“พรุ่งนี้พวกเราเองก็จะไปด้วยหรือไม่? หากถูกสวีเฮ่ออันแย่งไปก่อน มิใช่ขาดทุนหนักหรอกหรือ?”“อะไรคือแย่งไปก่อน? ก็แค่ไปเที่ยวเล่นทะเลสาบเท่านั้น เกี่ยวอันใดกับข้า?”ฉู่จวินถิงหมุนกายจากไปอย่างไม่ใส่ใจ คล้ายไม่ยี่หระทว่าเขากลับเกิดความร้อนใจบางอย่างขึ้นภายในใจก็...มองสวีเฮ่ออันขัดตาณ จวนซ่งซ่งรั่วเจินกลับมาแล้วก็เร่งรุดไปที่เรือนของซ่งอี้อัน วางตำราที่นำกลับมาด้วยลงบนโต๊ะ“น้องหญิงห้า นี่เจ้าเอาอะไรมาหรือ?”วันนี้ซ่งอี้อันพบว่าตนเองสามารถมองเห็นเงาของซ่งรั่วเจินได้แล้ว แม้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน กลับเห็นเค้าโครงเลือนราง ทำให้เขารู้ว่ากำลังมองเห็นสิ่งใดการค้นพบนี้ทำให้เขาดีใจมากอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องให้คนประคอง มิหนำซ้ำยังไม่เดินชนเดินกระแทกของแล้ว“เมื่อครู่ข้าเพิ่งกลับจากจวนสกุลสวี นี่คือหนังสือที่คุณชายสวีให้ข้านำกลับมา พูดว่าสามารถช่วยท่านในการสอบฤดูใบไม้ผลิได้”“สหายสวีช่างมีน้ำใจโดยแท้”ซ่งอี้อันตกตะลึงดีใจอย่างอดไม่ได้ เมื่อแรกไม่ว่าการสอบฤดูใบไม้ผลิหรือสอบในราชสำนักสวีเฮ่ออันก็ได้คะแนนสูงมาก หนังสือที่เก็บไว้จึงล้ำค่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย“พี่รอง รอหลังวันนี้ฝังเข็มให
ณ พระราชวังขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักเลิกประชุม ฉู่อวิ๋นกุยมองรอยยิ้มเกลื่อนหน้า ฝีเท้าเบาฉับไวของสวีเฮ่ออัน หันมองเสด็จพี่สามของตนอย่างอดไม่ได้“เสด็จพี่ ท่านดูท่าทางภาคภูมิใจดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิมาเยือนของสวีเฮ่ออันนั้นเถิด คาดว่ากำลังจะรีบไปทะเลสาบตามนัดกระมัง? ท่านไม่ไปแน่หรือ?”“ไม่ไป” ฉู่จวินถิงเอ่ยตอบเสียงเรียบฉู่อวิ๋นกุยเห็นฉู่จวินถิงไม่ใส่ใจ ท่าทางไม่แยแสเลยสักนิด บ่นภายในใจอย่างอดไม่ได้ หรือเขาเดาผิดไปจริง เสด็จพี่สามมิได้มีใจให้แม่นางซ่ง?ครู่ต่อมา จู่ ๆ เขาก็มองเห็นฉู่จวินถิงเดินไปทางสวีเฮ่ออัน“ใต้เท้าสวี หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินตามหาเจ้า คล้ายกับว่าปัญหาค้าเกลือยังไม่ได้รับการแก้ไข”ได้ยินดังนั้น สายตาสวีเฮ่ออันเผยแววสงสัยวูบหนึ่ง ประสานมือเอ่ยตอบ “ขอบพระทัยท่านอ๋องมากพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”ฉู่อวิ๋นกุยเห็นสีหน้ามีความสุขของสวีเฮ่ออันจางไป แทนที่ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ครั้นหันกลับมามองท่าทางปลอดโปร่งโล่งสบายของพี่สามตนเองอีกครั้ง ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ดังคาด ยังเป็นพี่สามอำมหิต!เขากลัวน้ำไม่ชอบไปเที่ยวชมทะเลสาบ จึงทำให้สวีเฮ่ออันเองก็ไม่มีโอกาสได้ไปด้วยเสี
