“พวกเจ้าปล่อยข้า! เป็นนางตบข้า พวกเจ้าจับข้าไว้ทำอันใด?”สายตาซ่งรั่วเจินเยียบเย็น “ตบสองฉาดนี้เป็นการสั่งสอนเจ้า ข้าถอนหมั้นไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“หากจวนหลินไม่พอใจ ย่อมต้องมาพูดกับข้าเอง ตรงข้ามกันเจ้าใช้ฐานะอะไรมาพูดถ้อยคำเหล่านี้?”“คนรู้ก็คิดว่าเจ้าเป็นสหายสนิทของฉินซวงซวง คนไม่รู้ยังคิดว่าเจ้าหลงรักหลินจือเยว่จึงทวงความยุติธรรมแทนเขา”“ส่วนสกุลต่ง หากข้าพูดเท็จ สกุลต่งย่อมมาคิดบัญชีกับข้าเอง ยังไม่ต้องให้เจ้ามาถาม!”คนรอบกายเห็นซ่งรั่วเจินกล้าลงมือตบคน ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ทั้งยังนึกถึงคำพูดของเหอเซียงหนิง เหตุที่หลินจือเยว่เสียตำแหน่งไปก็เพราะสกุลซ่งสตรีเช่นนี้ หากให้นางแต่งเข้าจวน เกิดความขัดแย้งขึ้นมา น่ากลัวว่าต้องไม่สงบสุขจริง“รั่วเจิน เจ้าไม่ควรลงมือ ภายภาคหน้าเรื่องเช่นนี้ให้แม่ทำเอง”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเสียใจภายหลังอย่างอดไม่ได้ เมื่อครู่นางตอบสนองเชื่องช้าไปบ้าง แต่ตอนนี้ลูกสาวตบก็ตบไปแล้ว พลาดโอกาสอันดีไป นางเองก็ไม่สามารถไปตบคนได้อีกเดิมทีซ่งรั่วเจินคิดว่าหลิ่วหรูเยียนตำหนิตนเองลงมือ คิดไม่ถึงได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็เกือบหัวเราะออกมาส่วนสายตาคนรอบกายเหล่านี
สวี่อิ๋งเฉียวขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าสะท้อนความเจ็บปวดทุกข์ระทม“ข้าคิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงเหมยจะโหดเหี้ยมเพียงนี้ สามารถลงมือกับหลานชายของตนได้!”“หากมิใช่เพราะแม่นางซ่งบอกความจริงทั้งหมดแก่ข้า น่ากลัวว่าเป๋ยอวี่ของข้าต้องตายตาไม่หลับอยู่ในบ่อน้ำไปทั้งชาติแน่นอน!”บรรยากาศเงียบลงในทันใดแม้แต่เสียงเข็มตกยังได้ยินทุกคนล้วนเบิกตากว้าง พวกเขาได้ยินอะไรแล้ว?ต่งเป๋ยอวี่มิได้หายไป แต่ถูกสวี่ชิงเหมยฆ่าตายแล้วโยนลงในบ่อน้ำ?“ต่งฮูหยิน ท่านรีบลุกขึ้นเถิด” ซ่งรั่วเจินรีบเข้าไปประคองคนขึ้นมาสวี่อิ๋งเฉียวปาดน้ำตาที่หางตา แม้เจ็บปวดมาก แต่ภายในสายตาเปี่ยมความซาบซึ้งใจ“ข้าคิดมาโดยตลอดว่าเป๋ยอวี่ไม่รู้ความจึงถูกคนหลอกพาไป ยามสวี่ชิงเหมยเสแสร้งต่อหน้าข้า ข้ายังปลอบนาง คิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของข้า”“หากมิใช่เพราะข้าสั่งสอนเป๋ยอวี่เข้มงวดจนเกินไป เขาก็ไม่มีวันโมโหจากไป หากมิใช่เจ้าเตือนสติข้า ข้ายังไม่รู้ว่าจะต้องเลอะเลือนไปถึงยามใด”ต่งหานโจวเองก็เอ่ยปากขอบคุณ “แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้ามากที่ทวงความยุติธรรมให้เป๋ยอวี่ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา!”“ภายภาคหน้ามีที่ใดให้สกุลต่งช่วยเหลือขอให้เอ่ยปาก
