ณ พระราชวังขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักเลิกประชุม ฉู่อวิ๋นกุยมองรอยยิ้มเกลื่อนหน้า ฝีเท้าเบาฉับไวของสวีเฮ่ออัน หันมองเสด็จพี่สามของตนอย่างอดไม่ได้“เสด็จพี่ ท่านดูท่าทางภาคภูมิใจดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิมาเยือนของสวีเฮ่ออันนั้นเถิด คาดว่ากำลังจะรีบไปทะเลสาบตามนัดกระมัง? ท่านไม่ไปแน่หรือ?”“ไม่ไป” ฉู่จวินถิงเอ่ยตอบเสียงเรียบฉู่อวิ๋นกุยเห็นฉู่จวินถิงไม่ใส่ใจ ท่าทางไม่แยแสเลยสักนิด บ่นภายในใจอย่างอดไม่ได้ หรือเขาเดาผิดไปจริง เสด็จพี่สามมิได้มีใจให้แม่นางซ่ง?ครู่ต่อมา จู่ ๆ เขาก็มองเห็นฉู่จวินถิงเดินไปทางสวีเฮ่ออัน“ใต้เท้าสวี หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินตามหาเจ้า คล้ายกับว่าปัญหาค้าเกลือยังไม่ได้รับการแก้ไข”ได้ยินดังนั้น สายตาสวีเฮ่ออันเผยแววสงสัยวูบหนึ่ง ประสานมือเอ่ยตอบ “ขอบพระทัยท่านอ๋องมากพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”ฉู่อวิ๋นกุยเห็นสีหน้ามีความสุขของสวีเฮ่ออันจางไป แทนที่ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ครั้นหันกลับมามองท่าทางปลอดโปร่งโล่งสบายของพี่สามตนเองอีกครั้ง ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ดังคาด ยังเป็นพี่สามอำมหิต!เขากลัวน้ำไม่ชอบไปเที่ยวชมทะเลสาบ จึงทำให้สวีเฮ่ออันเองก็ไม่มีโอกาสได้ไปด้วยเสี
กิจการของร้านอวิ๋นหย่านับวันยิ่งคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆพวกซ่งรั่วเจินสามคนนั่งอยู่ไม่ไกลนัก ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน“ความสามารถของคุณชายฉินดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?” อวิ๋นเนี่ยนชูรู้สึกประหลาดใจอวิ๋นเฉิงเจ๋อขมวดคิ้ว “เรียงความนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของฉินเซี่ยงเหิง แต่กลับเหมือนลักษณะการเขียนของ...สหายอี้อัน”ซ่งรั่วเจินย่อมรู้ดีว่านี่คือผลงานของพี่ชายคนรองของตน เดิมทีคิดว่าฉินเซี่ยงเหิงต้องการสร้างชื่อเสียงในการสอบฤดูใบไม้ผลิ แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะอดทนไม่ไหวถึงเพียงนี้เห็นท่าทางยโสโอหังเช่นนั้น ก็เป็นบุคลิกของเขาอย่างแท้จริงนางหวังให้ฉินเซี่ยงเหิงทำตัวหยิ่งผยองมากกว่านี้อีกสักหน่อย ตอนนี้ยิ่งเขายโสโอหังมากเท่าไร วันที่ความจริงถูกเปิดเผยก็จะยิ่งตกต่ำลงมากเท่านั้น“พี่หญิง ท่านมาทำอะไรที่นี่ หรือว่าถูกความสามารถของคุณชายฉินดึงดูดใจเสียแล้ว?”ดวงหน้าเล็กของอวิ๋นซีหว่านฉายแววประหลาดใจ นางยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ขึ้น เมื่อสายตาของนางตกอยู่บนตัวอวิ๋นเฉิงเจ๋อ แววตาลึกซึ้งพลันปรากฏขึ้น“ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่า แม่ใหญ่มีความคิดที่จะให้ท่านแต่งกับคุณชายฉิน ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ แต่ตอนน