กิจการของร้านอวิ๋นหย่านับวันยิ่งคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆพวกซ่งรั่วเจินสามคนนั่งอยู่ไม่ไกลนัก ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน“ความสามารถของคุณชายฉินดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?” อวิ๋นเนี่ยนชูรู้สึกประหลาดใจอวิ๋นเฉิงเจ๋อขมวดคิ้ว “เรียงความนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของฉินเซี่ยงเหิง แต่กลับเหมือนลักษณะการเขียนของ...สหายอี้อัน”ซ่งรั่วเจินย่อมรู้ดีว่านี่คือผลงานของพี่ชายคนรองของตน เดิมทีคิดว่าฉินเซี่ยงเหิงต้องการสร้างชื่อเสียงในการสอบฤดูใบไม้ผลิ แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะอดทนไม่ไหวถึงเพียงนี้เห็นท่าทางยโสโอหังเช่นนั้น ก็เป็นบุคลิกของเขาอย่างแท้จริงนางหวังให้ฉินเซี่ยงเหิงทำตัวหยิ่งผยองมากกว่านี้อีกสักหน่อย ตอนนี้ยิ่งเขายโสโอหังมากเท่าไร วันที่ความจริงถูกเปิดเผยก็จะยิ่งตกต่ำลงมากเท่านั้น“พี่หญิง ท่านมาทำอะไรที่นี่ หรือว่าถูกความสามารถของคุณชายฉินดึงดูดใจเสียแล้ว?”ดวงหน้าเล็กของอวิ๋นซีหว่านฉายแววประหลาดใจ นางยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ขึ้น เมื่อสายตาของนางตกอยู่บนตัวอวิ๋นเฉิงเจ๋อ แววตาลึกซึ้งพลันปรากฏขึ้น“ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่า แม่ใหญ่มีความคิดที่จะให้ท่านแต่งกับคุณชายฉิน ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ แต่ตอนน
“ข้า...ข้าเพียงแค่บังเอิญมาที่ร้านอวิ๋นหย่าแล้วพบเข้าพอดีเท่านั้นเอง พี่หญิงต้องกล่าวคำให้แสลงใจถึงเพียงนี้ด้วยหรือ?”อวิ๋นซีหว่านเม้มริมฝีปาก พลางเบนสายตาไปหาอวิ๋นเฉิงเจ๋อ “พี่เฉิงเจ๋อ ท่านดูพี่หญิงสิ เหตุใดนางจึงคิดร้ายต่อข้าเช่นนี้?”อวิ๋นเฉิงเจ๋อวางถ้วยชาในมือลง สายตาเย็นชา “แล้วเจ้าพูดจาดีงั้นหรือ?”อวิ๋นซีหว่าน “...!”“ข้าเห็นว่าข้างกายพี่ฉินของเจ้านั้นเหมือนจะมีสตรีอื่นอยู่ด้วยนะ เจ้าจะไม่รีบไปดูหน่อยหรือ หากโดนผู้อื่นแย่งไปจะทำอย่างไร?”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อย ๆ สายตาจับจ้องไปยังจ้าวซูหว่านที่อยู่ไม่ไกล น่าสนุกจริง ๆ เลยเชียว!อวิ๋นซีหว่านหันมอง เมื่อเห็นจ้าวซูหว่านก็ขมวดคิ้วโดยพลัน สตรีนางนี้มาอีกแล้วหรือ?“ในเมื่อพี่หญิงไม่ชอบข้า เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”อวิ๋นซีหว่านทิ้งคำพูดเสียดสีก่อนจะรีบจากไป ดูแล้วราวกับได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรอย่างนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูหน้าตาบึ้งตึง ในใจหวนนึกถึงแววตาที่อวิ๋นซีหว่านมองญาติผู้พี่ของตน หรือว่านางจะมีใจให้ญาติผู้พี่เช่นกัน?นางคิดว่าควรกลับไปคุยกับมารดาเรื่องให้อวิ๋นซีหว่านแต่งกับฉินเซี่ยงเหิงเสียเลย ต่อไปจะได้ไม่ต้องเ
