หลินจือเยว่ตกตะลึงหน้าถอดสี รีบทำความเคารพ “ฉู่อ๋อง กระหม่อมมิใช่ไม่พอใจ นี่ล้วนเป็นรั่วเจินจงใจฝืนเพิ่มความผิดให้กระหม่อม ท่านอ๋องอย่าได้เข้าใจผิด”“อ้อ? ข้ากลับคิดว่าแม่นางซ่งพูดได้มีเหตุผล”“ก่อนนี้ยามเจ้ากลับเข้าราชสำนัก เสด็จพ่อรู้ว่าเจ้าต้องการสู่ขอแม่นางซ่งยังเอ่ยปากชื่นชม แต่เจ้าหน้าไหว้หลังหลอก รับภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกันเข้ามาในวันเดียวกัน เป็นเจ้าผิดหลักคุณธรรมก่อน บัดนี้กลับโยนความผิดลงบนตัวแม่นางซ่งหรือ?”“กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมเพียงพูดโดยไม่ยั้งคิด ยังหวังว่าท่านอ๋องจะมีเมตตา”หลินจือเยว่ตกใจจนเหงื่อเย็นไหล สาปแช่งภายในใจอย่างอดไม่ได้ แต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ชอบสอดมือเข้ามาในราชสำนัก ทว่าเมื่อวานเป็นฝ่ายช่วยซ่งจืออวี้พูดก่อน วันนี้ยังปกป้องซ่งรั่วเจินอีก ตกลงเพื่ออันใดกันแน่?“เจ้าทำผิดต่อแม่นางซ่งต่างหาก”ฉู่จวินถิงเอ่ยเสียงเรียบ สายตาสบมองคนตรงหน้า นางสวมชุดกระโปรงยาวสีชาด ขับเน้นผิวสีหยกจนเจือสีแดงเข้มราง ๆ ใบหน้างดงามพริ้มเพราผัดเพียงแป้งก็งดงามเป็นอันดับหนึ่งแม้เมื่อครู่มีท่าทางฝีปากคมคาย ก็ยังชวนให้คนมิอาจละสายตาไปได้ดังเดิม ยิ่งเพิ่มแรงดึงดูดสายหนึ่งซ่งรั่ว
ฉู่จวินถิงเองก็รู้เสน่ห์ของตน เห็นซ่งรั่วเจินบอกลาสองประโยคก็หมุนกายจากไป ถึงขั้นไม่มีความคิดอยู่สนทนามากเกินจำเป็นกับเขาเลยสักเศษเสี้ยว จึงเอ่ยปากอย่างสุดระงับ“แม่นางซ่งโปรดยั้งฝีเท้าด้วย”เขาสาวเท้าไล่ตามไปในบริเวณห่างออกไปไม่ไกล ฉู่อวิ๋นกุยมองพี่สามที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใกล้ชิดกับสตรีกำลังเร่งรุดไล่ตามไป ตกตะลึงอย่างสุดระงับ “ข้าก็ว่าแล้วพี่สามปฏิบัติต่อแม่นางซ่งไม่เหมือนผู้อื่น ในเวลาปกติเคยเห็นเขาเป็นฝ่ายไปสนทนากับหญิงสาวหรือไม่เล่า?”“ท่านอ๋อง มิสู้ท่านไปดู?” บ่าวรับใช้ตัวน้อยเอ่ยถาม“โอกาสดีได้อยู่เพียงลำพังนี้ ข้าจะไปทำอันใด? หากทำพี่สามหมดสนุก คนซวยก็คือข้า!”ฉู่อวิ๋นกุยโบกพัด สีหน้าภาคภูมิใจ “เจ้าอย่าพูดไปเลย แม่นางซ่งรูปโฉมงดงามดุจจันทรา นับว่าเหมาะสมกับพี่สาม ก็แค่นางคล้ายไม่สนใจพี่สาม นี่ไม่น่าสนใจหรือ?”ซ่งรั่วเจินชะงักฝีเท้าอย่างสงสัย “ท่านอ๋องยังมีธุระหรือ?”“ข้ามีเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากเจ้า สามารถให้เกียรติไปดื่มชากับข้าได้หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินนึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงเวลาฝังเข็มให้พี่รองของตนแล้ว น่ากลัวว่าไม่สามารถเสียเวลาได้ ทำได้เพียงปฏิเสธ“ขออภัย หม่อมฉันยังม