“ข้า...ข้าเพียงแค่บังเอิญมาที่ร้านอวิ๋นหย่าแล้วพบเข้าพอดีเท่านั้นเอง พี่หญิงต้องกล่าวคำให้แสลงใจถึงเพียงนี้ด้วยหรือ?”อวิ๋นซีหว่านเม้มริมฝีปาก พลางเบนสายตาไปหาอวิ๋นเฉิงเจ๋อ “พี่เฉิงเจ๋อ ท่านดูพี่หญิงสิ เหตุใดนางจึงคิดร้ายต่อข้าเช่นนี้?”อวิ๋นเฉิงเจ๋อวางถ้วยชาในมือลง สายตาเย็นชา “แล้วเจ้าพูดจาดีงั้นหรือ?”อวิ๋นซีหว่าน “...!”“ข้าเห็นว่าข้างกายพี่ฉินของเจ้านั้นเหมือนจะมีสตรีอื่นอยู่ด้วยนะ เจ้าจะไม่รีบไปดูหน่อยหรือ หากโดนผู้อื่นแย่งไปจะทำอย่างไร?”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อย ๆ สายตาจับจ้องไปยังจ้าวซูหว่านที่อยู่ไม่ไกล น่าสนุกจริง ๆ เลยเชียว!อวิ๋นซีหว่านหันมอง เมื่อเห็นจ้าวซูหว่านก็ขมวดคิ้วโดยพลัน สตรีนางนี้มาอีกแล้วหรือ?“ในเมื่อพี่หญิงไม่ชอบข้า เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”อวิ๋นซีหว่านทิ้งคำพูดเสียดสีก่อนจะรีบจากไป ดูแล้วราวกับได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรอย่างนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูหน้าตาบึ้งตึง ในใจหวนนึกถึงแววตาที่อวิ๋นซีหว่านมองญาติผู้พี่ของตน หรือว่านางจะมีใจให้ญาติผู้พี่เช่นกัน?นางคิดว่าควรกลับไปคุยกับมารดาเรื่องให้อวิ๋นซีหว่านแต่งกับฉินเซี่ยงเหิงเสียเลย ต่อไปจะได้ไม่ต้องเ
เขาได้กำชับไว้แล้วว่า ก่อนการสอบใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิ ห้ามไม่ให้นางมาพัวพันใด ๆ กับเขาเด็ดขาด หากชื่อเสียงของเขาถูกทำลาย ย่อมส่งผลกระทบต่อเส้นทางขุนนางของเขาเป็นแน่“คุณหนูจ้าว เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” ฉินเซี่ยงเหิงถามด้วยท่าทีแสร้งทำเป็นประหลาดใจสีหน้าของจ้าวซูหว่านเปลี่ยนไปทันที เขาถึงกับเรียกนางว่า ‘คุณหนูจ้าว’ งั้นหรือ?อวิ๋นซีหว่านเห็นท่าทีเย็นชาของฉินเซี่ยงเหิง นางจึงได้รู้สึกโล่งอก รอยยิ้มของนางจึงดูอ่อนหวานและเย้ายวนมากขึ้น“พี่ฉิน ข้าคิดว่าคุณหนูจ้าวเพียงบังเอิญผ่านมาเท่านั้น รีบอ่านบทกวีที่ท่านแต่งให้พวกข้าฟังเถิด ข้ารอคอยมานานมากแล้ว”“ใช่แล้ว ๆ สหายฉิน รีบอ่านให้พวกเราฟังเถิด” เฉียนเหว่ยกล่าวพลางยิ้มเมื่อได้ยินคำชมเหล่านั้น ฉินเซี่ยงเหิงก็ละความสนใจจากจ้าวซูหว่านไปในทันที เขายื่นบทกวีในมือตนให้ผู้อื่นดูอีกครั้งด้วยความลำพองใจ ซึ่งก็ได้รับคำชมเชยอย่างมากมายอีกคราจนกระทั่งเขาไปเข้าห้องน้ำ ก็ถูกจ้าวซูหว่านดึงไปคุยอีกด้านหนึ่ง“พี่เซี่ยงเหิง ไยท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้?”ฉินเซี่ยงเหิงหัวเราะเบา ๆ “ดูจิตใจคับแคบของเจ้าเถิด หึงข้าหรือ?”“ท่านกับอวิ๋นซีหว่านมีความสัมพันธ์เช่
