กู้อวิ๋นเวยยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ ก่อนหน้านี้ที่ซวงซวงหลงใหลฉู่อ๋อง นางกลับคิดหาหนทางวางแผนช่วยเหลือ หวังเพียงให้ลูกสาวสามารถเกาะกิ่งไม้สูงได้ ใครจะคาดคิดว่าสุดท้ายแล้วจะตกลงปลงใจไปกับหลินจือเยว่ นี่เพิ่งแต่งงานก็ถูกขังคุกแล้ว หลินจือเยว่เองก็เสียตำแหน่งถูกคนเย้ยหยัน แม้แต่นางวันนี้ก็ไม่มีหน้าให้ออกจากจวนแล้วนายท่านคิดว่าอยู่ในราชสำนักไปก็ขายหน้า จึงปฏิบัติต่อนางไม่ดี นางเองก็ทำได้เพียงอดทนไว้เดิมทีหลินจือเยว่ก็ถูกฉินซวงซวงพาลทำให้เดือดร้อน แต่คิดถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยอมอดทน ใครจะคาดคิดว่ากลับถูกแม่ยายหาเรื่องกลับ บริภาษเขาว่าไม่มีความสามารถเช่นนี้?“ท่านแม่ เรื่องนี้หากซวงซวงไม่เชื่อนักต้มตุ๋นผู้นั้น หลอกลวงราชครูสวี อีกทั้งยังทำร้ายสกุลซ่ง เรื่องก็คงไม่เป็นเช่นนี้ ไฉนเลยจะโทษข้าไปเสียทุกเรื่องได้?” หลินจือเยว่อธิบายอย่างมิอาจหักใจ“ซวงซวงทำเช่นนี้ยังไม่ใช่เพื่อเจ้าอีกหรือ? หวังผูกไมตรีกับฮูหยินสวีผ่านผู้มีวิชา นางวางแผนคิดแทนเจ้า หากเจ้ามีความสามารถจริง นางก็ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก หรือก่อนหน้านี้เจ้าจะทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยจริงๆ?” สุ้มเสียงของกู้อวิ๋นเวยคมกริบ พู
หลินจือเยว่ได้ยินเสียงตวาดของแม่ทัพฉิน ทุกประโยคล้วนทำให้เขาอับอายก่อนนี้ยามแต่งงาน แม้แม่ทัพฉินจะบ่นตำหนิ ไม่พอใจที่ทำให้ซวงซวงเป็นได้เพียงภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกัน แต่อย่างน้อยก็นับว่าเกรงใจ ทว่าบัดนี้เขาถูกซวงซวงพาลทำให้เดือดร้อนจนเสียตำแหน่ง แม่ทัพฉินไม่เพียงไม่รู้สึกผิด ตรงกันข้ามยังโยนความผิดทั้งหมดมาที่เขา!“ซวงซวงต้องติดคุกก็เพราะเจ้า หากเจ้าเป็นบุรุษคนหนึ่งก็ต้องหาทางช่วยนางออกมา ส่วนแปดล้านตำลึงนี้ เจ้าไปหาทางชดใช้ด้วยตนเองเถิด”แม่ทัพฉินทิ้งไว้เพียงสองประโยคก็หมุนตัวจากไปอย่างรังเกียจ กู้อวิ๋นเวยรีบไล่ตามไปด้วยสายตาไม่พอใจหลินจือเยว่ยืนอึ้งงันอยู่กับที่ ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นเจือไออำมหิตแรงกล้า สายลมพัดพาเสียงเย้ยหยันของทั้งสองคนเข้ามา“ช่างน่าอับอายขายหน้าโดยแท้ ยืมเงินยังต้องมายืมพ่อตา!”“เขากับแม่ของเขามีความสามารถใช้จ่ายเงินแปดล้านตำลึงภายในสองปี หรือไม่เคยคิดจะคืนเลย? เจ้าเองก็สายตาไม่ดี ยกลูกสาวให้คนเช่นนี้ บัดนี้เดือดร้อนมาถึงข้าจนไม่มีหน้าออกจากจวนแล้ว!”“นายท่าน นี่...ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ครั้งนี้หลินจือเยว่กลับมามีสง่าราศีเพียงนั้น ใครจะคาดคิดว่าทั้งหม