งานเลี้ยงนับญาติ ณ สกุลสวี ยามซ่งรั่วเจินกับหลิ่วหรูเยียนมาถึง จวนสกุลสวีครื้นเครงไม่ธรรมดา ราชครูสวีมีตำแหน่งสูงภายในราชสำนัก ลูกสาวที่หายไปก็กลับสู่วงศ์ตระกูลได้ในที่สุด ชนชั้นสูงทั่วทั้งเมืองหลวงแทบจะมาทั้งหมดแล้วบ่าวรับใช้เดินขวักไขว่ไปมา เพื่อเตรียมโต๊ะงานเลี้ยงจึงยุ่งวุ่นวายมาก บ่าวน้อยนำทางแขกเข้าจวนทุกทิศทาง“รั่วเจิน!”เสียงคุ้นหูเจือความดีใจเสียงหนึ่งดังขึ้น แขนของซ่งรั่วเจินถูกคล้องไว้แล้ว เผชิญหน้ากับรอยยิ้มมีความสุข“ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าแล้ว ออกจากเมืองหลวงแค่ครึ่งเดือน คิดไม่ถึงเกิดเรื่องมากเพียงนี้ เดิมทีข้าวางแผนไปหาเจ้าที่จวน ต่อมาได้ยินท่านแม่พูดว่าวันนี้เจ้าเองก็มาเข้าร่วมงานเลี้ยงนับญาติของสกุลสวีด้วย ก็เลยมาหาเจ้าที่นี่”“เนี่ยนชู ในที่สุดเจ้าก็กลับมาจากเยี่ยมญาติแล้ว”เนตรขนงซ่งรั่วเจินเจือรอยยิ้ม อวิ๋นเนี่ยนชูเป็นสหายสนิทที่เติบโตมาพร้อมเจ้าของร่างเดิมตั้งแต่เด็ก สนิทสนมแนบแน่น บังเอิญกลับไปเยี่ยมญาติเมื่อครึ่งเดือนก่อน นี่ถึงได้พบกันในวันนี้นางจำในนิยายได้ เจ้าของร่างเดิมถูกสกุลหลินรังแก อวิ๋นเนี่ยนชูมาอยู่เป็นเพื่อนนางบ่อย ๆ คอยปลอบใจนางหลังเจ้าข
“คิดไม่ถึงแม่นางซ่งอายุยังน้อย ถึงขั้นมองอุบายต้มตุ๋นของผู้มีวิชาออก เมื่อนั้นข้าเองก็เกือบถูกหลอก ต้องขอบคุณแม่นางซ่งมาก”สวีเยว่เอ๋อร์มาพร้อมชายอีกหนึ่งคน ได้เห็นซ่งรั่วเจินก็รู้สึกสนิทสนมมากเป็นพิเศษ“รั่วเจิน เจ้ามาแล้วดีเหลือเกิน ก่อนนี้ได้ยินเรื่องความชอบของเจ้า ตั้งใจซื้อของหวานผลไม้ที่เจ้าชอบมาจากร้านอวิ๋นหย่าเป็นพิเศษ อีกเดี๋ยวไปชิมดีหรือไม่?”“ได้เลย” ซ่งรั่วเจินพยักหน้ารับคำ“เฮ่ออัน นี่ก็คือรั่วเจิน ต้องขอบคุณนางพวกเราถึงหาน้องหญิงของเจ้าพบ” สวีรั่วหลานยิ้มแย้มเอ่ยปากแนะนำ “รั่วเจิน นี่คือลูกชายข้าเฮ่ออัน”ซ่งรั่วเจินมองชายหนุ่มตรงหน้า เห็นเขาสวมชุดผ้าไหมสีขาว รูปร่างสูงใหญ่ ยังห้อยหยกหยางจือหนึ่งชิ้นที่เอว รัศมีโดดเด่นใบหน้าหล่อเหลาเปล่งประกายหยักยิ้มสุภาพอ่อนโยน บนตัวไม่มีไอเย็นแม้แต่น้อย เห็นชัดว่าเป็นคุณชายสง่างามใสสะอาดท่านหนึ่ง“ขอบคุณแม่นางซ่งมากที่ช่วยเหลือ ข้าคนสกุลสวีมีวาสนาแล้ว”ภายในสายตาสวีเฮ่ออันสะท้อนแววตกตะลึงวูบหนึ่งเรื่องซ่งรั่วเจินถอนหมั้นเอะอะเอิกเกริกไปทั่ว เขาได้ยินข่าวตั้งแต่แรกแล้ว ได้ยินท่านแม่ชื่นชมนางงดงามดุจจันทรา กลับไม่เคยพบหน้ามาก่อ
“ซวงซวงเองก็ถูกผู้มีวิชาหลอก มิได้ตั้งใจ เหตุใดแม่นางซ่งต้องว่าร้ายไปทุกที่ด้วยเล่า?”“ให้ข้าพูด เดิมทีเจ้าก็ไม่รู้วิชาเต๋า ก็เพียงจับพลัดจับผลูช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวพบเท่านั้น นี่ก็โอ้อวดโอหังเพียงนี้ ช่างน่าขันเกินไปแล้ว!”เหอเซียงหนิงมองทางทุกคน เอ่ยเตือน “ทุกท่านคงมิได้ลืมไปแล้วหรอกกระมัง?”“ครั้งก่อนในงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวา ซ่งรั่วเจินยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินทั้งสองท่านของบ้านใหญ่และบ้านรองสกุลต่ง ยังพูดว่าคุณชายน้อยต่งถูกอาสะใภ้ฆ่าตาย นำพาให้ความสัมพันธ์ของสกุลต่งบ้านแตกสาแหรกขาด ฮูหยินรองสกุลต่งเสียใจหนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา!”