ข้าน่ะหรืออุ้มท้องให้บุตรมังกรด้วยม่านซือซือไม่ทันระวังตัว จึงถูกมือเย็นๆ ที่ผอมแห้งจับหมับที่ข้อมือบางจากด้านหลังหญิงสาวตัวแข็งทื่อ หัวใจหล่นอยู่ตรงปลายเท้า พอหมุนตัวหันไปมองร่างที่โผล่มาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง ม่านซือซือก็ร้องขึ้นว่า“ซู่ซิน!”อีกฝ่ายยิ้มให้ม่านซือซือราวกับดีใจเมื่อได้พบคนรู้จัก และยามนี้ไม่ได้มีแต่ซู่ซิน ผู้ที่ก้าวมาอุ้มร่างของฝูเอ๋อร์ก็คือหญิงรับใช้หูหนวก!“ปล่อยเสี่ยวฝู...”“เจ้าไม่เข้าใจ ออกมากลางค่ำกลางคืนเดี๋ยวก็ไม่สบาย เจ้าอยู่คฤหาสน์สัตตบงกช เหตุใดถึงไม่เข้าใจกฎยามวิกาล”“ขะ ข้า...” ม่านซือซือจับต้นชนปลายสิ่งใดไม่ได้เมื่อพยายามสลัดมือออกจากการจับกุมของซู่ซิน นางก็รู้สึกปวดหนึบๆ ที่ขมับทันที ยามนั้นกลิ่นฉุนจัดลอยเข้าจมูก มันมาจากถุงผ้าที่ซู่ซินเตรียมโปะเข้าหน้าของม่านซือซือ“เจ้าควรรออยู่ในเรือนเพื่อรับใช้นายท่าน”คำพูดซู่ซินทำให้ม่านซือซือเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ“ปล่อยข้า ที่นี่มีแต่คนบ้า”ซู่ซินส่ายหน้า และเอ่ยเสียงเข้มสักหน่อย“เจ้าโดนเด็กน้อยหลอกแล้วซือซือ กลับเรือนเสียดีๆ อย่าให้พวกข้าต้องเดือดร้อน”ม่านซือซือใช้กำลังอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งอึดใจ แข้งขาน
ฝูเอ๋อร์มองจ้าวเล่อซีสลับกับม่านซือซือ ซึ่งแม่นางน้อยก็อมยิ้มอย่างมีเลศนัย“ขบขันสิ่งใดหรือเสี่ยวฝู” หวังกวงดุเด็กหญิง“ไม่เสียหน่อย ข้าแค่ประหลาดใจที่นายท่านเรียกหา”“แล้วเมื่อก่อนชายผู้นี้ดีต่อเจ้าหรือไม่” ม่านซือซือถาม‘ตอบให้มันดีๆ นะเสี่ยวฝู’ ใครบางคนกำลังแสดงท่าทางข่มขู่เด็ก“คุณชายทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ตอนนี้เสี่ยวฝูอยู่ในความดูแลของข้าแล้ว” ม่านซือซือกางปีกป้องฝูเอ๋อร์เต็มที่‘ข้าให้นางมารับใช้เจ้า ไม่ได้ให้เจ้าคอยโอ๋หรือดูแลนางเสียหน่อย’ม่านซือซือขยับปากจะต่อล้อต่อเถียงเขา แต่สุดท้ายนางก็เลือกสงบปากสงบคำลง ด้วยฝูเอ๋อร์ดึงชายเสื้อนางไว้ แล้วเอ่ยว่า“นายท่านดีต่อข้ามาก พี่สาว...เอ๊ย...ท่านแม่ และท่านแม่ไม่ต้องห่วงสิ่งใด”เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วเรียกตน ม่านซือซือก็ตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก“ข้าเป็นแม่เจ้ารึ...”“ใช่ ท่านย่อมเป็นท่านแม่ของฝูเอ๋อร์!”แม่นางน้อยว่า แล้วจึงโผเข้ากอดม่านซือซือเพื่อขอความรักและความเมตตาจากอีกฝ่ายจ้าวเล่อซีมองภาพตรงหน้า จะว่าไปเขาทั้งขำทั้งยินดี ในที่สุดฝูเอ๋อร์ก็พบคนที่นางอยากให้เป็นแม่บุญธรรมของตนเสียที ‘แล้วข้าเล่า นางมารน้อยอยากให้เป็นอะไร’ คนตั