เขาได้กำชับไว้แล้วว่า ก่อนการสอบใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิ ห้ามไม่ให้นางมาพัวพันใด ๆ กับเขาเด็ดขาด หากชื่อเสียงของเขาถูกทำลาย ย่อมส่งผลกระทบต่อเส้นทางขุนนางของเขาเป็นแน่“คุณหนูจ้าว เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” ฉินเซี่ยงเหิงถามด้วยท่าทีแสร้งทำเป็นประหลาดใจสีหน้าของจ้าวซูหว่านเปลี่ยนไปทันที เขาถึงกับเรียกนางว่า ‘คุณหนูจ้าว’ งั้นหรือ?อวิ๋นซีหว่านเห็นท่าทีเย็นชาของฉินเซี่ยงเหิง นางจึงได้รู้สึกโล่งอก รอยยิ้มของนางจึงดูอ่อนหวานและเย้ายวนมากขึ้น“พี่ฉิน ข้าคิดว่าคุณหนูจ้าวเพียงบังเอิญผ่านมาเท่านั้น รีบอ่านบทกวีที่ท่านแต่งให้พวกข้าฟังเถิด ข้ารอคอยมานานมากแล้ว”“ใช่แล้ว ๆ สหายฉิน รีบอ่านให้พวกเราฟังเถิด” เฉียนเหว่ยกล่าวพลางยิ้มเมื่อได้ยินคำชมเหล่านั้น ฉินเซี่ยงเหิงก็ละความสนใจจากจ้าวซูหว่านไปในทันที เขายื่นบทกวีในมือตนให้ผู้อื่นดูอีกครั้งด้วยความลำพองใจ ซึ่งก็ได้รับคำชมเชยอย่างมากมายอีกคราจนกระทั่งเขาไปเข้าห้องน้ำ ก็ถูกจ้าวซูหว่านดึงไปคุยอีกด้านหนึ่ง“พี่เซี่ยงเหิง ไยท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้?”ฉินเซี่ยงเหิงหัวเราะเบา ๆ “ดูจิตใจคับแคบของเจ้าเถิด หึงข้าหรือ?”“ท่านกับอวิ๋นซีหว่านมีความสัมพันธ์เช่
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นเนี่ยนชูปลอดภัยดี อวิ๋นเฉิงเจ๋อจึงตระหนักได้ว่าตนเองทำเกินขอบเขตไป“ขออภัย”เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว พร้อมกลับไปปั้นหน้าเย็นชาและทำท่าทีห่างเหินเช่นเดิม“เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดินระวังหน่อย”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าแล้วมองไปที่ซ่งรั่วเจินด้วยความซาบซึ้งใจ “โชคดีที่รั่วเจินช่วยข้าไว้ ไม่เช่นนั้นข้าคงแย่แน่...”“พี่ชาย ข้าเจ็บเหลือเกิน ทั้งใบหน้าและมือของข้าก็เจ็บไปหมด...” อวิ๋นซีหว่านพูดทั้งน้ำตาอวิ๋นเฉิงเจ๋อเดินผ่านอวิ๋นเนี่ยนชูไปยังข้างกายอวิ๋นซีหว่าน เขามองไปยังสาวใช้ของอวิ๋นซีหว่านและพูดว่า “พยุงคุณหนูรองไปที่รถม้า”“เจ้าค่ะ คุณชาย”“เจ้ารีบเชิญหมอไปที่จวน อย่าได้ล่าช้า” อวิ๋นเฉิงเจ๋อหันไปสั่งบ่าวรับใช้ข้างกายผู้จัดการร้านอวิ๋นหย่ารีบวิ่งมาก่อนจะตวาดใส่เสี่ยวเอ้อร์ว่า “เจ้าตาไม่ดีหรือไร กล้าทำน้ำแกงร้อนหกใส่คุณหนูอวิ๋น จะหาเรื่องตายหรืออย่างไร!”เสี่ยวเอ้อร์ที่ถูกน้ำแกงร้อนลวกจนแดงไปทั้งตัว แก้ตัวอย่างน้อยใจว่า “ผู้จัดการ ไม่ใช่ว่าข้าน้อยพลาดเสียหน่อย นางต่างหากที่ชนข้า...”“เจ้ายังกล้าเถียงอีกหรือ!” ผู้จัดการร้านหน้าถมึงทึง ยกมือขึ้นตบไปหนึ่งฉาด แล้วหันไป