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นเนี่ยนชูปลอดภัยดี อวิ๋นเฉิงเจ๋อจึงตระหนักได้ว่าตนเองทำเกินขอบเขตไป“ขออภัย”เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว พร้อมกลับไปปั้นหน้าเย็นชาและทำท่าทีห่างเหินเช่นเดิม“เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดินระวังหน่อย”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าแล้วมองไปที่ซ่งรั่วเจินด้วยความซาบซึ้งใจ “โชคดีที่รั่วเจินช่วยข้าไว้ ไม่เช่นนั้นข้าคงแย่แน่...”“พี่ชาย ข้าเจ็บเหลือเกิน ทั้งใบหน้าและมือของข้าก็เจ็บไปหมด...” อวิ๋นซีหว่านพูดทั้งน้ำตาอวิ๋นเฉิงเจ๋อเดินผ่านอวิ๋นเนี่ยนชูไปยังข้างกายอวิ๋นซีหว่าน เขามองไปยังสาวใช้ของอวิ๋นซีหว่านและพูดว่า “พยุงคุณหนูรองไปที่รถม้า”“เจ้าค่ะ คุณชาย”“เจ้ารีบเชิญหมอไปที่จวน อย่าได้ล่าช้า” อวิ๋นเฉิงเจ๋อหันไปสั่งบ่าวรับใช้ข้างกายผู้จัดการร้านอวิ๋นหย่ารีบวิ่งมาก่อนจะตวาดใส่เสี่ยวเอ้อร์ว่า “เจ้าตาไม่ดีหรือไร กล้าทำน้ำแกงร้อนหกใส่คุณหนูอวิ๋น จะหาเรื่องตายหรืออย่างไร!”เสี่ยวเอ้อร์ที่ถูกน้ำแกงร้อนลวกจนแดงไปทั้งตัว แก้ตัวอย่างน้อยใจว่า “ผู้จัดการ ไม่ใช่ว่าข้าน้อยพลาดเสียหน่อย นางต่างหากที่ชนข้า...”“เจ้ายังกล้าเถียงอีกหรือ!” ผู้จัดการร้านหน้าถมึงทึง ยกมือขึ้นตบไปหนึ่งฉาด แล้วหันไป
“นางใช้เล่ห์กลของตัวเอง มีหน้ามาถามเอาความจากข้าด้วยหรือ?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว “ยิ่งไปกว่านั้น...ข้าดูเหมือนคนที่จะกลัวนางหรือ?”เฉินเซียงอึ้งไปครู่หนึ่ง “คุณหนู ก่อนหน้านี้ท่านมิได้พูดว่าวิญญูชนมิควรทำให้ตนเองอยู่ในภัยอันตรายหรอกหรือเจ้าคะ?”“ใช่” ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “แต่ตัวข้านั้นหาใช่วิญญูชน ข้าเป็นสตรี”ฉู่จวินถิงที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนชั้นสองได้ยินคำพูดของหญิงสาวก็อดหัวเราะเบา ๆ ในลำคอไม่ได้สมกับเป็นนิสัยของนางโดยแท้“ช่างบังเอิญนัก มาดื่มชาก็ยังเจอเหตุการณ์เช่นนี้ได้?” ฉู่อวิ๋นกุยอุทานด้วยความประหลาดใจเขาจงใจชวนพี่สามออกมาเพื่อดูว่าแม่นางซ่งจะมาเที่ยวชมทะเลสาบหรือไม่ แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลยต่อมาได้ยินว่าฉินเซี่ยงเหิงเขียนเรียงความใหม่อันยอดเยี่ยมออกมา และกำลังอ่านอยู่ที่ร้านอวิ๋นหย่า พวกเขาจึงได้มาดื่มชาที่โรงน้ำชาข้าง ๆ กัน คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นเหตุการณ์นี้เข้า“ได้ยินว่าสกุลอวิ๋นตั้งใจจะหมั้นหมายกับสกุลฉิน คนที่กำหนดไว้คืออวิ๋นเนี่ยนชู แต่อวิ๋นซีหว่านกลับได้รับบาดเจ็บ นี่นางก่อเรื่องเองรับกรรมเองหรือ?”ฉู่อวิ๋นกุยส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ แม้ว่าตัวเขาจะเป็นบุรุษ แต