“หลินจือเยว่ หากไม่ใช่เพราะแม่ทัพซ่งเห็นเจ้าเป็นเขยจึงเลื่อนขั้นให้ เจ้าตัวไร้ประโยชน์พรรค์นี้ยังสามารถสร้างความดีความชอบในสนามรบได้อีกหรือ? ความดีความชอบทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของแม่ทัพซ่ง! เดรัจฉานเจ้าคนนี้ยังเทียบสัตว์ร้ายไม่ได้! ยังมีหน้าโอหังต่อหน้าพวกเราอยู่อีกหรือ!”“เจ้ายึดเอาความดีความชอบของแม่ทัพซ่งไป ให้แม่นางซ่งดูแลงานในเรือนเพื่อเจ้า กลับสานสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฉินซวงซวงนางหญิงใจดำอำมหิตดุจอสรพิษพรรค์นี้อยู่ที่ชายแดน หันหลังให้คุณธรรม ไร้ยางอายเหลือหลาย ถึงขั้นยังมีหน้าว่าพวกเราอีกกระนั้นรึ?”“แม่นางซ่งโชคดีได้ถอนหมั้นกับเจ้า เจ้าคนอ้างคุณธรรมมโนธรรมเต็มปาก แท้จริงแล้วเป็นคนเลวทรามต่ำช้ามิคู่ควรครองคู่กับนาง!”หลินจือเยว่โมโหจวนเจียนจะระเบิดเต็มที อกกระเพื่อมขึ้นลง กลับดึงสติกลับมาได้ในทันใด “มิใช่ว่าเจ้าชอบรั่วเจิน ถึงเห็นข้าเสียอำนาจก็รีบเข้ามาเหยียบย่ำอย่างมิอาจอดรนทนไหวหรอกหรือ น่าเสียดายภายในหัวใจนางมีเพียงข้า เดิมทีก็ไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา!”ขณะซ่งรั่วเจินเดินออกจากร้านขายเครื่องประดับฝั่งตรงข้ามก็เห็นภาพนี้“คุณหนู ท่านหลินป๋อทำเลยเถิดเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าท่านถอนหมั
หลินจือเยว่ตกตะลึงหน้าถอดสี รีบทำความเคารพ “ฉู่อ๋อง กระหม่อมมิใช่ไม่พอใจ นี่ล้วนเป็นรั่วเจินจงใจฝืนเพิ่มความผิดให้กระหม่อม ท่านอ๋องอย่าได้เข้าใจผิด”“อ้อ? ข้ากลับคิดว่าแม่นางซ่งพูดได้มีเหตุผล”“ก่อนนี้ยามเจ้ากลับเข้าราชสำนัก เสด็จพ่อรู้ว่าเจ้าต้องการสู่ขอแม่นางซ่งยังเอ่ยปากชื่นชม แต่เจ้าหน้าไหว้หลังหลอก รับภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกันเข้ามาในวันเดียวกัน เป็นเจ้าผิดหลักคุณธรรมก่อน บัดนี้กลับโยนความผิดลงบนตัวแม่นางซ่งหรือ?”“กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมเพียงพูดโดยไม่ยั้งคิด ยังหวังว่าท่านอ๋องจะมีเมตตา”หลินจือเยว่ตกใจจนเหงื่อเย็นไหล สาปแช่งภายในใจอย่างอดไม่ได้ แต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ชอบสอดมือเข้ามาในราชสำนัก ทว่าเมื่อวานเป็นฝ่ายช่วยซ่งจืออวี้พูดก่อน วันนี้ยังปกป้องซ่งรั่วเจินอีก ตกลงเพื่ออันใดกันแน่?“เจ้าทำผิดต่อแม่นางซ่งต่างหาก”ฉู่จวินถิงเอ่ยเสียงเรียบ สายตาสบมองคนตรงหน้า นางสวมชุดกระโปรงยาวสีชาด ขับเน้นผิวสีหยกจนเจือสีแดงเข้มราง ๆ ใบหน้างดงามพริ้มเพราผัดเพียงแป้งก็งดงามเป็นอันดับหนึ่งแม้เมื่อครู่มีท่าทางฝีปากคมคาย ก็ยังชวนให้คนมิอาจละสายตาไปได้ดังเดิม ยิ่งเพิ่มแรงดึงดูดสายหนึ่งซ่งรั่ว
ฉู่จวินถิงเองก็รู้เสน่ห์ของตน เห็นซ่งรั่วเจินบอกลาสองประโยคก็หมุนกายจากไป ถึงขั้นไม่มีความคิดอยู่สนทนามากเกินจำเป็นกับเขาเลยสักเศษเสี้ยว จึงเอ่ยปากอย่างสุดระงับ“แม่นางซ่งโปรดยั้งฝีเท้าด้วย”เขาสาวเท้าไล่ตามไปในบริเวณห่างออกไปไม่ไกล ฉู่อวิ๋นกุยมองพี่สามที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใกล้ชิดกับสตรีกำลังเร่งรุดไล่ตามไป ตกตะลึงอย่างสุดระงับ “ข้าก็ว่าแล้วพี่สามปฏิบัติต่อแม่นางซ่งไม่เหมือนผู้อื่น ในเวลาปกติเคยเห็นเขาเป็นฝ่ายไปสนทนากับหญิงสาวหรือไม่เล่า?”