“นางใช้เล่ห์กลของตัวเอง มีหน้ามาถามเอาความจากข้าด้วยหรือ?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว “ยิ่งไปกว่านั้น...ข้าดูเหมือนคนที่จะกลัวนางหรือ?”เฉินเซียงอึ้งไปครู่หนึ่ง “คุณหนู ก่อนหน้านี้ท่านมิได้พูดว่าวิญญูชนมิควรทำให้ตนเองอยู่ในภัยอันตรายหรอกหรือเจ้าคะ?”“ใช่” ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “แต่ตัวข้านั้นหาใช่วิญญูชน ข้าเป็นสตรี”ฉู่จวินถิงที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนชั้นสองได้ยินคำพูดของหญิงสาวก็อดหัวเราะเบา ๆ ในลำคอไม่ได้สมกับเป็นนิสัยของนางโดยแท้“ช่างบังเอิญนัก มาดื่มชาก็ยังเจอเหตุการณ์เช่นนี้ได้?” ฉู่อวิ๋นกุยอุทานด้วยความประหลาดใจเขาจงใจชวนพี่สามออกมาเพื่อดูว่าแม่นางซ่งจะมาเที่ยวชมทะเลสาบหรือไม่ แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลยต่อมาได้ยินว่าฉินเซี่ยงเหิงเขียนเรียงความใหม่อันยอดเยี่ยมออกมา และกำลังอ่านอยู่ที่ร้านอวิ๋นหย่า พวกเขาจึงได้มาดื่มชาที่โรงน้ำชาข้าง ๆ กัน คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นเหตุการณ์นี้เข้า“ได้ยินว่าสกุลอวิ๋นตั้งใจจะหมั้นหมายกับสกุลฉิน คนที่กำหนดไว้คืออวิ๋นเนี่ยนชู แต่อวิ๋นซีหว่านกลับได้รับบาดเจ็บ นี่นางก่อเรื่องเองรับกรรมเองหรือ?”ฉู่อวิ๋นกุยส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ แม้ว่าตัวเขาจะเป็นบุรุษ แต
“เจ้าค่ะ เป็นข้าเอง” ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบา ๆ“ก่อนหน้านี้ข้าเกรงว่าท่านแม่จะกังวล จึงมิได้บอกอะไร คิดว่าจะรอจนรักษาหายแล้วค่อยแจ้งข่าวดีแก่ท่าน”นี่ไม่ใช่ความคิดของนางคนเดียว แต่ยังเป็นความคิดของพี่ชายทั้งสองด้วยเมื่อเริ่มการรักษา ไม่ว่าจะเป็นซ่งอี้อันหรือซ่งจืออวี้ ต่างก็ไม่เชื่อในความสามารถทางการแพทย์ของนาง พวกเขาตอบตกลงเพียงเพราะคิดเอาใจน้องสาวเท่านั้น“นี่...นี่เจ้าก็เรียนรู้ด้วยหลังจากที่หมดสติไปงั้นหรือ?” หลิ่วหรูเยียนอดถามไม่ได้“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินตอบอย่างไม่ลังเลอย่างไรเสียคำอธิบายนี้ก็ยังฟังดูง่ายกว่าการบอกว่าจิตวิญญาณของนางมาเข้าสู่ร่างนี้หลิ่วหรูเยียนเช็ดหยาดน้ำสีใสที่หางตา จับมือนางขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นบุตรีที่คุ้นเคย ก็รู้สึกโล่งใจ“เจินเอ๋อร์ โชคดีที่มีเจ้า มิฉะนั้นพี่รองของเจ้าคง...”ซ่งรั่วเจินกุมมือของผู้เป็นมารดา “ท่านแม่ ตระกูลซ่งของพวกเราจะไม่ล้มลงง่าย ๆ เด็ดขาดเจ้าค่ะ ตอนนี้พี่รองกลับมามองเห็นแล้ว รอเพียงผลการสอบฤดูใบไม้ผลิออกมาอย่างดีเยี่ยม แล้วใครจะกล้ามาดูแคลนเราอีกเล่าเจ้าคะ”ซ่งรั่วเจินเห็นความยากลำบากของหลิ่ว
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต
แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่
“พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด