“ผู้ใดกำลังเล่นตลกกับข้า”นางกำนัลคนสนิทของมเหสีอี้เหอเงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วตอบอีกฝ่ายด้วยเสียงชิงชังอย่างชัดเจน“ย่อมเป็นคนของรัชทายาทเล่อซี!”“คนของไอ้ใบ้เยี่ยงนั้นหรือ ใคร...ใครชักศึกเข้าบ้านข้า”เหล่านางกำนัลของมเหสีอี้เหอไร้ความสามารถมาหลายปีแล้ว ด้วยอยู่อย่างสุขสบาย อีกทั้งละเลยสิ่งต่างๆ เพราะละโมบในอำนาจและทรัพย์สิน จึงค่อยๆ ถูกซื้อตัวจากฝ่ายของจ้าวเล่อซีทีละคนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มเหสีอี้เหอรู้ว่ามีคนของจ้าวเล่อซีปะปนอยู่ในวังหลวง บ้างก็เป็นขุนนาง ข้ารับใช้ใกล้ชิด แม้ กระทั่งเหล่าองค์หญิงและองค์ชายซึ่งเกิดจากสนมคนอื่น และคนสูงศักดิ์ที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยศึก“หม่อมฉันขอทูลว่าทั้งหมดเป็นเพราะจักรพรรดิเทียนฉางเปิดทางให้เรื่องนี้สำเร็จโดยง่าย”“เหลวไหล คนขี้ขลาดเช่นนั้นจะกล้าทำเรื่องร้ายแรงต่อข้าได้เยี่ยงไร”“นั่นเป็นเพราะมเหสีมั่นใจเกินไปและหลงคิดว่าฝ่าบาทไร้พิษสง แต่ความจริงจักรพรรดิเทียนฉางไม่เคยอยู่ข้างมเหสีมาตั้งแต่ต้น”มเหสีอี้เหอได้ยินเช่นนั้น ใจพลันเดือดพล่าน นางเขวี้ยงกาน้ำชาหยกเนื้อดีใส่นางกำนัลที่รายงานเรื่องนี้ และฝ่ายนั้นถึงกับสิ้นลมหายใจในทันที! ตำหนักจันทร์ส่องห
ฮูหยินขององค์ชายใบ้ หนึ่งเดือนผ่านไป ความรู้สึกแรกเมื่อม่านซือซือก้าวเข้ามาในตำหนักแห่งนั้น นางตอบตนเองไม่ได้ว่าดีใจหรืออึดอัด และลึกๆ นางกลับหวั่นใจถึงสิ่งที่ยังคาดเดาไม่ได้ เมืองหลวงกว้างใหญ่ผู้คนล้วนแปลกหน้า จิตใจคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คดเคี้ยวลึกลับยากหยั่งถึงและไม่อาจไว้ใจได้ อีกทั้งตำหนักแห่งนี้มิได้มีโฉมงามที่เคียงคู่กับจ้าวเล่อซีเพียงคนเดียว ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่แม่นางเสี่ยวเหยา หากยังมีอีกคนที่มเหสีอี้เหอเตรียมการไว้เพื่อให้อีกฝ่ายนั่งตำแหน่งพระชายาของจ้าวเล่อซี“ท่านแม่...” ฝูเอ๋อร์เรียกนาง และแม่นางน้อยก็ยิ้มประจบจนดวงตาเล็กๆ ยิบหยี และฝูเอ๋อร์ในบ่ายวันนี้ดูเหนื่อยล้าอยู่สักหน่อย การนั่งรถม้าหลายคืนติดต่อกัน ถึงจะได้พักผ่อนตามทางบ้าง แต่อาเฟยก็เข้มงวดหลายสิ่ง คงตั้งแต่จู่ๆ ที่มีชายชุดเขียวโผล่มา เขามีนามว่าตี้หยงชุนซึ่งมีท่าทีพิลึก นอกจากนั้นฝูเอ๋อร์ยังมีอาการไม่สู้หน้าอีกฝ่าย ยามนั้นนางก็กอดม่านซือซือแน่นและยังฝันร้ายติดกันหลายคืน เมื่ออาเฟยให้คนไปสืบเรื่องราวของตี้หยงชุน กลับพบว่าเขาไร้ตัวตนที่แน่ชัด เรื่องนี้ทำให้ ม่านซือซือเครียดอยู่มิน้อย และนางก็ออกปากกับอ