“ให้ข้าพูด ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่าซวงซวงร้อยเท่า! ซวงซวงมิได้ตั้งใจ แต่นางกลับทำเพราะมีเจตนา”“ข้าชี้แนะทุกท่านยังอยู่ให้ห่างจากคนเช่นนี้สักหน่อย หาไม่แล้วใครรู้เล่าว่าจะสร้างเรื่องอันใดออกมาอีก?”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนก็นึกถึงข่าวลือสกุลต่ง อย่างไรเสียวันนั้นก็โวยวายไม่งามตามาก“ข้าได้ยินมาว่าคืนวันนั้นสวี่อิ๋งเฉียวกับสามีเร่งรุดไปเมืองซีอวิ๋น จนกระทั่งวันนี้ยังไม่ได้รับข่าวส่งกลับมา ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็
“พวกเจ้าปล่อยข้า! เป็นนางตบข้า พวกเจ้าจับข้าไว้ทำอันใด?”สายตาซ่งรั่วเจินเยียบเย็น “ตบสองฉาดนี้เป็นการสั่งสอนเจ้า ข้าถอนหมั้นไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“หากจวนหลินไม่พอใจ ย่อมต้องมาพูดกับข้าเอง ตรงข้ามกันเจ้าใช้ฐานะอะไรมาพูดถ้อยคำเหล่านี้?”“คนรู้ก็คิดว่าเจ้าเป็นสหายสนิทของฉินซวงซวง คนไม่รู้ยังคิดว่าเจ้าหลงรักหลินจือเยว่จึงทวงความยุติธรรมแทนเขา”“ส่วนสกุลต่ง หากข้าพูดเท็จ สกุลต่งย่อมมาคิดบัญชีกับข้าเอง ยังไม่ต้องให้เจ้ามาถาม!”คนรอบกายเห็นซ่งรั่วเจินกล้าลงมือตบคน ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ทั้งยังนึกถึงคำพูดของเหอเซียงหนิง เหตุที่หลินจือเยว่เสียตำแหน่งไปก็เพราะสกุลซ่งสตรีเช่นนี้ หากให้นางแต่งเข้าจวน เกิดความขัดแย้งขึ้นมา น่ากลัวว่าต้องไม่สงบสุขจริง“รั่วเจิน เจ้าไม่ควรลงมือ ภายภาคหน้าเรื่องเช่นนี้ให้แม่ทำเอง”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเสียใจภายหลังอย่างอดไม่ได้ เมื่อครู่นางตอบสนองเชื่องช้าไปบ้าง แต่ตอนนี้ลูกสาวตบก็ตบไปแล้ว พลาดโอกาสอันดีไป นางเองก็ไม่สามารถไปตบคนได้อีกเดิมทีซ่งรั่วเจินคิดว่าหลิ่วหรูเยียนตำหนิตนเองลงมือ คิดไม่ถึงได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็เกือบหัวเราะออกมาส่วนสายตาคนรอบกายเหล่านี
สวี่อิ๋งเฉียวขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าสะท้อนความเจ็บปวดทุกข์ระทม“ข้าคิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงเหมยจะโหดเหี้ยมเพียงนี้ สามารถลงมือกับหลานชายของตนได้!”“หากมิใช่เพราะแม่นางซ่งบอกความจริงทั้งหมดแก่ข้า น่ากลัวว่าเป๋ยอวี่ของข้าต้องตายตาไม่หลับอยู่ในบ่อน้ำไปทั้งชาติแน่นอน!”บรรยากาศเงียบลงในทันใดแม้แต่เสียงเข็มตกยังได้ยินทุกคนล้วนเบิกตากว้าง พวกเขาได้ยินอะไรแล้ว?ต่งเป๋ยอวี่มิได้หายไป แต่ถูกสวี่ชิงเหมยฆ่าตายแล้วโยนลงในบ่อน้ำ?