ม่านซือซือร้อนวูบวาบที่ท้องน้อย มีเหงื่อซึมกลางหน้า ผากแต่เหนืออื่นใดคือในร่มผ้าของนางมันซาบซ่านจนต้องหนีบขาเบียดชิดกันจ้าวเล่อซีเห็นแล้วทั้งสงสารทั้งนึกขำ วันนี้เขาอยากให้นาง ผ่อนคลายกับธรรมชาติโดยแท้ หากสุดท้ายกลายเป็นว่านางคงต้องเหนื่อยหนักท่ามกลางป่าเขาชายหนุ่มอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นแล้วพาเข้าไปในป่า“คุณชาย...”เสียงเรียกเขาเย้ายวน ร่างกายนางก็เหมือนต้องการขจัดไอร้อนให้สลายลงเมื่อจ้าวเล่อซีพานางไปถึงต้นไม้ที่หมายตาไว้ เขาก็ให้นางยืนกอดต้นไม้สูง ม่านซือซือแปลกใจแต่ก็ยอมกระทำตามที่เขาบอกจากนั้นข้อมือนางทั้งสองข้างก็ถูกสายรัดเอวมัดแน่น นางจึงยืนหันหน้าเข้าต้นไม้อยู่ในลักษณะกอดมันหลวมๆ“ท่านจะทำสิ่งใด?”‘ข้าจะช่วยให้ฮูหยินหายร้อน เจ้าจะได้ไม่ต้องออกแรงมากนัก’เขาว่าจบจึงใช้จมูกโด่งซุกไซ้ต้นคอนางพร้อมไล่พรมจูบทั่วทั้งติ่งหูหลังหู เมื่อถูกกระตุ้นอย่างเร่งเร้านางเลยอ่อนระทวย ส่วนมือใหญ่นั้นนวดเฟ้นสะโพกผาย สลับการเปลื้องเสื้อผ้านางทีละชิ้น“อี้... คุณชาย อย่าทำเช่นนั้น” นางบอกเขาและร้องเสียงดัง เพราะความรู้สึกหวานวับพุ่งสูง สูงจนนางเกือบจะปลดปล่อยความฉ่ำเยิ้มจ้าวเล่อซีส่งเสียงคำรามดุนาง
โลมรักกลางหมู่ดาว อาเฟยนั่งมองแม่นางน้อยที่สีหน้าไม่สู้แจ่มใส นางทำตาพองๆ จ้องเขม็งที่อาหารเย็นตรงหน้า มันเป็นเนื้อไก่ย่างกับข้าวห่อใบบัว แต่นางไม่ได้รับอนุญาตให้กินด้วยก่อความผิดไว้ และหากต้องนับว่ากี่ครั้งมาแล้ว แม่นางน้อยก็คร้านจะเสียเวลาคิดถึง“เจ้าปรุงยาพวกนั้นอย่างไร และใส่ไว้ในสุราตอนไหน” อาเฟยว่าพร้อมถือไม้ไว้ในมือซึ่งมีไว้สำหรับลงโทษเด็กหญิง แน่นอนฝ่ามือนางทั้งนิ่มทั้งเจ้าเนื้อ หากถูกฟาดลงไปเพียงนิดนางคงเจ็บจนต้องร้องไห้โยเย“ไม่เห็นยาก แค่เอาหญ้าแดงไปหมักในน้ำมันเขากวางสักครึ่งชั่วยาม จากนั้นเทใส่นารีแดงเพื่อไม่ให้มันมีกลิ่นหรือรสชาติผิดเพี้ยน ข้าก็เทผงเสน่ห์โฉมงามลงไปเล็กน้อย แต่ไม่นึกว่ามันจะทำให้ท่านแม่ถูกนายท่านอุ้มหายเข้าไปในป่าแบบนั้น”อาเฟยได้ยินแม่นางน้อยเอ่ยจบก็บีบขมับตนเอง เขาไม่รู้จะทำโทษอย่างไรดี ฝูเอ๋อร์เป็นเด็กหญิงที่จ้าวเล่อซีเอ็นดูและยังให้ท้ายเสมอ สุดท้ายผลลัพธ์จึงลงเอยอย่างที่เห็น“ใครใช้ให้เจ้าทำเรื่องนี้”“ไม่มี ข้าเพียงแค่อยากให้ท่านแม่มีความสุข และบำรุงร่างกายนางเพื่อจะได้กลับมาเป็นสาวน้อยและคลอดบุตรง่าย ไม่เหมือนพี่หลินที่เกือบเสียชีวิต”“เฮ้อ ข้าไม่ร