จ้าวเล่อซีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เมื่อรู้ว่าสาวใช้ของเขากลายเป็นแม่เสือร้ายตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเมืองหลวง เขาส่งเสียงหัวเราะห้าวใหญ่ ฟังดูน่ากลัวจนทุกคนที่รับใช้เขาอยู่ในห้องหนังสือขนลุกไปตามๆ กัน“อย่างที่ข้ารายงานคุณชาย ฮูหยินไม่ไว้หน้าคุณหนูเตียวจื่อสักนิด นั่นคงเป็นเพราะนางเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว”‘คงไม่ใช่นางคิดว่าข้าให้ท้ายหรอกนะ’“มิใช่ ข้าเห็นบ่าวรายงานว่าฝ่ายนั้นมาหาเรื่องก่อน และฮูหยินก็ตอบไปตรงๆ ทว่าสิ่งที่นางพูดล้วนทำให้คุณหนูเตียวจื่อแทบเป็นลมล้มพับไป”บุรุษที่สวมหน้ากากชอบใจกว่าเดิม คืนนี้เขาคงต้องตบรางวัลนางหนักๆ เสียหน่อย“แต่คุณชายคงไม่ลืมว่า อย่างไรเสียหากในภายภาคหน้าคุณชายต้องเป็นบิดาของแคว้นชิง ท่านย่อมต้องมีสตรีที่ดูแลวังหลัง”อาเฟยกล่าวขึ้น แต่เรื่องนี้จ้าวเล่อซีหาได้ใส่ใจไม่‘เทียนฉางยังมีอี้เหอเป็นหมากของเขา แล้วข้าเล่าจะหาตัวตลกสักตัวมาตั้งไว้ให้คนกราบไหว้ไม่ได้หรือไง’กล่าวจบเขาก็หัวเราะอีกครั้ง คราวนี้เสียงของจ้าวเล่อซีชวนหลอนยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ม่านซือซือตกใจมากแต่ก็หลุดเสียงร้องได้เพียงครึ่งคำ เพราะริมฝีปากอุ่นๆ ของจ้าวเล่อซีประกบริมฝีปากนางเอาไว้เสียก่อนนาง
ยาดังกล่าวหวังกวงปรุงขึ้นในหมู่บ้านช่างไม้ มันถูกส่งมาที่คฤหาสน์สัตตบงกชโดยคำสั่งของถานปิง“เจ้าคงไม่อยากให้บุตรของเจ้าลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้วต้องกลายเป็นคนบ้าใบ้หรือหูหนวกใช่ไหมเล่อซี” ในอดีตถานปิงเคยเอ่ยกับเขาเช่นนั้น และอธิบายว่าพิษที่อยู่ในตัวเขาสามารถถ่ายทอดถึงลูกหลาน“เจ้าสมสู่กับพวกนางได้ แต่อย่าริรักหรือคิดมีทายาทเลย มันจะเป็นบาปติดตัวเสียเปล่า”‘หากท่านตาประสงค์เช่นนั้น หลานจะทำตาม’“เด็กดี เจ้าเชื่อฟังตาเสมอ”ความที่เขายังเป็นเด็กหนุ่ม จ้าวเล่อซีจึงยอมให้ถานปิงทำลาย เลือดเนื้อเชื้อไขของตน กระทั่งเติบใหญ่จึงพบว่าสตรีที่ต้องกลืนน้ำแกงของหวังกวงหลังจากร่วมหลับนอนกับบุรุษต้องมีสภาพเช่นไร บางคนเกิดประสาทหลอน หรือที่ร้ายแรงกว่านั้นพวกนางต้องป่วยจากผลข้างเคียงเมื่อกินยามากเกินไป สุดท้ายจึงถูกหามศพออกไปทิ้งดังนั้นในคฤหาสน์สัตตบงกชจึงไร้สตรีตั้งครรภ์ แต่ก็ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้จ้าวเล่อซีขัดคำสั่งของถานปิงเมื่อย้อนนึกถึงเรื่องเหล่านั้น จ้าวเล่อซีได้แต่ถอนหายใจ เขายังจำคำเตือนของหวังกวงได้ ม่านซือซือได้รับพิษจนขับเลือดสีดำข้นคลั่กออกมาเมื่อเกือบหน