“ต่งฮูหยิน ท่านรีบลุกขึ้นเถิด” ซ่งรั่วเจินรีบเข้าไปประคองคนขึ้นมาสวี่อิ๋งเฉียวปาดน้ำตาที่หางตา แม้เจ็บปวดมาก แต่ภายในสายตาเปี่ยมความซาบซึ้งใจ“ข้าคิดมาโดยตลอดว่าเป๋ยอวี่ไม่รู้ความจึงถูกคนหลอกพาไป ยามสวี่ชิงเหมยเสแสร้งต่อหน้าข้า ข้ายังปลอบนาง คิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของข้า”“หากมิใช่เพราะข้าสั่งสอนเป๋ยอวี่เข้มงวดจนเกินไป เขาก็ไม่มีวันโมโหจากไป หากมิใช่เจ้าเตือนสติข้า ข้ายังไม่รู้ว่าจะต้องเลอะเลือนไปถึงยามใด”ต่งหานโจวเองก็เอ่ยปากขอบคุณ “แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้ามากที่ทวงความยุติธรรมให้เป๋ยอวี่ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา!”“ภายภาคหน้ามีที่ใดให้สกุลต่งช่วยเหลือขอให้เอ่ยปาก
เหอเซียงหนิงโง่งมแล้วนับตั้งแต่สวี่อิ๋งเฉียวคุกเข่า สมองนางก็ขาวโพลนในทันทีทันใดคำพูดของซ่งรั่วเจินเป็นความจริงได้อย่างไร? เดิมทีนางก็ไม่สามารถรู้เรื่องพรรค์นี้ได้นี่!“เหอเซียงหนิง เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ?”ซ่งรั่วเจินหันมองทางหญิงสาวที่กำลังก้มหน้า ต้องการหนีออกไป เมื่อครู่สาดน้ำเสียใส่นาง ตอนนี้คิดหนีไปเงียบ ๆ มีเรื่องดีเพียงนี้ที่ใดกัน?“ข้า...ข้าไม่มีอะไรจะพูด...”เหอเซียงหนิงตกใจมาก ครู่ต่อมาคิดหนีไป คิดไม่ถึงจะชนเข้ากับฉู่อวิ๋นกุย“บังอาจ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ถึงขั้นขวัญกล้าชนอวิ๋นอ๋อง!”“หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วยเพคะ!” เหอเซียงหนิงตกใจจนหมดความกล้า รีบคุกเข่าลงฉู่อวิ๋นกุยปรายตามองเหอเซียงหนิงแวบหนึ่ง สายตาหันมองผู้กระทำผิดอย่างเสด็จพี่สามของตน ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่คนเกือบถูกชนก็คือเสด็จพี่สาม!ใครคาดคิดเสด็จพี่สามคล่องแคล่วว่องไว ขยับถอยหลังหนึ่งก้าว หญิงคนนี้จึงชนเขา!เวรกรรม!ฉู่จวินถิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “น้องห้า อิงตามกฎราชสำนัก สร้างข่าวลือเท็จต้องจัดการเยี่ยงไร?”“อิงตามกฎ ผู้กระทำผิดต้องถูกตัดลิ้น”เหอเซียงหนิงเบิกตาโต สายตาเปี่ยมความตกตะลึ
ทว่าท่าทีตอบสนองของคนผู้นี้เชื่องช้ามากอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าคิดไม่ถึงว่าจะมีคนทำลาย ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ หากตอนนี้ยังฝืนต่อไป ด้วยฝีมือระดับนั้น จะต้องกระอักโลหิตอย่างแน่นอนจู่ๆ เสียงชวนให้คนสกุลเฉียนตกตะลึงก็ดังขึ้น หันหน้าก็มองเห็นคนสกุลจ้าวที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ยามใด“เกิดอันใดขึ้น? เหตุใดไม่มีคนแจ้ง?” นายหญิงเฉียนร้อนใจแทบแย่จากนั้น นายหญิงจ้าวก็ถลันเข้าไปตบหนึ่งฉาด “เจ้า นังแพศยาคนนี้ ถึงขั้นคิดเอาชีวิตลูกชายของข้า วันนี้ข้าขอสู้กับเจ้า!”