เฟยผิงเสียนเรียบร้อย ม่านซือซือได้มีเวลาแห่งความสุขกับจ้าวเล่อซีที่หวงเซ่อซานอีกสองวัน จากนั้นเขามีภาระที่ต้องไปสะสาง นางจึงได้อาเฟยพามาส่งที่หมู่บ้านช่างไม้ รอเวลาให้ทางเมืองหลวงพร้อม นางจึงจะถูกส่งตัวไปที่ตำหนักจันทร์ส่องหล้าขณะที่นั่งรถม้ามุ่งหน้าสู่หมู่บ้านช่างไม้ เลือดลมม่านซือซือก็ไม่ค่อยสู้ดี ถึงขั้นต้องให้หยุดรถม้าเป็นระยะๆอาเฟยเห็นว่าม่านซือซืออ่อนเพลีย เลยสั่งให้แวะพักร้านขายบะหมี่เชิงเขา ที่ยามนี้มีพ่อค้าเร่และชาวบ้านนั่งกินอยู่บางตา“สะอาดใช้ได้ ฮูหยินซดน้ำแกงร้อนๆ ดีหรือไม่”“ขอบคุณท่านพ่อบ้าน ข้ากำลังหิวพอดี” ม่านซือซือยิ้มรับไมตรี อีกฝ่าย นางได้กลิ่นหอมจากหม้อตุ๋นน้ำแกง กระทั่งเสี่ยวเอ้อนำชามบะหมี่มาวางให้ นางก็ขอบคุณเขา แต่ยังไม่ทันได้ตักชิมรสด้วยซ้ำ ฝูเอ๋อร์กลับขยับมาชิดม่านซือซือ ก่อนเอ่ยเสียงเบาว่า“กลัว... ท่านแม่...ข้ากลัว”แม่นางน้อยแสดงอาการผิดปกติ สีหน้าพลันซีดลง อีกทั้งดวงตาทั้งสองข้างแดงๆ คล้ายจะร้องไห้“มีสิ่งใดหรือ บอกแม่สิเสี่ยวฝู”ฝูเอ๋อร์สับสน และนางทำจมูกยู่ย่นอีกทั้งรู้สึกปวดหัว ก่อนจะร้องขึ้นว่า “คนผู้นั้น!”ม่านซือซือมองไปยังชายผู้หนึ่ง เขาเพิ่งลงจ
ลักลอบขึ้นเตียงจักรพรรดิ อาเฟยเข้ามาในวังหลวงด้วยการปลอมตัวเป็นหมอหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งยามนี้อีกฝ่ายหายสาบสูญไประหว่างเดินทางกลับเรือนของตนขันทีรูปงามออกมาเก็บสมุนไพรตามปกติอันเป็นหน้าที่หนึ่งของสำนักการแพทย์ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของมเหสีอี้เหอ ส่วนมากเป็นการปรุงยาลับๆ อันมีพิษร้ายกาจหาสิ่งใดต้านมันได้ ตำรับยาเหล่านั้นมาจากชนเผ่าเยว่หลาง โดยที่นางคาดการณ์ว่าตนเป็นผู้รู้แจ้ง ทว่าในความจริง โลกนี้ย่อมมีผู้เก่งกว่าและรอบรู้อยู่ทุกหนแห่ง อย่างน้อยหมู่บ้านช่างไม้ก็มีหวังกวง และตอนนี้ข้างกายม่านซือซือก็มีนางมารน้อยฝูเอ๋อร์หลังจากอาเฟยทำหน้าที่ของตนเรียบร้อย เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นกำแพงสูง ก่อนหายตัวลับเข้าไปพบกับจ้าวเทียนฉาง คนที่อยู่ในตำหนักใหญ่โต พอได้พบใบหน้าคุ้นเคยก็ดีใจเป็นล้นพ้น แต่เขาไม่ผลีผลามแสดงออกถึงความในใจที่อัดแน่นอยู่จนแทบล้นทะลัก เพียงแต่ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนสั่งให้คนที่อยู่คอยรับใช้ออกไปให้หมด“ข้าต้องการความสงบ และอยากนอนสักงีบ”เมื่อขันทีน้อยได้ยินเช่นนั้นจึงยอบตัวห่างออกไปจ้าวเทียนฉางมองคนที่สวมชุดทะมัดทะแมงและอำพรางใบหน้าไว้ด้วยตาข่ายสีดำ กระนั้นดวงตาของอาเฟยก็งดงา
“ผู้ใดกำลังเล่นตลกกับข้า”นางกำนัลคนสนิทของมเหสีอี้เหอเงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วตอบอีกฝ่ายด้วยเสียงชิงชังอย่างชัดเจน“ย่อมเป็นคนของรัชทายาทเล่อซี!”“คนของไอ้ใบ้เยี่ยงนั้นหรือ ใคร...