ช่วงเวลาต่อมา องค์ชายใบ้ก็เหมือนตกอยู่ในบ่วงรัก เขาวนเวียนอยู่ที่เมืองเล็กๆ ใช้เวลายามค่ำคืนลักลอบปีนเข้าไปหาม่านซือซือที่เตียงนอนของนางอย่างบุรุษไร้เกียรติ ทำตัวประหนึ่งจอมโจรราคะในตำนาน ‘ข้าขอเป็นจอมโจรราคะ เพื่อทำให้แม่นางผู้นี้ตกเป็นทาสสวาท นางจะได้รู้ว่าชีวิตนี้ไม่อาจมีชายใดอุ่นเตียงกับนางได้ดีเท่าบุรุษแซ่จ้าว ผู้มีนามว่า เล่อซี’ อาเฟยไม่รู้จะตอบคนเป็นนายอย่างไร เขาได้แต่พยักหน้าตาม ก่อนเห็นว่าจ้าวเล่อซีใช้วิชาตัวเบา แล้วหายลับเข้าไปในเรือนสกุลม่าน อันเป็นวิชาที่เขาสอนอีกฝ่าย และดูเหมือนว่าลูกศิษย์ผู้นี้รุดหน้าไปกว่าเขามากโข ม่านซือซือลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ หมู่นี้นางหิวบ่อยแม้กระทั่งกลางดึกและกระหายน้ำยามค่ำคืน พอสะดุ้งตื่นมักสัมผัสได้ถึงร่างอุ่นๆ ของจ้าวเล่อซีแต่คืนนี้แปลกอยู่สักหน่อย นางลืมตาเพราะอีกฝ่ายกำลังใช้ลิ้นสากๆ โลมเลียส่วนลับของนาง นี่เขาเป็นแมวรึ ไม่ใช่สิ ต้องเป็นเสือร้ายตัวโตถึงจะถูกเรียวลิ้นสากๆ จ้วงแทงอย่างล้ำลึก พอนางตอบรับอย่างเท่าทันด้วยการเกร็งเนื้อนูนฉ่ำชื้น เขาก็ดูด...ดูดแรงๆ จนร่างม่านซือซือสั่นสะท้าน“โอ้ ท่านพี่...”เสียงของนางขาดเป็นห้วงๆ จ้าวเล่อซีชอบเว
เม่าเฉิงเซ่อ (แมวส้ม) ตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งเดือนที่ผ่านมา ฝูเอ๋อร์ตามติดจ้าวเล่อซีแจ และนางมีโอกาสเข้าวังหลวงด้วยแม่นางน้อยกลายเป็นจุดสนใจของเหล่าขุนนางที่อยากประจบสอพลอจ้าวเล่อซี พวกเขาพยายามเข้ามาชื่นชมฝูเอ๋อร์ บ้างก็มอบสิ่งของต่างๆ ให้เด็กหญิง โดยหารู้ไม่ว่าทั้งหมดล้วนเป็นแผนเบี่ยงเบนความสนใจของจ้าวเล่อซี เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามพุ่งเป้าไปหาม่านซือซือที่กำลังตั้งครรภ์ อีกทั้งตอนนี้นางต้องรับมือทั้งเสี่ยวเหยาและว่าที่พระชายาของเขาเตียวจื่อ ซึ่งนับว่าหนักหนาพอแล้ว นอกจากนั้นในภายภาคหน้านางยังมีหลายสิ่งที่ต้องสะสาง ทั้งหมดล้วนเป็นวิบากกรรมของสตรีซึ่งจะต้องก้าวขึ้นเป็นใหญ่เคียงข้างจ้าวเล่อซีผู้ที่จะนั่งบนบัลลังก์มังกรและที่จ้าวเล่อซีพาฝูเอ๋อร์เข้าวังหลวง จุดหมายคือประกาศให้ทุกคนรู้ว่า แม่นางน้อยเป็นบุตรสาวบุญธรรมของเขา และมีศักดิ์เป็นถึง องค์หญิง‘เสี่ยวฝู... ช่างเป็นแม่นางน้อยที่เกิดมาเพื่อเป็นใหญ่!’อาเฟยเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าวอย่างลึกซึ้ง แม้เขาจะไม่แน่ชัดเรื่องชาติกำเนิดนาง แต่เมื่อเจ็ดปีก่อนที่จ้าวเล่อซีได้ช่วยสตรีนางหนึ่งเอาไว้ และในเวลาต่อมานางให้กำเนิดฝูเอ๋อร์ เขาสงสัยอยู
หลอกล่อบุรุษไม่ให้ก้าวออกจากเรือน จ้าวเล่อซีไปส่งฝูเอ๋อร์ที่เรือนของม่านซือซือด้วยตนเอง แม่นางน้อยคุยจ้อไม่หยุดปากและอวดสิ่งที่นางได้เห็น“วังหลวงใหญ่โตยิ่งนัก มีทหาร ขุนนาง และผู้หญิงแต่งตัวแต่งหน้าอวดกัน และข้าเห็นขันทีด้วย พวกเขาสวย สวยจนน่าขนลุก แต่มีบางคนทำให้ข้ากลัว หน้าเหี่ยว ตัวเหม็นฉี่!”“แล้วเจ้าก่อเรื่องให้รัชทายาทต้องปวดหัวหรือไม่เสี่ยวฝู”“ไม่นะท่านแม่ ข้าเป็นเด็กดีและยังได้รับขนมกับมีดสั้นเป็นรางวัลจากจักรพรรดิเทียนฉางด้วย”“มีดสั้น?” ม่านซือซือทวนคำฝูเอ๋อร์ ใจคอนางไม่สู้ดี ของมีคมอันตรายแม่นางน้อยควรครอบครองหรือ“ไม่ต้องห่วงหรอกฮูหยิน มันเป็นอาวุธใช้ฝึกฝนมากกว่าทำร้ายใคร” อาเฟยเป็นคนตอบ กระนั้นม่านซือซือก็หันไปมองคนตัวสูงที่อมยิ้มชอบใจ เมื่อเห็นว่าฝูเอ๋อร์แสดงความปราดเปรียวราวกับเป็นจอมยุทธ์หญิง เรื่องนี้คนที่อยู่เบื้องหลังและให้ท้ายนางคงไม่พ้นจ้าวเล่อซี“ข้าคือองค์หญิงน้อย และยังเป็นจอมยุทธ์หญิงแห่งวังหลวง” ฝูเอ๋อร์ว่าอย่างลำพองใจ“เลือกเอาสักอย่างเถิดเสี่ยวฝู” ม่านซือซือเตือนสติฝูเอ๋อร์แม่นางน้อยทำหน้าคิดไม่ตก ก่อนมองไปทางจ้าวเล่อซีเพื่อขอให้เขาชี้แนะ‘เจ้าเป็นแมวหล
กล่องไม้ของเซี่ยอี๋ ห้าวันผ่านไป จ้าวเล่อซีไม่ได้อยู่ที่ตำหนักจันทร์ส่องหล้า ส่วนม่านซือซือเก็บตัวอยู่ในเรือน นานวันเข้าก็มีอาการเบื่อนางทำขนม ปรุงยา ดูแลสมุนไพร และเย็บผ้าเพื่อเตรียมชุดสำหรับเด็กที่จะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทุกอย่างทำให้ผ่อนคลายและไม่เครียดก็จริง ทว่าเมื่ออยู่ในพื้นที่จำกัด นางก็อยากเดินเล่นเพื่อหย่อนใจและยืดเส้นยืดสาย วันนี้อากาศเย็นสบาย แสงแดดไม่ได้แรง และม่านซือซือเดินเล่นบริเวณสะพานไม้ข้ามลำธารที่ทอดตัวยาวไปถึงด้านหลังของพื้นที่สวนแห่งนี้ ระหว่างที่เพลินตาเพลินใจกับธรรมชาติรอบกาย นางเห็นเตียวจื่อ อีกฝ่ายอยู่ไม่ห่างจากจุดที่นางยืนอยู่ ท่าทางดีใจที่เห็นนางปรากฏตัวเตียวจื่อมาพร้อมสาวใช้เจี้ยนปู่ ทั้งคู่เป็นนายกับบ่าวที่เข้าขากัน และมักคิดร้ายต่อผู้อื่นเป็นประจำ“ฮูหยินดูอารมณ์ดีจนน่าอิจฉา”เตียวจื่อกล่าวทักทาย น้ำเสียงนางเจือด้วยอคติ ทว่าสีหน้าบุตรีเจ้ากรมการปกครองหมองคล้ำไปนิด เส้นเลือดฝอยในดวงตาก็แตกดูน่ากลัวไม่น้อย ซึ่งนางคงมีเรื่องให้กังวลใจ“แล้วแม่นางเตียวเล่า เหตุใดสีหน้าจึงคล้ายคนไม่สบาย”“ฮึ สาเหตุล้วนเป็นเพราะฮูหยินกีดกันไม่ให้รัชทายาทไปที่เรือนข
รูปภาพของหนูพิฆาตดาวเหนือลอยไปอยู่ในมือของบุรุษผู้นั้น เขาอมยิ้มน้อยๆ และออกจะประหลาดใจ“ไม่สมกับเป็นแมวแห่งวังหลวงสักนิด ไล่จับข้าไม่ได้ก็ให้ผู้ใหญ่ออกหน้า นางไม่คิดอายผู้อื่นเลยหรือไร!”เขาว่าแล้วจึงก้าวตรงไปยังถนนหลักของเมืองหลวง ใบหน้างามไม่ได้ปกปิดด้วยสิ่งใดจึงโดดเด่นนักราวกับเทพเซียนชายหนุ่มก้าวต่อไปได้อีกไม่กี่ก้าว เสียงผู้คนก็ดังขึ้น“ต้อนรับท่านเขย แคว้นชิงขอต้อนรับท่านเขย”หลังจากนั้นก็มีการจุดประทัด และเหล่าชายงามออกมาเต้นระบำกลางถนน รอยยิ้มของผู้คนประดับบนใบหน้าของชาวเมือง และเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะดังไม่หยุดฝูเอ๋อร์ยืนอยู่บนระเบียงสูง นางมองมายังบุรุษผู้มาเยือน“ชายงามอย่างเขา จะให้ตกอยู่ในมือผู้อื่นได้อย่างไร”อาเฟยมองเด็กน้อยที่เขาเคยอุ้มชูแล้วหัวเราะ ส่วนเหม่ยหลานได้แต่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วยที่จ้าวเล่อซีกับม่านซือซือหาผู้ชายให้ฝูเอ๋อร์ทั้งทีกลับเลือกวิธีการเอิกเกริกนัก“เขาเป็นใครข้าแทบไม่รู้จัก อยู่ๆ ฝูเอ๋อร์ก็อยากให้มาเป็นสามี” เหม่ยหลานเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้มใจ“แม่นมหลาน ข้าเพียงคิดเชยชมความงามของหนูตัวน้อย”“หนู!” เหม่ยหลานทวนคำฝูเอ๋อร์เสียงดัง พลางมองลงไปจากตรงนี้ก็
ตอนพิเศษสมรสพระราชทานสิบห้าปีผ่านไป เม่าเฉิงเซ่อ คือนามของฝูเอ๋อร์ สตรีที่ยามนี้มีฝีมือหาตัวจับยาก นางได้รับการถ่ายทอดวรยุทธ์จากไท่ซางฮวงเล่อซี และอีกผู้ชี้แนะก็คือเฟยกงกง รวมถึงพิษที่ใช้ในการทำอาวุธลับจากหวังกวง และเหม่ยหลานพยายามเหลือเกินที่จะฝึกให้นางเป็นหญิงงามที่เพียบพร้อม แต่ฝูเอ๋อร์ปฏิเสธ นางอยากเป็นตัวของตัวเอง เรื่องนี้ทำให้ตี้หยงชุนหนักใจ แต่เขาก็ทำสิ่งใดไม่ได้จึงได้แต่ตามใจ พร้อมคอยสอนเรื่องการเป็นหน่วยสอดแนมและวิชาต่างๆ ที่เขารู้ให้นางได้ฝึกฝนและถึงนางยังไม่ได้เป็นอันดับต้นๆ ในใต้หล้า แต่ที่เมืองหลวงนางคือจอมยุทธ์หญิงที่ชื่อเสียงโด่งดังและชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเป็นที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้นางยังได้ซ่งถิงอี้และเสี่ยวเหยาคอยแนะนำหลายสิ่งที่สตรีสมควรรู้ด้วย คืนนี้ หลังจากที่นางแวะไปทักทายเหล่าองค์หญิงและองค์ชาย รวมถึงเดินหมากกับจักรพรรดิไฉ่ซานเป็นเวลาราวๆ หนึ่งชั่วยาม นางก็เริ่มออกทำงานของตน เกือบครึ่งเดือนแล้วที่วังหลวงมีหนู หนูสกปรกลักลอบเข้ามา มันก่อกวนความสงบและแอบขโมยหลายสิ่งไป“พี่หญิง เราเห็นว่าเรื่องนี้ให้องครักษ์จัดการดีหรือไม่”“ฝ่าบาท จะเป็นไปได้อย่างไร หม่อ
จ้าวเล่อซีตรวจฎีกาเป็นประจำ นั่นคืองานหลักของเขา บางคราม่านซือซือคอยอยู่ช่วยงาน ยามนี้องค์ชายน้อยพูดเป็นคำๆ เสียงใสๆ เสมือนช่วยสอนให้คนเป็นพ่อสื่อสารได้ดีขึ้นและเสียงทุ้มต่ำของจ้าวเล่อซีมักจะดังกังวาน แล้วตามด้วยเสียงของไฉ่ซาน“ขะ ข้าจะไปล่าสัตว์!”“ยังไม่ถึงเวลา เจ้าต้องขี่ม้าให้ได้เสียก่อน” จ้าวเล่อซีบอกองค์ชายน้อย ซึ่งตอนนี้เขาเกือบสามขวบแล้ว“มะ ม้า”“ใช่ ฮ่อ ฮี้ ฮ่อ ฮี้ ที่เจ้าชอบอย่างไรเล่า” จ้าวเล่อซีเอ่ยและวางงานตรงหน้า เขาทำท่าควบม้าให้ลูกชายดู จากนั้นเด็กน้อยก็ขอปีนขึ้นหลังเขา แสดงความต้องการให้บิดาเป็นม้าให้เขาขี่“ไฉ่ซานลงมาเดี๋ยวนี้ ไม่สมควรจริงๆ” ม่านซือซือไม่อยากเอ็ดลูกชาย นางต้องการต่อว่าคนเป็นพ่อมากกว่าที่ตามใจเขาอยู่ตลอด“ลูกกำลังฝึกขี่ม้า