เพราะก่อนหน้านี้ได้รู้ว่าคนสกุลเฉียนกำลังทำพิธี ดังนั้นตอนนายหญิงจ้าวมาจึงพาคนกลุ่มหนึ่งมาด้วย นับตั้งแต่เข้าสกุลเฉียนจึงไม่มอบโอกาสให้พวกเขาแจ้งข่าวไม่ผิดไปดังคาด เพียงเข้ามาก็ได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่โตเช่นนี้ ส่วนหุ่นผู้ชายกระดาษทางด้านข้างก็เขียนเวลาตกฟากของลูกชายบ้านตนเอาไว้นางมีลูกชายเพียงคนเดียว เห็นเป็นแก้วตาดวงใจมาโดยตลอด ปรากฏว่าเฉียนฮูหยินที่ปกติมีความสัมพันธ์ไม่เลวกับนาง ลับหลังฝีมือโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้!อีกเพียงนิดเดียว ลูกชายของนางก็จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!พวกซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่านายหญิงจ้าวจะดุดันเช่นนี้ หลังเข้ามาแล้ว
นับตั้งแต่เฉียนหย่าหลินกลับมาเมื่อวานก็กังวลใจอยู่ตลอด นางรู้ฝีมือของซ่งรั่วเจินนังแพศยาคนนั้นดีต่อให้ไม่เต็มใจยอมรับ กลับสามารถรับรู้ได้ว่าฝีมือนางไม่ธรรมดาผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเหล่านั้น นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าสกุลจ้าวถึงขั้นเชิญซ่งรั่วเจินไปช่วยบัดนี้ให้เหมียวเหมียวแต่งงานกับจ้าวซวี่ไป๋ได้อย่างยากลำบาก หากถูกซ่งรั่วเจินห้ามไว้ นี่ยังจะไม่จบสิ้นอีกหรือ?“หย่าหลิน เจ้าพูดหมายความว่าอันใด?”นายหญิงเฉียนมองเฉียนหย่าหลินอย่างสงสัย สังเกตเห็นความผิดปกติเล็กน้อย “ใช่หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น? เจ้ารีบพูดเถอะ!”นับตั้งแต่เฉียนหย่าหลินเสียตำแหน่งพระชายาเช่ออ๋องไป ช่วงนี้ก็มักเดินทางกลับมาบ่อยๆ หนำซ้ำยังฉวยโอกาสไปสืบสถานการณ์ของสกุลจ้าว แม้แต่เรื่องแต่งงานผีเพื่อเหมียวเหมียวก็เป็นหย่าหลินเสนอออกมานางคิดว่าลูกสาวคนนี้อุปนิสัยไม่ดี ปกติมักโวยวาย แต่ยังสามารถคิดถึงน้องสาว หวังว่าน้องสาวที่ตายไปจะรู้สึกดีขึ้น อารมณ์ภายในใจเองก็ดีขึ้นมาก“เมื่อวานตอนข้าไปสกุลจ้าว บังเอิญได้พบอวิ๋นอ๋องเชิญซ่งรั่วเจินไป ดังนั้นข้าจึงกังวลจะเกิดความเปลี่ยนแปลงเจ้าค่ะ”“หลายปีมานี้น้องหญิงอยู่อย่า
ทว่าเขาเองก็รับปากต่อหน้าบิดาและท่านตาแล้ว เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “ท่านวางแผนพูดกับฮองเฮา?”หากทำตามที่เขาเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ บอกความคิดที่แท้จริงของเขาให้ฮองเฮาฟัง น่ากลัวว่าฮองเฮาจะต้องโมโหแทบตายแน่“ยามอยู่ต่อหน้าเจ้า ข้าเคยพูดปดด้วยหรือ?”สีหน้าฉู่จวินถิงตรงไปตรงมา อันที่จริงเขาคิดไว้อย่างชัดเจนตั้งนานแล้ว ชาตินี้เขาจะมีชีวิตเพื่อตนเอง“เจ้าวางใจได้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีเอง ไม่มีวันส่งผลกระทบต่อเจ้า อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อสกุลซ่ง”คล้ายมองความกังวลของซ่งรั่วเจินออก ฉู่จวินถิงเอ่ยปากสีหน้าจริงจัง ราวกับให้คำมั่นสัญญา หากแม้แต่เรื่องนี้เขาก็จัดการได้ไม่ดี เช่นนั้นก็ไม่คู่ควรกับรั่วเจินจริงๆเห็นสถานการณ์แล้ว ซ่งรั่วเจินไม่ถามมากนัก นางรู้ความสามารถในการจัดการเรื่องนี้ของฉู่จวินถิง ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ เชื่อว่าไม่มีอันใดให้กังวลสกุลเฉียนพิธีกรรมลึกลับอย่างเป็นทางการกำลังดำเนินอยู่นายหญิงเฉียนมองป้ายวิญญาณของเฉียนชิ่งเหมียวตรงหน้า ร้องไห้จนตาแดงทั้งสองข้าง“เหมียวเหมียว เจ้าอย่ากลัวไปเลย รอเจ้าแต่งงานแล้วก็จะมีคนดูแลอยู่ข้างกาย ก็คือพี่ซวี่ไป๋ที่เจ้าชอบตั้งแต่เด็กอย่
จ้าวซวี่ไป๋ได้ยินถ้อยคำนี้ก็เข้าใจสาเหตุแล้ว ท่าทีตอบสนองแปลกประหลาดของเฉียนชิ่งเหมียวยามเอ่ยถึงชุดกระโปรงสีชมพูนั้น ก็เพราะนางเห็นแล้ว!นางจำได้ว่าเป็นพี่สาวแท้ๆ ของตน ทว่านางไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของนาง“เป็นนาง! จะต้องเป็นนางแน่!”เฉิงเฉินได้ยินคำพูดของจ้าวซวี่ไป๋จึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เจ้าเองก็คิดว่าเป็นนางหรือ?”“ท่านป้า ความสัมพันธ์พี่สาวน้องสาวสกุลไป๋ไม่ดีหรือ?”ฉู่อวิ๋นกุยขมวดคิ้ว สุ้มเสียงกลับเจือความรู้สึกเหลือจะเชื่อหลายส่วน พี่ชายน้องชายสามัคคีกัน พี่สาวน้องสาวรักใคร่กลมเกลียว แต่ไหนแต่ไรมานี่คือภาพที่ทุกคนล้วนอยากเห็นเพียงแต่พี่ชายน้องชายไม่ลงรอยกัน พี่สาวน้องสาวขัดแย้งกัน เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นไม่น้อย แต่ต่อให้พี่สาวน้องสาวขัดแย้งกัน กลับฆ่าแกงกันน้อยมากยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นเฉียนชิ่งเหมียวเพิ่งอายุเท่าใด เฉียนหย่าหลินเองก็แค่สิบขวบ เหตุใดนางโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้?“เฉียนหย่าหลินใจแคบมาโดยตลอด ไม่มีเมตตา ส่วนเหมียวเหมียวว่านอนสอนง่ายรู้ความ ปีนั้นบิดามารดาสกุลเฉียนชอบเหมียวเหมียวมากกว่าจริงๆ”นายหญิงจ้าวพูดพลางย้อนนึกถึงสถานการณ์ในปีนั้น “ทว่านับตั้
จ้าวซวี่ไป๋รีบจับมือของนายหญิงจ้าว “ข้าเห็นท่าทางของนางทรมานมาก ปากพูดว่าเป็นไปไม่ได้ ข้าคิดว่านางรู้ว่าเป็นใคร แต่นางคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีวันทำร้ายนาง ดังนั้นจึงสงสัยมาโดยตลอด”“กระโปรงสีชมพูย่อมพิสูจน์ได้ว่าเป็นสตรี ทว่าตอนนั้นข้าและพวกอวิ๋นกุยล้วนเป็นชาย เหตุใดจึงมีกระโปรงสีชมพูกันเล่า?”“อวิ๋นกุย ตอนนั้นเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าแม่นางคนใดสวมชุดกระโปรงสีชมพู?”ฉู่อวิ๋นกุยเผยสีหน้าสับสน “ตอนนั้นเล่นด้วยกันมีเพียงพวกเราเด็กผู้ชายสองสามคน ก็เพราะเจ้าพาน้องสาวมาคนหนึ่ง ทุกคนยังรู้สึกไม่พอใจ ไฉนเลยจะมีแม่นางคนอื่นอยู่อีก?”“ไม่ จะต้องยังมีแม่นางอีกคน เพียงแต่พวกเราไม่ทันสังเกต จะต้องหาตัวคนผู้นี้ออกมาให้ได้ น้องหญิงเหมียวเหมี่ยวถึงจะได้รับความยุติธรรม!”จ้าวซวี่ไป๋ส่ายหน้า สายตามุ่งมั่น “แม่นางซ่ง เหตุที่นางติดอยู่ที่นั่นก็เพราะนางถูกคนทำร้ายแต่กลับไม่ได้รับความยุติธรรมใช่หรือไม่?”“นางตายอย่างอนาถจริงๆ ต้องช่วยนางคลายปมในใจถึงจะสามารถออกจากใต้น้ำและเกิดใหม่ได้” ซ่งรั่วเจินพูดเห็นสถานการณ์แล้ว ฉู่อวิ๋นกุยไม่เสียเวลาอีก รีบสั่งให้คนไปหาอีกสามคนที่เหลือที่เล่นด้วยกันในปีนั้นเดิมทีพวกเข