ใครชักศึกเข้าบ้านข้า”เหล่านางกำนัลของมเหสีอี้เหอไร้ความสามารถมาหลายปีแล้ว ด้วยอยู่อย่างสุขสบาย อีกทั้งละเลยสิ่งต่างๆ เพราะละโมบในอำนาจและทรัพย์สิน จึงค่อยๆ ถูกซื้อตัวจากฝ่ายของจ้าวเล่อซีทีละคนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มเหสีอี้เหอรู้ว่ามีคนของจ้าวเล่อซีปะปนอยู่ในวังหลวง บ้างก็เป็นขุนนาง ข้ารับใช้ใกล้ชิด แม้ กระทั่งเหล่าองค์หญิงและองค์ชายซึ่งเกิดจากสนมคนอื่น และคนสูงศักดิ์ที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยศึก“หม่อมฉันขอทูลว่าทั้งหมดเป็นเพราะจักรพรรดิเทียนฉางเปิดทางให้เรื่องนี้สำเร็จโดยง่าย”“เหลวไหล คนขี้ขลาดเช่นนั้นจะกล้าทำเรื่องร้ายแรงต่อข้าได้เยี่ยงไร”“นั่นเป็นเพราะมเหสีมั่นใจเกินไปและหลงคิดว่าฝ่าบาทไร้พิษสง แต่ความจริงจักรพรรดิเทียนฉางไม่เคยอยู่ข้างมเหสีมาตั้งแต่ต้น”มเหสีอี้เหอได้ยินเช่นนั้น ใจพลันเดือดพล่าน นางเขวี้ยงกาน้ำชาหยกเนื้อดีใส่นางกำนัลที่รายงานเรื่องนี้ และฝ่ายนั้นถึงกับสิ้นลมหายใจในทันที! ตำหนักจันทร์ส่องห
ฮูหยินขององค์ชายใบ้ หนึ่งเดือนผ่านไป ความรู้สึกแรกเมื่อม่านซือซือก้าวเข้ามาในตำหนักแห่งนั้น นางตอบตนเองไม่ได้ว่าดีใจหรืออึดอัด และลึกๆ นางกลับหวั่นใจถึงสิ่งที่ยังคาดเดาไม่ได้ เมืองหลวงกว้างใหญ่ผู้คนล้วนแปลกหน้า จิตใจคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คดเคี้ยวลึกลับยากหยั่งถึงและไม่อาจไว้ใจได้ อีกทั้งตำหนักแห่งนี้มิได้มีโฉมงามที่เคียงคู่กับจ้าวเล่อซีเพียงคนเดียว ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่แม่นางเสี่ยวเหยา หากยังมีอีกคนที่มเหสีอี้เหอเตรียมการไว้เพื่อให้อีกฝ่ายนั่งตำแหน่งพระชายาของจ้าวเล่อซี“ท่านแม่...” ฝูเอ๋อร์เรียกนาง และแม่นางน้อยก็ยิ้มประจบจนดวงตาเล็กๆ ยิบหยี และฝูเอ๋อร์ในบ่ายวันนี้ดูเหนื่อยล้าอยู่สักหน่อย การนั่งรถม้าหลายคืนติดต่อกัน ถึงจะได้พักผ่อนตามทางบ้าง แต่อาเฟยก็เข้มงวดหลายสิ่ง คงตั้งแต่จู่ๆ ที่มีชายชุดเขียวโผล่มา เขามีนามว่าตี้หยงชุนซึ่งมีท่าทีพิลึก นอกจากนั้นฝูเอ๋อร์ยังมีอาการไม่สู้หน้าอีกฝ่าย ยามนั้นนางก็กอดม่านซือซือแน่นและยังฝันร้ายติดกันหลายคืน เมื่ออาเฟยให้คนไปสืบเรื่องราวของตี้หยงชุน กลับพบว่าเขาไร้ตัวตนที่แน่ชัด เรื่องนี้ทำให้ ม่านซือซือเครียดอยู่มิน้อย และนางก็ออกปากกับอ
จ้าวเล่อซีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เมื่อรู้ว่าสาวใช้ของเขากลายเป็นแม่เสือร้ายตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเมืองหลวง เขาส่งเสียงหัวเราะห้าวใหญ่ ฟังดูน่ากลัวจนทุกคนที่รับใช้เขาอยู่ในห้องหนังสือขนลุกไปตามๆ กัน“อย่างที่ข้ารายงานคุณชาย ฮูหยินไม่ไว้หน้าคุณหนูเตียวจื่อสักนิด นั่นคงเป็นเพราะนางเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว”‘คงไม่ใช่นางคิดว่าข้าให้ท้ายหรอกนะ’“มิใช่ ข้าเห็นบ่าวรายงานว่าฝ่ายนั้นมาหาเรื่องก่อน และฮูหยินก็ตอบไปตรงๆ ทว่าสิ่งที่นางพูดล้วนทำให้คุณหนูเตียวจื่อแทบเป็นลมล้มพับไป”บุรุษที่สวมหน้ากากชอบใจกว่าเดิม