“ท่านอ๋อง มิสู้ท่านไปดู?” บ่าวรับใช้ตัวน้อยเอ่ยถาม“โอกาสดีได้อยู่เพียงลำพังนี้ ข้าจะไปทำอันใด? หากทำพี่สามหมดสนุก คนซวยก็คือข้า!”ฉู่อวิ๋นกุยโบกพัด สีหน้าภาคภูมิใจ “เจ้าอย่าพูดไปเลย แม่นางซ่งรูปโฉมงดงามดุจจันทรา นับว่าเหมาะสมกับพี่สาม ก็แค่นางคล้ายไม่สนใจพี่สาม นี่ไม่น่าสนใจหรือ?”ซ่งรั่วเจินชะงักฝีเท้าอย่างสงสัย “ท่านอ๋องยังมีธุระหรือ?”“ข้ามีเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากเจ้า สามารถให้เกียรติไปดื่มชากับข้าได้หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินนึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงเวลาฝังเข็มให้พี่รองของตนแล้ว น่ากลัวว่าไม่สามารถเสียเวลาได้ ทำได้เพียงปฏิเสธ“ขออภัย หม่อมฉันยังม
งานเลี้ยงนับญาติ ณ สกุลสวี ยามซ่งรั่วเจินกับหลิ่วหรูเยียนมาถึง จวนสกุลสวีครื้นเครงไม่ธรรมดา ราชครูสวีมีตำแหน่งสูงภายในราชสำนัก ลูกสาวที่หายไปก็กลับสู่วงศ์ตระกูลได้ในที่สุด ชนชั้นสูงทั่วทั้งเมืองหลวงแทบจะมาทั้งหมดแล้วบ่าวรับใช้เดินขวักไขว่ไปมา เพื่อเตรียมโต๊ะงานเลี้ยงจึงยุ่งวุ่นวายมาก บ่าวน้อยนำทางแขกเข้าจวนทุกทิศทาง“รั่วเจิน!”เสียงคุ้นหูเจือความดีใจเสียงหนึ่งดังขึ้น แขนของซ่งรั่วเจินถูกคล้องไว้แล้ว เผชิญหน้ากับรอยยิ้มมีความสุข“ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าแล้ว ออกจากเมืองหลวงแค่ครึ่งเดือน คิดไม่ถึงเกิดเรื่องมากเพียงนี้ เดิมทีข้าวางแผนไปหาเจ้าที่จวน ต่อมาได้ยินท่านแม่พูดว่าวันนี้เจ้าเองก็มาเข้าร่วมงานเลี้ยงนับญาติของสกุลสวีด้วย ก็เลยมาหาเจ้าที่นี่”“เนี่ยนชู ในที่สุดเจ้าก็กลับมาจากเยี่ยมญาติแล้ว”เนตรขนงซ่งรั่วเจินเจือรอยยิ้ม อวิ๋นเนี่ยนชูเป็นสหายสนิทที่เติบโตมาพร้อมเจ้าของร่างเดิมตั้งแต่เด็ก สนิทสนมแนบแน่น บังเอิญกลับไปเยี่ยมญาติเมื่อครึ่งเดือนก่อน นี่ถึงได้พบกันในวันนี้นางจำในนิยายได้ เจ้าของร่างเดิมถูกสกุลหลินรังแก อวิ๋นเนี่ยนชูมาอยู่เป็นเพื่อนนางบ่อย ๆ คอยปลอบใจนางหลังเจ้าข
“คิดไม่ถึงแม่นางซ่งอายุยังน้อย ถึงขั้นมองอุบายต้มตุ๋นของผู้มีวิชาออก เมื่อนั้นข้าเองก็เกือบถูกหลอก ต้องขอบคุณแม่นางซ่งมาก”สวีเยว่เอ๋อร์มาพร้อมชายอีกหนึ่งคน ได้เห็นซ่งรั่วเจินก็รู้สึกสนิทสนมมากเป็นพิเศษ“รั่วเจิน เจ้ามาแล้วดีเหลือเกิน ก่อนนี้ได้ยินเรื่องความชอบของเจ้า ตั้งใจซื้อของหวานผลไม้ที่เจ้าชอบมาจากร้านอวิ๋นหย่าเป็นพิเศษ อีกเดี๋ยวไปชิมดีหรือไม่?”“ได้เลย” ซ่งรั่วเจินพยักหน้ารับคำ“เฮ่ออัน นี่ก็คือรั่วเจิน ต้องขอบคุณนางพวกเราถึงหาน้องหญิงของเจ้าพบ” สวีรั่วหลานยิ้มแย้มเอ่ยปากแนะนำ “รั่วเจิน นี่คือลูกชายข้าเฮ่ออัน”ซ่งรั่วเจินมองชายหนุ่มตรงหน้า เห็นเขาสวมชุดผ้าไหมสีขาว รูปร่างสูงใหญ่ ยังห้อยหยกหยางจือหนึ่งชิ้นที่เอว รัศมีโดดเด่นใบหน้าหล่อเหลาเปล่งประกายหยักยิ้มสุภาพอ่อนโยน บนตัวไม่มีไอเย็นแม้แต่น้อย เห็นชัดว่าเป็นคุณชายสง่างามใสสะอาดท่านหนึ่ง“ขอบคุณแม่นางซ่งมากที่ช่วยเหลือ ข้าคนสกุลสวีมีวาสนาแล้ว”ภายในสายตาสวีเฮ่ออันสะท้อนแววตกตะลึงวูบหนึ่งเรื่องซ่งรั่วเจินถอนหมั้นเอะอะเอิกเกริกไปทั่ว เขาได้ยินข่าวตั้งแต่แรกแล้ว ได้ยินท่านแม่ชื่นชมนางงดงามดุจจันทรา กลับไม่เคยพบหน้ามาก่อ