จะได้ไปล่าสัตว์”“แต่ท่านคือจักรพรรดิเล่อซี หาใช่ม้าให้ไฉ่ซานขี่” ด้วยเกรงความไม่เหมาะสมนางจึงเสียงดังสักหน่อย“ซือซือผ่อนปรนบ้าง ลูกอยากเล่นสนุกเท่านั้น”จ้าวเล่อซีว่า แล้วจึงปล่อยไฉ่ซานลง จากนั้นก็สืบเท้าเข้ามาหาม่านซือซือก่อนยิ้มใส่ตาของนาง“ข้ารู้ หมู่นี้ข้าเอาแต่มุ่งมั่นภารกิจบ้านเมืองเกินไปเสียหน่อยคงทำให้เจ้าที่อยู่วังหลังเ
หยกงามเย้าหยอกบุปผาร่างสูงใหญ่ของจ้าวเล่อซียืนอยู่บนกำแพงเมืองอันเป็นป้อมปราการสูงเด่นและมั่นคง เขาไม่ชอบอยู่ในวังหลวงเท่าใด ทว่าจุดที่เขายืนอยู่นี้เป็นเขาสูง มองเห็นแผ่นดินด้านล่างในมุมกว้าง โดยเฉพาะตำหนักที่ครั้งหนึ่งบิดาเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ข้างใน จักรพรรดิเล่อซี คนทั้งใต้หล้าเรียกขานเขาเช่นนั้น ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ใคร่สนใจตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ นอกจากนั้นยังมีคำพูดมากมายที่หลุดลอดเข้าหูเขา‘ผู้นั่งบัลลังก์มังกรของพวกเราเป็นใบ้เยี่ยงนั้นหรือ’‘เช่นนั้นจะว่าราชการอย่างไร’‘หูได้ยินหรือไม่...ไอ้หยา...เช่นนี้ จักรพรรดิเล่อซีคงมีกรรมหนัก’จ้าวเล่อซีหาได้ใส่ใจต่อเรื่องเหลวไหลเหล่านั้น เขาออกว่าราชการโดยได้รับความช่วยเหลือจากอาเฟยและขุนนางต่างๆ มากมาย ซึ่งล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ของมารดาเขาและอดีตจักรพรรดิอี้คังยามนี้เขายังไม่ได้มีความตั้งใจสละบัลลังก์ กระนั้นก็ไม่ได้บริหารบ้านเมืองเต็มตัว เพียงแค่ทำตามหน้าที่อย่างสมควร และต้องยอมรับว่าอี้เหอชั่วช้าก็จริง เกากงกงก็เป็นคนโลภมุ่งหาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว ทว่าในสิ่งที่พวกเขากระทำเรื่อยมา สวรรค์ยังเมตตาให้แคว้นชิงมีคนดีค้ำจุนบ้านเมือง จ้าวเล่อซีได้อ
มังกรคืนบัลลังก์อี้เหอซ่อนตัวอยู่ในตำหนักของนาง ถึงกุ้ยเฟยฟ่านจิงจะมีคำสั่งให้นางออกเดินทางไปยังอารามบนภูเขาสูงนอกเมือง แต่ก็ไม่ได้เร่งรัดเวลา ประหนึ่งฝ่ายนั้นต้องการให้ทุกคนในวังได้เห็นว่าสตรีที่แสนร้ายกาจ ยามนี้ไม่มีแม้แต่สติจะประคองตน และอาภรณ์สีขาวที่กุ้ยเฟยฟ่านจิงมอบให้นางกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายที่อี้เหอหวาดกลัวจับจิตยามนี้หญิงวัยกลางคนผมขาวโพลนไปทั้งศีรษะอีกทั้งบางส่วนหลุดร่วง นางคอยถามหาเกากงกง แต่อีกฝ่ายหายตัวออกไประยะหนึ่งแล้ว ซึ่งมีคนพบเห็นร่างของขันทีชราที่ไร้ศีรษะ หลายคนคะเนว่าคงเป็นเกากงกงผู้ชั่วช้า เพราะที่ข้อเท้าศพมีรอยสักเป็นชื่อเดิมของอีกฝ่าย“ละ แล้ว ลูกชายข้า มู่จิ้น จักรพรรดิแห่งแคว้นชิงเล่า เหตุใดเขาถึงไม่กลับมา...”