกระทำตามที่เขาบอกจากนั้นข้อมือนางทั้งสองข้างก็ถูกสายรัดเอวมัดแน่น นางจึงยืนหันหน้าเข้าต้นไม้อยู่ในลักษณะกอดมันหลวมๆ“ท่านจะทำสิ่งใด?”‘ข้าจะช่วยให้ฮูหยินหายร้อน เจ้าจะได้ไม่ต้องออกแรงมากนัก’เขาว่าจบจึงใช้จมูกโด่งซุกไซ้ต้นคอนางพร้อมไล่พรมจูบทั่วทั้งติ่งหูหลังหู เมื่อถูกกระตุ้นอย่างเร่งเร้านางเลยอ่อนระทวย ส่วนมือใหญ่นั้นนวดเฟ้นสะโพกผาย สลับการเปลื้องเสื้อผ้านางทีละชิ้น“อี้... คุณชาย อย่าทำเช่นนั้น” นางบอกเขาและร้องเสียงดัง เพราะความรู้สึกหวานวับพุ่งสูง สูงจนนางเกือบจะปลดปล่อยความฉ่ำเยิ้มจ้าวเล่อซีส่งเสียงคำรามดุนาง
อิ่นสิงอี้อยากร้องประท้วงคนตัวโต ทั้งซักถามสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย แต่เขายังเล่นบทคนใบ้เฉกเช่นเดิม “ท่านคืออาหลุน... องค์ชายรอง... เป็นเหรินอ๋องอีกด้วย” ถานป๋อหยางไม่สนใจเสียงนางสักนิด เขาเหนื่อยกับการไล่ล่าคนของรัชทายาท และกำจัดพวกคิดก่อกบฏไปมิน้อย พอได้พบหน้าอิ่นสิงอี้ สิ่งเดียวที่อยากทำคือกอดนาง และขบเม้มร่างบอบบางนี้ให้หายคิดถึง “อย่าทำเป็นไขสือ แม้พูดไม่ได้ แต่ท่านสื่อสารได้ และเข้าใจสิ่งที่ข้าบอกใช่หรือไม่” ชายหนุ่มจูบหลังตนคอนางไปแรงๆ ก่อนทำมือทำไม้ส่งข้อความที่นางเข้าใจเพียงแค่ครึ่งเดียว “ล้วนเป็นข้าทั้งหมด แล้วอาอี้เล่า... ยังเป็นคนเดิมที่ชอบกลืนน้ำหวานของคนใบ้หรือไม่”นางไม่เข้าใจทั้งหมดที่เขาพยายามสื่อสารหรอก แต่คาดเดาได้ว่า เป็นเรื่องสัปดนของคนไร้ยางอายแน่นอน “ทะ ท่าน... หลอกลวงข้ามาโดยตลอด กี่ครั้งแล้วที่ทำให้สตรีผู้หนึ่งเสี่ยงอันตราย เพื่อให้ท่าน จับผู้ร้ายได้” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง เขาหรือจะไร้มนุษย์ธรรม และทำสร้างเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนั้น “อาอี้ ล้วนเข้าใจผิด ข้าไม่เคยทำสิ่งอย่างที่เจ้ากล่าวหา
กระทั่งจู่ๆ ขบวนรถม้าของอิ่นสิงอี้ ที่มุ่งตรงไปยังเรือนของเจ้าบ่าวก็หยุดชะงัก “คุณหนูรอง... มาหลบข้างหลังข้า” แม่สื่อผู้นั้น เป็นห่วงอิ่นสิงอี้ และอย่างที่กล่าว นางต้องส่งอีกฝ่ายให้ถึงมือเจ้าบ่าว นี่คือคำสั่งที่ต้องทำให้สำเร็จ เสียงโห่ร้อง เสียงการใช้อาวุธดังอยู่หลายอึดใจ ก่อนที่ประตูรถม้าจะถูกเปิดเข้ามา แต่แม่สื่อใช้เท้าถีบคนที่มุ่งร้ายหมายชิงตัวอิ่นสิ่งอี้ ฝ่ายแม่สื่อนางเป็นวรยุทธ์อยู่บ้าง