“ซวงซวงเองก็ถูกผู้มีวิชาหลอก มิได้ตั้งใจ เหตุใดแม่นางซ่งต้องว่าร้ายไปทุกที่ด้วยเล่า?”“ให้ข้าพูด เดิมทีเจ้าก็ไม่รู้วิชาเต๋า ก็เพียงจับพลัดจับผลูช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวพบเท่านั้น นี่ก็โอ้อวดโอหังเพียงนี้ ช่างน่าขันเกินไปแล้ว!”เหอเซียงหนิงมองทางทุกคน เอ่ยเตือน “ทุกท่านคงมิได้ลืมไปแล้วหรอกกระมัง?”“ครั้งก่อนในงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวา ซ่งรั่วเจินยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินทั้งสองท่านของบ้านใหญ่และบ้านรองสกุลต่ง ยังพูดว่าคุณชายน้อยต่งถูกอาสะใภ้ฆ่าตาย นำพาให้ความสัมพันธ์ของสกุลต่งบ้านแตกสาแหรกขาด ฮูหยินรองสกุลต่งเสียใจหนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา!”“ให้ข้าพูด ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่าซวงซวงร้อยเท่า! ซวงซวงมิได้ตั้งใจ แต่นางกลับทำเพราะมีเจตนา”“ข้าชี้แนะทุกท่านยังอยู่ให้ห่างจากคนเช่นนี้สักหน่อย หาไม่แล้วใครรู้เล่าว่าจะสร้างเรื่องอันใดออกมาอีก?”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนก็นึกถึงข่าวลือสกุลต่ง อย่างไรเสียวันนั้นก็โวยวายไม่งามตามาก“ข้าได้ยินมาว่าคืนวันนั้นสวี่อิ๋งเฉียวกับสามีเร่งรุดไปเมืองซีอวิ๋น จนกระทั่งวันนี้ยังไม่ได้รับข่าวส่งกลับมา ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็
เดิมทีฉู่เทียนเช่อก็ไม่พอใจที่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เฝ้าหวังเพียงมาขอความช่วยเหลือจากฉู่จวินถิง ด้วยความสามารถของเขาย่อมสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้บัดนี้ได้ยินคำพูดของสองพี่น้องสกุลซ่ง นี่จึงพูด “แม่นางหลิง เป้าหมายในการมาครั้งนี้ของจวินถิงและราชครูกู้คือจัดการปัญหาอุทกภัย ช่วยเหลือราษฎร พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ข้าจะพาคนฝีมือดีไปช่วยเจ้าตามหาเอง”“จวินถิง เจ้า...”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยังไม่ตัดใจดังเดิม ฉู่จวินถิงกลับเอ่ยตัดบทคำพูดของนาง “ความปลอดภัยของพี่ใหญ่เจ้าและความปลอดภัยของราษฎรมากมาย หนักเบาเยี่ยงไร เจ้าน่าจะรู้ดี”ถ้อยคำนี้ยับยั้งคำพูดของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เอาไว้แล้ว ต่อให้ไม่ยินยอมก็ต้องรับปาก“น้องสาม เจ้าจัดการสถานการณ์เป็นเช่นไรแล้ว?” ฉู่เทียนเช่อเอ่ยถามหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เองก็เอ่ยปาก “ข้าได้ยินมาว่าวันนี้พวกเจ้าเริ่มแจกจ่ายโจ๊ก เช่นนั้นเมืองผิงหยางจะทำเช่นไร?”“มีราษฎรที่ใดบ้างไม่ใช่ราษฎร? ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของเมืองไห่เทียนส่วนหนึ่งก่อน พวกเราใกล้จะไปเมืองผิงหยางแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยดูสถานการณ์” ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นได้ยินดังนั้น ฉู่เทียนเช่อคิดเพียงว่าฉู่จวินถิงช่าง
คิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิวของซ่งรั่วเจินขมวดแน่น คนผู้นี้ลึกลับถึงเพียงนี้ จัดการทุกเรื่องอย่างระมัดระวัง ไม่สามารถหาสิ่งของที่สามารถบ่งบอกฐานะพบหากเอาแต่เฝ้ารออยู่ที่นี่ น่ากลัวว่าไม่รู้จะต้องรอจนถึงยามใด หากมีสิ่งที่คนผู้นี้ทิ้งไว้ นางกลับสามารถใช้สิ่งของตามหาคนได้อย่างไรเสีย ไม่มีเวลาตกฟากทำนองนี้ก็ช่างเถอะ อีกทั้งยังไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ แม้แต่ของใช้จำเป็นในชีวิตก็ไม่มี ยากจะทำนายออกมาโดยอาศัยเพียงความว่างเปล่าได้ว่าคนผู้นี้เป็นใครหัวหน้าตระกูลเจียงใคร่ครวญครู่หนึ่ง ทันใดนั้นพูดขึ้น “ครั้งก่อนเขาโยนผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดหนึ่งผืนทิ้ง บ่าวในเรือนข้าบังเอิญเก็บได้ ข้าไม่ได้ทิ้ง!”ตอนนั้นเขาเองก็อยากหาเบาะแสบางอย่างจากผ้าเช็ดหน้านี้ ทว่าน่าเสียดายเป็นเพียงผ้าเช็ดหน้าธรรมดา ไม่มีอันใดพิเศษ แต่เขายังเก็บรักษาไว้ดวงตาซ่งรั่วเจินทอประกาย “รีบไปหยิบมาเร็วเข้า”จากนั้นผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดมาถึงมือ สีหน้าซ่งรั่วเจินมั่นใจอย่างมาก นางสบตาฉู่จวินถิงแวบหนึ่ง ฝ่ายหลังเข้าใจในทันใด “ไปเถอะ พวกเรากลับกัน”ฉู่จวินถิงทิ้งคนไว้เฝ้าพวกหัวหน้าตระกูลเจียง สั่งให้พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่มีอันใดเกิดขึ
ดังคาด แม่นางที่ท่านอ๋องชอบไม่ใช่คนธรรมดา!ขณะกำลังพูดอยู่นั้น อวิ๋นหยางตามมาแล้ว “แม่นางซ่ง ท่านอ๋องเชิญท่านกลับไปขอรับ”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ ดีดนิ้วทีหนึ่ง ทั้งสองคนตรงหน้าเองก็ได้สติกลับมาแล้วทันใดนั้น ทั้งสองคนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาล้วนพูดออกมาแล้ว ตกตะลึงยิ่งขึ้นภายในใจ แม่นางคนนี้ช่างน่ากลัวโดยแท้!“พวกท่านเองก็ไปกับข้าด้วย” ซ่งรั่วเจินพูดภายใต้การนำทางของอวิ๋นหยาง ซ่งรั่วเจินพบว่าทางที่ไปไม่ใช่ลานบ้านส่วนหน้า แต่เป็นอีกแห่งหนึ่งฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินพาอีกสองคนมาด้วย เลิกคิ้วคมขึ้น “เจ้าหาพบแล้ว?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “พวกเขาสองคนเคยปรึกษากับหัวหน้าตระกูลเจียงเรื่องหนทางแก้ไขมาก่อน ทีแรกคิดหนีไปตอนท่านสอบสวน บังเอิญถูกหม่อมฉันพบเข้า”“ดูท่าแล้ว เจ้าเองก็ถามบางอย่างออกมาได้แล้ว?”ฉู่จวินถิงมองผ่านสีหน้าของซ่งรั่วเจินก็สามารถรู้ได้ พวกเขารู้จักกันมานานถึงเพียงนี้ รู้นิสัยเล็กๆ ของนางดีท่าทีที่แสดงออกในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังภาคภูมิใจหลายส่วน“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ” ซ่งรั่วเจินยิ้มกว้าง “พวกเขาสองคนเป็นเพียงลูกสมุนตัวเล็กๆ หัวหน้าตระกูลเจียงต่างหากที่รู
