สวี่อิ๋งเฉียวขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าสะท้อนความเจ็บปวดทุกข์ระทม“ข้าคิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงเหมยจะโหดเหี้ยมเพียงนี้ สามารถลงมือกับหลานชายของตนได้!”“หากมิใช่เพราะแม่นางซ่งบอกความจริงทั้งหมดแก่ข้า น่ากลัวว่าเป๋ยอวี่ของข้าต้องตายตาไม่หลับอยู่ในบ่อน้ำไปทั้งชาติแน่นอน!”บรรยากาศเงียบลงในทันใดแม้แต่เสียงเข็มตกยังได้ยินทุกคนล้วนเบิกตากว้าง พวกเขาได้ยินอะไรแล้ว?ต่งเป๋ยอวี่มิได้หายไป แต่ถูกสวี่ชิงเหมยฆ่าตายแล้วโยนลงในบ่อน้ำ?“ต่งฮูหยิน ท่านรีบลุกขึ้นเถิด” ซ่งรั่วเจินรีบเข้าไปประคองคนขึ้นมาสวี่อิ๋งเฉียวปาดน้ำตาที่หางตา แม้เจ็บปวดมาก แต่ภายในสายตาเปี่ยมความซาบซึ้งใจ“ข้าคิดมาโดยตลอดว่าเป๋ยอวี่ไม่รู้ความจึงถูกคนหลอกพาไป ยามสวี่ชิงเหมยเสแสร้งต่อหน้าข้า ข้ายังปลอบนาง คิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของข้า”“หากมิใช่เพราะข้าสั่งสอนเป๋ยอวี่เข้มงวดจนเกินไป เขาก็ไม่มีวันโมโหจากไป หากมิใช่เจ้าเตือนสติข้า ข้ายังไม่รู้ว่าจะต้องเลอะเลือนไปถึงยามใด”ต่งหานโจวเองก็เอ่ยปากขอบคุณ “แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้ามากที่ทวงความยุติธรรมให้เป๋ยอวี่ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา!”“ภายภาคหน้ามีที่ใดให้สกุลต่งช่วยเหลือขอให้เอ่ยปาก
เหอเซียงหนิงโง่งมแล้วนับตั้งแต่สวี่อิ๋งเฉียวคุกเข่า สมองนางก็ขาวโพลนในทันทีทันใดคำพูดของซ่งรั่วเจินเป็นความจริงได้อย่างไร? เดิมทีนางก็ไม่สามารถรู้เรื่องพรรค์นี้ได้นี่!“เหอเซียงหนิง เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ?”ซ่งรั่วเจินหันมองทางหญิงสาวที่กำลังก้มหน้า ต้องการหนีออกไป เมื่อครู่สาดน้ำเสียใส่นาง ตอนนี้คิดหนีไปเงียบ ๆ มีเรื่องดีเพียงนี้ที่ใดกัน?“ข้า...ข้าไม่มีอะไรจะพูด...”เหอเซียงหนิงตกใจมาก ครู่ต่อมาคิดหนีไป คิดไม่ถึงจะชนเข้ากับฉู่อวิ๋นกุย“บังอาจ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ถึงขั้นขวัญกล้าชนอวิ๋นอ๋อง!”“หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วยเพคะ!” เหอเซียงหนิงตกใจจนหมดความกล้า รีบคุกเข่าลงฉู่อวิ๋นกุยปรายตามองเหอเซียงหนิงแวบหนึ่ง สายตาหันมองผู้กระทำผิดอย่างเสด็จพี่สามของตน ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่คนเกือบถูกชนก็คือเสด็จพี่สาม!ใครคาดคิดเสด็จพี่สามคล่องแคล่วว่องไว ขยับถอยหลังหนึ่งก้าว หญิงคนนี้จึงชนเขา!เวรกรรม!ฉู่จวินถิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “น้องห้า อิงตามกฎราชสำนัก สร้างข่าวลือเท็จต้องจัดการเยี่ยงไร?”“อิงตามกฎ ผู้กระทำผิดต้องถูกตัดลิ้น”เหอเซียงหนิงเบิกตาโต สายตาเปี่ยมความตกตะลึ