คืนนี้เขาคงต้องตบรางวัลนางหนักๆ เสียหน่อย“แต่คุณชายคงไม่ลืมว่า อย่างไรเสียหากในภายภาคหน้าคุณชายต้องเป็นบิดาของแคว้นชิง ท่านย่อมต้องมีสตรีที่ดูแลวังหลัง”อาเฟยกล่าวขึ้น แต่เรื่องนี้จ้าวเล่อซีหาได้ใส่ใจไม่‘เทียนฉางยังมีอี้เหอเป็นหมากของเขา แล้วข้าเล่าจะหาตัวตลกสักตัวมาตั้งไว้ให้คนกราบไหว้ไม่ได้หรือไง’กล่าวจบเขาก็หัวเราะอีกครั้ง คราวนี้เสียงของจ้าวเล่อซีชวนหลอนยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ม่านซือซือตกใจมากแต่ก็หลุดเสียงร้องได้เพียงครึ่งคำ เพราะริมฝีปากอุ่นๆ ของจ้าวเล่อซีประกบริมฝีปากนางเอาไว้เสียก่อนนาง
ฮูหยินขององค์ชายใบ้ หนึ่งเดือนผ่านไป ความรู้สึกแรกเมื่อม่านซือซือก้าวเข้ามาในตำหนักแห่งนั้น นางตอบตนเองไม่ได้ว่าดีใจหรืออึดอัด และลึกๆ นางกลับหวั่นใจถึงสิ่งที่ยังคาดเดาไม่ได้ เมืองหลวงกว้างใหญ่ผู้คนล้วนแปลกหน้า จิตใจคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คดเคี้ยวลึกลับยากหยั่งถึงและไม่อาจไว้ใจได้ อีกทั้งตำหนักแห่งนี้มิได้มีโฉมงามที่เคียงคู่กับจ้าวเล่อซีเพียงคนเดียว ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่แม่นางเสี่ยวเหยา หากยังมีอีกคนที่มเหสีอี้เหอเตรียมการไว้เพื่อให้อีกฝ่ายนั่งตำแหน่งพระชายาของจ้าวเล่อซี“ท่านแม่...” ฝูเอ๋อร์เรียกนาง และแม่นางน้อยก็ยิ้มประจบจนดวงตาเล็กๆ ยิบหยี และฝูเอ๋อร์ในบ่ายวันนี้ดูเหนื่อยล้าอยู่สักหน่อย การนั่งรถม้าหลายคืนติดต่อกัน ถึงจะได้พักผ่อนตามทางบ้าง แต่อาเฟยก็เข้มงวดหลายสิ่ง คงตั้งแต่จู่ๆ ที่มีชายชุดเขียวโผล่มา เขามีนามว่าตี้หยงชุนซึ่งมีท่าทีพิลึก นอกจากนั้นฝูเอ๋อร์ยังมีอาการไม่สู้หน้าอีกฝ่าย ยามนั้นนางก็กอดม่านซือซือแน่นและยังฝันร้ายติดกันหลายคืน เมื่ออาเฟยให้คนไปสืบเรื่องราวของตี้หยงชุน กลับพบว่าเขาไร้ตัวตนที่แน่ชัด เรื่องนี้ทำให้ ม่านซือซือเครียดอยู่มิน้อย และนางก็ออกปากกับอ
“ผู้ใดกำลังเล่นตลกกับข้า”นางกำนัลคนสนิทของมเหสีอี้เหอเงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วตอบอีกฝ่ายด้วยเสียงชิงชังอย่างชัดเจน“ย่อมเป็นคนของรัชทายาทเล่อซี!”“คนของไอ้ใบ้เยี่ยงนั้นหรือ ใคร...ใครชักศึกเข้าบ้านข้า”เหล่านางกำนัลของมเหสีอี้เหอไร้ความสามารถมาหลายปีแล้ว ด้วยอยู่อย่างสุขสบาย อีกทั้งละเลยสิ่งต่างๆ เพราะละโมบในอำนาจและทรัพย์สิน จึงค่อยๆ ถูกซื้อตัวจากฝ่ายของจ้าวเล่อซีทีละคนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มเหสีอี้เหอรู้ว่ามีคนของจ้าวเล่อซีปะปนอยู่ในวังหลวง บ้างก็เป็นขุนนาง ข้ารับใช้ใกล้ชิด แม้ กระทั่งเหล่าองค์หญิงและองค์ชายซึ่งเกิดจากสนมคนอื่น และคนสูงศักดิ์ที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยศึก“หม่อมฉันขอทูลว่าทั้งหมดเป็นเพราะจักรพรรดิเทียนฉางเปิดทางให้เรื่องนี้สำเร็จโดยง่าย”“เหลวไหล คนขี้ขลาดเช่นนั้นจะกล้าทำเรื่องร้ายแรงต่อข้าได้เยี่ยงไร”“นั่นเป็นเพราะมเหสีมั่นใจเกินไปและหลงคิดว่าฝ่าบาทไร้พิษสง แต่ความจริงจักรพรรดิเทียนฉางไม่เคยอยู่ข้างมเหสีมาตั้งแต่ต้น”มเหสีอี้เหอได้ยินเช่นนั้น ใจพลันเดือดพล่าน นางเขวี้ยงกาน้ำชาหยกเนื้อดีใส่นางกำนัลที่รายงานเรื่องนี้ และฝ่ายนั้นถึงกับสิ้นลมหายใจในทันที! ตำหนักจันทร์ส่องห
ลักลอบขึ้นเตียงจักรพรรดิ อาเฟยเข้ามาในวังหลวงด้วยการปลอมตัวเป็นหมอหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งยามนี้อีกฝ่ายหายสาบสูญไประหว่างเดินทางกลับเรือนของตนขันทีรูปงามออกมาเก็บสมุนไพรตามปกติอันเป็นหน้าที่หนึ่งของสำนักการแพทย์ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของมเหสีอี้เหอ ส่วนมากเป็นการปรุงยาลับๆ อันมีพิษร้ายกาจหาสิ่งใดต้านมันได้ ตำรับยาเหล่านั้นมาจากชนเผ่าเยว่หลาง โดยที่นางคาดการณ์ว่าตนเป็นผู้รู้แจ้ง ทว่าในความจริง โลกนี้ย่อมมีผู้เก่งกว่าและรอบรู้อยู่ทุกหนแห่ง อย่างน้อยหมู่บ้านช่างไม้ก็มีหวังกวง และตอนนี้ข้างกายม่านซือซือก็มีนางมารน้อยฝูเอ๋อร์หลังจากอาเฟยทำหน้าที่ของตนเรียบร้อย เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นกำแพงสูง ก่อนหายตัวลับเข้าไปพบกับจ้าวเทียนฉาง คนที่อยู่ในตำหนักใหญ่โต พอได้พบใบหน้าคุ้นเคยก็ดีใจเป็นล้นพ้น แต่เขาไม่ผลีผลามแสดงออกถึงความในใจที่อัดแน่นอยู่จนแทบล้นทะลัก เพียงแต่ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนสั่งให้คนที่อยู่คอยรับใช้ออกไปให้หมด“ข้าต้องการความสงบ และอยากนอนสักงีบ”เมื่อขันทีน้อยได้ยินเช่นนั้นจึงยอบตัวห่างออกไปจ้าวเทียนฉางมองคนที่สวมชุดทะมัดทะแมงและอำพรางใบหน้าไว้ด้วยตาข่ายสีดำ กระนั้นดวงตาของอาเฟยก็งดงา
เฟยผิงเสียนเรียบร้อย ม่านซือซือได้มีเวลาแห่งความสุขกับจ้าวเล่อซีที่หวงเซ่อซานอีกสองวัน จากนั้นเขามีภาระที่ต้องไปสะสาง นางจึงได้อาเฟยพามาส่งที่หมู่บ้านช่างไม้ รอเวลาให้ทางเมืองหลวงพร้อม นางจึงจะถูกส่งตัวไปที่ตำหนักจันทร์ส่องหล้าขณะที่นั่งรถม้ามุ่งหน้าสู่หมู่บ้านช่างไม้ เลือดลมม่านซือซือก็ไม่ค่อยสู้ดี ถึงขั้นต้องให้หยุดรถม้าเป็นระยะๆอาเฟยเห็นว่าม่านซือซืออ่อนเพลีย เลยสั่งให้แวะพักร้านขายบะหมี่เชิงเขา ที่ยามนี้มีพ่อค้าเร่และชาวบ้านนั่งกินอยู่บางตา“สะอาดใช้ได้ ฮูหยินซดน้ำแกงร้อนๆ ดีหรือไม่”“ขอบคุณท่านพ่อบ้าน ข้ากำลังหิวพอดี” ม่านซือซือยิ้มรับไมตรี อีกฝ่าย นางได้กลิ่นหอมจากหม้อตุ๋นน้ำแกง กระทั่งเสี่ยวเอ้อนำชามบะหมี่มาวางให้ นางก็ขอบคุณเขา แต่ยังไม่ทันได้ตักชิมรสด้วยซ้ำ ฝูเอ๋อร์กลับขยับมาชิดม่านซือซือ ก่อนเอ่ยเสียงเบาว่า“กลัว... ท่านแม่...ข้ากลัว”แม่นางน้อยแสดงอาการผิดปกติ สีหน้าพลันซีดลง อีกทั้งดวงตาทั้งสองข้างแดงๆ คล้ายจะร้องไห้“มีสิ่งใดหรือ บอกแม่สิเสี่ยวฝู”ฝูเอ๋อร์สับสน และนางทำจมูกยู่ย่นอีกทั้งรู้สึกปวดหัว ก่อนจะร้องขึ้นว่า “คนผู้นั้น!”ม่านซือซือมองไปยังชายผู้หนึ่ง เขาเพิ่งลงจ