นายหญิงจ้าวนึกถึงเฉียนหย่าหลินที่เมื่อวานตั้งใจมาทำลายโดยเฉพาะ น่ากลัวว่าเดิมทีก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว กังวลซ่งรั่วเจินจะทำลายแผนของพวกเขาจึงขัดขวางไว้ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย สายตาสะท้อนแววรังเกียจ “ชายารองเช่ออ๋องนี้ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ”ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้ยินถ้อยคำนี้ คล้ายเข้าใจบางอย่างในทันใด สายตาเย็นชาลง “ดูท่าแล้ว พวกเราประเมินนางต่ำเกินไป”ในเวลาเดียวกัน จ้าวซวี่ไป๋ได้พบเฉียนชิ่งเหมียวอีกครั้งเพียงแต่แตกต่างจากรูปร่างบิดเบี้ยวก่อนหน้านี้ เฉียนชิ่งเหมียวกลับมามีรูปร่างเหมือนตอนพลัดตกน้ำอีกครั้ง“พี่ซวี่ไป๋ ท่านมาหาข้าหรือ?” แม่นางน้อยเอ่ยปาก ใบหน้าเล็กน่ารักเจือความอ่อนเยาว์จ้าวซวี่ไป๋รู้สึกเพียงอาการปวดแสบแผ่ออกจากหัวใจสู่ปลายจมูก จากนั้นก็กลายเป็นน้ำตา ขอบตาแดงโดยไม่รู้ตัว“น้องหญิงเหมียวเหมียว เป็นข้าทำผิดต่อเจ้า!”“ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”เฉียนชิ่งเหมียวเดินมาหยุดต่อหน้าจ้าวซวี่ไป ยื่นมือออกมาจับมือของเขา กลับพบว่าชั่วขณะจะสัมผัสกันนั้น แสงสายหนึ่งสว่างขึ้นมา คล้ายแสงสายนั้นขวางกั้นไม่ให้นางแตะต้องเขาได้นางมองมือของตน คล้ายเข้าใจความแตกต่างระหว่างคนกับวิญญาณ พูดว่า “พ
ซ่งรั่วเจินหยิบยันต์ออกมาหนึ่งใบ ติดไว้ที่หัวเตียงดังเดิมแล้วพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจอนางก็ไม่ต้องกลัว นางทำร้ายท่านไม่ได้”“ขอบคุณแม่นางซ่งมาก”จ้าวซวี่ไป๋นึกถึงแสงสีทองที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ก็รู้ความยอดเยี่ยมของยันต์ใบนี้แล้ว เทียบกับยันต์ใบก่อนและยันต์ใบนี้ สีของมันจางกว่ามากมองเห็นจ้าวซวี่ไป๋นอนหลับ ทุกคนล้วนตึงเครียดขึ้นมาฉู่จวินถิงมองแม่นางข้างกาย “ใช่หรือไม่ว่ายังมีเรื่องอื่นที่พวกเราไม่รู้?”“ท่านมองออกได้เยี่ยงไร?” ซ่งรั่วเจินตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ นางไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อยฉู่จวินถิงเลิกคิ้วคม “ข้าย่อมไม่รู้เรื่องศาสตร์ลี้ลับ แต่ข้ารู้จักเจ้า”หรือพูดอีกอย่างคือเขามองออกผ่านท่าทีตอบสนองของซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจิน “???”ฉู่อวิ๋นกุยกลับไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เสด็จพี่เชี่ยวชาญการสังเกตสีหน้าที่สุด มีประโยชน์อย่างยิ่งตอนตัดสินคดี หาไม่แล้วคงไม่มีคนมากมายไม่อาจหลุดรอดสายตาของเสด็จพี่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าบัดนี้สายตาของเสด็จพี่เต็มไปด้วยพี่สะใภ้ ย่อมสังเกตออก“พี่ แม่นางซ่ง เจ้าพูดเถอะเรื่องอื่นนั้นหมายความว่าอันใด?”ฉู่อวิ๋นกุยจะเรียกพี่สะใภ้ แต่สังเกตเห็นว่ายังมีคนนอกอยู่จึงรี
เสียงซ่งรั่วเจินเพิ่งเงียบลง สายตาทุกคนล้วนตกอยู่บนตัวนาง หรือว่าภายในนี้ยังมีเงื่อนงำ?“ปีนั้นพวกท่านแน่ใจได้อย่างไรว่านางพลัดตกน้ำตาย?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามนายหญิงจ้าวพูดอย่างสงสัย “ปีนั้นพวกเขาเด็กสองสามคนไปเล่นด้วยกัน อันที่จริงบริเวณใกล้เคียงก็มีคนอยู่ เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด แม่นมสาวใช้ล้วนไม่ทันสังเกตเห็น อีกทั้งยังไม่รู้ว่านางพลัดตกน้ำได้อย่างไรรอจนไปพบ คนก็หมดลมหายใจแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าพลัดตกน้ำ จึงไม่ได้คิดมาก”“อันที่จริงในสายของข้า แต่ไหนแต่ไรมาเหมียวเหมี่ยวเด็กคนนี้ใจเซาะมาก นางไม่มีวันเล่นสนุกถึงขั้นกระโดดลงน้ำ บางทีอาจไม่ทันระวังจึงตกลงไป หรือบางที...”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว “หรือบางทีอาจถูกคนผลักตกลงไป?”สีหน้านายหญิงจ้าวเปลี่ยนไป “ข้าเองก็ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ ไม่มีหลักฐานอันใด อีกทั้งยังหาไม่พบว่าตกลงเป็นใครมีเป้าหมายเช่นนี้ ถึงขั้นทำร้ายเด็กเล็กคนหนึ่งตาย”สายตาลุ่มลึกของฉู่จวินถิงสะท้อนแววใคร่ครวญและพูดว่า “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็แปลกเกินไปแล้ว ยามคุณชายและคุณหนูแต่ละบ้านออกนอกบ้าน ข้างกายจะต้องมีแม่นมสาวใช้เฝ้าอยู่ โดยทั่วไปไม่สามารถเกิดเรื่องเช่นนี้ได้”“ปี
“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ”ฉู่อวิ๋นกุยตบมือของเขา “ปีนั้นข้าเองก็อยู่ด้วย ตกลงเรื่องราวเป็นเช่นไร ทุกคนล้วนรู้ดี พูดขึ้นมาแล้ว อันที่จริงพวกเราก็ไม่สามารถหนีความรับผิดชอบทั้งหมดพ้น”ปีนั้นอายุยังน้อยไม่รู้ความ หลังเอะอะโวยวายแล้วก็จากไป ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาเองก็ต้องรับผิดชอบจริงๆเป็นความผิดของพวกเขาตอนนี้เอง จ้าวซวี่ไป๋มองเห็นซ่งรั่วเจนจึงรีบเอ่ยถาม “แม่นางซ่ง เหตุใดเหมียวเหมี่ยวจึงกลายเป็นเช่นนี้? ข้าได้ยินมาว่าคนตายไปแล้วจะได้เกิดใหม่ เหตุใดนางจึงยังอยู่ในแม่น้ำเย็นยะเยือกนั้นอยู่ตลอดเล่า?”แม้ว่าตอนนั้นเฉียนชิ่งเหมียวยังพูดไม่จบ แต่เขาได้ยินนางพูดว่าในน้ำหนาวมากปีนั้นนางยังเด็กก็ต้องสำลักน้ำเย็นยะเยือกในแม่น้ำตายไป ชนิดที่ว่าผ่านมานานหลายปีถึงเพียงนี้ก็ยังถูกสภาพแวดล้อมเย็นยะเยือกโอบล้อมไว้...ทีแรกเขาคิดจริงว่าเฉียนชิ่งเหมียวน่ากลัว แต่ตอนนี้คิดตกแล้ว เดิมทีทั้งหมดก็เป็นความผิดของเขา“เพราะนางมีความยึดติด” ซ่งรั่วเจินพูดตามตรงผีตายในน้ำสำลักน้ำจนตาย แม้อนาถมาก แต่สามารถเกิดใหม่ได้ ทว่านางยังอยู่ที่นั่นไม่ยอมจากไป คาดว่ามีความยึดติดจึงยังอยู่ที่นั่น“เช่