ภายในห้องสวีรั่วหลานกับหลิ่วหรูเยียนสบมองสวี่อิ๋งเฉียวก็ตาแดงไปด้วยอย่างสุดระงับ ในฐานะมารดาเฉกเดียวกัน เรื่องพรรค์นี้ไม่ต่างจากถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสก ๆใครคาดคิดเล่าว่าสะใภ้ใต้ชายคาเดียวกันจะน่ากลัวเพียงนี้?“ปกติสวี่ชิงเหมยมองดูแล้วอ่อนโยนบอบบาง คิดไม่ถึงจะโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ สามารถลงมือกับเด็กได้ลง” หัวคิ้วสวีรั่วหลานขมวดมุ่น ข่าวนี้ช่างน่าตกตะลึงโดยแท้“แม้ปกติข้าไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนาง ก็เห็นว่าอุปนิสัยต่างกันเท่านั้น เห็นนางเป็นญาติ แต่นาง...”สวี่อิ๋งเฉียวปาดน้ำตา ข่มอารมณ์ตนเองให้สงบลง พูดอย่างรู้สึกผิด “วันนี้เดิมทีเป็นงานนับญาติวันมงคล กลับถูกข้ารบกวนแล้ว ขออภัยจริงๆ...”“อย่าได้กล่าวเช่นนี้เลย พวกเราล้วนเป็นแม่คนเหมือนกัน ไฉนเลยจะไม่เข้าใจความรู้สึกของท่าน?”สวีรั่วหลานรีบโบกมือ เอ่ยถามอย่างห่วงใย “เรื่องนี้นายท่านต่งจะตัดสินอย่างไร?”“หลังนายท่านรู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ปกป้องสวี่ชิงเหมย ยอมให้พวกเราพาคนไปส่งศาลาว่าการ พูดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมอบคำชี้แจงให้เป๋ยอวี่ให้ได้”สวี่อิ๋งเฉียวพูดถึงเรื่องนี้ก็ซาบซึ้งใจ ก่อนนี้กลับมาถึงนางยังลังเล แต่มากที่สุดก็ตัดสิ
สวี่อิ๋งเฉียวอึ้งงัน คิดเพียงว่าถ้อยคำนี้ของซ่งรั่วเจินคล้ายยังมีความนัยอื่น ก็ไม่รู้ว่าเป็นไปตามที่นางคาดเดาหรือไม่ขณะนางเตรียมเอ่ยถาม ต่งหานโจวกับราชครูสวีก็เดินเข้ามาพร้อมกัน“ฮูหยิน พวกเรากลับก่อนเถิด ที่บ้านยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมาก”สวี่อิ๋งเฉียวดึงสายตากลับ นึกได้ว่าแม้สวี่ชิงเหมยถูกส่งไปที่ศาลาว่าการแล้ว แต่ภายในเรือนยังมีเรื่องอีกมากให้จัดการ ท่านพ่อท่านแม่ถูกทำร้ายไปไม่น้อยกว่าพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาเล็ก“ซ่งฮูหยิน แม่นางซ่ง บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่อาจกล่าวเพียงคำขอบคุณได้หมด”ต่งหานโจวมองทางพวกหลิ่วหรูเยียนสองคนและทำความเคารพอย่างเต็มรูปแบบหากมิใช่ซ่งรั่วเจินเอ่ยทั้งหมดนี้ออกมา บิดาเลอะเลือนอย่างเขาต่อให้ตายไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับลูกอย่างไรจนกระทั่งสองสามีภรรยาสกุลต่งจากไป หลิ่วหรูเยียนถูกพวกสวีฮูหยินดึงไปจิบชาที่อีกฝั่งแล้ว“รั่วเจิน พวกเราเองก็ไปชิมผลไม้กันเถอะ?” สวีเยว่เอ๋อร์เอ่ยปากเสนอซ่งรั่วเจินพยักหน้า เรียกอวิ๋นเนี่ยนชูไปพร้อมกัน“วันนี้สกุลสวีจัดงานเลี้ยงได้ดีมาก ขนมเหล่านี้ล้วนมาจากร้านชื่อดัง”“เจ้าดูขนมดอกกุ้ยฮวา ก่อนนี้ให้บ่าวรับใช้ไปซ