และคนว่าจ้างบอกให้นางอารักขาชีวิตของอิ่นสิงอี้ ห้ามให้ผู้ใดเข้าใกล้เป็นอันขาด “อย่ากังวล นอกจากพวกรับจ้างดูแลรถม้า ยังมีกำลังเสริมที่ติดตามเราอยู่ไม่ไกล ตอนนี้สัญญาณถูกส่งออกไปแล้ว อย่างไรพวกเขาย่อมมาช่วยทัน” แม่สื่อกล่าวอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด พลอยให้อิ่นสิงอี้สบายใจได้เปลาะหนึ่ง สุดท้ายอิ่นสิงอี้ต้องอึ้งมาก นางเห็นบุรุษที่ขี่ม้าตัวโต เขาโดดเด่นสง่างามกว่าใคร และทั้งที่ผู้อื่นสวมชุดเกราะ แต่เขากลับสวมเสื้อผ้าสีแดง ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าเป็นชุดของเจ้าบ่าว “ทุกคน จะให้เสียฤกษ์ไม่ได้ งานนี้อย่างไรต้องส่งเจ้าสาวเข้าหอกับเหรินอ๋อง”
อิ่นสิงอี้เดินเข้าไปในเรือนของตน ยามนั้นซูซินดีใจมาก และร้องไห้ไม่หยุด ส่วนตงหย่วนไม่ได้ถูกทำร้าย เนื่องจากนางยอมเปิดปากเล่าเรื่องอาหลุนที่ทำหมั่นโถว ไม่ใช่ฝีมือนางหรืออิ่นสิงอี้ ทว่ายามนี้มีเรื่องให้ต้องปวดหัวหนัก ด้วยก่อนหน้านั้น ลู่เหวยให้แม่สื่อมาช่วยจัดแจงสิ่งต่างๆ และบอกว่า อีกสามวันจะส่งตัวอิ่นสิงอี้ไปเป็นฮูหยินของคุณชายที่ร่ำรวยคนหนึ่ง หญิงสาวไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้อีก หลายวันที่ผ่านมานางได้มอบร่างกายและใจให้กับอาหลุนแล้ว ซึ่งตอนที่มาถึงจวนอิ่น นางได้รับคำมั่นสัญญาจากเขาว่า จะมาให้คนมารับตัว ไปอยู่ในที่ปลอดภัย ก่อนออกไปงานเลี้ยงลู่เหวย และอิ่นหลิวหลิงวางแผนชั่วร้าย เนื่องจากสืบรู้ว่าอิ่นสิงอี้ ต้องการหลบหนีออกจากจวนอิ่น และเพื่อตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมจึงขังอิ่นสิงอี้ไว้ที่เรือนสำนึกตน ซ้ำร้ายซูซินถูกขายออกไป ส่วนตงหย่วน นางล้มป่วยลงไม่ทราบสาเหตุ เมื่อคนของตนไม่ได้อยู่รับใช้ ทั้งมีชะตากรรมน่าสงสาร อิ่นสิงอี้ก็ทุกข์ใจ นางไม่กินข้าวหลับแทบไม่ลง จนเช้าวันใหม่ นางถูกปลุกด้วยการสาดน้ำเย็นๆ ใส่ร่าง ก่อนจับแต่งตัว ฝ่ายอิ่นหลิวหลิงเข้ามาเผช
อิ่นสิงอี้ได้พบคนของตนในอีกเกือบสิบวันต่อมา ระยะเวลาดังกล่าวทำให้นางเปลี่ยนความคิดไปอีกด้านหนึ่ง หญิงสาวเข้าใจโลกนี้มากกว่าเดิม นางตายแล้วฟื้นกลับมา เรื่องนี้คือสิ่งที่ตระหนักถึงเสมอ และอิ่นสิงอี้คนเดิม ที่แสนดี โง่เขลา ได้สาบสูญไปแล้ว ยามนี้ ร่างกายขับพิษออกหมด สุขภาพดีขึ้นเป็นลำดับ โดยภายหลัง