“ฟังไม่เข้าใจ?”ซ่งรั่วเจินยกมุมปากน้อยๆ “ตอนพวกท่านใช้ไอมรณะข่มขู่นายอำเภอจ้าว พวกท่านน่าจะรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรกระมัง? อยากสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเองดูหรือไม่?”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกไป สีหน้าทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป “ไอมรณะ?”ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น ไอมรณะกลุ่มหนึ่งก็ไหลออกมาจากฝ่ามือ ใช้กลอุบายเพียงเล็กน้อย ทำให้ทั้งสองได้เห็นไอสีดำสายหนึ่ง“แท้จริงแล้วความรู้สึกยามไอมรณะเข้าสู่ร่างกายนั้น คนไม่เคยสัมผัสมาก่อนย่อมไม่รู้ ในเมื่อพวกท่านชมชอบใช้ไอมรณะถึงเพียงนี้ ก็สมควรลองดูด้วยตนเองสักรอบ”“ไม่ ไม่ พวกเราไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ!”หัวหน้าตระกูลหลี่ขยับถอยหลังอย่างหวาดกลัว ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นความน่ากลัวของไอมรณะมาก่อน ลูกสาวของจ้าวชิงหยวนก็ตายเพราะสาเหตุนี้ พวกเขาล้วนเห็นสภาพน่าสยดสยองตอนตายอยู่ภายในสายตา ชวนให้คนประหวั่นพรั่นพรึงโดยแท้!บัดนี้ แม่นางตรงหน้าถึงขั้นสามารถควบคุมไอมรณะได้ นั่นไม่เหมือนกับที่พวกเขาได้เห็นก่อนหน้านี้หรอกหรือ?“เช่นนั้นก็สงบเสงี่ยมสักหน่อย รีบพูดออกมา!”ซ่งรั่วเจินกวาดตามองสองคนตรงหน้า เดิมทีมองไม่เห็นความพิเศษอันใด แต่ได้เ
รูม่านตาหัวหน้าตระกูลเจียงหดลง ฉู่อ๋องถึงขั้นรู้!ต่อให้เป็นจ้าวชิงหยวน จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตกลงสาเหตุคืออันใด ทว่าวันนี้ฉู่อ๋องเพิ่งมาถึงก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อม...”เจียงฮูหยินและลูกๆ ล้วนตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านอ๋องมาแล้วจึงต้องการชีวิตพวกเขาทั้งหมด!“นายท่าน ท่านรีบพูดสิ! หรืออยากให้พวกเราต้องตายทั้งตระกูลเจ้าคะ?” เจียงฮูหยินร้อนใจตอนนี้เอง ฉู่จวินถิงเดินมาหยุดข้างกายซ่งรั่วเจิน เอ่ยปากเสียงนุ่มนวล “เจ้าไปเดินเล่นก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า”ซ่งรั่วเจินชะงักเบาๆ สายตาเลื่อนตกลงบนตัวทุกคนในตระกูลเจียงก็เข้าใจขึ้นมาหลายส่วน คาดว่าภาพต่อจากนี้ไม่เหมาะให้นางเห็น พยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง“เพคะ”หลังฝ่ายหญิงจากไป ฉู่จวินถิงหันหน้ากลับมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาดำดุจหมึกคู่นั้นเปี่ยมไออำมหิต เขายืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม คล้ายราชามารก็มิปานชวนให้คนอกสั่นขวัญแขวน“เดิมทีข้าก็ไม่มีความอดทนมากอยู่แล้ว” ฉู่จวินถิงเหล่มอง “อวิ๋นหยาง”อวิ๋นหยางดึงกระบี่ออก วางพาดบนชายคนหนึ่ง ก็คือคุณชายใหญ่สกุลเจียงไม่ฟังความคนนั้น“ฆ่า!”อวิ๋นหยางฟันลงไปอย่างไม่ลังเล