เหอเซียงหนิงโง่งมแล้วนับตั้งแต่สวี่อิ๋งเฉียวคุกเข่า สมองนางก็ขาวโพลนในทันทีทันใดคำพูดของซ่งรั่วเจินเป็นความจริงได้อย่างไร? เดิมทีนางก็ไม่สามารถรู้เรื่องพรรค์นี้ได้นี่!“เหอเซียงหนิง เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ?”ซ่งรั่วเจินหันมองทางหญิงสาวที่กำลังก้มหน้า ต้องการหนีออกไป เมื่อครู่สาดน้ำเสียใส่นาง ตอนนี้คิดหนีไปเงียบ ๆ มีเรื่องดีเพียงนี้ที่ใดกัน?“ข้า...ข้าไม่มีอะไรจะพูด...”เหอเซียงหนิงตกใจมาก ครู่ต่อมาคิดหนีไป คิดไม่ถึงจะชนเข้ากับฉู่อวิ๋นกุย“บังอาจ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ถึงขั้นขวัญกล้าชนอวิ๋นอ๋อง!”“หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วยเพคะ!” เหอเซียงหนิงตกใจจนหมดความกล้า รีบคุกเข่าลงฉู่อวิ๋นกุยปรายตามองเหอเซียงหนิงแวบหนึ่ง สายตาหันมองผู้กระทำผิดอย่างเสด็จพี่สามของตน ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่คนเกือบถูกชนก็คือเสด็จพี่สาม!ใครคาดคิดเสด็จพี่สามคล่องแคล่วว่องไว ขยับถอยหลังหนึ่งก้าว หญิงคนนี้จึงชนเขา!เวรกรรม!ฉู่จวินถิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “น้องห้า อิงตามกฎราชสำนัก สร้างข่าวลือเท็จต้องจัดการเยี่ยงไร?”“อิงตามกฎ ผู้กระทำผิดต้องถูกตัดลิ้น”เหอเซียงหนิงเบิกตาโต สายตาเปี่ยมความตกตะลึ
ภายในห้องสวีรั่วหลานกับหลิ่วหรูเยียนสบมองสวี่อิ๋งเฉียวก็ตาแดงไปด้วยอย่างสุดระงับ ในฐานะมารดาเฉกเดียวกัน เรื่องพรรค์นี้ไม่ต่างจากถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสก ๆใครคาดคิดเล่าว่าสะใภ้ใต้ชายคาเดียวกันจะน่ากลัวเพียงนี้?“ปกติสวี่ชิงเหมยมองดูแล้วอ่อนโยนบอบบาง คิดไม่ถึงจะโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ สามารถลงมือกับเด็กได้ลง” หัวคิ้วสวีรั่วหลานขมวดมุ่น ข่าวนี้ช่างน่าตกตะลึงโดยแท้“แม้ปกติข้าไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนาง ก็เห็นว่าอุปนิสัยต่างกันเท่านั้น เห็นนางเป็นญาติ แต่นาง...”สวี่อิ๋งเฉียวปาดน้ำตา ข่มอารมณ์ตนเองให้สงบลง พูดอย่างรู้สึกผิด “วันนี้เดิมทีเป็นงานนับญาติวันมงคล กลับถูกข้ารบกวนแล้ว ขออภัยจริงๆ...”“อย่าได้กล่าวเช่นนี้เลย พวกเราล้วนเป็นแม่คนเหมือนกัน ไฉนเลยจะไม่เข้าใจความรู้สึกของท่าน?”สวีรั่วหลานรีบโบกมือ เอ่ยถามอย่างห่วงใย “เรื่องนี้นายท่านต่งจะตัดสินอย่างไร?”“หลังนายท่านรู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ปกป้องสวี่ชิงเหมย ยอมให้พวกเราพาคนไปส่งศาลาว่าการ พูดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมอบคำชี้แจงให้เป๋ยอวี่ให้ได้”สวี่อิ๋งเฉียวพูดถึงเรื่องนี้ก็ซาบซึ้งใจ ก่อนนี้กลับมาถึงนางยังลังเล แต่มากที่สุดก็ตัดสิ