นางมาอยู่ที่กระท่อมนายพรานซึ่งอาหลุนพามาอาศัย อีกทั้งมีคนรับใช้คอยช่วยเหลืองานทั่วไป ส่วนอาหลุนได้บอกว่า มีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ และเขาให้สัญญากับนางไว้ “จงอยู่ที่นี่สักพัก อย่ากังวลเรื่องใด อาอี้ย่อมปลอดภัยแน่นอน” นางพยักหน้าเข้าใจ ก่อนเอ่ยถามเขา “มีสิ่งหนึ่งที่อยากกระจ่างใจ อาหลุนของข้าเป็นผู้ใดกันแน่” และนี่คือสิ่งที่นางสมควรรู้ สตรีที่มอบกายและใจให้เขา และนางไม่อาจหันเหไปทางใดอีก ในสายตาอิ่นสิงอี้ ยามนี้มีแต่อาหลุน แม้เขาจะแสดงตนว่าไร้แซ่ เป็นเพียงคนใบ้ ทว่านางกลับไม่คิดรังเกียรติ แต่ปรารถนาให้เขาอย่าหลอกลวงกัน นางไม่อยากเป็นแค่สตรีซึ่งทำหน้าที่อุ่นเตียงให้ชายใด “อาอี้ เมื่อวันนั้นมาถึงสามีจะบอกเจ้าเอง ตอนนี้ขอเจ้า มี
หลี่ซือซิงแทบจะเต้นรอบโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งนั้น นางแค่อยากอยู่อย่างสงบ ทว่าเหตุใดทหารพร้อมองครักษ์เกราะเหล็กถึงได้โผล่มาที่นี่ “เปิดประตูเถิดอย่าได้ขัดขวางการทำงาน จงรู้ไว้ แค่ข้าหายใจแรงสักหน่อย ที่นี่ก็พังราบเป็นหน้ากองแล้ว” เสียงที่ดังก้องอยู่ด้านนอกจะเป็นใครได้ เขาคือโหวเจียกวงนั่นเอง คนผู้นี้หลี่ซือซิงชังน้ำหน้ายิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน พบเขาหลายหน และดวงตาของอีกฝ่าย แจ้งชัดว่าอยากได้นางไปเป็นฮูหยินของตน ทว่าเขาเป็นเพียงแค่แม่ทัพจับดาบออกรบเก่งกาจ ได้เลื่อนขั้นเร็ว เพราะเป็นพวกกระหายสงคราม และเถรตรงไม่เอาพวกพ้อง ฆ่าได้ฆ่า และไฉนเขาจะอยากกินเนื้อหงส์ คนอย่างเขา เป็นได้แค่ทหารเฝ้าหน้าประตูจวนหลี่ก็เท่านั้น “ข้ามาพักผ่อน และอยากอยู่อย่างสงบ เหตุใด พวกปัญญาหาทึบ มือเปื้อนเลือดถึงต้องมารบกวน” “ฮึๆ ๆ หากท่านหญิงยังพยายามถ่วงเวลาอยู่เช่นนี้ และตัวข้า ตามน้องสาวของสหายไม่พบ เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่!” “บัดซบ แม่ทัพโหว... ถือว่ามีกำลังทหารในมือ ท่านจะใช้วาจาพล่อยๆ กับข้าได้หรือ ข้าถ่วงเวลาอันใด ในเมื่อที่นี่ข้ากำลังใช้เวลาพักผ่อนอย่างเป็นส่