“แม่นางซ่ง หลังเกิดเรื่องกับอี้อันข้าก็ไม่ได้พบเขาอีก ไม่รู้บัดนี้อาการของเขาเป็นเช่นไร?”“ก่อนนี้อี้อันเคยส่งคนมาหาข้า หยิบหนังสือไปสองสามเล่ม ต่อมาข้าก็เลือกหนังสืออีกบางส่วน มีส่วนช่วยในการสอบฤดูใบไม้ผลิ เพียงแต่คิดไม่ถึงต่อมาจะเกิดเรื่องกับอี้อัน...”สายตาสวีเฮ่ออันสะท้อนความเสียดาย เขาเคยเห็นเรียงความของซ่งอี้อันมาก่อน มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ต่อให้เป็นอาจารย์ที่ถ่อมตนเสมอมาก็ยังชื่นชมเขาอย่างอดไม่ได้เดิมทีคิดว่าการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ ซ่งอี้อันจะต้องสร้างความตกตะลึงแน่นอน คิดไม่ถึงจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นได้ดวงตาซ่งรั่วเจินทอประกาย “คุณชายสวี ไม่ทราบว่าข้าสามารถนำหนังสือเหล่านั้นกลับไปได้หรือไม่?”โรคตาของพี่รองใกล้ฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว แต่ใกล้กับช่วงสอบฤดูใบไม้ผลิมากนัก ระยะนี้พี่รองได้รับผลกระทบจากอารมณ์ แต่การเรียนจะตกลงไปไม่ได้บัดนี้นำหนังสือกลับไป ต่อให้ต้องให้มั่วอวี่อ่านให้พี่รองฟังทุกวันก็เป็นเรื่องดี“ไม่มีปัญหาแน่นอน” สวีเฮ่ออันรับคำ “ข้าจะสั่งคนไปหยิบเดี๋ยวนี้เลย”“ข้าขอบคุณคุณชายสวีแทนพี่รองข้าแล้ว”สวีเฮ่ออันโบกมือ “แม่นางซ่งช่วยข้าตามหาน้องสาว เป็นผู้มีพร
“พรุ่งนี้พวกเราเองก็จะไปด้วยหรือไม่? หากถูกสวีเฮ่ออันแย่งไปก่อน มิใช่ขาดทุนหนักหรอกหรือ?”“อะไรคือแย่งไปก่อน? ก็แค่ไปเที่ยวเล่นทะเลสาบเท่านั้น เกี่ยวอันใดกับข้า?”ฉู่จวินถิงหมุนกายจากไปอย่างไม่ใส่ใจ คล้ายไม่ยี่หระทว่าเขากลับเกิดความร้อนใจบางอย่างขึ้นภายในใจก็...มองสวีเฮ่ออันขัดตาณ จวนซ่งซ่งรั่วเจินกลับมาแล้วก็เร่งรุดไปที่เรือนของซ่งอี้อัน วางตำราที่นำกลับมาด้วยลงบนโต๊ะ“น้องหญิงห้า นี่เจ้าเอาอะไรมาหรือ?”วันนี้ซ่งอี้อันพบว่าตนเองสามารถมองเห็นเงาของซ่งรั่วเจินได้แล้ว แม้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน กลับเห็นเค้าโครงเลือนราง ทำให้เขารู้ว่ากำลังมองเห็นสิ่งใดการค้นพบนี้ทำให้เขาดีใจมากอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องให้คนประคอง มิหนำซ้ำยังไม่เดินชนเดินกระแทกของแล้ว“เมื่อครู่ข้าเพิ่งกลับจากจวนสกุลสวี นี่คือหนังสือที่คุณชายสวีให้ข้านำกลับมา พูดว่าสามารถช่วยท่านในการสอบฤดูใบไม้ผลิได้”“สหายสวีช่างมีน้ำใจโดยแท้”ซ่งอี้อันตกตะลึงดีใจอย่างอดไม่ได้ เมื่อแรกไม่ว่าการสอบฤดูใบไม้ผลิหรือสอบในราชสำนักสวีเฮ่ออันก็ได้คะแนนสูงมาก หนังสือที่เก็บไว้จึงล้ำค่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย“พี่รอง รอหลังวันนี้ฝังเข็มให