สวี่อิ๋งเฉียวอึ้งงัน คิดเพียงว่าถ้อยคำนี้ของซ่งรั่วเจินคล้ายยังมีความนัยอื่น ก็ไม่รู้ว่าเป็นไปตามที่นางคาดเดาหรือไม่ขณะนางเตรียมเอ่ยถาม ต่งหานโจวกับราชครูสวีก็เดินเข้ามาพร้อมกัน“ฮูหยิน พวกเรากลับก่อนเถิด ที่บ้านยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมาก”สวี่อิ๋งเฉียวดึงสายตากลับ นึกได้ว่าแม้สวี่ชิงเหมยถูกส่งไปที่ศาลาว่าการแล้ว แต่ภายในเรือนยังมีเรื่องอีกมากให้จัดการ ท่านพ่อท่านแม่ถูกทำร้ายไปไม่น้อยกว่าพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาเล็ก“ซ่งฮูหยิน แม่นางซ่ง บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่อาจกล่าวเพียงคำขอบคุณได้หมด”ต่งหานโจวมองทางพวกหลิ่วหรูเยียนสองคนและทำความเคารพอย่างเต็มรูปแบบหากมิใช่ซ่งรั่วเจินเอ่ยทั้งหมดนี้ออกมา บิดาเลอะเลือนอย่างเขาต่อให้ตายไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับลูกอย่างไรจนกระทั่งสองสามีภรรยาสกุลต่งจากไป หลิ่วหรูเยียนถูกพวกสวีฮูหยินดึงไปจิบชาที่อีกฝั่งแล้ว“รั่วเจิน พวกเราเองก็ไปชิมผลไม้กันเถอะ?” สวีเยว่เอ๋อร์เอ่ยปากเสนอซ่งรั่วเจินพยักหน้า เรียกอวิ๋นเนี่ยนชูไปพร้อมกัน“วันนี้สกุลสวีจัดงานเลี้ยงได้ดีมาก ขนมเหล่านี้ล้วนมาจากร้านชื่อดัง”“เจ้าดูขนมดอกกุ้ยฮวา ก่อนนี้ให้บ่าวรับใช้ไปซ
“แม่นางซ่ง หลังเกิดเรื่องกับอี้อันข้าก็ไม่ได้พบเขาอีก ไม่รู้บัดนี้อาการของเขาเป็นเช่นไร?”“ก่อนนี้อี้อันเคยส่งคนมาหาข้า หยิบหนังสือไปสองสามเล่ม ต่อมาข้าก็เลือกหนังสืออีกบางส่วน มีส่วนช่วยในการสอบฤดูใบไม้ผลิ เพียงแต่คิดไม่ถึงต่อมาจะเกิดเรื่องกับอี้อัน...”สายตาสวีเฮ่ออันสะท้อนความเสียดาย เขาเคยเห็นเรียงความของซ่งอี้อันมาก่อน มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ต่อให้เป็นอาจารย์ที่ถ่อมตนเสมอมาก็ยังชื่นชมเขาอย่างอดไม่ได้เดิมทีคิดว่าการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ ซ่งอี้อันจะต้องสร้างความตกตะลึงแน่นอน คิดไม่ถึงจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นได้ดวงตาซ่งรั่วเจินทอประกาย “คุณชายสวี ไม่ทราบว่าข้าสามารถนำหนังสือเหล่านั้นกลับไปได้หรือไม่?”โรคตาของพี่รองใกล้ฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว แต่ใกล้กับช่วงสอบฤดูใบไม้ผลิมากนัก ระยะนี้พี่รองได้รับผลกระทบจากอารมณ์ แต่การเรียนจะตกลงไปไม่ได้บัดนี้นำหนังสือกลับไป ต่อให้ต้องให้มั่วอวี่อ่านให้พี่รองฟังทุกวันก็เป็นเรื่องดี“ไม่มีปัญหาแน่นอน” สวีเฮ่ออันรับคำ “ข้าจะสั่งคนไปหยิบเดี๋ยวนี้เลย”“ข้าขอบคุณคุณชายสวีแทนพี่รองข้าแล้ว”สวีเฮ่ออันโบกมือ “แม่นางซ่งช่วยข้าตามหาน้องสาว เป็นผู้มีพร