โลมรักกลางหมู่ดาว อาเฟยนั่งมองแม่นางน้อยที่สีหน้าไม่สู้แจ่มใส นางทำตาพองๆ จ้องเขม็งที่อาหารเย็นตรงหน้า มันเป็นเนื้อไก่ย่างกับข้าวห่อใบบัว แต่นางไม่ได้รับอนุญาตให้กินด้วยก่อความผิดไว้ และหากต้องนับว่ากี่ครั้งมาแล้ว แม่นางน้อยก็คร้านจะเสียเวลาคิดถึง“เจ้าปรุงยาพวกนั้นอย่างไร และใส่ไว้ในสุราตอนไหน” อาเฟยว่าพร้อมถือไม้ไว้ในมือซึ่งมีไว้สำหรับลงโทษเด็กหญิง แน่นอนฝ่ามือนางทั้งนิ่มทั้งเจ้าเนื้อ หากถูกฟาดลงไปเพียงนิดนางคงเจ็บจนต้องร้องไห้โยเย“ไม่เห็นยาก แค่เอาหญ้าแดงไปหมักในน้ำมันเขากวางสักครึ่งชั่วยาม จากนั้นเทใส่นารีแดงเพื่อไม่ให้มันมีกลิ่นหรือรสชาติผิดเพี้ยน ข้าก็เทผงเสน่ห์โฉมงามลงไปเล็กน้อย แต่ไม่นึกว่ามันจะทำให้ท่านแม่ถูกนายท่านอุ้มหายเข้าไปในป่าแบบนั้น”อาเฟยได้ยินแม่นางน้อยเอ่ยจบก็บีบขมับตนเอง เขาไม่รู้จะทำโทษอย่างไรดี ฝูเอ๋อร์เป็นเด็กหญิงที่จ้าวเล่อซีเอ็นดูและยังให้ท้ายเสมอ สุดท้ายผลลัพธ์จึงลงเอยอย่างที่เห็น“ใครใช้ให้เจ้าทำเรื่องนี้”“ไม่มี ข้าเพียงแค่อยากให้ท่านแม่มีความสุข และบำรุงร่างกายนางเพื่อจะได้กลับมาเป็นสาวน้อยและคลอดบุตรง่าย ไม่เหมือนพี่หลินที่เกือบเสียชีวิต”“เฮ้อ ข้าไม่ร
ม่านซือซือร้อนวูบวาบที่ท้องน้อย มีเหงื่อซึมกลางหน้า ผากแต่เหนืออื่นใดคือในร่มผ้าของนางมันซาบซ่านจนต้องหนีบขาเบียดชิดกันจ้าวเล่อซีเห็นแล้วทั้งสงสารทั้งนึกขำ วันนี้เขาอยากให้นาง ผ่อนคลายกับธรรมชาติโดยแท้ หากสุดท้ายกลายเป็นว่านางคงต้องเหนื่อยหนักท่ามกลางป่าเขาชายหนุ่มอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นแล้วพาเข้าไปในป่า“คุณชาย...”เสียงเรียกเขาเย้ายวน ร่างกายนางก็เหมือนต้องการขจัดไอร้อนให้สลายลงเมื่อจ้าวเล่อซีพานางไปถึงต้นไม้ที่หมายตาไว้ เขาก็ให้นางยืนกอดต้นไม้สูง ม่านซือซือแปลกใจแต่ก็ยอมกระทำตามที่เขาบอกจากนั้นข้อมือนางทั้งสองข้างก็ถูกสายรัดเอวมัดแน่น นางจึงยืนหันหน้าเข้าต้นไม้อยู่ในลักษณะกอดมันหลวมๆ“ท่านจะทำสิ่งใด?”‘ข้าจะช่วยให้ฮูหยินหายร้อน เจ้าจะได้ไม่ต้องออกแรงมากนัก’เขาว่าจบจึงใช้จมูกโด่งซุกไซ้ต้นคอนางพร้อมไล่พรมจูบทั่วทั้งติ่งหูหลังหู เมื่อถูกกระตุ้นอย่างเร่งเร้านางเลยอ่อนระทวย ส่วนมือใหญ่นั้นนวดเฟ้นสะโพกผาย สลับการเปลื้องเสื้อผ้านางทีละชิ้น“อี้... คุณชาย อย่าทำเช่นนั้น” นางบอกเขาและร้องเสียงดัง เพราะความรู้สึกหวานวับพุ่งสูง สูงจนนางเกือบจะปลดปล่อยความฉ่ำเยิ้มจ้าวเล่อซีส่งเสียงคำรามดุนาง