“เจ้าค่ะ เป็นข้าเอง” ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบา ๆ“ก่อนหน้านี้ข้าเกรงว่าท่านแม่จะกังวล จึงมิได้บอกอะไร คิดว่าจะรอจนรักษาหายแล้วค่อยแจ้งข่าวดีแก่ท่าน”นี่ไม่ใช่ความคิดของนางคนเดียว แต่ยังเป็นความคิดของพี่ชายทั้งสองด้วยเมื่อเริ่มการรักษา ไม่ว่าจะเป็นซ่งอี้อันหรือซ่งจืออวี้ ต่างก็ไม่เชื่อในความสามารถทางการแพทย์ของนาง พวกเขาตอบตกลงเพียงเพราะคิดเอาใจน้องสาวเท่านั้น“นี่...นี่เจ้าก็เรียนรู้ด้วยหลังจากที่หมดสติไปงั้นหรือ?” หลิ่วหรูเยียนอดถามไม่ได้“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินตอบอย่างไม่ลังเลอย่างไรเสียคำอธิบายนี้ก็ยังฟังดูง่ายกว่าการบอกว่าจิตวิญญาณของนางมาเข้าสู่ร่างนี้หลิ่วหรูเยียนเช็ดหยาดน้ำสีใสที่หางตา จับมือนางขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นบุตรีที่คุ้นเคย ก็รู้สึกโล่งใจ“เจินเอ๋อร์ โชคดีที่มีเจ้า มิฉะนั้นพี่รองของเจ้าคง...”ซ่งรั่วเจินกุมมือของผู้เป็นมารดา “ท่านแม่ ตระกูลซ่งของพวกเราจะไม่ล้มลงง่าย ๆ เด็ดขาดเจ้าค่ะ ตอนนี้พี่รองกลับมามองเห็นแล้ว รอเพียงผลการสอบฤดูใบไม้ผลิออกมาอย่างดีเยี่ยม แล้วใครจะกล้ามาดูแคลนเราอีกเล่าเจ้าคะ”ซ่งรั่วเจินเห็นความยากลำบากของหลิ่ว
ที่หน้าประตูห้อง บ่าวชายและหญิงใช้ต่างพากันตะโกนเรียกด้วยความร้อนใจ แต่ประตูด้านในถูกลงกลอนอย่างแน่นหนาไม่ว่าจะผลักอย่างไร ประตูก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย และด้านในก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใด ๆ“คุณชาย ท่านอย่าทำให้พวกบ่าวตกใจกันเลย รีบเปิดประตูเถิดเจ้าค่ะ!”ซ่งรั่วเจินรู้สึกได้ทันทีว่าภายในห้องมีกลิ่นอายแห่งความตายแผ่ซ่านไปทั่ว คิ้วเรียวของนางขมวดเข้าหากัน ทั้งที่เมื่อวานยังไม่เป็นเช่นนี้ เพียงแค่ข้ามคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?“ปัง!”ประตูใหญ่ถูกถีบเปิดออกอย่างกะทันหัน!ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นคุณหนูห้าผู้ที่เคยอ่อนแอ บัดนี้กลับยกเท้าขึ้นถีบประตูที่ลงกลอนอย่างแน่นหนาจนเปิดออก ตัวกลอนหลุดออกจากบานประตูร่วงลงมากองที่พื้น แยกออกเป็นสองท่อน…คุณหนูห้าแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?แต่บัดนี้ ไม่มีใครใส่ใจเรื่องอื่นใดอีกแล้ว ทุกคนต่างพากันรีบวิ่งเข้าไปในห้อง พบว่าซ่งเยี่ยนโจวนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย“คุณชาย ท่านอย่าทำให้กวนเหยียนตกใจเช่นนี้นะขอรับ” คนรับใช้คนสนิทอย่างกวนเหยียนคุกเข่าลงข้างเตียง มือสั่นเทาเอื้อมไปตรวจดูการหายใจ เมื่อพบว่ายังมีลมหายใจ เขาก็ปล
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