อี้เหอเดี๋ยวสติกลับคืนเดี๋ยวทำมันหลุดหาย นางร้องอยู่เช่นนั้นให้คนต้องนึกสงสาร แต่พอคิดถึงสิ่งที่นางกระทำ พร้อมกับการขุดพื้นที่ตำหนักของนางและแปลงดอกไม้รวมถึงสระเลี้ยงปลาหลายแห่ง ก็พบโครงกระดูกมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้สายตาคนที่มองอี้เหอเปลี่ยนไปถึงนางไม่ได้ถูกจับเข้าไปรับโทษในคุกหลวง แต่อยู่กับความกลัวและทุกข์จากการกินไม่ได้นอนไม่หลับ ดังนั้นนางจึงร้องขอส
ร่างหนาของเขาสั่นสะท้าน เจ็บปวด เสียวซ่าน และคลั่งไคล้ในรสสวาทเกินหยั่งถึงนิ้วเรียวสวยจับเหล็กสวนแท่งหยกของเขาแล้วดึงออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มคำรามเสียงดังราวกับสัตว์ป่าจ้าวเล่อซีสั่นไปทั้งร่าง เมื่อครู่เขาเกือบหลั่งออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ แต่ม่านซือซือไม่ยอมรามือง่ายๆ นางมองไปที่แก่นกายเขาที่ถูกมัดเอาไว้ ก่อนจับชัก ชักรัวแรงอย่างไร้ความปรานี “อ่า...อะ...อ่า...” ชายหนุ่มส่งเสียงต่ำๆ ติดกัน ความอุ่นร้อนลวกมือทำให้ม่านซือซือรัญจวนใจ ยิ่งนางเร่งการเคลื่อนไหวข้อมือมากเท่าใด ความแข็งขันของเขาก็เต้นตุบๆ ในอุ้งมือนุ่มนิ่มมากเท่านั้นกระทั่งเขาเจียนปลดปล่อย ม่านซือซือจึงหยุด แล้วบีบที่ไข่คู่แฝดเขาจ้าวเล่อซีทั้งจุกทั้งหัวเสียอย่างหนัก เขาดิ้นปัดไปมา แสดงความต้องการให้นางจับจูงพาเขาสู่ปลายทางสวรรค์เสียในตอนนี้“ท่านยอมแพ้แล้วรึ”นางถามอย่างยั่วแหย่ จากนั้นจึงหยุดใช้มือกับความยิ่งใหญ่ของบุรุษ และปลายลิ้นเรียวของนางโลมเลียปลายหัวหยัก ทั้งเย้าหยอก ดูดแรงๆ จนเกิดเสียงดังเพื่อกระตุ้นให้จ้าวเล่อซีหลั่งยามนั้น ทั้งมือทั้งปากของนางเล่นสนุกกับชายหนุ่มอย่างถึงอกถึงใจ“ปะ ปล่อ
หญิงสาวมองใบหน้าคมคาย มองแล้วนางจึงใช้ปลายแหลมของมีดสั้นไล้ไปตามแก้ม ริมฝีปากบาง และปลายคางที่มีเคราเขียวครึ้ม“ท่านคือโจรราคะ...” นางถามเขาเสียงหวานจ้าวเล่อซีครางเสียงประหลาดๆ ของเขาเป็นการปฏิเสธ“มิใช่ แล้วเหตุใดแท่งหยกของท่านในร่มผ้าถึงได้พองราวกับพวกวิปริต ถูกโซ่ล่ามเอาไว้แท้ๆ กลับมีตัณหา อย่างคนหน้าไม่อาย”ม่านซือซือว่าแล้วก็เริ่มสนุก เมื่อรู้ว่าตนกำลังจะเป็นฝ่ายควบคุมจ้าวเล่อซีสักครั้ง“รัชทายาท ท่าน...ยอมรับมาเสียดีๆ ท่านวางแผนให้ข้าเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์สัตตบงกชใช่หรือไม่...”จ้าวเล่อซีหัวเราะเสียงดังหึๆๆ น้ำเสียงเขาเย้ายั่วนางยิ่งนัก“และไม่ใช่เพียงแค่สตรีโฉมงามผู้นี้ อีกหลายชีวิตท่านก็สร้างเรื่องให้พวกนางต้องเป็นสาวใช้ของท่าน เพื่อทำงานเสี่ยงอันตรายมากมายบ้างก็ส่งไปเป็นมือสังหารหรือบำเรอกามให้ชายชั่ว”ริมฝีปากบางยกยิ้ม ยิ้มเขาทั้งหล่อเหลาและร้ายกาจ“ท่านเป็นบุรุษที่หน้าซื่อใจคด หลอกล่อผู้อื่น เช่นนี้ควรได้รับโทษสถานหนัก”จากนั้น มีดสั้นของนางจึงจัดการเสื้อผ้าของจ้าวเล่อซี นางตัดเสื้อเขาออก และกางเกงถูกกรีดให้เป็นริ้วๆ ก่อนจะเริ่มฉีกมันด้วยสองมือเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดฟังแล้วชวนให