“พรุ่งนี้พวกเราเองก็จะไปด้วยหรือไม่? หากถูกสวีเฮ่ออันแย่งไปก่อน มิใช่ขาดทุนหนักหรอกหรือ?”“อะไรคือแย่งไปก่อน? ก็แค่ไปเที่ยวเล่นทะเลสาบเท่านั้น เกี่ยวอันใดกับข้า?”ฉู่จวินถิงหมุนกายจากไปอย่างไม่ใส่ใจ คล้ายไม่ยี่หระทว่าเขากลับเกิดความร้อนใจบางอย่างขึ้นภายในใจก็...มองสวีเฮ่ออันขัดตาณ จวนซ่งซ่งรั่วเจินกลับมาแล้วก็เร่งรุดไปที่เรือนของซ่งอี้อัน วางตำราที่นำกลับมาด้วยลงบนโต๊ะ“น้องหญิงห้า นี่เจ้าเอาอะไรมาหรือ?”วันนี้ซ่งอี้อันพบว่าตนเองสามารถมองเห็นเงาของซ่งรั่วเจินได้แล้ว แม้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน กลับเห็นเค้าโครงเลือนราง ทำให้เขารู้ว่ากำลังมองเห็นสิ่งใดการค้นพบนี้ทำให้เขาดีใจมากอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องให้คนประคอง มิหนำซ้ำยังไม่เดินชนเดินกระแทกของแล้ว“เมื่อครู่ข้าเพิ่งกลับจากจวนสกุลสวี นี่คือหนังสือที่คุณชายสวีให้ข้านำกลับมา พูดว่าสามารถช่วยท่านในการสอบฤดูใบไม้ผลิได้”“สหายสวีช่างมีน้ำใจโดยแท้”ซ่งอี้อันตกตะลึงดีใจอย่างอดไม่ได้ เมื่อแรกไม่ว่าการสอบฤดูใบไม้ผลิหรือสอบในราชสำนักสวีเฮ่ออันก็ได้คะแนนสูงมาก หนังสือที่เก็บไว้จึงล้ำค่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย“พี่รอง รอหลังวันนี้ฝังเข็มให
ณ พระราชวังขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักเลิกประชุม ฉู่อวิ๋นกุยมองรอยยิ้มเกลื่อนหน้า ฝีเท้าเบาฉับไวของสวีเฮ่ออัน หันมองเสด็จพี่สามของตนอย่างอดไม่ได้“เสด็จพี่ ท่านดูท่าทางภาคภูมิใจดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิมาเยือนของสวีเฮ่ออันนั้นเถิด คาดว่ากำลังจะรีบไปทะเลสาบตามนัดกระมัง? ท่านไม่ไปแน่หรือ?”“ไม่ไป” ฉู่จวินถิงเอ่ยตอบเสียงเรียบฉู่อวิ๋นกุยเห็นฉู่จวินถิงไม่ใส่ใจ ท่าทางไม่แยแสเลยสักนิด บ่นภายในใจอย่างอดไม่ได้ หรือเขาเดาผิดไปจริง เสด็จพี่สามมิได้มีใจให้แม่นางซ่ง?ครู่ต่อมา จู่ ๆ เขาก็มองเห็นฉู่จวินถิงเดินไปทางสวีเฮ่ออัน“ใต้เท้าสวี หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินตามหาเจ้า คล้ายกับว่าปัญหาค้าเกลือยังไม่ได้รับการแก้ไข”ได้ยินดังนั้น สายตาสวีเฮ่ออันเผยแววสงสัยวูบหนึ่ง ประสานมือเอ่ยตอบ “ขอบพระทัยท่านอ๋องมากพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”ฉู่อวิ๋นกุยเห็นสีหน้ามีความสุขของสวีเฮ่ออันจางไป แทนที่ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ครั้นหันกลับมามองท่าทางปลอดโปร่งโล่งสบายของพี่สามตนเองอีกครั้ง ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ดังคาด ยังเป็นพี่สามอำมหิต!เขากลัวน้ำไม่ชอบไปเที่ยวชมทะเลสาบ จึงทำให้สวีเฮ่ออันเองก็ไม่มีโอกาสได้ไปด้วยเสี
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