ฝูเอ๋อร์มองจ้าวเล่อซีสลับกับม่านซือซือ ซึ่งแม่นางน้อยก็อมยิ้มอย่างมีเลศนัย“ขบขันสิ่งใดหรือเสี่ยวฝู” หวังกวงดุเด็กหญิง“ไม่เสียหน่อย ข้าแค่ประหลาดใจที่นายท่านเรียกหา”“แล้วเมื่อก่อนชายผู้นี้ดีต่อเจ้าหรือไม่” ม่านซือซือถาม‘ตอบให้มันดีๆ นะเสี่ยวฝู’ ใครบางคนกำลังแสดงท่าทางข่มขู่เด็ก“คุณชายทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ตอนนี้เสี่ยวฝูอยู่ในความดูแลของข้าแล้ว” ม่านซือซือกางปีกป้องฝูเอ๋อร์เต็มที่‘ข้าให้นางมารับใช้เจ้า ไม่ได้ให้เจ้าคอยโอ๋หรือดูแลนางเสียหน่อย’ม่านซือซือขยับปากจะต่อล้อต่อเถียงเขา แต่สุดท้ายนางก็เลือกสงบปากสงบคำลง ด้วยฝูเอ๋อร์ดึงชายเสื้อนางไว้ แล้วเอ่ยว่า“นายท่านดีต่อข้ามาก พี่สาว...เอ๊ย...ท่านแม่ และท่านแม่ไม่ต้องห่วงสิ่งใด”เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วเรียกตน ม่านซือซือก็ตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก“ข้าเป็นแม่เจ้ารึ...”“ใช่ ท่านย่อมเป็นท่านแม่ของฝูเอ๋อร์!”แม่นางน้อยว่า แล้วจึงโผเข้ากอดม่านซือซือเพื่อขอความรักและความเมตตาจากอีกฝ่ายจ้าวเล่อซีมองภาพตรงหน้า จะว่าไปเขาทั้งขำทั้งยินดี ในที่สุดฝูเอ๋อร์ก็พบคนที่นางอยากให้เป็นแม่บุญธรรมของตนเสียที ‘แล้วข้าเล่า นางมารน้อยอยากให้เป็นอะไร’ คนตั
ข้าน่ะหรืออุ้มท้องให้บุตรมังกรด้วยม่านซือซือไม่ทันระวังตัว จึงถูกมือเย็นๆ ที่ผอมแห้งจับหมับที่ข้อมือบางจากด้านหลังหญิงสาวตัวแข็งทื่อ หัวใจหล่นอยู่ตรงปลายเท้า พอหมุนตัวหันไปมองร่างที่โผล่มาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง ม่านซือซือก็ร้องขึ้นว่า“ซู่ซิน!”อีกฝ่ายยิ้มให้ม่านซือซือราวกับดีใจเมื่อได้พบคนรู้จัก และยามนี้ไม่ได้มีแต่ซู่ซิน ผู้ที่ก้าวมาอุ้มร่างของฝูเอ๋อร์ก็คือหญิงรับใช้หูหนวก!“ปล่อยเสี่ยวฝู...”“เจ้าไม่เข้าใจ ออกมากลางค่ำกลางคืนเดี๋ยวก็ไม่สบาย เจ้าอยู่คฤหาสน์สัตตบงกช เหตุใดถึงไม่เข้าใจกฎยามวิกาล”“ขะ ข้า...” ม่านซือซือจับต้นชนปลายสิ่งใดไม่ได้เมื่อพยายามสลัดมือออกจากการจับกุมของซู่ซิน นางก็รู้สึกปวดหนึบๆ ที่ขมับทันที ยามนั้นกลิ่นฉุนจัดลอยเข้าจมูก มันมาจากถุงผ้าที่ซู่ซินเตรียมโปะเข้าหน้าของม่านซือซือ“เจ้าควรรออยู่ในเรือนเพื่อรับใช้นายท่าน”คำพูดซู่ซินทำให้ม่านซือซือเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ“ปล่อยข้า ที่นี่มีแต่คนบ้า”ซู่ซินส่ายหน้า และเอ่ยเสียงเข้มสักหน่อย“เจ้าโดนเด็กน้อยหลอกแล้วซือซือ กลับเรือนเสียดีๆ อย่าให้พวกข้าต้องเดือดร้อน”ม่านซือซือใช้กำลังอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งอึดใจ แข้งขาน