ดวงตาก็พร่าเบลอ รับรู้เพียงแต่บุรุษตรงหน้ามีกลิ่นกายหอมจางๆ ช่วยให้นางผ่อนคลาย ยามนั้นนางจึงผุดลุกขึ้นยืน แล้วเป็นฝ่ายโน้มศีรษะเขาลงมาช้าๆ แรกเริ่มอาหลุนขัดขืน ทำท่าเหมือนหวงเนื้อตัว แต่นางหรือจะยอมให้เขาทำเช่นนั้น อิ่นสิงอี้ ส่งเสียงคำรามพร้อมกับสายตาดุกร้าวให้เขา “คนใบ้ย่อมพูดไม่ได้ เช่นนั้น ท่านคงเก็บความลับระหว่างเราได้ดีที่สุด” นางเอ่ยจบ จึงประกบริมฝีปากบดเบียดกับอีกฝ่าย คราแรกมันจืดชืด กระทั่งเขาเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย นางก็อาศัยโอกาสดังกล่าว แทรกลิ้นเข้าไปกวาดโพรงปากด้านในเขา ทั้งคู่แลกลิ้นกัน ส่งความหวานเย้าหยอกต่ออีกฝ่าย หัวใจนางสั่นไหวระรัวแรง ปรารถนาเรือนกายของอาหลุนยิ่งนัก อยากตกเป็นของเขา อยากครอบครอง ต้องการรุกอีกฝ่ายให้หนัก และทั้งหมดคือแรงพิศวาสที่เกิดจากพิษร้ายที่สะสมในร่างกายบอบบาง แต่ใจนางก็ปรารถนาเช่นนั้นไม่ต่างกัน กระทั่งนางปล่อยริมฝีปากเขาให้เป็นอิสระ ก็เห็นว่า เขากำลังสื่อสาร โดยไม่มีท่าทียั่วล้อ หากจริงจัง “คุณหนูรองแซ่อิ่น ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้า...แต่ก่อนที่จะมีสิ่งที่ข้ามขั้นไปมากกว่านี้ คนต่ำต้อย
การยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออิ่นสิงอี้ของอาหลุน แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ซึ่งหญิงสาวรู้ดี นางสังหรณ์ใจตั้งแต่ออกมาจากอารามไผ่เงิน อีกทั้งสายตาชายหนุ่มยามมองนาง รวมถึงการยกยิ้มตรงมุมปาก แจ้งให้รู้ว่า เขาสนใจอิ่นสิงอี้ แล้วตัวนางเล่า คิดอย่างไรต่อเขา แน่นอนในหัวไม่ถึงกับว่างเปล่า แต่นางเชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่า ไม่ได้รังเกียจ ก็เพียงแต่ยังไม่พร้อมเปิดรับใครก็เท่านั้น นางเพิ่งฟื้นจากความตาย ไฉนต้องรีบตกลงปลงใจกับบุรุษถึงเพียงนั้น นางอยากรู้จักหลายๆ สิ่งให้มาก รวมถึงผู้คนด้วย อย่างที่เคยกล่าว นางกับเขาเสมือนมีสายใยบางเบาผูกร้อยเข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้ได้พบกันบ่อยครั้ง นับแต่นางกลับมามีลมหายใจครั้ง และก่อนซางไป๋จงจะวิ่งหนีตายจากฝ่าเท้าของอาหลุน เขาได้ขว้างระเบิดควันออกมา ระเบิดซึ่งมีพิษนอกระคายเคืองดวงตา สร้างความมึนงง ยังกระตุ้นกำหนัดต่อสตรีเพศ คนที่มีอาวุธร้ายแรงเช่นนี้ ย่อมคบค้ากับพวกนอกด่าน และซางไป๋จง คือบุรุษขี้ขลาด ทั้งยังเป็นอันตรายและภายภาคหน้าย่อมสร้างปัญหาต่อบ้านเมือง อาหลุนตั้งใจตามไปจัดการอีกฝ่าย ทว่าอิ่นสิงอี้ไม่อาจประคองตัวไหว ร่างนางสั่น พยายามคว้าต้นไม้ยึดไว้