“ตอนนี้มองดูแล้วที่นี่ไม่มีอันใดไม่เหมาะสม” ซ่งรั่วเจินเอ่ยขึ้น “ไม่มีไอมรณะ ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้สืบข่าวได้ว่าสกุลเจียงเองก็ไม่มีคนเจ็บป่วย”สายตาฉู่จวินถิงเย็นชา “อาจจะ...สมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่แรกแล้ว หรือไม่ก็ข่มขู่ธรรมดาก็เพียงพอให้พวกเขารับปากแล้ว”หัวหน้าตระกูลเจียงเร่งเดินทางออกมาอย่างว่องไว “คารวะฉู่อ๋อง!”ฉู่อ๋องมองหัวหน้าตระกูลเจียงแวบหนึ่ง เห็นข้างกายเขาไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย สายตาเจือแววนึกสนุก “หัวหน้าตระกูลเจียงอายุปูนนี้แล้ว คงไม่ใช่ยังไม่แต่งงานหรอกกระมัง?”“เรียนท่านอ๋อง บังเอิญยิ่งนัก ภรรยากระหม่อมพาลูกไปเยี่ยมญาติที่คูเมืองอื่นแล้ว บัดนี้ยังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าตระกูลเจียงยิ้มประสบเอาใจพลางอธิบาย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ฉู่จวินถิงยกมุมปากเบาๆ “วันนี้ภรรยาและลูกของหัวหน้าตระกูลเจียงออกจากเมืองไปเยี่ยมญาติ บังเอิญตอนข้ามาถึง ได้เชิญพวกเขากลับมาพร้อมกันแล้ว”“คาดว่าหัวหน้าตระกูลเจียงคงไม่ถือสากระมัง?”เสียงฉู่จวินถิงเพิ่งจบลง หัวหน้าตระกูลเจียงพลันใจสั่น ได้เห็นฉู่จวินถิงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาทีหนึ่ง อวิ๋นหยางพาคนเข้ามาแล้ว“นายท่าน!”“ท่านพ่อ!”สีหน้าเจี
หัวหน้าตระกูลเจียงขมวดคิ้วแน่น พวกเขารู้ชื่อเสียงของฉู่อ๋องดีมาก นั่นคือเทพสังหารในสนามรบเชียวนะ!พวกเขาที่นี่อยู่ใกล้เมืองผิงหยาง ย่อมรู้จักบารมีของฉู่อ๋องดีที่สุด“พูดไปแล้วเรื่องนี้ยังต้องโทษท่าน เดิมทีฉู่อ๋องต้องการไปเมืองผิงหยาง ก็แค่แวะเติมเสบียงที่ท่าเรือเท่านั้น แต่พวกเจ้ากลับสร้างเรื่องที่ท่าเรือ ทำให้พวกเขาต้องอยู่ต่อ”สีหน้าหัวหน้าตระกูลหลี่ไม่สบอารมณ์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนไว้แล้ว ต่อให้ราชสำนักส่งคนมา นั่นจะต้องไปที่เมืองผิงหยางก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันมาที่เมืองไห่เทียนก่อนทันทีที่ได้รับข่าว พวกเขาก็สามารถหาทางป้องกันตนเองได้ มีเวลามากเพียงพอใครคาดคิดเล่าว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขารับมือไม่ทันเช่นนี้ ไม่มีโอกาสหนีตั้งแต่แรก“เรื่องนี้ไม่สามารถโทษข้าได้ ไฉนเลยข้าจะรู้ว่าเรื่องจะบังเอิญถึงเพียงนี้?”หัวหน้าตระกูลเจียงอึดอัดใจอย่างอดไม่ได้ หากเขารู้ตั้งแต่แรก ก็ไม่มีวันปล่อยให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้น น่าเสียดายบนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง“บัดนี้โทษใครก็ไม่สำคัญ รีบคิดเถอะว่าจะทำเช่นไร ข้าส่งคนไปสืบข่าวแล้ว ฉู่อ๋องไปที่อำเภอนั้น น่ากลัวว่าอ