แก้เผ็ดสามี จ้าวเล่อซีนิ่งขรึมตลอดระยะเวลา ที่เดินทางมาหานางอันเป็นที่รัก สงครามทำให้เขาเปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยอยู่ในสนามรบ แต่การศึกและต้องห้ำหั่นหลายคนที่เขารู้จักจนเสียเลือดเสียเนื้อ แล้วส่งลูกเมียคนเหล่านั้นไปใช้ชีวิตในพื้นที่ทุรกันดาร ทำให้จ้าวเล่อซีมีความเครียดสะสม บางคืนเขาฝันร้าย พอตื่นขึ้นมาก็เหม่อลอย เมื่อเขานึกถึงคำพูดของถานปิง อีกฝ่ายถูกปลูกฝังว่าห้ามรักสตรีนางใด นอกจากนั้นเขาจะมีบุตรไม่ได้เนื่องจากพิษที่อยู่ในร่างกายเขาอาจส่งผลถึงทายาท แต่หลายสิ่งที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายมันคือคำลวง!ยามนี้ เบื้องหน้าเขาคือเด็กทารกร่างอวบผิวขาวอมชมพูที่ใบหน้างดงามดั่งมารดา หากมีแท่งหยกน้อยๆ อันประจักษ์แจ้งต่อทุกสายตาว่าเขาสมชายชาตรี ซึ่งทำให้เขาอดภูมิใจไม่ได้เมื่ออ๋องน้อยเห็นหน้าเขาก็ร้อง ร้องเสียงดังราวกับกลัว คนแปลกหน้า ม่านซือซือทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ เรื่องที่นางกังวลใจนับว่ามีความคิดโง่เขลา“คราแรกภรรยากลัวเหลือเกิน... เมื่อคลอดอ๋องน้อย เขาไม่มีเสียงร้องสักแอะ”ม่านซือซือเอ่ยถึงเหตุการณ์ในวันนั้น หัวใจนางหล่นหายและคิดว่าคงเป็นบาปกรรมของตน ถึง
เมื่อเหม่ยหลานเอ่ยจบ นายกองและแม่ทัพหลายคนก็รู้สึกตัวว่ามีอาวุธแหลมคมจ่อที่ลำคอพวกเขา ซึ่งทหารเหล่านี้ไม่ทันเฉลียวใจด้วยซ้ำว่ามีมือสังหารลอบปะปนเข้ามาในกลุ่มของพวกตนตั้งแต่เมื่อใด “พวกเจ้าใช้วิธีชั้นต่ำเช่นนี้ คิดหรือว่าจะเอาชนะกองกำลังอันแข็งแกร่งของข้าได้” แม่ทัพถานปิงเอ่ย และคนที่ตอบคือบุรุษที่องอาจสง่างามแต่แรกจ้าวเล่อซีไม่ได้ต้องการบีบบังคับถานปิง อย่างไรอีกฝ่ายก็มีศักดิ์เป็นตาของเขา ทว่าอีกด้านหนึ่งที่เขารับรู้ ชายสูงวัยผมหงอกผู้จับดาบฆ่าคนมาชั่วชีวิตมีจิตใจอำมหิต ฆ่าได้แม้กระทั่งภรรยาและลูกของตน รวมถึงพยายามหลอกใช้เขาเรื่อยมา และเขาในยามนั้น เพื่อความอยู่รอดจำเป็นต้องแสร้งตกเป็นเครื่องมือของอีกฝ่าย เป็นองค์ชายใบ้ผู้คลั่งรักบ้าตัณหา กระทั่งเขาได้พบกับมารดาฝูเอ๋อร์ นางเป็นสตรีที่ควรมีชีวิตสุขสบายได้เป็นฮูหยินของบุรุษที่คู่ควรกับนาง ทว่านางถูกส่งตัวมายังคฤหาสน์สัตตบงกชในช่วงที่กำลังเดินทางไปเป็นเจ้าสาวของสกุลคหบดี‘ท่านตา... กำแพงเมืองนี้ บิดาข้าต้องสังเวยชีวิต ถูกแยกร่างและเสียบศีรษะประจานให้เสื่อมเสียเกียรติ’“ฮ่าๆๆ แล้วอย่างไร คนที่ทำก็คือเกากงกงกับนางแพศยาอี้เหอ”‘แต่แรกหลาน