ณ พระราชวังขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักเลิกประชุม ฉู่อวิ๋นกุยมองรอยยิ้มเกลื่อนหน้า ฝีเท้าเบาฉับไวของสวีเฮ่ออัน หันมองเสด็จพี่สามของตนอย่างอดไม่ได้“เสด็จพี่ ท่านดูท่าทางภาคภูมิใจดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิมาเยือนของสวีเฮ่ออันนั้นเถิด คาดว่ากำลังจะรีบไปทะเลสาบตามนัดกระมัง? ท่านไม่ไปแน่หรือ?”“ไม่ไป” ฉู่จวินถิงเอ่ยตอบเสียงเรียบฉู่อวิ๋นกุยเห็นฉู่จวินถิงไม่ใส่ใจ ท่าทางไม่แยแสเลยสักนิด บ่นภายในใจอย่างอดไม่ได้ หรือเขาเดาผิดไปจริง เสด็จพี่สามมิได้มีใจให้แม่นางซ่ง?ครู่ต่อมา จู่ ๆ เขาก็มองเห็นฉู่จวินถิงเดินไปทางสวีเฮ่ออัน“ใต้เท้าสวี หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินตามหาเจ้า คล้ายกับว่าปัญหาค้าเกลือยังไม่ได้รับการแก้ไข”ได้ยินดังนั้น สายตาสวีเฮ่ออันเผยแววสงสัยวูบหนึ่ง ประสานมือเอ่ยตอบ “ขอบพระทัยท่านอ๋องมากพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”ฉู่อวิ๋นกุยเห็นสีหน้ามีความสุขของสวีเฮ่ออันจางไป แทนที่ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ครั้นหันกลับมามองท่าทางปลอดโปร่งโล่งสบายของพี่สามตนเองอีกครั้ง ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ดังคาด ยังเป็นพี่สามอำมหิต!เขากลัวน้ำไม่ชอบไปเที่ยวชมทะเลสาบ จึงทำให้สวีเฮ่ออันเองก็ไม่มีโอกาสได้ไปด้วยเสี
กิจการของร้านอวิ๋นหย่านับวันยิ่งคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆพวกซ่งรั่วเจินสามคนนั่งอยู่ไม่ไกลนัก ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน“ความสามารถของคุณชายฉินดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?” อวิ๋นเนี่ยนชูรู้สึกประหลาดใจอวิ๋นเฉิงเจ๋อขมวดคิ้ว “เรียงความนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของฉินเซี่ยงเหิง แต่กลับเหมือนลักษณะการเขียนของ...สหายอี้อัน”ซ่งรั่วเจินย่อมรู้ดีว่านี่คือผลงานของพี่ชายคนรองของตน เดิมทีคิดว่าฉินเซี่ยงเหิงต้องการสร้างชื่อเสียงในการสอบฤดูใบไม้ผลิ แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะอดทนไม่ไหวถึงเพียงนี้เห็นท่าทางยโสโอหังเช่นนั้น ก็เป็นบุคลิกของเขาอย่างแท้จริงนางหวังให้ฉินเซี่ยงเหิงทำตัวหยิ่งผยองมากกว่านี้อีกสักหน่อย ตอนนี้ยิ่งเขายโสโอหังมากเท่าไร วันที่ความจริงถูกเปิดเผยก็จะยิ่งตกต่ำลงมากเท่านั้น“พี่หญิง ท่านมาทำอะไรที่นี่ หรือว่าถูกความสามารถของคุณชายฉินดึงดูดใจเสียแล้ว?”ดวงหน้าเล็กของอวิ๋นซีหว่านฉายแววประหลาดใจ นางยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ขึ้น เมื่อสายตาของนางตกอยู่บนตัวอวิ๋นเฉิงเจ๋อ แววตาลึกซึ้งพลันปรากฏขึ้น“ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่า แม่ใหญ่มีความคิดที่จะให้ท่านแต่งกับคุณชายฉิน ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ แต่ตอนน