อิงตามที่ซ่งเยี่ยนโจวพูด สถานการณ์ในตอนนั้นอันตรายมากอย่างแท้จริง หากไม่ใช่คนสกุลหลิงนำทหารเร่งเดินทางมาถึง เขาก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้วหลินจือเยว่กลับมีผลงานเพราะส่งข่าว หากไม่ได้เขาส่งข่าว สกุลหลิงไปไม่ทันเวลา น่ากลัวว่าจะต้องเสียชายแดนไปแล้วแน่ ไม่มีวันเอาชนะศึกในครั้งนี้ได้!แม้พูดว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทั้งหมดนี้ แต่เพียงเรื่องที่บิดายังไม่ตาย กลับไม่ส่งข่าวมาโดยตลอด ก็สามารถตั้งข้อสันนิษฐานได้มากแล้วภายในนี้จะต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่แน่ทั้งหมด...ยังชี้ไปที่สกุลหลิงอีกด้วย!ยามฉู่จวินถิงมาถึงก็ได้เห็นพวกซ่งรั่วเจินสามพี่น้องกำลังนั่งรวมตัวกัน บรรยากาศตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด“ทำนายผลออกมาไม่ดีกระนั้นหรือ?” ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความกังวลซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “เปล่าเพคะ ก็แค่คิดบางเรื่อง ท่านและท่านตาเข้าใจสถานการณ์แล้วหรือ?”“อยากรู้เรื่องผู้อยู่เบื้องหลัง ยังต้องไปสกุลเจียงสักเที่ยวหนึ่ง จะได้พบหัวหน้าตระกูลเจียง” ฉู่จวินถิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม “ง้างปากของเขา สามารถลดปัญหาลงได้มาก”ซ่งรั่วเจินเข้าใจ “หม่อมฉันไปเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่?”ในเมื่อทางฝั่งจ้าวชิงหยวนพบไอม
ดูท่าแล้ว ท่านพ่อสังเกตเห็นความอันตราย มิหนำซ้ำยังพบสถานที่ปลอดภัย “บางที...พวกเราไม่จำเป็นต้องไปหาท่านพ่อ ท่านพ่อก็จะมาหาพวกเราเอง”ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว พวกซ่งจืออวี้ทั้งสองคนเผยสีหน้าตกตะลึง “นี่หมายความว่าอะไร? หรือท่านพ่อสามารถรู้ได้ว่าพวกเรามากระนั้น?”“ท่านพ่อย่อมไม่รู้ หากข้าเดาไม่ผิด เป็นไปได้มากว่าท่านพ่อกำลังสืบเรื่องอุทกภัยจึงเข้ามาใกล้”ซ่งรั่วเจินใคร่ครวญพลางเอ่ยปาก “บัดนี้ตำแหน่งของท่านพ่อไม่ใช่ชายแดน ยิ่งไปกว่านั้นยังใกล้กับที่พวกเราอยู่ ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”“พูดเช่นนี้แล้ว อาการบาดเจ็บของท่านพ่อหายดีแล้วกระนั้น?” ซ่งจืออวี้แปลกใจ หากเป็นเช่นนี้จริง นั่นก็คือข่าวดีซ่งจิ่งเซินกลับไม่ดีใจมากนัก “ใช่หรือไม่ว่าถูกไล่ต้อนให้จากไป? ครั้งนี้ท่านพ่อเกือบต้องทิ้งชีวิตในสนามรบ ข้าคิดว่าจะต้องถูกคนทำร้ายแน่!”“คนที่ทำร้ายเขารู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ จึงตามหาเขาทั่วสารทิศ”ซ่งรั่วเจินเองก็คิดว่าข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้มากทีเดียว นึกอยากตามหาคน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองนางอย่างกะทันหัน จะใช่คุณชายใหญ่สกุลหลิงหรือไม่?นับตั้งแต่คำรบแรกที่นางได้พบหลิงเชี่ยนเอ