คนผู้นั้นคือซางไป๋จง แม้ใบหน้าหล่อเหลา ปากนิด จมูกหน่อย ทว่านิสัย กับท่าทางแจ้งชัดว่าเป็นคนร้ายกาจ ขณะที่ถูกกุมตัวแยกจากคนของตน อิ่นสิงอี้ได้แต่คิดหาทางเอาตัวรอด นางเริ่มเข้าใจหลายสิ่ง รู้ว่าตนพาเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น เรื่องนี้นับว่าเป็นความผิดพลาดมหันต์ กระทั่งเสียงของทหารนายหนึ่งเอ่ยถาม ฉุดนางออกจากภวังค์ “แม่นาง พวกเราไม่ต้องการสิ่งใดหรอก แค่ได้ชมความงาม ภายในร่มผ้าของเจ้าสักเล็กน้อย นับว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดี รู้หรือไม่ หากไม่รีบตกลงเป็นของพวกข้า เจ้าอาจต้องไปเป็นของเล่นนายน้อยซาง หมู่นี้เขาหงุดหงิดง่าย คงตั้งแต่พาท่านหญิงหลี่ ออกจากเมืองหลวง เพื่อตามหาคนผู้นั้น” ทหารคนหนึ่งเอ่ย ท่าทางเขาไม่ได้ดูเหมือนคนร้าย ทว่าสุราที่ดื่ม และการมีลูกคู่คอยยุยง จึงทำให้พูดจาแทะโลมอิ่นสิงอี้ และการเล่าถึงเรื่องต่างๆ ของพวกเขา ก็ทำให้อิ่นสิงอี้ ทราบความเป็นมาของหลี่ซือซิง กับซางไป๋จง “เอาล่ะ... แม่นางผู้งดงาม อยากเปลื้องผ้าให้ข้าชมก่อน หรือว่า ให้เจ้านิ้วก้อยดูดนม ใช้ลิ้นแทงกลีบงามเจ้า สักจ๊วบ สองจ๊วบ เพื่อให้ชื่นใจดี” คนที่ถูกเรียกว่านิ้วก้อย ยิ้มให้อิ่นสิ
อิ่นสิงอี้ไม่อยากมีเรื่อง อีกทั้งการใช้สติให้มาก และหลบปัญหาที่เกินตัวย่อมสงผลดีที่สุด “ขอเวลาสักครึ่งชั่วยาม ข้าจะคืนห้องพักให้” นางเอ่ยได้เท่านั้น และไม่ทันได้ทำสิ่งใดอีก คนพวกนั้นก็บุกรุกเข้ามาในห้องพักนาง “พวกเจ้าเป็นผู้ใด” ซูซินเอ่ยถาม และพยายามขวางทางไว้ แต่เด็กสาวตัวเล็ก แรงแม้มีมาก แต่คงไม่อาจสู้กับองครักษ์หญิงเหล่านั้นได้ “ถอยไป...” เสียงหนึ่งดังขึ้น และซูซินถูกผลักอย่างแรง อิ่นสิงอี้ใจเดือดพล่าน นางอดทนแล้วและยอมถอย แต่ดูเหมือนคนพวกนี้ถนัดหาเรื่อง ทั้งชอบใช้กำลัง “ข้าแบ่งที่พักให้พวกท่าน แต่เหตุใดถึงได้มีนิสัยต่ำทรามนัก” เสียงของอิ่นสิงอี้ดังพอสมควร และมันไปเข้าหู สตรีนางหนึ่ง อีกฝ่ายแม้ปิดบังใบหน้า ด้วยหมวกสวมตาข่าย แต่ยังสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจากดวงตานางที่ส่งมาถึงอิ่นสิงอี้ “พวกชั้นต่ำที่ไหนมาส่งเสียงให้ข้ารำคาญใจ” อีกฝ่ายคือหลี่ซือซิงลูกสาวอมาตย์ใหญ่แห่งแคว้นอัน “ท่านหญิง อย่าได้สนใจเสียงนกเสียงกาเลย พวกข้าจะจัดการไล่ไปให้พ้นๆ หน้าเดี๋ยวนี้” คนของหลี่ซือซิงเอ่ย “ฮึ แค